คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 21]
“หา……”
ในขณะที่ตกใจกับรุ่นน้องที่พูดอย่างกระตือรือร้น
ก็มองเข้าไปในแฟ้มงานคริสต์มาส
เนื้อหาเกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงคริสต์มาสของหอพักที่มีกำหนดการจะจัดขึ้นในวันที่ยี่สิบห้า
เป็นงานที่จัดขึ้นในช่วงนี้ของทุกปี
ใช้พื้นที่โรงอาหารทำอาหารด้วยกันทุกคนพร้อมกับจัดงานสร้างความบันเทิงเล็กๆน้อยๆ
ทว่า ก็เป็นงานที่มีแค่นั้น
สำหรับนักเรียนปีสามที่มีการสอบเข้ามารออยู่ตรงหน้าแล้วถือเป็นการผ่อนคลาย
พวกนักเรียนหอพักจะสนุกกับงานทุกปีในฐานะสิ่งกระตุ้นเล็กๆน้อยระหว่างช่วงปิดเทอมฤดูหนาว
แต่ว่าเรื่องที่นั่นแทบจะกลายเป็นเพียงฉากหน้าไปแล้วนั้น
เป็นความจริงที่รู้กันดีในหมู่นักเรียนหอพัก
เดิมที
พอถึงวันหยุดยาวนักเรียนจำนวนมากจะกลับบ้านกัน
โรงเรียนนี้การมาเรียนจากหอพักคือกระแสหลัก
แต่นักเรียนที่สามารถมาเรียนจากบ้านได้นั้นบางทีก็จะทำเช่นนั้น
ถึงจะเป็นรูมเมทของซาคุยะเองก็เช่นกัน
เพื่อเอาจริงกับการสอบเข้าเลยกลับบ้านไป
ได้ฟังเจ้าตัวเล่าปนบ่นในตอนพักเที่ยงว่าเธอที่ทุ่มเทช่วงเวลาสามปีของโรงเรียนให้กับชมรมกีฬานั้นกำลังพยายามทั้งวันทั้งคืนเพื่อวันสอบเข้าที่ใกล้จะมาถึง
กรณีของเธออาจจะเป็นตัวอย่างที่สุดโต่งไปเล็กน้อยก็เป็นได้ แต่คนที่ถูกครอบครัวกำหนดให้กลับบ้านไปในช่วงวันหยุดยาวก็มีอยู่เยอะเช่นกัน มีนักเรียนเหลืออยู่เพียงน้อยนิด และพวกเธอคงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีกับความเบื่อซึ่งมีมากเกินไปในวันหยุดที่ยาวนาน
[หน้า 22]
ตัวซาคุยะนั้นตั้งใจไว้ว่าช่วงสิ้นปีจะยังอยู่ที่หอพัก
จากนั้นก็ไปรวมตัวกับพ่อและพี่ชายที่หมู่บ้านมินาคามิในวันสิ้นปี
ใช้เวลาช่วงปีใหม่ที่บ้านเกิด แล้วค่อยกลับบ้าน
เพราะแบบนั้น
ถึงจะตอบรับคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงคริสต์มาสไปก็ไม่มีปัญหาอะไร
เดิมทีก็ตั้งใจจะเข้าร่วมอยู่แล้วด้วย แต่ก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่
“ว่าแต่ ทำไมถึงได้เป็นฉันหรือคะ
? ถ้าจะให้ยืนยันเนื้อหางานล่ะก็ ควรไปขอประธานหอน่าจะดีกว่ารึเปล่าคะ”
ซาคุยะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในหอพักทั้งสิ้น
แล้วนี่ก็ไม่ใช่การรับฟังคำปรึกษาโดยตรงจากรุ่นน้องที่สนิทกันด้วย
คุ้นหน้ากันอยู่ก็จริง
แต่ก็แทบไม่เคยคุยกับพวกเธอเลย เป็นสภาพที่ถึงจะโดนขอคำปรึกษาเกี่ยวกับงานไปก็จะมีแต่ความอึดอัดที่จะมาก่อน
“อ๊ะ
หรือจะให้ไปเป็นตัวแทนของคุณมิคาเงะรึเปล่าคะ”
ลองเอ่ยชื่อรุ่นน้องที่สนิทกันซึ่งรู้จักกันที่สภานักเรียนไปดู
เป็นสาวน้อยที่ตรงข้ามกับซาคุยะซึ่งสงบเยือกเย็น
เธอมีนิสัยร่าเริง
ถ้าจะให้อธิบายในคำเดียวก็คือเป็นตัวสร้างปัญหา
แต่ความวุ่นวายที่ไม่มีเจตนาร้ายอะไรนั้นก็ได้ทำให้กลายเป็นเด็กที่ถูกทำเหมือนเป็นงานรื่นเริงของทุกคน
[หน้า 23]
“มะ ไม่ใช่ค่ะ เอ่อ……”
“……แล้วมีอะไรหรือคะ ?”
พวกเด็กสาวอ้ำๆอึ้งๆ
แล้วส่งสายตาให้กัน
เด็กสาวคนหนึ่งใช้ข้อศอกสะกิดเด็กสาวข้างๆซึ่งเป็นแนวหน้าที่ยื่นแฟ้มมาให้ซาคุยะ
“ทะ ที่จริงแล้วคุยกันว่าคราวนี้จะจัดเลี้ยงคริสต์มาสแบบให้หลายๆคนมีส่วนร่วมค่ะ
แล้วถ้าเป็นแบบนั้นก็เลยคิดว่ารุ่นพี่มินาคามิคงจะเหมาะสมกับตำแหน่ง”
“เหมาะสม ? ยังไงเหรอคะ ?”
“ตอนแรกถือไปให้ประธานหอแล้วค่ะ
! แล้วประธานก็บอกมาว่าถ้าให้รุ่นพี่มินางามิดูแล้วได้รับอนุญาตจะจัดงานแบบนั้นก็ได้ค่ะ
!”
“……หา อย่างนี้นี่เอง สมกับเป็นเธอคนนั้นจริงๆ”
ถึงจะเรียกว่าประธานหอ
แต่ก็เป็นเด็กนักเรียนหญิงที่อยู่ปีเดียวกัน
ประธานหอคนปัจจุบันคือเพื่อนคนหนึ่งของซาคุยะ
เป็นเด็กที่มีผมยาวเงางามเป็นจุดเด่น
ดูเหมือนว่าด้วยเหตุผลทางบ้านเลยถูกห้ามว่าไม่ว่ายังไงก็ห้ามตัดผมสั้นเกินกว่าความยาวที่กำหนด
แล้วก็มาบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆ
เหมือนบ้านจะเป็นตระกูลที่สืบทอดศิลปะอะไรซักอย่าง
และเพราะความงดงามของท่าทางและความประพฤติ ก็เลยเป็นที่ชื่นชอบของพวกรุ่นน้องด้วย
เรื่องที่ได้เป็นประธานหอซึ่งถูกเลือกโดยผลโหวตเองก็สามารถพูดได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่ธรรมดา
[หน้า 24]
ถ้ามองจากตัวซาคุยะที่เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดแล้วจะเห็นว่าแค่ถูกรูปลักษณ์ตอนออกสังคมหลอกเอาแค่นั้น
โดยเฉพาะในหน้าร้อน ตอนอยู่ที่ห้องตัวเองจะนั่งขัดสมาธิทั้งกระโปรงไปทานไอศกรีมไป
เปิดบริเวณคอเสื้อแล้วใช้พัดโบกเอาลมเข้าไป
ไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถให้รุ่นน้องเห็นได้เลย
เพราะเธอเป็นแบบนั้นเลยมีส่วนที่ชอบทำอะไรแบบขอไปทีผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกอยู่ด้วย
แล้วก็มีนิสัยเสียที่ชอบโยนเรื่องยุ่งยากมาให้ซาคุยะ
“ช่วยไม่ได้สินะคะ……แล้วฉันต้องทำอะไรเหรอคะ”
“เอ่อ
ถูกบอกมาว่าก่อนอื่นก็ให้ช่วยดูให้ แล้วถ้าสามารถเข้าร่วมให้ได้
สุดท้ายก็ขอแค่เซ็นชื่อ”
ซาคุยะเข้าใจ
ซาคุยะพอเข้าใจท่าทางอ้ำๆอึ้งๆของพวกรุ่นน้องได้นิดหน่อย
ประธานหอที่ไปขอร้องไม่แม้แต่จะเช็คดูส่วนเล็กส่วนน้อย
แล้วก็โยนเรื่องทั้งหมดไปให้รุ่นพี่คนอื่นที่ไม่คุ้นหน้า
ถ้าเป็นในห้องเรียนและมีจุดยืนในชั้นเรียนเป็นซาคุยะกับเพื่อนร่วมชั้นล่ะก็
เรื่องนั้นถือเป็นการกระทำที่ปกติไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
แต่การเอารุ่นพี่ที่ไม่คุ้นเคยมาคั่นระหว่างกลางนั้นไม่แปลกที่จะทำให้ระแวงเป็นธรรมดาว่าแบบนี้หมายความว่าไม่อนุญาตตั้งแต่แรกแล้วรึเปล่า
หรือไม่ก็ระแวงว่าต่อไปจะโดนถามหาเหตุผลแบบไหนกันนะ
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันสามารถทำได้ล่ะก็จะร่วมมือด้วยค่ะ”
[หน้า 25]
“เอ๊ะ”
ซาคุยะสะดุ้งไปพริบตาหนึ่งกับอาการแปลกใจที่มากเกินปกติของพวกเด็กผู้หญิง
“เอ เอ่อ…… ?”
“ได้เหรอคะ ! ?”
“อะ อื้อ
ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันทำได้นะคะ……แค่งานเลี้ยงคริสต์มาสธรรมดาสินะคะ”
“ค่ะ ! ถึงจะมีงานเล็กๆน้อยๆ แต่ก็เป็นแค่งานเลี้ยงคริสต์มาสธรรมดาค่ะ”
“งานเลี้ยงคริสต์มาสคืองานเล็กๆน้อยๆสินะคะ ?”
“เปล่าค่ะ เป็นงานเลี้ยงคริสต์มาสที่มีกิจกรรมสร้างความครื้นเครงอยู่ค่ะ”
รู้สึกเหมือนบทสนทนาไม่ค่อยเข้ากันเล็กน้อย
ซาคุยะรู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่ตอบตกลงไป
“เอ่อ……คงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆหรอกนะคะ
? เป็นงานคริสต์มาสธรรมดาๆใช่ไหมคะ
?”
“ค่ะ แน่นอนค่ะ”
“ถ้ารุ่นพี่มินางามิยอมเข้าร่วมล่ะก็ต้องสำเร็จไม่ผิดแน่นอนค่ะ
!”
“ภูมิใจกับทุกคนได้แล้วค่ะ”
พวกเด็กผู้หญิงพูดและแสดงความดีใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
[หน้า 26]
“ดะ
ดีใจให้ขนาดนั้นก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรหรอกแต่…… แต่ทำไมถึงได้ดีใจขนาดนั้น……”
“หรือว่าไม่ทราบหรอกเหรอคะ ?”
“ไม่ทราบอะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ
อะไรเป็นมายังไงเหรอคะ”
มองหน้ากันต่อหน้าซาคุยะที่สับสนไม่รู้จะทำยังไงดี
“รุ่นพี่มินางามิเป็นที่หลงใหลในหมู่เด็กผู้หญิงชั้นปีหนึ่งค่ะ”
“……คะ ?”
“เป็นที่พูดถึงกันว่าสงบเยือกเย็น
งดงาม แล้วก็วิเศษมากค่ะ !”
“หะ หา
ขอบคุณค่ะ”
“เด็กที่อยากคุยกับรุ่นพี่มินางามิเองก็มีอยู่เยอะเหมือนกันค่ะ
เพราะแบบนั้น รุ่นพี่มินางามิ ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ !”
เด็กคนที่เป็นแนวหน้าหยิบแฟ้มออกไปจากมือของซาคุยะ
เปิดหน้าที่มีช่องกรอกลายเซ็นยืนยันจากกระดาษที่หนีบไว้ข้างในแล้วยื่นมาให้
มองท่าทีของพวกเธอแล้ว
ซาคุยะก็พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
กล่าวคือ คงอยากจะจัดงานเชื่อมความสัมพันธ์ข้ามชั้นปีขึ้นพร้อมกับงานเลี้ยงคริสต์มาสสินะ
?
ถ้าเป็นเรื่องแค่นั้นล่ะก็ท่าทางจะไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ
หากถูกขอให้ออกไปพูดอะไรก็คงเดือดร้อน
แต่ว่าคงจะมีนักเรียนปีสามคนอื่นนอกจากตัวเองอยู่ด้วยเหมือนกัน……ไม่สิ ยังไม่ได้ยืนยันเรื่องนั้นเลย
[หน้า 27]
“นอกจากฉันแล้วนักเรียนปีสามคนอื่นก็เข้าร่วมด้วยสินะคะ
? ที่เชิญก็ดีใจอยู่ค่ะ
แต่ถ้าต้องอยู่คนเดียวในกลุ่มคนไม่รู้จักแล้วยังไงก็คงกังวลอยู่นิดหน่อยค่ะ”
“ค่ะ
เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ทางนักเรียนปีสามที่เหลืออยู่ที่หอพักนั้นมีกำหนดการว่าจะเชิญมาทุกคนค่ะ”
“เพราะแบบนั้น
ยังไงก็ขอรบกวนด้วยค่ะ”
“ขะ เข้าใจแล้วค่ะ
ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็……”
ซาคุยะเซ็นชื่อลงไปราวกับถูกกดดัน
แต่ตอนที่กำลังจะเขียนชื่อเสร็จนั้นเอง มือก็ได้หยุดลง
“ก่อนหน้านั้น ตรวจสอบให้แน่ใจอีกแค่ซักครั้งคงไม่------”
“ขอบคุณค่ะ ! ”
“เอ๊ะ ! อะ เอ่อ…… ! ”
ทว่า ก่อนที่ซาคุยะจะเรียกให้หยุด
พอพวกเธอโค้งคำนับแล้วก็รีบก้าวเท้าเบาๆเดินผ่านระเบียงยามค่ำคืนไปด้วยความเร็วที่พอๆกับการวิ่งเหยาะๆในทันที
“………………จะทำยังไงดี”
บางทีตัวเองอาจจะเผลอทำพลาดครั้งใหญ่เข้าซะแล้วรึเปล่านะ
?
[หน้า 28]
เพิ่งมากังวลเอาป่านนี้
แต่ก็มองไม่เห็นพวกเธอแล้ว
เช้าวันต่อมา
ตอนที่ซาคุยะมาถึงห้องเรียนก็มีนักเรียนหลายคนมาอยู่ก่อนแล้ว
หอพักตั้งอยู่ตรงชายขอบของพื้นที่โรงเรียน
ระยะทางระหว่างตึกเรียนนั้นใกล้จนน่าตกใจ
ด้วยเหตุนั้น
ที่นี่คำว่าไปโรงเรียนจึงไม่ได้ใช้กับเฉพาะกับการเข้ามาในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังใช้กับการไปที่ห้องเรียนด้วย
เรื่องนั้นถ้ามองกลับกันก็จะเป็นการบอกให้รู้ว่ามีนักเรียนที่ถึงจะเข้ามาในโรงเรียนแล้วก็ไม่ได้ตรงไปที่ห้องเรียนในทันที
แต่จะฆ่าเวลาอยู่ในพื้นที่ของโรงเรียนหรือห้องเพื่อนในหอพักอยู่ด้วยเช่นกัน
ที่อยู่ในห้องเรียนตอนนี้คือนักเรียนคนที่เหมือนเป็นตัวแทนของเรื่องนั้น
ถึงจะมีจุดยืนเป็นประธานหอ แต่กลับมาโรงเรียนแบบเฉียดสายเสมอจนเป็นเรื่องปกติ
“แปลกจังเลยนะคะ
ที่คุณโคโนเอะมาแล้วเนี่ย”
“เรื่องนั้นน่ะน้า เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่มาดูหน้าของมินางามิในวันนี้ตอนนี้น่ะ”
ผมดำของเธอม้วนเก็บไว้เหนือศีรษะ
แล้วส่วนที่เหลือก็ปล่อยลงเหมือนเป็นทรงทวินเทล
ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นความยาวที่ยาวมาถึงกลางหลัง
ถ้าไว้ผมตรงก็จะยาวมาจนถึงเอว
ถึงจะบ่นว่าดูแลลำบาก
แต่ผมเงางามราวกับเส้นไหมนั้นกำลังอาบแสงอาทิตย์ยามเช้าแล้วส่องประกายออกมาอยู่
แม้จะดูอ้อนแอ้นแต่ก็มีร่างกายที่สมส่วนเข้ากัน
เป็นเด็กผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกว่าถ้าได้เห็นซักครั้งแล้วจะไม่มีทางลืมได้แน่นอน
[หน้า 29]
ที่อยู่ตรงหน้าคือโคโนเอะ
จิคาเงะ ประธานหอผู้เป็นตัวการที่โยนงานของงานเลี้ยงคริสต์มาสมาให้ซาคุยะเมื่อคืน
“อะไรกันคะ
? มาเพื่อขอโทษหรืออะไรเหรอคะ
? เพราะเป็นงานยุ่งยากเลยยัดเยียดมาให้ฉันเนี่ย……ถ้าจะเหลืออยู่ที่หอพักล่ะก็แค่งานผู้ดูแลงานคริสต์มาสคงทำได้ไม่ใช่เหรอไงกันคะ”
ต่อว่าแบบเสียดสีปนถอนหายไป
แต่แล้วซาคุยะก็ต้องคิดว่า เอ๊ะ ?
ถ้าเป็นเธอตอนปกติล่ะก็พอพูดแบบนี้ไปก็จะยิ้มเจื่อนๆแล้วขอโทษซาคุยะมา
พอบอกไปว่าช่วยไม่ได้แล้วยอมๆให้ ก็จะกลายการเลี้ยงอาหารกลางวันที่โรงอาหารไป
การโต้ตอบแบบนั้นคือปกติธรรมดาของทุกครั้ง
ทว่าจิคาเงะกลับทำตาโตตกใจอยู่ทั้งๆอย่างนั้นแล้วลองถามมาด้วยท่าทางสงสัย
“หรือว่าไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรงั้นเหรอ
? ”
“รู้อยู่แล้วล่ะค่ะ
แฟ้มเองก็ขอดูไปแล้ว ดูเหมือนจะมีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆอยู่
แต่ก็เป็นงานเลี้ยงคริสต์มาสธรรมดาสินะคะ ? ”
“แล้วเนื้อหาของกิจกรรมเล็กๆน้อยๆนั่นล่ะ
? ”
“……จะว่าไป
ก็ยังไม่ได้เช็คดูไปถึงตรงนั้นเลยนะคะ แต่ก็ขอให้อธิบายเรื่องที่ทำไมถึงได้มีท่าทางดีใจเกินเหตุไปแล้วค่ะ”
[หน้า 30]
“งั้นก็ตัดสินใจเข้าร่วมไปโดยไม่รู้งั้นเหรอ
? ”
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ
แต่ยังไงก็เป็นงานคริสต์มาสเหมือนเดิมแบบเดียวกับที่เคยจัดขึ้นในหอพักทุกปีสินะคะ ?
”
“นั่นสินะ
ตรวจดูเนื้อหาข้างในไปแล้วแต่เรื่องที่ต้องทำก็ไม่ต่างไปจากทุกที พวกรุ่นน้องจะเตรียมอาหารมา
ในขณะที่จัดงานเลี้ยงให้นักเรียนปีสามไปทุกคนก็จะคุยกันอย่างสนุกสนาน แล้วก็มีกิจกรรมสานสัมพันธ์
พอตกดึกก็แยกย้าย มีแค่ผู้ดูแลที่มีหน้าที่ต้องอยู่ดูว่ารุ่นน้องเก็บกวาดเรียบร้อยดีหรือยัง
แต่นักเรียนปีสามคนอื่นนอกจากนั้นแต่ละคนจะยังไงก็ได้ตามใจชอบ”
“แบบเดียวกับทุกทีเลยไม่ใช่หรือไงกันคะ”
ผู้ดูแลจำเป็นต้องอยู่จนดึกอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่จะกลายเป็นว่านั่นได้ไปขัดแย้งกับส่วนหนึ่งในพื้นฐานสำคัญของงานที่ว่า
“จะไม่รบกวนนักเรียนปีสาม”
แต่ว่าถึงจะเรียกด้วยคำเดียวกันว่านักเรียนเตรียมสอบ
ตารางเวลาที่จัดไว้สำหรับช่วงนี้ก็ต่างกันไปตามแต่ละคน
ด้วยเหตุนั้น การที่คนที่ว่างอยู่จะรับงานผู้ดูแลไปก็เลยเป็นเรื่องปกติ
เรื่องที่ผู้ดูแลจำเป็นต้องอยู่จนดึกนั้นถ้าให้พูดอีกอย่างก็คือเป็นอีกด้านหนึ่งของการที่สามารถสนุกกับงานเทศกาลจนถึงตอนสุดท้ายได้เช่นกัน
เพราะแบบนั้นเลยไม่ใช่ว่าจะเป็นการถูกให้มาทำหน้าที่เสียประโยชน์เสมอไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น