Fuyuzora no Perseus (Chapter 2)

posted on 7/26/2560 07:43:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ที่ http://vermillionend.exteen.com

คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจาก Official Web Site (minori)

冬空のペルセウス
Fuyuzora no Perseus
The craven under the winter sky
เพอร์ซีอุสแห่งฟากฟ้ายามฤดูหนาว
เรื่องราวของ โทโนะ ชินระ 02





Fuyuzora no Perseus บทที่ 2


โกโก้
โกโก้ (心愛)
ใช่ นั่นเป็นชื่อของเธอ

“……ลืมมาตลอดจนถึงเมื่อครู่
ในระหว่างคาบเรียนที่ห้า ผมพูดว่า จะไปดื่มน้ำแล้วก็ลุกจากที่นั่ง ไปดื่มชามุงิอยู่ที่ห้องพักครู
ไม่ได้หมายความว่าผมโดดเรียนนะแต่ว่า------
ไม่... ไม่ได้โดด
ผมเขย่าแก้วที่ว่างเปล่าไปแล้วไปพลาง เอนหลังพิงอ่างล้างจานไปพลาง
ไม่ได้รู้สึกอยากจะกลับไปที่ห้องเรียนในทันทีด้วยเหมือนกัน
ในคาบเรียนเกือบทั้งหมดของโรงเรียนซึ่งเป็นการแจกชีทให้เรียนด้วยตัวเองนั้นสามารถลุกจากที่นั่งระหว่างเรียนได้อย่างอิสระ และถึงจะคุยในห้องก็ไม่มีใครมาโกรธ ถึงจะเป็นระบบที่มีอิสระ แต่ว่าพอลองหาข้อดีดูก็พบว่าเป็นระบบที่ทำให้มีสมาธิกับการเรียนได้อย่างไม่คาดคิด นอกจากจะไม่มีคนมาควบคุมดูแลแล้ว ก็ยังเสียประโยชน์ไปแค่ส่วนที่โดดไปเท่านั้น สำหรับผมแล้วระบบที่ดูบ้านนอกอย่างรุนแรงนี่ก็เหมาะกันดี
นี่เป็นข้อยกเว้นสำหรับหมู่บ้านที่กำลังหมดประชากรไป
ในตอนแรก เพราะห้องนี้เป็นแค่ห้องพักครูแต่ในนามเช่นกัน ก็เลยกลายเป็นห้องพักผ่อนของนักเรียนไปแล้ว
ห้องพักครูที่มีขนาดราวๆ ครึ่งหนึ่งของห้องเรียนนั้น มีแค่โต๊ะสำหรับให้อาจารย์ที่นานๆ ครั้งจะมาทีอยู่หนึ่งตัว กระดานดำเล็กๆ ไว้เขียนข้อความติดต่อกับนักเรียน ชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือรุ่นและอัลบั้ม แล้วก็อ่างล้างจานกับตู้เย็น
มีอะไรงั้นเหรอ ชินคุง?”
พอหันหน้าไปหาเสียงเรียกที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาก็พบว่า มินาคาวะ ซุย กำลังมองเข้ามาในห้องจากประตูที่เปิดทิ้งไว้
ซุยก็มาดื่มน้ำเหมือนกันเหรอ
จะใช่อย่างงั้นรึเปล่านะ
ในขณะที่เอนหัวคิดไปด้านข้างคิดอะไรบางอย่าง เธอก็เข้ามาในห้อง
ซุย ญาติห่างๆ ของญาติที่คอยช่วยเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้านนั้น ถ้าไม่นับน้องสาวแล้ว ในโรงเรียนถือว่าเป็นคนที่คุยกับผมได้อย่างเป็นกันเองมากที่สุด
ชินคุง ส่งแก้วมาหน่อยสิ
อันนี้เหรอ
ผมชูแก้วที่ตัวเองถืออยู่ขึ้นมา
เพราะว่าเป็นแก้วสาธารณะก็เลยไม่ใช่ของๆ ใครทั้งนั้น และถ้าใช้แก้วใหม่ก็จะเป็นแค่การเพิ่มของที่ต้องล้างขึ้นไปอีกแต่ว่า------
เพราะจะไม่เอาปากไปโดนตรงที่ชินคุงดื่มไปน่ะ
ถึงซุยจะมีท่าทางเขินอาย แต่ก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ขัดกับการแสดงสีหน้าที่ตรงไปตรงมาของเธออยู่กันนะ




ก็ไม่เป็นไรหรอกแต่ว่า
ขอบคุณนะ
ผมส่งแก้วไปให้ซุยที่พูดขอบคุณ แล้วก็เทชามุงิให้
แต่ว่าเธอไม่ได้ดื่ม แต่กลับใช้สองมือถือแก้วทั้งอย่างนั้นแล้วก็มายืนอยู่ข้างผม
แล้ว มีอะไรงั้นเหรอ ชินคุง?”
อะไรที่ว่านั่น หมายถึงอะไรเหรอ?”
เพราะดูแปลกๆ ไปตั้งแต่ช่วงพักเที่ยงน่ะ
ในขณะที่ซุยยิ้มเจื่อนๆ กลัวว่าจะเป็นการเข้ามายุ่งรึเปล่า ก็เข้ามาใกล้เพื่อดูสีหน้าของผม
ผมรู้สึกชื่นชมกับความเป็นห่วงเป็นใยที่มากเกินปกติของเธอไปโดยที่ไม่รู้ตัวซะแล้ว
ซุยเนี่ยเป็นคนดีจังเลยนะ
อะ อะไรกัน จู่ๆ ก็!?”
ไม่ไม่ ก็เป็นอย่างที่พูดนั่นล่ะ
วะ... ว้าย
ซุยอายจนหน้าแดง
ในเมืองไม่เคยมีใครมาเป็นห่วงเป็นใยแบบนั้น
ในทางกลับกัน เพราะพลัง-----ถ้าไม่จำเป็นพวกเราสองพี่น้องจะต้องเว้นระยะห่างจากคนอื่น ทำให้ถูกเกลียดอย่างเลี่ยงไม่ได้
อะ อา ว่าแล้วว่าวันนี้แปลกไปจริงๆ ด้วย ดูอ่อนโยนยังไงก็ไม่รู้ ขนลุก!”
ตอนนี้กำลังถูกพูดจาเสียมารยาทใส่อยู่สินะ ตัวชั้นน่ะ
เรื่องนั้น... อย่าเปลี่ยนเรื่องคุยนะ!”
ซุยทำแก้มป่องแล้วจ้องมาทางนี้
ก็ไม่ได้เลี่ยงอะไรนี่
ถ้างั้น มีอะไรงั้นเหรอ
เพราะเพิ่งนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วที่โตเกียวออกน่ะ
นั่นน่ะ ถ้าถามไปว่าเป็นเรื่องแบบไหน จะเล่าให้ฟังได้รึเปล่า?”
ไม่มีแม้แต่ท่าทางร่าเริง รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของซุย แล้วกลายเป็นสีหน้าจริงจังแทน
ผมกัดฟันยิ้มให้ซุยซึ่งใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมา
ไม่ได้สินะ
ขี้งก
หลังจากที่แลบลิ้นแบร่ๆ ใส่ ซุยก็ดื่มชามุงิรวดเดียวหมด แล้วก็ยื่นแก้วเปล่ามาให้ผม
จากนั้นก็ออกจากห้องพักครูไปทั้งๆ อย่างนั้น------แล้วจู่ๆ เธอก็หันกลับมาแล้วพูดขึ้นมาบนทางเดิน
ถ้ารู้สึกดีแล้วก็กลับไปที่ห้องเรียนนะ เพราะทุกคนกำลังเป็นห่วงอยู่น่ะ
อา
ซุยยิ้มให้กับคำตอบของผม แล้วก็เดินจากไป
ในห้องพักครูที่เงียบสงบลงอีกครั้ง ผมถือแก้วที่ซุยยื่นมาให้ แล้วก็เหม่อลอยออกไปทั้งๆ อย่างนั้น




ซุยเป็นคนดีจริงๆ
จนถึงตอนนี้ ถ้าพูดถึงญาติล่ะก็ สำหรับผมแล้วเป็นตัวปัญหา
ใช่ วันนั้น------เมื่อสี่ปีก่อน วันที่พาโก้โก้กลับไปที่โรงพยาบาล ก็เป็นวันที่โหดร้ายเช่นกัน




พอกลับบ้านไปก็ถูกตี
นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
แต่ว่าเรื่องที่ไม่มีแม้แต่เวลาถอดรองเท้าที่หน้าประตูนั้นไม่ได้เจอมาพักใหญ่แล้ว
มีเหตุผลรึเปล่านะที่คราวนี้พ่อที่ติดเหล้าของบ้านที่ไปอาศัยอยู่ด้วยนั้นไม่ได้ตีที่หน้าแต่ตีที่ท้องบ้างล่ะ ทุกทีที่ถูกตี ความเจ็บปวดไม่ใช่แค่นี้บ้างล่ะ
ถ้าเอาความโกรธนี่ไปตีน้องสาวจะฆ่าทิ้ง ในขณะที่ถูกตีก็คิดไปถึงเรื่องพวกนั้น เป็นเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา
หลังจากนั้นราวๆ หนึ่งนาที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพ่อเหนื่อยรึเปล่า ก็เลยหายไปจากหน้าผม
ไม่มีแม้แต่การอธิบายเหตุผล แต่ว่าถ้าถามออกไปก็จะมีแต่ทำให้ถูกตีมากขึ้นเท่านั้น ก็เลยกลับไปในห้องซึ่งมีเตียงที่แบ่งไว้ให้พวกเราสองพวกเราพี่น้องทั้งๆ อย่างนั้น
น้องสาวยังสบายดีอยู่
เธอพิงกำแพงด้านที่มีหน้าต่างของห้องแคบๆ และถือโทรศัพท์มือถืออยู่
กลับมาแล้วเหรอ ชินระ
คงจะได้ยินเสียงตรงประตูบ้านด้วยเหมือนกัน แต่ว่าเร็นนั้นทักทายมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตั้งแต่ได้มาอยู่ที่ชินจูกุ น้องสาวก็แสดงความรู้สึกออกมาทางใบหน้าน้อยกว่าปกติ
นั่นน่ะ โดนโกรธเรื่องอะไรงั้นเหรอ
ชินระ วันนี้ทำพลาดอะไรไปรึเปล่า?”
วันนี้------ที่โรงพยาบาล ใช้พลังรักษายัยผู้หญิงบ้าที่เป็นนักดนตรีไปสินะ
ไม่นี่ ก็เหมือนทุกที
ดูเหมือนจะมีโทรศัพท์อะไรซักอย่างมาจากลูกค้าล่ะ บอกว่ายังรู้สึกไม่สบายนิ้วอยู่บ้างล่ะ ว่าแล้วว่าต้องเป็นการหลอกกันไม่ใช่เหรอไงบ้างล่ะ
ยัยผู้หญิงบ้านั่น......
พอรู้เหตุผลที่พ่ออารมณ์ไม่ดี ผมก็เผลอด่าออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
พลังที่ล้มเหลวแบบนี้ ถ้าเทียบกันแล้วการต้มตุ๋นอาจจะดูดีกว่า
แล้วก็เห็นว่ากลับมาช้าน่ะ......ทำไมถึงได้กลับมาช้าเหรอ
ในขณะที่แสดงให้เห็นถึงความเหงาและความไม่สบายใจเล็กน้อย เร็นก็พูดออกมาโดยที่ไม่ได้แสดงสีหน้า
เพราะเป็นช่วงที่รถไฟฟ้าแน่นไปด้วยคน ก็เลยเดินมาน่ะ
อา อย่างนั้นเหรอ เพราะเป็นเวลาแบบนั้นแล้วสินะ
เร็นมองออกไปนอกหน้าต่าง
วันนี้อาจจะไม่มีข้าวเย็นก็ได้
ไปร้านสะดวกซื้อกันไหม
อืม




น้องสาวยื่นมือมาให้ผมฉุดเธอลุกขึ้นยืน
ผมจับมือนั้น
ในโลกนี้ คนที่ผมสามารถสัมผัสตัวได้อย่างสบายใจมีแค่น้องสาวที่แสนสำคัญคนนี้เท่านั้น

วันต่อมา ผมไปโรงพยาบาลที่อยู่ข้างสถานีชินจูกุอีกครั้ง
เป็นเพราะพ่อบ้าที่ติดเหล้าและยัยผู้หญิงบ้าที่เป็นนักดนตรี
มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นรึไงกันนะ หรือว่าเป็นเพราะอารมณ์ไม่เสถียร ยัยผู้หญิงบ้ายิ้มแล้วก็พูดว่า ดูเหมือนจะโดนบ่นมาสินะ ขอโทษนะอย่างเป็นห่วงเป็นใย
สำหรับเรื่องที่จะเป็นยังไงก็ช่างนั่น ในขณะที่ผมตอบอะไรที่ดูเหมาะสมไป ก็นำมือไปสัมผัสตัวเธอ
แทบจะไม่มีความเจ็บปวดถูกย้ายมาเลย
อย่างที่คิดไว้ แค่กังวลไปเองสินะ------ถึงอย่างนั้นยัยผู้หญิงบ้านั่นก็พอใจ
พอออกมาจากห้องผู้ป่วย แล้วก็คิดว่าวันนี้จะเดินกลับบ้านด้วยเหมือนกัน ก็มีคนมองมาที่ผม
อ๊ะ คนเมื่อวาน
โกโก้
ลืมนามสกุลไปแล้วก็จริง แต่ว่าพูดชื่อที่ติดใจอย่างมากออกไปซะแล้ว
เธอใส่ชุดนอนสีชมพูเหมือนเมื่อวาน แต่วันนี้ใส่เสื้อคาร์ดิแกนคลุมไหล่อยู่ด้วย
ในขณะที่โกโก้ดูเขินอายอยู่นั้น ก็หันมายิ้มอย่างอ้ำอึ้งให้กับผม
ชินระคุง ใช่ไหม
วันนี้ดูแข็งแรงดีนี่
อื้อ เพราะอะไรบางอย่าง หลังจากที่ได้เจอกับเธอแล้ว ร่างกายก็ดีขึ้นอย่างที่ไม่ได้เป็นมานานเลยล่ะ
เพราะว่ามีแรงแล้วรึไงกันนะ ถ้าเทียบกับเมื่อวานแล้วดูเป็นมิตรขึ้นมากะทันหัน
เพราะผมย้าย ความเจ็บปวดมาไว้ที่ตัวเองแล้ว ร่างกายจะดีขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมดา
ในทันทีนั้นเอง พอเห็นหน้าอกที่ใหญ่ของโกโก้ส่ายเกินปกติ ก็รู้ตัวว่าเธอไม่ได้ใส่บรา คงเป็นเพราะพอเข้าโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องทำนองนั้นซักเท่าไร ผมดำที่ยาวเกินไปของเธอก็เช่นกัน เป็นเพราะไม่ค่อยได้ตัดรึเปล่านะ
อ๊ะ เรื่องก่อนหน้านี้ ขอบคุณนะ
ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ใจก็ได้
พวกเราพูดกันทั้งๆ ที่เว้นระยะห่างเอาไว้
5 เมตร......ต่อให้กับคนที่ไม่สนิทกัน ก็ยังเป็นระยะห่างที่ดูแปลกอยู่ดี
เพราะไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้แล้ว ผมก็เลยคิดจะเดินผ่านด้านข้างของเธอไปแล้วก็กลับบ้าน
แต่ทว่า จู่ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงก็แล่นมาที่อก
โกโก้จับแขนของผม------แล้วผมก็ใช้กำลังปัดออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
อ๊ะ โทษที ทำให้ตกใจสินะ
......อะไรกัน




ในขณะที่คิดว่าตัวผมไม่มีแรงที่จะตอบกลับไป โกโก้ที่จ้องมาด้วยความงุนงงก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
นั่น......เพราะจะขอบคุณเรื่องเมื่อวานก็เลยแค่คิดจะชวนไปดื่มชาแต่ว่า
ชางั้นเหรอ?”
ที่ห้องของฉันน่ะ
เธอชี้ไปยังห้องผู้ป่วยที่อยู่ใกล้ๆ
มีขนมที่เป็นของเยี่ยมไข้อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าเป็นของเหลือจากที่ทานไม่หมดน่ะ
ขนมงั้นเหรอ
จู่ๆ ผมก็นึกถึงเร็นขึ้นมา
โดยส่วนตัวแล้วไม่คิดอยากจะทานเลย แต่ว่าถ้าถือกลับไปเป็นของฝากล่ะก็ เธอที่ชอบของหวานคงจะดีใจ
แล้วก็ ถึงจะกลับบ้านไปทั้งๆ อย่างนี้ ช่วงเวลาที่ต้องอยู่ในบ้านที่ไม่อบอุ่นใจก็นานขึ้นไปอีกเท่านั้น
ถ้าแค่แป๊บเดียวล่ะก็
อื้อ ได้ เพราะว่าอยากได้คนพูดด้วยมานานแล้วน่ะ
แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น แต่ใบหน้าของโกโก้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มในทันที แล้วก็เดินไปที่ห้อง
ในขณะที่กำลังคิดว่าเป็นการตัดสินใจพลาดไปหน่อยรึเปล่า ผมก็ตามเธอเข้าไปในห้องผู้ป่วย
เพราะว่าชั้นนี้เป็นชั้นที่มีแต่ห้องเดี่ยว ห้องของโกโก้ก็เลยเป็นห้องธรรมดาๆ ห้องหนึ่งเช่นกัน
ในโรงพยาบาลนั้นไม่ว่าที่ไหนก็น่าเบื่อ------เพราะแบบนี้ของเล็กๆ น้อยๆ จึงทำให้รู้สึกได้ถึงชีวิตความเป็นอยู่และเอกลักษณ์ของคนแต่ละคน
ยกตัวอย่างเช่นชุดน้ำชาหรูๆ สไตล์ตะวันตก ที่โกโก้ชินกับการใช้มือเดียวในการรินชา, กรอบรูปที่ดูเหมือนจะเป็นรูปครอบครัว, ตุ๊กตายัดนุ่นที่เหมือนจะเป็นของเด็ก, ถุงขนมขบเคี้ยวที่ว่างเปล่า, ขยะ, ของที่กินเหลือ และพวกหนังสือเรียนหรือสมุดโน๊ตที่วางกองกันอยู่บนโต๊ะ


พอหยิบหนังสือเรียนเล่มหนึ่งขึ้นมาดูก็ตกใจ โกโก้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กนั้นกลับอายุมากกว่าผมหนึ่งปี------ไม่สิ บางทีถ้าเคยซ้ำชั้นเพราะอาการป่วยล่ะก็ อาจจะมากกว่าสองถึงสามปีก็ได้
อ๊ะ ชินระคุง เป็นพวกชอบเรียนงั้นเหรอ?”
พวกธรรมดาน่ะ
ดีจังเลยน้า ฉันเกลียดการเรียนน่ะ
ในขณะที่พูด เธอก็ยื่นแก้วน้ำชามาให้
พอรับมาโดยไม่ให้สัมผัสกับมือแล้ว ก็รู้ตัวว่าสิ่งที่คิดว่าเป็นชาฝรั่งแน่ๆ กลับเป็นชาญี่ปุ่น
“……ทำไมถึงได้เป็นชาเขียวล่ะ?”
เอ่อ ช่วงนี้กำลังรออยู่น่ะ ว่าแล้วว่าถ้าไม่ให้คนไปซื้อหม้อชากับถ้วยชามาจะไม่เข้ากันในขณะที่กำลังเปิดกล่องเค้ก โกโก้ก็ยิ้มอย่างอายๆ




เพราะถูกเชิญมาแล้ว พอคิดว่าถ้าไม่พูดซักหน่อยล่ะก็คงจะไม่ดี ผมก็พูดเรื่องที่สนใจมากที่สุดออกไป
ว่าแต่ โกโก้ เนี่ยเป็นชื่อที่สุดยอดเลยนะ
งั้นเหรอ? ฉันก็คิดว่ามันไม่แย่นักหรอกแต่ว่า
เธอเอามือวางไว้ที่แก้ม แล้วจ้องมาที่ผมอย่างงงๆ
อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าชื่อของชินระคุงสุดยอดกว่างั้นเหรอ? เป็นชื่อที่แปลกดีนะ? เขียนด้วยคันจิแบบไหนงั้นเหรอ?”
คำว่า ป่า () แล้วก็คำว่า ระ () ของการนับจำนวน (羅列) ว่าแต่......ชื่อของชั้นก็เป็นชื่อแปลกๆ เหมือนกันเหรอ
เพราะจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครมาบอกเรื่องนั้นเลย ก็เลยพูดออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
ยังไงงั้นเหรอ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกชื่อคนมากเท่าไรน่ะ
ในขณะที่ยกแก้วที่เทชาเขียวลงไปขึ้นดื่ม โกโก้ก็เอียงหัวไปด้านข้างคิดอะไรบางอย่าง
ชื่อของชั้นเป็นชื่อธรรมดาแน่นอน อย่างเช่นชื่อพวกชินระบันโชวหรืออะไรทำนองนั้น
ชินระบันโชวเหรอ?”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้น่ะ
สุดยอด!”
เธอแปลกใจอย่างมากกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เพราะแบบนั้น------ก็เลยรู้ตัวว่าโกโก้อยากได้คนมาคุยด้วยจริงๆ
ผมรู้จักการตอบสนองแบบนี้ คนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลและทนต่ออาการป่วยเป็นเวลานานนั้นจะกลายเป็นคนที่เงียบสุดๆ หรือไม่ก็คนช่างพูดไป
ความหิว, ความปรารถนา, ความอิจฉา
ถึงจะเพิ่งคุยกัน แต่ว่าก็ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากจะสนิทด้วยขึ้นมา
ผมดื่มชาไปหนึ่งอึก แล้วก็ชี้ไปที่กล่องเค้ก
อันนี้ ขอเอากลับไปด้วยนิดหน่อยได้รึเปล่า
อะ อื้อ ได้ ถ้าชอบจะเอากลับไปทั้งกล่องเลยก็ได้
ได้เหรอ
อื้ม
คงไม่ต้องเกรงใจกับคนที่คงจะไม่ได้พบกันอีก ผมยัดกล่องเค้กเข้าไปในกระเป๋านักเรียนทั้งๆ อย่างนั้น
จะกลับแล้วเหรอ?”
ก็ดื่มชาแล้วนี่นะ
ผมตอบโกโก้ที่ทำตาโตจ้องมาทางนี้กลับไปอย่างเย็นชา
ในขณะที่กำลังยิ้ม เธอก็อ้าปากพูดเรื่องที่อยากพูดมาตลอดอย่างอ่อนโยนกับตัวผมที่คิดว่าจะกลับไปทั้งๆ อย่างนั้น
นี่ ชินระคุงยังไม่เคยได้ยินเรื่องอาการป่วยของฉันสินะ อย่างเช่นเรื่องที่ทำไมเมื่อวานถึงได้หนีออกจากโรงพยาบาลไป
เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญน่ะ
ตั้งแต่เด็ก อยู่แต่ในโรงพยาบาลมาตลอด เพราะโรคเกี่ยวกับการหายใจ
โดยที่ไม่ได้สนใจว่าผมจะฟังอยู่หรือไม่ เธอพูดต่อไป
ทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่




ทั้งๆ ที่กำลังยิ้มอยู่ โกโก้ที่แทบจะเหมือนกับตอนที่พบผมครั้งแรกพูดขึ้น
ฉันจะตายรึเปล่านะ
ผมไม่ได้ตกใจกับคำถามนั้น
สิ่งที่คิดเป็นอย่างแรกก็คือ ตอนนี้ถึงผมจะข่มขืนเธอไป เธอก็คงจะมีความสุขแล้วยอมรับเรื่องนั้นแต่โดยดี เป็นความคิดเหลวไหลที่ต่ำช้า
ผู้ชายที่ทิ้งความบริสุทธิ์ไปบนเตียงของห้องคนไข้ เป็นเรื่องที่เหมือนกับมุกตลก
ยังไงก็ตาม เป็นไม่ได้ที่จะทำเรื่องแบบนั้น
เพราะความอยากรู้อยากเห็น และก็ผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าผมคนนี้หน้าอกที่ใหญ่แล้วก็น่ารัก
ถ้าไม่ได้น่ารักล่ะก็ เรื่องอย่างพวกไปดื่มชากันที่ห้องคนไข้ แล้วก็คบกันคงไม่มีทางเป็นไปได้
ถึงอย่างนั้น------แต่อย่างไรก็ตามแค่สัมผัสตัวเธอ ผมก็จะถูก ความเจ็บปวดเข้าเล่นงาน
เพราะแบบนั้น เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับน้ำชาและขนม ผมก็เลยตัดสินใจบอกเรื่องที่เธออยากรู้ให้

อา เธอจะตาย