เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ที่ http://vermillionend.exteen.com
คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจาก Official Web Site (minori)
冬空のペルセウス
Fuyuzora no Perseus
The craven under the winter sky
เพอร์ซีอุสแห่งฟากฟ้ายามฤดูหนาว
เรื่องราวของ โทโนะ ชินระ 04
Fuyuzora no Perseus บทที่ 4
วันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันอาทิตย์
เป็นวันที่เฝ้าคำนึงถึงมานาน
ไม่สิ พูดแบบนี้น่ะจะได้
พรุ่งนี้ ผมจะไปจากเมืองนี้
“เอ๋? พรุ่งนี้งั้นเหรอ”
โกโก้ที่ต้อนรับผมจากบนเตียงจ้องมาด้วยความแปลกใจ
“อา พรุ่งนี้ล่ะ”
“แล้วพิธีปิดจะทำยังไงล่ะ”
“พรุ่งนี้เช้าก็แค่ไปรับใบเกรดเท่านั้นล่ะ เพราะแบบนั้นตอนนี้โรงเรียนก็เลยปิดเทอมแล้ว”
เผลอตอบไปแบบห้วนๆ ซะแล้ว
รู้สึกไม่สบายใจเพราะอะไรบางอย่าง ก็เลยแค่มาพบแล้วบอกเรื่องที่ต้องย้ายบ้าน
“ย้ายไปไหนเหรอ”
“ฮอกไกโด”
“งั้นเหรอ......อย่างนั้นเหรอ”
พอได้ยินชื่อสถานที่ที่ชัดเจนแล้ว ในที่สุดความรู้สึกที่แท้จริงก็เลยเอ่อล้นออกมางั้นเหรอ โกโก้พูดพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
แต่ว่าสิ่งที่เธออยากพูดที่สุดคงไม่ใช่เรื่องนั้น
ผมรอคำพูดนั้นอยู่
“......ถ้าอย่างงั้น คงอยู่จนถึงคริสต์มาสไม่ได้สินะ”
“อา”
ผมพยักหน้าอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถอยู่ดูตอนเธอตายได้
สำหรับผมแล้วถือเป็นการพบกันที่ไม่คาดคิด ความสัมพันธ์แบบนั้นคงเรียกว่าเป็นโชคชะตาสินะ
“ถ้างั้น ชั้นกลับแล้วนะ”
“......อ๊ะ”
ถึงจะเป็นเสียงที่เบา แต่ก็หนักแน่น ผมหันหน้ากลับไป
โกโก้ที่รีบเอาขาลงจากเตียงมองมาทางนี้ด้วยใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้
ถึงจะทำหน้าแบบนั้นไป......ผมก็ทำอะไรให้ไม่ได้
เธอก็คงรู้เรื่องนั้นด้วยเช่นกัน
โกโก้พยายามขยับปากพูดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีคำพูดใดออกมา หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ยิ้ม
“ลาก่อนนะ ชินระคุง”
“อา”
เพราะไม่จำเป็นต้องมองหน้าเธอ ผมเลยรีบออกจากห้องคนไข้
พอปิดประตูแล้วก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นประมาณห้าวินาที
โกโก้ไม่ได้ตามออกมา
ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ด้วย
แน่นอน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่ความเมตตากรุณา
ที่ระเบียงทางเดินเต็มไปด้วยเหตุการณ์ธรรมดาที่น่ารำคาญของโรงพยาบาล
ในขณะที่ผมผ่านพวกคนที่มาเยี่ยมไข้และนางพยาบาล ก็เดินผ่านระเบียงทางเดินไปเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดอะไร
ในอนาคตข้างหน้า ผมจะนึกถึงเรื่องของวันนี้งั้นเหรอ?
ผมจะไม่ลืมเรื่องของโกโก้งั้นเหรอ?
จิตใจของผมมีบาดแผลงั้นเหรอ?
ไม่ได้สัญญาไปว่าจะนึกถึงเรื่องนั้น
ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจ
ว่าผมคงจะลืมว่าครั้งหนึ่งเคยมีเด็กผู้หญิงที่กำลังจะตายที่ชื่อโกโก้อยู่ไปในที่สุด
ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ?
ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก
ถ้าผมใช้พลังที่น่าเศร้าของผมนี่ล่ะก็ บางทีอาจจะช่วยฟื้นฟูร่างกายของเธอให้ถึงขั้น “สามารถรักษาให้หายได้” ก็เป็นได้
ถ้าโกโก้ได้รู้จักกับผู้ชายที่ซื่อตรงคนอื่นที่ไม่ใช่ผม และในขณะที่สนิทกันก็ตกหลุมรักแล้วได้จูบ อาจจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่นานขึ้นไปอีกก็ได้
แต่ว่าผมไม่ได้ทำแบบนั้นไป
ผมอยากเห็น “ความตาย”
อยากจะลองปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งตาย
“……ลาก่อนนะ โกโก้”
ผมตอบกลับไปหนึ่งคำในที่ๆ เธอไม่ได้ยิน
ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงโถงลิฟต์ ผมกดปุ่มลงไปข้างล่าง
ลิฟต์ที่อยู่ชั้นบนค่อยๆ ลงมา
ในทันทีที่ประตูเปิดขึ้น------จู่ๆ ก็ถูกตีที่ไหล่
“มาทำอะไรอยู่ในที่แบบนี้เหรอ”
พอตกใจแล้วหันหลังไปดูก็พบว่าข้างหลังมียัยผู้หญิงบ้าที่เป็นนักไวโอลินอยู่
“เปล่า......แค่มาเยี่ยมไข้นิดหน่อยน่ะ”
“เอ๊ะ? มาเยี่ยมไข้ เยี่ยมไข้ฉันรึเปล่า?”
“ไม่ใช่------”
พอคิดว่าจะอธิบายยังไงดี ประตูลิฟต์ก็ปิดไปซะแล้ว
“อ๊ะ”
โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องของผม ยัยผู้หญิงบ้ายิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ว่าวันนี้ฉันจะออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะ”
“……ว่าแต่ บาดเจ็บแค่นั้น ทำไมถึงได้อยู่โรงพยาบาลมาจนป่านนี้เหรอครับ?”
เพราะเป็นคนที่อาวุโสกว่า ตอนนี้ก็เลยใช้ภาษาสุภาพถามไปก่อน
ต่อให้ผมไม่มีพลังอะไรแบบนั้น แต่ก็เป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยขนาดที่คงไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าไม่พูดว่าจะเข้าโรงพยาบาลก็จะไม่ได้หยุด แล้วก็เพราะจองห้องคนไข้ไว้หนึ่งอาทิตย์แล้วน่ะ เพราะอะไรบางอย่างถึงจะได้หยุดแล้ว อืม หยุดจนเบื่อแล้วก็เลยคิดว่าจะออกจากโรงพยาบาลอะไรทำนองนั้นน่ะ”
“นิ้ว หายดีแล้วสินะครับ”
“นั่นสินะ อื้อ วิเศษไปเลยล่ะ”
ในขณะที่จ้องไปที่มือของตัวเองเพื่อเช็คดูแหวนราคาแพง ยัยผู้หญิงบ้าก็พูดชมขึ้นมา
ในระหว่างนั้น เพราะไม่คิดจะคุยกันยาว ผมเลยกดปุ่มเรียกลิฟต์ลงอีกครั้ง
“อ๊ะ ใช่แล้ว ทำแบบนั้นดีกว่า”
พอตัดสินใจอย่างเอาแต่ใจว่าจะทำอะไรบางอย่าง ยัยผู้หญิงบ้าก็เอากระเป๋าที่สะพายไหล่อยู่ลง
“เห็นว่าอุตส่าห์ลำบาก ก็เลยให้เธอได้ฟังการแสดงดนตรีของฉันน่ะ”
“หา? ไม่ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น------”
“น่าน่า ไม่ต้องเกรงใจก็ได้ เพราะการแสดงดนตรีของฉันยอดเยี่ยม ถ้าเป็นตอนกลางวันล่ะก็ได้รับอนุญาตให้แสดงดนตรีในโรงพยาบาลได้เชียวนะ และเพราะเป็นการซ้อมเลยไม่เก็บเงินหรอก”
ถึงเรื่องจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแต่ก็ไม่มีเวลาให้เข้าไปพูดแทรก ยัยผู้หญิงบ้าเตรียมไวโอลินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ท่ายืนนั่น------ถ้าให้พูดตรงๆ เผลอคิดว่าเป็นการเข้าไปอยู่ในนิรันดรซะแล้ว
การแสดงดนตรีเริ่มขึ้น
เล่นเพลงหรูหราที่ไม่เข้ากับโรงพยาบาลตั้งแต่ตอนแรก
ถึงจะไม่ได้ฟังไวโอลิน แต่ก็ตกใจกับเสียงของบรรยากาศเบื้องหน้าที่กำลังสั่นไหวไปจนได้
ความสามารถที่ทำให้ได้รับอนุญาตคงเป็นของจริง ในทันทีนั้นเอง คนรอบข้างที่เหมือนจะชินกับความวิกลจริตของยัยผู้หญิงบ้านี่แล้ว ก็หยุดคุยกันเพื่อชมการแสดงดนตรี
“......นี่มัน เพลงคริสต์มาสงั้นเหรอ”
พอเพลงเล่นไปจนถึงจุดๆ หนึ่ง ก็รู้ตัวว่านั่นเป็นเพลงคริสต์มาส
มีเสียงเรียกมายังผมที่พลาดลิฟต์รอบที่สองไป
“อ๊ะ ชินระคุง”
โกโก้จ้องมาที่ผมอย่างตกใจ
ผมสังเกตเห็นขอบตาที่แดงนั่น
“ถ้าพูดให้ถูกก็คือ Joy to the World! the Lord is come ”
ยัยผู้หญิงบ้านั่นบอกผมกับโกโก้ที่กำลังสบตากันด้วยท่าทางพอใจ
“แก เพราะรู้อยู่แล้วเลยมาเรียกชั้นให้หยุดงั้นเหรอ”
พอผมจ้องไป ยัยผู้หญิงบ้านั่นก็ส่ายหน้าในขณะที่ยังดำเนินการแสดงต่อไป
“ไม่รู้หรอก แต่ก็เดาเรื่องส่วนใหญ่ได้จากท่าทางของเธอ แล้วก็รู้เรื่องที่เธอคิดว่าชั้นเป็นยัยป้าแก่หรือยัยผู้หญิงบ้าด้วย”
“อึก!?”
“ยังเด็กอยู่มากนะจ๊ะ”
ยัยผู้หญิงบ้าหัวเราะดัง “อะฮะฮะ”
“เธอน่ะ ดูเหมือนในอนาคตจะโตขึ้นมาเป็นผู้ชายที่ไม่ดีนะ แต่ก็ช่วยโตเป็นหนุ่มหล่อด้วยแล้วกัน”
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ล่ะก็จะสอนให้ก็ได้ แต่บนเตียงนะ”
“ขอผ่าน”
ผมแสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วก็ส่ายหน้า
ถูกป้าที่อายุมากกว่าตัวเองราวๆ สองเท่าชวนแบบนี้เนี่ย ขนลุก
“น่าเสียดายจังเลยน้า ก็นะ ตอนนี้ยกให้สาวน้อยไปก่อนละกัน”
“ยังไม่กลับไปอีกแน่ะ!”
ในตอนที่ยัยผู้หญิงบ้าถอยไปข้างหลัง โกโก้ก็มายืนอยู่เบื้องหน้าผมเพื่อที่จะพบหน้ากัน
ทั้งๆ ที่ร่างกายเป็นอย่างนั้น โกโก้เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มที่เปล่งประกาย ผมรีบหลบเธอ
“หวา หลบไปซะแล้ว”
“……เปล่านี่ แล้วมาทำไมงั้นเหรอ?”
“ดีใจที่จะได้พบกันอีกน่ะ”
“ยังผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเลยสินะ”
“ชินระคุงยังอ่านสถานการณ์ไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะ แต่แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ”
หลังจากที่ใช้มือจัดผมหน้าม้าที่เสียทรง โกโก้ก็หัวเราะคิกคัก
“รู้สึกเหมือนกับว่าตอนคริสต์มาสจะได้เจอกันอีกเลยล่ะ”
“เพราะการแสดงดนตรีนี่สินะ”
เพราะอะไรบางอย่าง ผมพูดขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ
มีตรงไหนผิดปกติไปกันนะ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดจะรักษาสัญญาแท้ๆ------
“นี่ ชินระคุง เมืองนี้มองไม่เห็นดาวสินะ”
“นั่นสินะ”
“ถ้าเป็นที่ฮอกไกโดล่ะก็ ดูเหมือนจะเห็นได้เต็มท้องฟ้าเลยสินะ”
“อา......นั่นสินะ”
ตอนนี้จะมีดาวแบบไหนอยู่บนท้องฟ้ากันนะ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีงานอดิเรกอย่างการแหงนหน้ามองฟ้าแท้ๆ แต่กลับเผลอคิดไปถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนของฤดูหนาวซะได้
“นี่ ยังไงก็จูบไม่ได้งั้นเหรอ”
“เซ้าซี้จังนะ”
“ยังไงก็ไม่ได้สินะ”
โกโก้ที่อกหักและไหล่ตก กลับมายืดตัวตรงอีกครั้งในทันทีและพูดออกมา
“เพราะฉันกลายเป็นดาวที่เหมือนกับดาว [โยดากะ] ตั้งใจหาให้เจอล่ะ ชินระคุง”
“......เข้าใจแล้ว”
ถึงจะไม่รู้ว่า [โยดากะ] เป็นอะไรแบบไหน แต่ว่าผมก็พยักหน้าไปซะแล้ว
สัญญาไปจนได้
การแสดงดนตรียังมีต่อไป
แต่ว่าผมพูดเรื่องที่ควรพูดและสะสางเรื่องที่ควรสะสางเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว
ประตูลิฟต์เปิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม
พอดูให้แน่ใจแล้วว่าลิฟต์จะลงไปข้างล่าง ผมก็เดินเข้าไปในลิฟต์
ที่อีกฟากของประตู โกโก้ที่อยู่ในชุดนอนสีชมพูกำลังตัวสั่นอยู่
“ขอบคุณนะ ชินระคุง”
※
หลังจากนั้นสี่ปี
ผมไม่รู้ว่าโกโก้เป็นยังไงบ้าง
※
“แล้ว ที่หาเจอได้ง่ายที่สุดในฤดูนี้เรียกว่าสามเหลี่ยมฤดูร้อน------ฟังอยู่รึเปล่าคะ คุณชินระ?”
“เอ๊ะ?”
ตัวผมที่กำลังมองไปที่ดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนถูกเสียงที่แหลมและดังทำให้ตกใจ
ตอนนี้......เวลาไหนกันนะ?
ถึงความทรงจำของเมื่อครู่จะไม่ค่อยชัดเจน แต่ก็ถูกเหงื่อที่อยู่บนผิวพากลับมาที่ความเป็นจริง
ตอนนี้เป็นหน้าร้อน
นึกไปถึงเรื่องธรรมดาแบบนั้น
ตอนนี้มีเด็กผู้หญิงที่สวยเป็นบ้ากำลังงอนอยู่ข้างๆ
“ทั้งๆ ที่คนอุตส่าห์อธิบายแท้ๆ โหดร้ายจังเลยค่ะ เสียใจขนาดจะตายได้เลยค่ะ”
“โทวกะ มุกตลกนั่นมันแย่เกินไปแล้ว”
ผมทำหน้าไม่พอใจใส่โทวกะที่ป่วยหนัก
เพราะผมกับโทวกะจะดูดาวก็เลยขึ้นมาบนเนิน------หอชมวิวที่อยู่บนภูเขา
“ว่าแต่ เพราะคุณชินระอยากดูดาวเลยขอมาด้วยกันเนี่ย หายากนะคะ”
“ก็นิดหน่อยน่ะ”
เพราะถ้าให้อธิบายจะยุ่งยาก ก็เลยตอบเลี่ยงไปอย่างพอเหมาะ
พอนึกเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนออก ก็เลยโทรศัพท์ไปหาโทวกะที่ชอบดูดาว แล้วก็ออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนแบบนี้
สุดท้ายแล้ว ที่ฮอกไกโดก็ไม่ได้ไปดูดาวตรงๆ
ลืมเรื่องของโกโก้มาจนถึงวันนี้ด้วยเช่นกัน
แต่ว่า เพราะดันนึกออกไปแล้ว......ก็เลยช่วยไม่ได้
“นี่ โทวกะ กลุ่มดาว [โยดากะ] เนี่ยอันไหนงั้นเหรอ”
“โยดากะที่ว่าเนี่ย ใช่ [โยดากะโนะโฮชิ] รึเปล่าคะ”
โทวกะมีสีหน้าประหลาดใจ
พอคิดว่าเป็นกลุ่มดาวที่มีชื่อเสียงขนาดที่ถ้าไม่รู้จักก็แปลกมาก จู่ๆ โทวกะก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา
“คุณชินระคะ [โยดากะโนะโฮชิ] อะไรนั่นไม่ใช่กลุ่มดาวค่ะ”
“เอ๊ะ?”
“นั่นเป็นชื่อของนิทานที่ มิยาซาวะ เคนจิ แต่งค่ะ”
พออ่านสีหน้าของผมแล้ว โทวกะก็เริ่มเล่าเรื่องด้วยท่าทางมีความสุขนิดๆ
“เป็นเรื่องของเหยี่ยวกลางคืนที่มีหน้าตาน่าเกลียดก็เลยถูกนกที่อยู่รอบตัวหรือพี่น้องกลั่นแกล้ง------และนอกจากนี้ก็ยังเป็นนกที่ใจดีอีกนะคะ เป็นนกที่รู้สึกสิ้นหวังกับการที่ตัวเองต้องล่าเหยื่อเพื่อมีชีวิตอยู่ เหยี่ยวกลางคืนที่ไม่มีที่ให้อยู่บนพื้นโลกก็เลยเสี่ยงตายบินต่อไปบนฟากฟ้ายามค่ำคืน แล้วในที่สุดก็ถูกเผาจนไหม้แล้วกลายมาเป็น [โยดากะโนะโฮชิ] ค่ะ”
“เป็นเรื่องราวที่มืดมนจังเลยนะ”
“......แล้วมีความเห็นยังไงเหรอคะ”
โทวกะพูดพึมพำออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของเธอ
“แต่ว่าเรื่องที่คุณชินระกำลังหาดาวที่โรแมนติกแบบนั้นอยู่เนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลยนะคะ”
“เปล่าหรอก......แต่ก็นะ”
ถึงจะบอกความเห็นแบบไหนไปก็คงจะถูกโทวกะหัวเราะใส่ ผมเลยลังเลที่จะพูด
งั้นเหรอ ไม่มีหรอกเหรอ
ดาวเหยี่ยวกลางคืนอะไรนั่น ไม่มีงั้นเหรอ
“คุณชินระ ตอนเที่ยง เพราะคุยเรื่องโตเกียวกัน ก็เลยนึกถึงเรื่องในอดีตสินะคะ”
โทวกะพูดพึมพำอย่างเงียบๆ
แก้วตาที่โปร่งใสนั่นมองทะลุเข้าไปในตัวผม
“รู้ดีเลยนี่นา”
“ก็พวกเรา คล้ายกันนี่คะ”
โทวกะยิ้มหวาน
เผลอตอบไปอย่างว่าง่ายจนได้
เธอสวยที่สุดในบรรดาเด็กผู้หญิงที่อยู่รอบตัว แต่ว่าภายในนั้นคล้ายกับกันผม......
“บางที ที่นึกเรื่องในอดีตได้คงเป็นเพราะโทวกะล่ะมั้ง”
“ฉันเหรอคะ?”
ผมหัวเราะเยาะโทวกะที่กำลังงงอยู่
เพื่อเป็นการแก้เผ็ดกลับไป จะไม่บอกอะไรมากกว่านี้ทั้งนั้น
โทวกะป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายเช่นเดียวกับโกโก้
ชีวิตซึ่งจะถูกเผาไหม้ไปในเวลาไม่นานกำลังใช้วันเวลาในแต่ละวันไปอย่างธรรมดาอยู่
สิ่งที่จะไม่กลายเป็นความทรงจำที่เหมือนกันกับเหยี่ยวกลางคืนและโกโก้ ตอนนี้ สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าผมคือสิ่งนั้นแน่นอน
“อะไรเหรอคะ จ้องหน้าคนอื่นแบบนี้”
“เปล่าหรอก...... พอมองดูดีๆ แล้วก็พบว่าโทวกะเป็นคนที่สวยมากเลยน่ะ”
“ก็เลยจะทำมิดีมิร้ายฉันเหรอคะ”
“คงเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายน่าดู ขอผ่านล่ะ”
มีความหมายตรงตัวกับคำพูด แต่ว่าโทวกะคงจะไม่เข้าใจ
พอนึกถึงเรื่องเมื่อสี่ปี่ก่อน ผมก็สนใจเรื่อง “ตัวเองในอดีต” มากกว่าเรื่องของโกโก้
รู้สึกได้ว่าตัวผมในตอนนี้------มืดมนและซึมเศร้าน้อยกว่าตัวผมในอดีต
ถ้ามองจากภายนอก การเข้าสังคมคงจะเปลี่ยนไป พอรู้ตัวก็พบว่ากลายเป็นคนพูดคุยกับคนรอบข้าง สามารถยิ้มอย่างมีอัธยาศัยดีได้ ทำตัวแบบนั้นแล้วจะมีชีวิตอยู่ในสังคมได้ง่ายกว่า พอไม่ค่อยระวังเรื่องรอบตัวแล้วก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นอยู่มาก
“ก็ไม่ได้คิดว่าจะเปลี่ยนไปหรอกแต่ว่า”
“เอ๊ะ?”
ผมส่ายหน้าให้โทวกะที่ตอบสนองกับคำบ่นพึมพำ
“ไม่มีอะไร”
“ที่ว่าไม่มีอะไรเนี่ย ก็เมื่อเองไม่ใช่เหรอคะ แล้ว จำเป็นต้องอธิบายเรื่องดาวรึเปล่าคะ?”
“ไม่จำเป็น ไม่สนใจน่ะ”
“จริงๆ เลย......ไม่สนใจดาว แล้วก็ไม่สนใจฉันด้วยเนี่ย แล้วแบบนี้มาทำไมคะนั่น”
ในขณะที่โทวกะบ่นพึมพำก็ออกห่างจากตัวผม แล้วไปดูดาวที่ตัวเองชอบ
ในขณะที่มองตามแผ่นหลังนั้นไป ก็คิดว่าเธอจะตายเมื่อไหร่กันนะ
เด็กผู้หญิงที่ว่ากันว่าคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินฤดูร้อนปีนี้
ครั้งนี้ ผมจะได้เห็น “ความตาย” อย่างแน่นอน
ไม่มีที่ให้ย้ายไปมากกว่านี้แล้ว
หมู่บ้านนี้เป็นที่สุดท้ายของพวกเราพี่น้อง
“นี่......พลังของชั้น คิดว่ามีความหมายอะไรอยู่รึเปล่า”
ในขณะที่พูดพึมพำ ผมก็แหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนของฤดูร้อน
หมู่บ้านนี้เห็นดาวได้มากเกินไป
ผมหาดาวที่จะให้คำตอบกับผมได้จากในนั้น
หาดาวสีชมพูต่อไป