เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ที่ http://vermillionend.exteen.com
คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจาก Official Website (minori)

冬空のペルセウス
Fuyuzora no Perseus
The craven under the winter sky
เพอร์ซีอุสแห่งฟากฟ้ายามฤดูหนาว
เรื่องราวของ โทโนะ ชินระ 04

Fuyuzora no Perseus บทที่ 5 (บทสุดท้าย)
วันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันอาทิตย์
ในคืนที่ไร้ดาว “ฉัน” เข้าไปในห้องคนไข้มืดๆ
“ใครเหรอคะ?”
เจ้าของห้องที่คิดว่าน่าจะหลับอยู่นั้นได้ส่งเสียงเรียกมาจากบนเตียง
เป็นเสียงที่ไม่มีความระแวง------บางทีคงเข้าใจผิดว่าฉันเป็นนางพยาบาลหรืออะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง
พอแอบตามพี่ชายที่ช่วงนี้กลับช้าเพราะมัวแต่ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ไป ก็เลยได้รู้เรื่องของผู้หญิงคนนี้เมื่อไม่นาน
“เรื่องที่ฉันเป็นใครกับเรื่องที่เธอเป็นใครนั้นไม่เกี่ยวกัน”
“......เด็กผู้หญิงงั้นเหรอ”
ตอบกลับเสียงของทางนี้มาด้วยความรู้สึกสงสัย
ไม่คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว
ก่อนที่เจ้าของห้องจะลุกขึ้นมา ฉันก็ไปยืนอยู่ข้างเตียง
แล้วก็ยื่นมือไปหาผู้หญิงที่ใส่ชุดนอนสีชมพูเหมือนเด็กทั้งๆ อย่างนั้น
“อะ อะไร------อื๊อ?!”
ในขณะที่ปิดปากผู้หญิงที่กำลังตกใจด้วยการกดหัวลงกับหมอน ก็ทนกับ “ความเจ็บปวด” ที่ไหลเข้ามาที่ตัวเอง
ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นมาที่หน้าอก แต่ว่าเพราะอะไรบางอย่าง ก็เลยทนไม่กรีดร้องออกมาได้
เหงื่อกาฬไหลออกมาจากทั่วร่างกาย
เผลอยิ้มให้กับความเจ็บปวดที่น้อยลงไปจนได้
ผู้หญิงดิ้นขัดขืนและร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว แต่เพราะเป็นคนป่วยก็เลยพอกดไว้ได้
ทนต่อไปทั้งๆ อย่างงั้นอยู่ราวๆ หนึ่งนาที
แล้วก็บอกผู้หญิงที่เหนื่อยหอบหมดแรงไปแล้วอย่างเงียบๆ
“…..หมดธุระแล้ว อย่าส่งเสียง ถ้าส่งเสียงล่ะก็ ถึงตอนนั้นจะไม่ปรานีแน่”
ค่อยๆ ดึงมือกลับมา
“อะ อะไรกัน......?”
ผู้หญิงถามมาด้วยใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา
ถึงหน้าจะแดงเพราะความตื่นเต้น แต่ก็เป็นสีหน้าที่ดีขึ้นมาก
ฉันที่มีพลังแรงกว่าพี่ชายนั้น ได้ทำให้ผู้หญิงคนนี้ “รอดชีวิต”
ในขณะที่ถูกความเจ็บปวดที่ย้ายมาทำให้เดินโซเซนั้น ฉันก็มุ่งหน้าไปที่ประตู
“เรื่องอย่างจะให้กลายเป็น......ความทรงจำของนายน่ะ ไม่ยอมหรอก......”
※

ตอนนี้เป็นหน้าร้อน
นึกไปถึงเรื่องธรรมดาแบบนั้น
รถบัสที่เข้าไปในถนนในภูเขาเริ่มสั่น ฉันเลยเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่
ทิวทัศน์ที่มองเห็นจากหน้าต่างมีแค่แมกไม้สีเขียวเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นก็ยังร้อนจนน่ารำคาญ
ไม่ชอบฤดูร้อน
แต่ก็ไม่ชอบฤดูหนาวด้วยเช่นกัน
ไม่ชอบใจ “หมู่บ้าน” ที่กำลังจะไปด้วยเหมือนกัน
ไม่ชอบเมือง แต่ก็ไม่ชอบชนบทด้วยเช่นกัน
ไม่เกี่ยวกับเรื่องจำนวน แค่เป็นสถานที่ๆ มีคนอยู่ ก็เป็นเหตุผลพอที่จะเกลียดได้แล้ว
“ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ สำหรับฉันแล้วเป็นของไร้ค่า”
“…… สิ่งสำคัญ มีแค่อย่างเดียว”
แล้วก็นึกไปถึงพี่ชายที่หลับอยู่ข้างๆ
เพราะความอบอุ่นจากผิวที่แนบชิดติดกันและกลิ่นเหงื่อของผู้ชายที่ยังใหม่ ก็เลยทำให้สามารถสงบใจได้
ชอบนะ ชินระ
ชอบ
ชอบ
รัก
“นืมม......อึก......”
ในทันทีนั้นเองก็รู้ตัวว่าชินระกำลังฝันร้าย
กำลังฝันเห็นอะไรซักอย่างที่ไม่ดีอยู่สินะ
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
“ชินระ”
เรียกชื่อของพี่ชายไปหลายครั้ง
ในครั้งที่สาม ชินระก็ลืมตาขึ้น
“เห็นว่าฝันร้ายน่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เพราะเสียงของฉัน ชินระมองไปรอบๆ เหมือนกำลังนึกอยู่ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“......ร้อน”
“แล้ว ไม่ได้ฟังเรื่องที่ฉันพูดตั้งแต่ตอนไหนเหรอ”
“เหมือนว่าจะเป็น......อา หมายถึงไอ้ที่บ่นมาตลอดนั่นสินะ”
ชินระที่กำลังเกาหัวอยู่หลบสายตาไปอย่างเห็นได้ชัด
ฉันบ่นไปยังด้านหลังของศีรษะนั่น
“ครั้งนี้ อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นมาเกินไปล่ะ”
“อา”

ทั้งๆ ที่ยังมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่ ชินระตอบมาแบบไม่ค่อยใส่ใจ ฉันเลยถอนหายใจออกมา
“นี่ ฟังอยู่รึเปล่า? เข้าใจแล้วใช่ไหม ชินระ?”
“เข้าใจแล้วน่า......อย่าเรียกพี่ชายด้วยชื่อ แล้วก็อย่าเข้ามาเกาะแกะสิ มันร้อน”
“เรื่องมาก”
“แค่สองเรื่องเอง”
“ของฉันแค่เรื่องเดียว”
ในขณะที่หัวเราะคิกคัก ก็วางมือของตนเองลงไปบนมือของพี่ชาย
“คราวนี้อย่าใช้พลังล่ะ ไม่อยากย้ายบ้านอีกแล้วนะ”
“……เข้าใจอยู่แล้วล่ะน่า”
“จริงนะ?”
“อา”
“พูดมาแบบไม่ค่อยใส่ใจเลยนะ”
ทั้งเรื่องผู้หญิงเมื่อสี่ปีก่อนก็ดี ทั้งเรื่องหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ดี คิดว่าตัวเองเข้าใจเรื่องที่พี่ชายเป็นคนอ่อนโยนพอสมควร
แต่ว่าเผลอใส่แรงกับมือที่วางลงไปซะแล้ว
ชินระกำลังมองออกไปไกลๆ อยู่
คงจะคิดเรื่อง “พลัง” ของตัวเองอยู่สินะ
พลังที่มีแค่ฉันกับชินระเท่านั้นที่มี “พลัง” ที่มีแต่ความน่ารำคาญ
แต่ว่า นั่นก็เป็นสายสัมพันธ์
“......ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นพลังรักษาก็คงจะดีแท้ๆ”
“นั่นสินะ”
ฉันตอบชินระที่พูดคนเดียวไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร
แล้วตอนนั้น ในที่สุด ชินระก็จ้องมาที่ฉันตรงๆ
“เพราะที่ๆ กำลังจะไปนี่ไม่ค่อยมีคน น่าจะอยู่ได้สบายล่ะ”
“ที่นั่นเป็นชนบทสินะ?”
“ [ครั้งนี้] น่าจะไปได้สวย”
ชินระเป็นห่วงฉันที่แค่ถูกใครซักคนสัมผัสตัวก็รู้สึกเจ็บแล้ว
แค่นั้น ก็ทำให้ฉันยิ้มได้แล้ว
“ทั้งๆ ที่ถ้าโลกนี้จะมีแค่ฉันกับชินระสองคนก็ดีแล้วแท้ๆ”
“อย่าล้อเล่นน่า”
“ฉันจริงจังนะ ถูกกระซิบข้างๆ หูแบบนี้แล้วไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ?”
“อายนิดหน่อยแฮะ ค่อยๆ ถอยออกไปเถอะ”
“ใจร้าย”
พอแลบลิ้นใส่ดังแบร่ ฉันก็เอามือออกไป
ถึงจะพูดดื้อดึงต่อไปก็คงมีแต่จะทำให้ถูกเกลียดและถูกระแวง
ฉันเปิดหนังสือที่อ่านมาจนถึงเมื่อกี้นี้
เป็นหนังสือเรื่อง Nanase, Telepathy Girl's Ballad (家族八景) ที่สึสึอิ ยาสุทากะแต่ง
เป็นหนังสือที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิงที่มีพลังจิต เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากจริงๆ และมีเนื้อหาแนวมืดมนที่ฉันชอบ
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับเนื้อหาในหนังสือจริงๆ ซักเท่าไร

แอบมองโครงหน้าของพี่ชายที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่
อา ชอบเหลือเกิน
ชอบ
ชอบ
ชอบ
ชอบเธอขนาดที่อยากจะยอมพลีกายให้เลยล่ะ ชินระ