คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 31]
ซาคุยะเองก็เข้าใจเรื่องนั้นอยู่แล้วเช่นกัน
เลยงงที่ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมถึงได้ถามยืนยันอย่างระมัดระวังขนาดนี้
“……ไม่รู้จริงๆด้วย……”
“……ตกลงมีอะไรกันแน่เหรอคะ ?”
“อืม…………เรื่องนั้นพูดไปจะดีรึเปล่านะ……ไม่สิ แต่ว่านี่อาจจะน่าสนใจขึ้นมาเรื่อยๆก็ได้……ความทรงจำดีๆสมัยตอนเป็นนักเรียน
? ต้องเป็นที่เล่าต่อกันไปยังรุ่นหลังๆไม่ผิดแน่นอนซะด้วยสิ”
“เอ เอ่อ ? คุณโคโนเอะ
?”
จากท่าทีที่ไม่ปกติ เหงื่อได้ไหลลงมาที่แก้มของซาคุยะ หรือว่าบางทีฉันอาจจะทำเรื่องสะเพร่าลงไปแล้วรึเปล่านะ
? ถามตัวเองไปแต่ก็สายไปเรียบร้อยแล้ว
คิดไว้ด้วยว่าจะไปที่ห้องเรียนของรุ่นน้องแล้วถามตั้งแต่ตอนนี้เลย
แต่ท่าทางดีใจเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัว
ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมแบบไหน
พวกเธอก็ดีใจกับการเข้าร่วมของซาคุยะจากใจ……คิดว่าเป็นแบบนั้น
เพิ่งมาเข้าใจเอาป่านนี้ว่าอาการประหลาดใจตอนที่เซ็นชื่อลงไปนั้นเป็นเพราะคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าคงจะถูกปฏิเสธแน่นอน
“ยะ
ยังไงก็เถอะ”
ก่อนอื่นต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นกิจกรรมแบบไหน ถึงจะจินตนาการให้มากไปก็ไม่มีความหมายอะไร บางทีโคโนเอะ จิคาเงะอาจจะแค่มากระตุ้นความกังวลเฉยๆ แล้วเป็น “กิจกรรมเล็กๆน้อยๆ” ตรงตามความหมายจริงๆก็เป็นได้
[หน้า 32]
ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจเนื้อหาก็ไม่สามารถตัดสินใจได้
ซาคุยะตัดสินใจแบบนั้นแล้วตั้งใจว่าจะ------ไปถามอีกครั้ง
“นี่ๆ
ที่ว่าจะเข้าร่วมประกวดนางงามในงานคริสต์มาสเนี่ย จริงเหรอ ! ?”
“………………”
คำศัพท์ที่ว่าจะไปถามอีกครั้งนั้นได้หยุดลงไป
ที่เข้ามาในห้องเรียนคือยาคุชิ
คิโยกะซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้น พอเห็นซาคุยะจากประตูทางเข้าก็รีบรุดมาหาทันที
“ตอนที่ได้ยินตกใจเลยล่ะ
ไม่คิดเลยว่าจะเข้าร่วมจริงๆ แต่จะเอาใจช่วยนะ วางใจได้เลย ความนิยมซาคุยะของพวกรุ่นน้องน่ะสุดยอดมากทีเดียว
น่าจะชนะเลิศล่ะนะ”
“ดะ
เดี๋ยวก่อนค่ะ ! แล้วแต่ไหนแต่ไร
ประกวด นางงาม ? ทำไมถึงได้กลายเป็นเรื่องแบบนั้นไปได้กันคะ”
ไม่เข้าใจความหมายที่ถูกพูดมา
แล้วที่จริง นั่นน่าจะเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในที่ๆมีทั้งชายและหญิง
[หน้า 33]
การโหวตให้เด็กผู้หญิงที่โรงเรียนเอกชนสตรีคิโยมิยะซึ่งมีแค่เด็กผู้หญิงเท่านั้นเนี่ยมันสนุกตรงไหนกันนะ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่สามารถจินตนาการถึงภาพของตัวซาคุยะเองที่ขึ้นไปอยู่บนเวลาทีนั้นได้เลย
ไม่สิ
พยายามจะจินตนาการแล้วแต่ความคิดทำงานหนักเกินไปเลยช็อตอยู่
“แล้วที่จริง
ประกวดนางงามที่ว่าคือ เรื่องอะไร กัน เหรอ คะ”
ถามคิโยกะด้วยเสียงที่สั่นและขาดเป็นช่วงๆ
ซาคุยะได้ยินเสียงตอบกลับมาราวกับว่านั่นเป็นห่าฝนที่ตกลงมาจากที่ไกลแสนไกลซึ่งห่างไกลจากเสียงของตนเองมาก
“เอ๊ะ ? ก็เรื่องตัดสินหามิสคิโยมิยะในงานเลี้ยงคริสต์มาสไม่ใช่เหรอไง
? ทั้งประชาสัมพันธ์กันด้วยท่าทางน่าสนุกมาก
โปสเตอร์เองก็มีแปะไว้ตรงทางเข้าด้วย”
“หา !
?”
“คิกคิกคิก……”
ได้ยินเสียงหัวเราะแบบพยายามกลั้นหัวเราะไว้มาจากด้านหลัง
และถึงจะไม่หันไปมองก็รู้ได้ เป็นเสียงของโคโนเอะ จิคาเงะ
ความแตกตื่นโกลาหลนั้นเกินกว่าที่คาดไว้
เป็นระดับที่พัดเอาบรรยากาศน่าอึดอัดยังไงไม่รู้ไปได้
ท่าทีเฉยเมยของคิโยกะแล้วก็บรรยากาศนั้นได้ชำระล้างเอาทุกอย่างไป
จากนั้นความอึกทึกก็ห้อมล้อมซาคุยะ
“โกหก……สินะคะ……”
[หน้า 34]
ซาคุยะได้แต่ยืนอึ้งอยู่ในนั้น
“สรุปก็คือ”
พอพักเที่ยงแล้วพวกซาคุยะก็มารวมตัวกัน
หลังจากที่เวลาผ่านไปก็ได้ถามเรื่องเมื่อเช้ากับพวกคิโยกะ
งานเลี้ยงคริสต์มาสที่ตัวซาคุยะนึกไว้กับเนื้อหางานที่จะจัดขึ้นจริงต่างกันอยู่มาก
แล้วดูเหมือนว่าคนที่ไม่รู้เรื่องนั้นจะมีแค่ซาคุยะที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง
“เริ่มมาจากเรื่องที่ว่าอยากได้ความทรงจำของนักเรียนที่จะจบการศึกษาน่ะ”
เอียงคอสงสัยกับคำพูดของจิคาเงะ
“ถึงจะบอกว่าเป็นความทรงจำก็เถอะ
ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปเหรอคะ ?
ช่วงเวลาใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนหรือหอพักเองก็นานกว่ารุ่นน้องด้วย
ความทรงจำคือผลลัพธ์ของเหตุการณ์ซึ่งแต่ละคนจะเป็นคนสร้างขึ้นมาเองไม่ใช่หรือคะ”
“นั่นเป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แค่ตัวซาคุยะคนเดียวสินะ
? ไม่ใช่แบบนั้น
รุ่นน้องกำลังต้องการความทรงจำของรุ่นพี่น่ะ”
“……พอพูดแบบนั้นแล้ว ?”
[หน้า 35]
ไม่เข้าใจความหมาย
ซาคุยะเลยถามทั้งคู่อีกครั้ง
ความทรงจำนั้นสุดท้ายยังไงก็เป็นสิ่งที่แต่ละคนสร้างขึ้น
ถึงจะเป็นการทำอะไรเป็นกลุ่มเรื่องนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ในแต่ละคนจะมีความทรงจำที่ว่า “ได้ทำอะไรซักอย่างด้วยกันกับทุกคน” สร้างขึ้นมา
ยกเหตุการณ์ขึ้นมาหนึ่งอย่าง
อารมณ์หรือความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์นั้นจะต่างกันออกไปนับไม่ถ้วน
ถ้าให้พูดแบบสุดโต่งแล้วล่ะก็ถึงแม้ว่าสำหรับคนหนึ่งจะถือเป็นความทรงจำที่ดี
แต่เป็นไปได้ว่าสำหรับใครซักคนอาจจะกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่อยากจะนึกถึงด้วยเช่นกัน
แล้วเรื่องนั้นบางทีซาคุยะอาจจะต้องลิ้มรสมันในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้
ถึงจะไม่เข้าใจเป้าหมายยิบย่อยของการประกวดนางงาม
แต่ก็สามารถจินตนาการภาพตัวเองใส่ชุดโป๊ๆเดินขึ้นไปบนเวทีอาบแสงสปอร์ตไลท์แบบเดียวกับภาพที่เห็นในทีวีได้
จากวิธีพูดของคิโยกะกับจิคาเงะเองก็ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ได้เดาผิดไปซะทีเดียว
สำหรับคนอื่นแล้วท่าทางจะกลายเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน
ซาคุยะคิดเช่นนั้น แล้วเรื่องที่เป็นฝันร้ายสำหรับตัวเธอเองก็ท่าทางจะไม่ผิดเช่นกัน
“ยังไงก็คิดได้แค่ว่าส่งฉันออกไปเพื่อเรียกเสียงหัวเราะค่ะ
ปฏิกิริยาจากในชั้นเรียนเองก็รู้สึกได้แบบนั้นด้วยค่ะ คิดว่าไม่ได้เดาผิดไปซะทีเดียวหรอกนะคะ……เปล่าค่ะ
ไม่ใช่ว่ากำลังโกรธอยู่หรอกนะคะ ค่ะ แน่นอนค่ะ”
“โกรธอยู่เห็นๆ ! กำลังโกรธสุดๆไปเลยด้วย !”
[หน้า 36]
“ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกเหมือนโดนหลอกค่ะ แต่……เฮ้อ จะพูดยังไงดีนะคะ……”
ถอนหายใจรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ของวันนี้
จากนั้นก็ตัดสินใจลองถามดูอีกครั้ง
“แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เข้าใจความหมายค่ะ
ทำไมฉันถึงต้องเข้าร่วมประกวดนางงามอะไรนั่นด้วย”
“ไม่ใช่เพราะว่าเผลอเซ็นชื่อไปแล้วหรอกเหรอ
?”
“ไม่ใช่แบบนั้น !”
กระแอมไอเล็กน้อยดังอะแฮ่ม ทำจิตใจให้สงบ
แล้วลองเปลี่ยนคำถามดูนิดหน่อย
“มีท่านที่ท่าทางจะทำให้งานครื้นเครงกว่านี้อยู่เยอะสินะคะ
อย่างเช่นคุณอาคาโบชิที่เป็นประธานนักเรียนเองก็เป็นที่รักของรุ่นน้องด้วย แล้วยังมีความเข้าสังคมเก่งที่จะกระตือรือร้นจัดงานอยู่พอดี
คิดว่าคงจะเข้าร่วมอย่างสนุกสนานรึเปล่าคะ”
“อ๊ะ
เห็นมีเขียนไว้ว่าจะเข้าร่วมน่ะ”
“…………”
ถูกตอบกลับมาในทันควัน พูดไม่ออกในทันที
เริ่มคิดใหม่แล้วพูดต่อ
“……กล่าวคือการที่ท่านที่มีทั้งความนิยมและเข้าสังคมเก่งแบบนั้นจะประกาศเข้าร่วมถือเป็นเรื่องปกติมากๆ
ที่เป็นที่เรียกร้องของทุกคนก็เข้าใจได้อยู่ค่ะ แต่ทำไมแม้แต่ฉันถึงได้…”
[หน้า 37]
“เรื่องนั่นน่ะ
ก็…”
“เนอะ”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วพยักหน้า
ราวกับกำลังยืนยันเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้วซึ่งควรจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้โดยไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ
มีแค่ซาคุยะที่ถูกปล่อยทิ้งไว้คนเดียว
“ดะ เดี๋ยวสิคะ ! มันอะไรกันคะปฏิกิริยาแบบนั้น ! ไม่เข้าใจความหมายเลยค่ะ”
“ให้อธิบายด้วยคำพูดเนี่ย
ถ้าไม่ใช่ซาคุยะล่ะก็เป็นการเยาะเย้ยกันเลยนะ”
“จริงๆด้วยเนอะ คิดว่ามีคำพูดกับการกระทำที่เพราะว่าเป็นซาคุจจิถึงได้รับการยอมให้อยู่เยอะเลยล่ะ”
“จริงๆเลยน้า”
“……เพราะแบบนั้น ถ้าไม่อธิบายให้ฟังก็จะไม่เข้าใจไงคะ”
ในขณะที่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยกับบทสนทนาที่ทิ้งซาคุยะไปแล้วดำเนินต่อ
ก็เร่งให้พูด
“ก่อนอื่นเรื่องเมื่อซักครู่กับงานประกวดเกี่ยวข้องกันยังไงเหรอคะ ? งานโรงเรียนคงจะกลายเป็นความทรงจำไม่ผิดแน่ค่ะ
แต่ว่าฉันก็ไม่ได้เคยดำรงตำแหน่งอะไรในโรงเรียนเหมือนคุณประธานนักเรียนด้วย
แล้วก็ไม่ใช่ว่าเคยสังกัดชมรมด้วย
รู้สึกเหมือนโดนส่งต่อเรื่องยุ่งยากของคุณโคโนเอะมาให้เลยค่ะ”
[หน้า 38]
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่นั่นก็เป็นความจริง
ซาคุยะคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ ตัวเธอนั้นไม่ใช่นักเรียนที่โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ
ไม่ใช่ว่าเคยดำรงตำแหน่งใหญ่ๆอะไรในงานโรงเรียนด้วย
ไม่ใช่ว่าเคยสร้างผลงานในกิจกรรมชมรมจนได้รับการยกย่องด้วย เป็นแค่นักเรียนธรรมดาๆที่ไม่โดดเด่นอะไรเท่านั้น
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเวทีซึ่งเป็นที่จุดสนใจของผู้คน
ทว่า ตรงข้ามกับภายในใจของซาคุยะ
ทั้งสองถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาให้เห็น
“……หรือว่าจะไม่รู้รึเปล่านะ”
“คงเป็นแบบนั้นล่ะนะ
แทนที่จะพูดแบบนั้น ถ้ารู้อยู่แล้วล่ะก็ ในกรณีนั้นจะไม่ตรงกับภาพลักษณ์จนน่าตกใจเลยล่ะ”
“อา เรื่องนั้นเป็นแบบนั้นจริงๆนั่นล่ะเนอะ”
“กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่คะ
?”
สังหรณ์ใจไม่ดีแล้วกลืนน้ำลาย
พอถามไปอย่างหวาดๆ
จิคาเงะก็ถามซาคุยะกลับ
“รู้จัก MSF รึเปล่า ?”
“เอ็มเอสเอฟเหรอคะ ? เหมือนเป็นรหัสลับหรือชื่อย่อของอะไรเลยนะคะ
เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกนี่ล่ะค่ะ”
“โรงเรียนนี้มีชุมนุมอยู่มากมายใช่ไหมล่ะ
? เป็นชุมนุมนึงในนั้นล่ะ”
“จริงๆด้วยค่ะ ถ้าเป็นชุมนุมล่ะก็ถึงจะไม่เคยได้ยินก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
[หน้า 39]
พอบอกแบบนั้นมา ซาคุยะก็พยักหน้า
ที่นี่ ในโรงเรียนเอกชนสตรีคิโยมิยะนั้นแน่นขนัดไปด้วยชมรมและชุมนุม
นักเรียนหรืออาจารย์ที่รู้จำนวนทั้งหมดนั้นมีอยู่อย่างจำกัดมาก
หรือไม่ก็ถึงกับพูดกันเลยว่าอาจจะไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่ชัดเลยรึเปล่า
เรื่องนั้นเป็นการพูดที่ดูเกินจริง
แต่สำหรับผู้ฟังนั้นมีพลังชวนให้คล้อยตามอยู่
“เพราะโรงเรียนในชนบทแบบนี้ไม่มีความสนุกอย่างอื่นเลย
อาจจะช่วยไม่ได้ก็ได้ค่ะ”
“นั่นสินะ MSF เองก็เป็นหนึ่งในชุมนุมแบบนั้นล่ะ”
โรงเรียนคิโยมิยะตั้งอยู่ตรงชานเมืองของเมืองชนบท
เป็นโรงเรียนคุณหนูที่มีขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่
รูปร่างที่ใช้ชุดกะลาสีหนาๆมาห่อหุ้มกายกับท่ายืนที่ดูสงบนิ่งในป่านั้นเป็นที่รับรู้กันในหมู่นักเรียนและผู้ปกครองในฐานะแบรนด์ของโรงเรียนคิโยมิยะ
ทว่า
ที่เข้ามาเรียนนั้นเป็นพวกเด็กสาวที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น
ในป่าชานเมืองซึ่งมีสิ่งบันเทิงน้อยนั้นมีความเบื่อที่มากจนไม่รู้จะทำยังไงดี โดยเฉพาะกับความประพฤติของนักเรียนหอพักซึ่งอยู่ไกลสายตาผู้ปกครองนั้นเคยมียุคที่มีการจับตาสอดส่องทุกฝีก้าวอยู่……ซาคุยะได้ยินมาแบบนั้น
ที่เป็นประโยครูปอดีตเพราะเรื่องนั้นเป็นเรื่องในอดีตนานมากแล้ว
และพวกซาคุยะก็รู้โดยฟังมาจากคนอื่นอีกทีเท่านั้น
พอได้รู้จักโรงเรียนคิโยมิยะในตอนนี้
พวกเรื่องความประพฤติเหลวแหลกโดยนักเรียนที่เบื่อจนไม่รู้จะทำยังไงดีถูกมองว่าเป็นปัญหานั้นก็รู้สึกเหมือนกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนอื่นไป
[หน้า 40]
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าได้มีการนำวิธีแก้ปัญหาที่พิเศษมาใช้แต่อย่างใด
แต่เป็นแค่วิธีการง่ายๆที่ถ้าเบื่อไม่รู้จะทำยังไงดีจนความประพฤตินอกโรงเรียนกลายเป็นปัญหาแล้วล่ะก็
ยอมสร้างของที่เบี่ยงเบนความเบื่อขึ้นมาในโรงเรียนจะดีกว่า
ซึ่งนั่นก็คืองานเลี้ยงคริสต์มาสที่จัดขึ้นโดยนักเรียนหอพัก
และการมีอยู่ของชมรมกับชุมนุมที่เพิ่มจำนวนขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงกับพูดกันว่าไม่สามารถทราบความเป็นไปทั้งหมดได้
ถ้าเป็นแรกเริ่มเดิมทีล่ะก็ พวกงานเลี้ยงที่มีเงื่อนไขนำเป็นการชุมนุมที่มีกันแค่นักเรียนแล้วอยู่จนดึกจะไม่ได้รับอนุญาต
สมมุติว่ามีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันแล้วข่าวฉาวไปถึงภายนอกล่ะก็จะเสียประวัติด้วย
และจะถูกคนภายนอกนินทากันให้แซ่ด
การใช้ไฟเองก็เช่นกัน
ถ้ากลายเป็นเหตุเพลิงไหม้วุ่นวายล่ะก็ ถึงจะเป็นความประมาทของนักเรียน
ตำรวจก็ต้องแทรกแซงเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้จากความเป็นไปที่จะเป็นการวางเพลิงเล็งโจมตีโรงเรียน
เดิมทีนั่นน่าจะเป็นอีกด้านหนึ่งที่ไม่มีอิสระของโรงเรียนดัง
ทว่าเอกลักษณ์เฉพาะของโรงเรียนคิโยมิยะในตอนนี้คืออิสระ
ในเรื่องการจัดงานที่มีการพึ่งพาตัวเองของนักเรียนเป็นพื้นฐานนั้นได้รับการสนับสนุนด้วยซ้ำไป
ในบรรดางานพวกนั้นก็ไม่เคยมีคดีใหญ่เกิดขึ้น
แถมการเปิดกว้างจะเป็นการให้ทางฝั่งนักเรียนควบคุมตัวเองได้โดยไม่ต้องมีใครมาบอกด้วยซ้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น