Fuyuzora no Perseus (Chapter 4)

posted on 7/26/2560 08:13:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ที่ http://vermillionend.exteen.com

คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจาก Official Web Site (minori)

冬空のペルセウス
Fuyuzora no Perseus
The craven under the winter sky
เพอร์ซีอุสแห่งฟากฟ้ายามฤดูหนาว
เรื่องราวของ โทโนะ ชินระ 04





Fuyuzora no Perseus บทที่ 4


วันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันอาทิตย์
เป็นวันที่เฝ้าคำนึงถึงมานาน
ไม่สิ พูดแบบนี้น่ะจะได้

พรุ่งนี้ ผมจะไปจากเมืองนี้

เอ๋? พรุ่งนี้งั้นเหรอ
โกโก้ที่ต้อนรับผมจากบนเตียงจ้องมาด้วยความแปลกใจ
อา พรุ่งนี้ล่ะ
แล้วพิธีปิดจะทำยังไงล่ะ
พรุ่งนี้เช้าก็แค่ไปรับใบเกรดเท่านั้นล่ะ เพราะแบบนั้นตอนนี้โรงเรียนก็เลยปิดเทอมแล้ว
เผลอตอบไปแบบห้วนๆ ซะแล้ว
รู้สึกไม่สบายใจเพราะอะไรบางอย่าง ก็เลยแค่มาพบแล้วบอกเรื่องที่ต้องย้ายบ้าน
ย้ายไปไหนเหรอ
ฮอกไกโด
งั้นเหรอ......อย่างนั้นเหรอ
พอได้ยินชื่อสถานที่ที่ชัดเจนแล้ว ในที่สุดความรู้สึกที่แท้จริงก็เลยเอ่อล้นออกมางั้นเหรอ โกโก้พูดพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
แต่ว่าสิ่งที่เธออยากพูดที่สุดคงไม่ใช่เรื่องนั้น
ผมรอคำพูดนั้นอยู่
......ถ้าอย่างงั้น คงอยู่จนถึงคริสต์มาสไม่ได้สินะ
อา”                                                                                                 
ผมพยักหน้าอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถอยู่ดูตอนเธอตายได้
สำหรับผมแล้วถือเป็นการพบกันที่ไม่คาดคิด ความสัมพันธ์แบบนั้นคงเรียกว่าเป็นโชคชะตาสินะ
ถ้างั้น ชั้นกลับแล้วนะ
......อ๊ะ
ถึงจะเป็นเสียงที่เบา แต่ก็หนักแน่น ผมหันหน้ากลับไป
โกโก้ที่รีบเอาขาลงจากเตียงมองมาทางนี้ด้วยใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้
ถึงจะทำหน้าแบบนั้นไป......ผมก็ทำอะไรให้ไม่ได้
เธอก็คงรู้เรื่องนั้นด้วยเช่นกัน
โกโก้พยายามขยับปากพูดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีคำพูดใดออกมา หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ยิ้ม
ลาก่อนนะ ชินระคุง
อา




เพราะไม่จำเป็นต้องมองหน้าเธอ ผมเลยรีบออกจากห้องคนไข้
พอปิดประตูแล้วก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นประมาณห้าวินาที
โกโก้ไม่ได้ตามออกมา
ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ด้วย
แน่นอน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่ความเมตตากรุณา
ที่ระเบียงทางเดินเต็มไปด้วยเหตุการณ์ธรรมดาที่น่ารำคาญของโรงพยาบาล
ในขณะที่ผมผ่านพวกคนที่มาเยี่ยมไข้และนางพยาบาล ก็เดินผ่านระเบียงทางเดินไปเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดอะไร
ในอนาคตข้างหน้า ผมจะนึกถึงเรื่องของวันนี้งั้นเหรอ?
ผมจะไม่ลืมเรื่องของโกโก้งั้นเหรอ?
จิตใจของผมมีบาดแผลงั้นเหรอ?
ไม่ได้สัญญาไปว่าจะนึกถึงเรื่องนั้น
ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจ
ว่าผมคงจะลืมว่าครั้งหนึ่งเคยมีเด็กผู้หญิงที่กำลังจะตายที่ชื่อโกโก้อยู่ไปในที่สุด
ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ?
ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก
ถ้าผมใช้พลังที่น่าเศร้าของผมนี่ล่ะก็ บางทีอาจจะช่วยฟื้นฟูร่างกายของเธอให้ถึงขั้น สามารถรักษาให้หายได้ ก็เป็นได้
ถ้าโกโก้ได้รู้จักกับผู้ชายที่ซื่อตรงคนอื่นที่ไม่ใช่ผม และในขณะที่สนิทกันก็ตกหลุมรักแล้วได้จูบ อาจจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่นานขึ้นไปอีกก็ได้
แต่ว่าผมไม่ได้ทำแบบนั้นไป
ผมอยากเห็น ความตาย
อยากจะลองปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งตาย
“……ลาก่อนนะ โกโก้
ผมตอบกลับไปหนึ่งคำในที่ๆ เธอไม่ได้ยิน

ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงโถงลิฟต์ ผมกดปุ่มลงไปข้างล่าง
ลิฟต์ที่อยู่ชั้นบนค่อยๆ ลงมา
ในทันทีที่ประตูเปิดขึ้น------จู่ๆ ก็ถูกตีที่ไหล่
มาทำอะไรอยู่ในที่แบบนี้เหรอ
พอตกใจแล้วหันหลังไปดูก็พบว่าข้างหลังมียัยผู้หญิงบ้าที่เป็นนักไวโอลินอยู่
เปล่า......แค่มาเยี่ยมไข้นิดหน่อยน่ะ
เอ๊ะ? มาเยี่ยมไข้ เยี่ยมไข้ฉันรึเปล่า?”
ไม่ใช่------
พอคิดว่าจะอธิบายยังไงดี ประตูลิฟต์ก็ปิดไปซะแล้ว
อ๊ะ”                                         
โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องของผม ยัยผู้หญิงบ้ายิ้มอย่างอารมณ์ดี
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ว่าวันนี้ฉันจะออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะ
“……ว่าแต่ บาดเจ็บแค่นั้น ทำไมถึงได้อยู่โรงพยาบาลมาจนป่านนี้เหรอครับ?”




เพราะเป็นคนที่อาวุโสกว่า ตอนนี้ก็เลยใช้ภาษาสุภาพถามไปก่อน
ต่อให้ผมไม่มีพลังอะไรแบบนั้น แต่ก็เป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยขนาดที่คงไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ
ถ้าไม่พูดว่าจะเข้าโรงพยาบาลก็จะไม่ได้หยุด แล้วก็เพราะจองห้องคนไข้ไว้หนึ่งอาทิตย์แล้วน่ะ เพราะอะไรบางอย่างถึงจะได้หยุดแล้ว อืม หยุดจนเบื่อแล้วก็เลยคิดว่าจะออกจากโรงพยาบาลอะไรทำนองนั้นน่ะ
นิ้ว หายดีแล้วสินะครับ
นั่นสินะ อื้อ วิเศษไปเลยล่ะ
ในขณะที่จ้องไปที่มือของตัวเองเพื่อเช็คดูแหวนราคาแพง ยัยผู้หญิงบ้าก็พูดชมขึ้นมา
ในระหว่างนั้น เพราะไม่คิดจะคุยกันยาว ผมเลยกดปุ่มเรียกลิฟต์ลงอีกครั้ง
อ๊ะ ใช่แล้ว ทำแบบนั้นดีกว่า
พอตัดสินใจอย่างเอาแต่ใจว่าจะทำอะไรบางอย่าง ยัยผู้หญิงบ้าก็เอากระเป๋าที่สะพายไหล่อยู่ลง
เห็นว่าอุตส่าห์ลำบาก ก็เลยให้เธอได้ฟังการแสดงดนตรีของฉันน่ะ
หา? ไม่ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น------
น่าน่า ไม่ต้องเกรงใจก็ได้ เพราะการแสดงดนตรีของฉันยอดเยี่ยม ถ้าเป็นตอนกลางวันล่ะก็ได้รับอนุญาตให้แสดงดนตรีในโรงพยาบาลได้เชียวนะ และเพราะเป็นการซ้อมเลยไม่เก็บเงินหรอก
ถึงเรื่องจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแต่ก็ไม่มีเวลาให้เข้าไปพูดแทรก ยัยผู้หญิงบ้าเตรียมไวโอลินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ท่ายืนนั่น------ถ้าให้พูดตรงๆ เผลอคิดว่าเป็นการเข้าไปอยู่ในนิรันดรซะแล้ว
การแสดงดนตรีเริ่มขึ้น               
เล่นเพลงหรูหราที่ไม่เข้ากับโรงพยาบาลตั้งแต่ตอนแรก
ถึงจะไม่ได้ฟังไวโอลิน แต่ก็ตกใจกับเสียงของบรรยากาศเบื้องหน้าที่กำลังสั่นไหวไปจนได้
ความสามารถที่ทำให้ได้รับอนุญาตคงเป็นของจริง ในทันทีนั้นเอง คนรอบข้างที่เหมือนจะชินกับความวิกลจริตของยัยผู้หญิงบ้านี่แล้ว ก็หยุดคุยกันเพื่อชมการแสดงดนตรี
......นี่มัน เพลงคริสต์มาสงั้นเหรอ
พอเพลงเล่นไปจนถึงจุดๆ หนึ่ง ก็รู้ตัวว่านั่นเป็นเพลงคริสต์มาส
มีเสียงเรียกมายังผมที่พลาดลิฟต์รอบที่สองไป
อ๊ะ ชินระคุง
โกโก้จ้องมาที่ผมอย่างตกใจ
ผมสังเกตเห็นขอบตาที่แดงนั่น
ถ้าพูดให้ถูกก็คือ Joy to the World! the Lord is come
ยัยผู้หญิงบ้านั่นบอกผมกับโกโก้ที่กำลังสบตากันด้วยท่าทางพอใจ
แก เพราะรู้อยู่แล้วเลยมาเรียกชั้นให้หยุดงั้นเหรอ
พอผมจ้องไป ยัยผู้หญิงบ้านั่นก็ส่ายหน้าในขณะที่ยังดำเนินการแสดงต่อไป
ไม่รู้หรอก แต่ก็เดาเรื่องส่วนใหญ่ได้จากท่าทางของเธอ แล้วก็รู้เรื่องที่เธอคิดว่าชั้นเป็นยัยป้าแก่หรือยัยผู้หญิงบ้าด้วย




อึก!?”
ยังเด็กอยู่มากนะจ๊ะ
ยัยผู้หญิงบ้าหัวเราะดัง อะฮะฮะ
เธอน่ะ ดูเหมือนในอนาคตจะโตขึ้นมาเป็นผู้ชายที่ไม่ดีนะ แต่ก็ช่วยโตเป็นหนุ่มหล่อด้วยแล้วกัน
หมายความว่ายังไง?”
ก็ไม่มีอะไรนี่ แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ล่ะก็จะสอนให้ก็ได้ แต่บนเตียงนะ
ขอผ่าน
ผมแสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วก็ส่ายหน้า
ถูกป้าที่อายุมากกว่าตัวเองราวๆ สองเท่าชวนแบบนี้เนี่ย ขนลุก
น่าเสียดายจังเลยน้า ก็นะ ตอนนี้ยกให้สาวน้อยไปก่อนละกัน
ยังไม่กลับไปอีกแน่ะ!”
ในตอนที่ยัยผู้หญิงบ้าถอยไปข้างหลัง โกโก้ก็มายืนอยู่เบื้องหน้าผมเพื่อที่จะพบหน้ากัน
ทั้งๆ ที่ร่างกายเป็นอย่างนั้น โกโก้เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มที่เปล่งประกาย ผมรีบหลบเธอ
หวา หลบไปซะแล้ว
“……เปล่านี่ แล้วมาทำไมงั้นเหรอ?”
ดีใจที่จะได้พบกันอีกน่ะ
ยังผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเลยสินะ
ชินระคุงยังอ่านสถานการณ์ไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะ แต่แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ
หลังจากที่ใช้มือจัดผมหน้าม้าที่เสียทรง โกโก้ก็หัวเราะคิกคัก
รู้สึกเหมือนกับว่าตอนคริสต์มาสจะได้เจอกันอีกเลยล่ะ
เพราะการแสดงดนตรีนี่สินะ
เพราะอะไรบางอย่าง ผมพูดขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ
มีตรงไหนผิดปกติไปกันนะ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดจะรักษาสัญญาแท้ๆ------
นี่ ชินระคุง เมืองนี้มองไม่เห็นดาวสินะ
นั่นสินะ
ถ้าเป็นที่ฮอกไกโดล่ะก็ ดูเหมือนจะเห็นได้เต็มท้องฟ้าเลยสินะ
อา......นั่นสินะ
ตอนนี้จะมีดาวแบบไหนอยู่บนท้องฟ้ากันนะ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีงานอดิเรกอย่างการแหงนหน้ามองฟ้าแท้ๆ แต่กลับเผลอคิดไปถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนของฤดูหนาวซะได้
นี่ ยังไงก็จูบไม่ได้งั้นเหรอ
เซ้าซี้จังนะ
ยังไงก็ไม่ได้สินะ
โกโก้ที่อกหักและไหล่ตก กลับมายืดตัวตรงอีกครั้งในทันทีและพูดออกมา
เพราะฉันกลายเป็นดาวที่เหมือนกับดาว [โยดากะ] ตั้งใจหาให้เจอล่ะ ชินระคุง




......เข้าใจแล้ว
ถึงจะไม่รู้ว่า [โยดากะ] เป็นอะไรแบบไหน แต่ว่าผมก็พยักหน้าไปซะแล้ว
สัญญาไปจนได้
การแสดงดนตรียังมีต่อไป
แต่ว่าผมพูดเรื่องที่ควรพูดและสะสางเรื่องที่ควรสะสางเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว
ประตูลิฟต์เปิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม
พอดูให้แน่ใจแล้วว่าลิฟต์จะลงไปข้างล่าง ผมก็เดินเข้าไปในลิฟต์
ที่อีกฟากของประตู โกโก้ที่อยู่ในชุดนอนสีชมพูกำลังตัวสั่นอยู่
ขอบคุณนะ ชินระคุง





หลังจากนั้นสี่ปี                                         
ผมไม่รู้ว่าโกโก้เป็นยังไงบ้าง




แล้ว ที่หาเจอได้ง่ายที่สุดในฤดูนี้เรียกว่าสามเหลี่ยมฤดูร้อน------ฟังอยู่รึเปล่าคะ คุณชินระ?”
เอ๊ะ?”
ตัวผมที่กำลังมองไปที่ดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนถูกเสียงที่แหลมและดังทำให้ตกใจ
ตอนนี้......เวลาไหนกันนะ?
ถึงความทรงจำของเมื่อครู่จะไม่ค่อยชัดเจน แต่ก็ถูกเหงื่อที่อยู่บนผิวพากลับมาที่ความเป็นจริง
ตอนนี้เป็นหน้าร้อน                                                             
นึกไปถึงเรื่องธรรมดาแบบนั้น
ตอนนี้มีเด็กผู้หญิงที่สวยเป็นบ้ากำลังงอนอยู่ข้างๆ
ทั้งๆ ที่คนอุตส่าห์อธิบายแท้ๆ โหดร้ายจังเลยค่ะ เสียใจขนาดจะตายได้เลยค่ะ
“โทวกะ มุกตลกนั่นมันแย่เกินไปแล้ว”
ผมทำหน้าไม่พอใจใส่โทวกะที่ป่วยหนัก
เพราะผมกับโทวกะจะดูดาวก็เลยขึ้นมาบนเนิน------หอชมวิวที่อยู่บนภูเขา
ว่าแต่ เพราะคุณชินระอยากดูดาวเลยขอมาด้วยกันเนี่ย หายากนะคะ
ก็นิดหน่อยน่ะ
เพราะถ้าให้อธิบายจะยุ่งยาก ก็เลยตอบเลี่ยงไปอย่างพอเหมาะ
พอนึกเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนออก ก็เลยโทรศัพท์ไปหาโทวกะที่ชอบดูดาว แล้วก็ออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนแบบนี้
สุดท้ายแล้ว ที่ฮอกไกโดก็ไม่ได้ไปดูดาวตรงๆ
ลืมเรื่องของโกโก้มาจนถึงวันนี้ด้วยเช่นกัน
แต่ว่า เพราะดันนึกออกไปแล้ว......ก็เลยช่วยไม่ได้




นี่ โทวกะ กลุ่มดาว [โยดากะ] เนี่ยอันไหนงั้นเหรอ
โยดากะที่ว่าเนี่ย ใช่ [โยดากะโนะโฮชิ] รึเปล่าคะ
โทวกะมีสีหน้าประหลาดใจ
พอคิดว่าเป็นกลุ่มดาวที่มีชื่อเสียงขนาดที่ถ้าไม่รู้จักก็แปลกมาก จู่ๆ โทวกะก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา
คุณชินระคะ [โยดากะโนะโฮชิ] อะไรนั่นไม่ใช่กลุ่มดาวค่ะ
เอ๊ะ?”
นั่นเป็นชื่อของนิทานที่ มิยาซาวะ เคนจิ แต่งค่ะ
พออ่านสีหน้าของผมแล้ว โทวกะก็เริ่มเล่าเรื่องด้วยท่าทางมีความสุขนิดๆ
เป็นเรื่องของเหยี่ยวกลางคืนที่มีหน้าตาน่าเกลียดก็เลยถูกนกที่อยู่รอบตัวหรือพี่น้องกลั่นแกล้ง------และนอกจากนี้ก็ยังเป็นนกที่ใจดีอีกนะคะ เป็นนกที่รู้สึกสิ้นหวังกับการที่ตัวเองต้องล่าเหยื่อเพื่อมีชีวิตอยู่ เหยี่ยวกลางคืนที่ไม่มีที่ให้อยู่บนพื้นโลกก็เลยเสี่ยงตายบินต่อไปบนฟากฟ้ายามค่ำคืน แล้วในที่สุดก็ถูกเผาจนไหม้แล้วกลายมาเป็น [โยดากะโนะโฮชิ] ค่ะ
เป็นเรื่องราวที่มืดมนจังเลยนะ
......แล้วมีความเห็นยังไงเหรอคะ
โทวกะพูดพึมพำออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของเธอ
แต่ว่าเรื่องที่คุณชินระกำลังหาดาวที่โรแมนติกแบบนั้นอยู่เนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลยนะคะ
เปล่าหรอก......แต่ก็นะ
ถึงจะบอกความเห็นแบบไหนไปก็คงจะถูกโทวกะหัวเราะใส่ ผมเลยลังเลที่จะพูด
งั้นเหรอ ไม่มีหรอกเหรอ
ดาวเหยี่ยวกลางคืนอะไรนั่น ไม่มีงั้นเหรอ
คุณชินระ ตอนเที่ยง เพราะคุยเรื่องโตเกียวกัน ก็เลยนึกถึงเรื่องในอดีตสินะคะ
โทวกะพูดพึมพำอย่างเงียบๆ
แก้วตาที่โปร่งใสนั่นมองทะลุเข้าไปในตัวผม
รู้ดีเลยนี่นา
ก็พวกเรา คล้ายกันนี่คะ
โทวกะยิ้มหวาน
เผลอตอบไปอย่างว่าง่ายจนได้
เธอสวยที่สุดในบรรดาเด็กผู้หญิงที่อยู่รอบตัว แต่ว่าภายในนั้นคล้ายกับกันผม......
บางที ที่นึกเรื่องในอดีตได้คงเป็นเพราะโทวกะล่ะมั้ง
ฉันเหรอคะ?”
ผมหัวเราะเยาะโทวกะที่กำลังงงอยู่
เพื่อเป็นการแก้เผ็ดกลับไป จะไม่บอกอะไรมากกว่านี้ทั้งนั้น
โทวกะป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายเช่นเดียวกับโกโก้
ชีวิตซึ่งจะถูกเผาไหม้ไปในเวลาไม่นานกำลังใช้วันเวลาในแต่ละวันไปอย่างธรรมดาอยู่
สิ่งที่จะไม่กลายเป็นความทรงจำที่เหมือนกันกับเหยี่ยวกลางคืนและโกโก้ ตอนนี้ สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าผมคือสิ่งนั้นแน่นอน
อะไรเหรอคะ จ้องหน้าคนอื่นแบบนี้




เปล่าหรอก...... พอมองดูดีๆ แล้วก็พบว่าโทวกะเป็นคนที่สวยมากเลยน่ะ
ก็เลยจะทำมิดีมิร้ายฉันเหรอคะ
คงเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายน่าดู ขอผ่านล่ะ
มีความหมายตรงตัวกับคำพูด แต่ว่าโทวกะคงจะไม่เข้าใจ
พอนึกถึงเรื่องเมื่อสี่ปี่ก่อน  ผมก็สนใจเรื่อง ตัวเองในอดีตมากกว่าเรื่องของโกโก้
รู้สึกได้ว่าตัวผมในตอนนี้------มืดมนและซึมเศร้าน้อยกว่าตัวผมในอดีต
ถ้ามองจากภายนอก การเข้าสังคมคงจะเปลี่ยนไป พอรู้ตัวก็พบว่ากลายเป็นคนพูดคุยกับคนรอบข้าง สามารถยิ้มอย่างมีอัธยาศัยดีได้ ทำตัวแบบนั้นแล้วจะมีชีวิตอยู่ในสังคมได้ง่ายกว่า พอไม่ค่อยระวังเรื่องรอบตัวแล้วก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นอยู่มาก
ก็ไม่ได้คิดว่าจะเปลี่ยนไปหรอกแต่ว่า
เอ๊ะ?”
ผมส่ายหน้าให้โทวกะที่ตอบสนองกับคำบ่นพึมพำ
ไม่มีอะไร
ที่ว่าไม่มีอะไรเนี่ย ก็เมื่อเองไม่ใช่เหรอคะ แล้ว จำเป็นต้องอธิบายเรื่องดาวรึเปล่าคะ?”
ไม่จำเป็น ไม่สนใจน่ะ
จริงๆ เลย......ไม่สนใจดาว แล้วก็ไม่สนใจฉันด้วยเนี่ย แล้วแบบนี้มาทำไมคะนั่น
ในขณะที่โทวกะบ่นพึมพำก็ออกห่างจากตัวผม แล้วไปดูดาวที่ตัวเองชอบ
ในขณะที่มองตามแผ่นหลังนั้นไป ก็คิดว่าเธอจะตายเมื่อไหร่กันนะ
เด็กผู้หญิงที่ว่ากันว่าคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินฤดูร้อนปีนี้
ครั้งนี้ ผมจะได้เห็น ความตายอย่างแน่นอน
ไม่มีที่ให้ย้ายไปมากกว่านี้แล้ว
หมู่บ้านนี้เป็นที่สุดท้ายของพวกเราพี่น้อง
นี่......พลังของชั้น คิดว่ามีความหมายอะไรอยู่รึเปล่า
ในขณะที่พูดพึมพำ ผมก็แหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนของฤดูร้อน
หมู่บ้านนี้เห็นดาวได้มากเกินไป                                                                                            
ผมหาดาวที่จะให้คำตอบกับผมได้จากในนั้น

หาดาวสีชมพูต่อไป