คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
Another 01
วันที่มาถึงฤดูหนาว
~วันหนึ่งในป่า~
[หน้า 272]
ฤดูกาลกำลังเปลี่ยนผันเป็นช่วงสิ้นปี
กลิ่นอายของฤดูร้อนได้ผ่านพ้น
ที่หมู่บ้านมินาคามิเองก็มีคนใส่เสื้อผ้าหนาๆมากขึ้น
พอจะลงจากรถประจำทาง โชวโกะก็ต้องจัดคอเสื้อและหนาวสั่นกับความแรงของสายลมที่ปะทะเข้ามา
อีกหน่อยผ้าพันคออาจจะจำเป็นก็ได้
หมู่บ้านมินาคามิซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยภูเขานั้น
หน้าร้อนจะร้อน หน้าหนาวจะมืดเร็ว อากาศในวันนี้ที่มาถึงสุดสัปดาห์นั้นปลอดโปร่งและปราศจากเมฆ
แต่เพราะแบบนั้นเลยอาจจะทำให้หนาวเร็วขึ้นด้วยก็เป็นได้
ดวงตะวันซึ่งคล้อยต่ำในตอนที่เพิ่งขึ้นรถนั้น
กำลังจะหายลับไปยังอีกฟากของภูเขาแล้ว
“ทำอะไรอยู่ยะ รีบๆลงไปเลย”
“อ๊ะ โทษที ซาจิโกะจัง”
ถูกเร่งจากข้างหลัง จึงลงจากรถประจำทาง
พอทาคามิ ซาจิโกะลงตามหลังโชวโกะมาแล้ว
รถประจำทางก็ออกรถมุ่งไปยังป้ายถัดไป
“หวา หนาว ! นี่มันอะไรกันเนี่ย ทั้งๆที่ตอนกลางวันก็ร้อนแท้ๆ”
“เพราะแบบนั้นเลยบอกไปแล้วแท้ๆว่าควรเอาเสื้อนอกไปด้วย”
“หนวกหูย่ะ ก็ตอนกลางวันมันร้อนเลยช่วยไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
ไม่ทันไร ซาจิโกะก็จามออกมาอย่างแรงทันที
ใช้มือทั้งสองข้างถูบริเวณผิวเนื้อที่เห็นจากเสื้อแขนสั้นราวกับกำลังกอดไว้แน่น
แล้วก็ตัวสั่นอยู่
[หน้า 273]
“ใส่นี่ไหม ? เพราะฉันใส่มาจนถึงตอนนี้แล้วน่ะ”
“ฮึ ไม่ต้องการย่ะ
ถ้าเธอเป็นหวัดไปเพราะเรื่องนี้ เดี๋ยวตอนตื่นนอนจะรู้สึกไม่ดีเข้าอ่ะ”
ในขณะที่ยิ้มเจื่อนๆด้วยท่าทางที่เหมือนกับทุกที
ทั้งสองก็กลับบ้าน
ในทันทีนั้นเอง โชวโกะก็หยุดเดินเพราะเกิดเสียงเสียงดังขึ้น
พอมองไปทางซาจิโกะทันทีก็สบตากันเข้า
ทั้งคู่ค่อยๆหันไปข้างหลังอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เอ๊ะ……อะไร ? อุบัติเหตุเหรอ ?”
“ไม่รู้หรอก แต่……”
ถนนอันยาวไกลที่หันเข้าหาไร่นั้นเป็นทางตรงจากหมู่บ้านไปถึงสถานี
คนขับที่เผลอเร่งความเร็วเพราะเป็นถนนทางตรงก็ไม่ได้หายากอะไร
พอมองไปก็เห็นรถยนต์สีขาวที่เปิดไฟไว้จอดอยู่แถวๆป้ายรถประจำทางเมื่อครู่
“อุบัติเหตุรึเปล่านะ”
“เอ้า ไม่รู้หรอกย่ะ”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ซาจิโกะก็หันกลับไปแล้วมุ่งหน้าไปทางรถ
“อ๊ะ เดี๋ยวสิ !”
โชวโกะวิ่งเหยาะๆตามแผ่นหลังนั้นไป
ตรงที่ๆเหมือนจะเกิดอุบัติเหตุมีชายวัยกลางคนซึ่งลงมาจากรถกำลังกวาดสายตามองไปรอบๆอยู่คนหนึ่ง
[หน้า 274]
“คุณลุง ทำอะไรอยู่งั้นเหรอ ? อุบัติเหตุเหรอ ? เรียกตำรวจยัง ?”
“หืม ? อา ซัตจังบ้านคุณทาคามิไม่ใช่เหรอไง
ส่วนทางนั้นก็……อา คุณลูกสาวบ้านอิวานางะเหรอ”
“สะ สายันต์สวัสดิ์ค่ะ”
“แล้วทำอะไรอยู่น่ะ”
“เอ่อ นั่นก็ไม่เข้าใจเท่าไรหรอก”
ผู้ชายไม่ได้กลบเกลื่อนหรืออะไร
แต่เอียงคอด้วยท่าทางแปลกใจ
“หา ? ไม่ใช่ว่าไปชนอะไรเข้าหรอกเหรอ ?”
“คิดว่าคงเป็นแบบนั้นล่ะ แต่ไม่เห็นอะไรเลยนี่สิ
แล้วเพราะไม่ใช่คนด้วย เลยคิดว่าเป็นหมาหรือไม่ก็อะไรซักอย่างน่ะ
แต่ไม่ว่าที่ไหนก็หาไม่เจอเลยน้า”
“หืม ถ้างั้นเสียงดังมาก กลัวจนวิ่งหนีไปแล้วรึเปล่า”
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้
แต่ถ้าไปตกอยู่ตรงที่ๆมองไม่เห็นล่ะก็ จะปล่อยไว้ก็ลำบากใจอยู่เหมือนกันน่ะนะ แถวนี้เป็นไร่ของบ้านคุณทาบาตะ
ถ้าตอนเช้ามาแล้วเจอศพกลิ้งอยู่ล่ะก็คงจะรู้สึกไม่ดีด้วย”
“…อุก… อืม
ก็จริงอย่างที่ว่าน่ะนะ ชั้นเองตอนตื่นเช้ามาทำความสะอาดหน้าร้าน
ถ้ามีกบถูกทับอยู่ล่ะก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันอ่ะ”
[หน้า 275]
“หน้าร้อนท่าทางลำบากน้า”
“แทบจะเกลียดเข้าจริงๆเลยล่ะ”
ปล่อยทั้งคู่ที่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจาก ‘สิ่งที่ชน’
ซึ่งไม่เห็นตัวไปเป็นเรื่องสัพเพเหระโดยสิ้นเชิงแล้วไว้อย่างนั้น
จากนั้นโชวโกะก็ตัดสินใจลองหาดูรอบๆ
มองเข้าไปใต้ท้องรถ
แต่ในเวลาที่ดวงตะวันเริ่มอับแสงนั้นมองไม่ค่อยเห็น ทว่า ก็ไม่พบอะไร
พอย้อนคิดดูอีกที
เป็นเสียงที่ดังขนาดที่ทำให้หยุดเดินแล้วหันกลับมา
ถ้าถูกรถทับล่ะก็คงไม่เกิดเสียงแบบนั้นขึ้น
“เอ……”
ถูกชนกระเด็นไปทางไร่อย่างที่คิดจริงๆงั้นเหรอ
ถ้าบาดเจ็บอยู่ล่ะก็ต้องรีบรักษาพยาบาลให้โดยด่วน……
คิดไปถึงขั้นนั้น
แล้วก็สบตากับสายตาสีทอง
“เอ๊ะ”
ที่กลางไร่
นัยน์ตาสีทองของสัตว์กำลังจ้องเขม็งมาที่โชวโกะจากช่องว่างของพืชผลที่ถูกลมพัด
เป็นสายตาที่เฉียบคมขนาดที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้
“อะ
เอ่อ”
เผลอส่งเสียงเรียกไปทันที
เป็นสายตาที่สัมผัสได้ถึงความระแวดระวังและความเป็นศัตรูขนาดที่ต้องทำแบบนั้นไป
[หน้า 276]
“ทำอะไรอยู่งั้นเหรอ ?”
ซาจิโกะเข้ามาใกล้อย่างไม่ระมัดระวัง
ในทันทีนั้นเอง
เจ้าของสายตาก็คาบอะไรบางอย่างไว้ที่ปากแล้ววิ่งหนีไปทางภูเขา
“อ๊ะ รอก่อน”
ยืนมือออกไป
แต่ตรงนั้นก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว
“……จะรอก่อนหรือจะอะไร……ภาษามนุษย์เนี่ยไม่มีทางเข้าใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง เอาเถอะ
หมาจิ้งจอกของเธอเหมือนจะเข้าใจ แต่แบบนั้นเนี่ยมีน้อยมากนะ”
“อะ อื้อ……”
ถึงจะวิ่งหนีไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ก็คาใจกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่
ที่คาบไว้ในปากนั่นเห็นเล็กๆ
ถ้าอย่างนั้นนั่นใช่ลูกรึเปล่านะ
ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะเป็นว่าลูกถูกชนเข้าก็เป็นได้
แววตาเฉียบคมมาก ถึงจะมีความเป็นศัตรูกับมนุษย์อยู่ก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้……
“นั่นทานูกิสินะ”
ความคิดของโชวโกะถูกคำพูดที่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหันขัดจังหวะ
“ทานูกิ ?”
[หน้า 277]
“โอ้ อะไรกัน ไม่เคยเห็นหรอกเรอะ”
“เอ่อ ถ้าแค่ในรูปล่ะก็เคย
แต่ของจริงเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก”
“แถวนี้เองเมื่อก่อนก็มีเยอะอยู่หรอกน้า”
“ตอนนี้ก็มีไม่ใช่เหรอไง”
ซาจิโกะเอียงคอด้วยความสงสัย
ราวกับเป็นการบอกว่ากำลังพูดอะไรอยู่น่ะ
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน้า ……นั่นไง
ก่อนหน้านี้มีคดีที่สัตว์มากันเยอะแยะใช่ไหมล่ะ
ไม่ใช่ว่าตัวเมื่อกี้ก็มาจากข้างนอกตอนนั้นหรอกเหรอ”
“ถ้างั้นที่ไม่เคยเห็นมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่แปลกสินะ
ว่าแต่ในเมื่อรู้เหตุผลแล้วก็กลับละ ถ้าอยู่ในที่แบบนี้ตลอดเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”
“อย่างที่คิด เสื้อแขนสั้นมันหนาวจริงๆใช่ไหมล่ะ
ขึ้นมามั้ย ?”
“หืม เอ้า จะขึ้นไปก็ได้ ขอบคุณ”
“เอ้า
คุณหนูบ้านอิวานางะเองก็รีบขึ้นมาสิ”
“อะ อื้อ……ขอบคุณค่ะ”
เปิดประตูรถแล้วเข้าไปข้างใน
ถึงจะแค่กันลม แต่ก็รู้สึกอุ่นขึ้นมาก
ในไม่ช้ารถก็แล่นออกไปพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์เบาๆ
[หน้า 278]
ทิวทัศน์นอกหน้าต่างไหลไป
โชวโกะมองไปยังทางที่สัตว์ตัวเมื่อกี้วิ่งหนีไปต่อไปเรื่อยจนมองไม่เห็น
สายตาที่พุ่งเข้ามาหานั้นยังคงติดตาอยู่ไม่ยอมห่าง
เช้าวันต่อมา
โชวโกะมาที่ภูเขาตั้งแต่เวลาที่เร็วกว่าเวลาอาหารเช้าอีก
ที่ด้านหลังของศาลเจ้าซึ่งเป็นทางเข้าภูเขานั้นมีทะเลสาบสีฟ้าอยู่
เป็นสถานที่ๆเล่าขานต่อกันมาว่านางฟ้าเคยลงมา
และเป็นที่ๆเป็นต้นกำเนิดของเทพนิยายที่หลงเหลือเล่าต่อกันมาในหมู่บ้านมินาคามิ
“กอนต่า อยู่ม้าย ?”
ส่งเสียงเรียกไปทางภูเขาจากตรงนั้น
ผ่านไปซักพัก
พร้อมกับเสียงสั่นไหวของพุ่มไม้ จิ้งจอกที่มีขนสีทองก็โผล่หน้าออกมา
“กอนตะ มานี่”
พอโชวโกะกวักมือ
กอนตะก็ส่งเสียงร้องเบาๆราวกับเป็นการขานตอบแล้ววิ่งเข้ามาใกล้
เป็นเพราะขาหลังข้างหนึ่งเดินไม่สะดวกงั้นเหรอ
เลยใช้ขาข้างอื่นอีกสามข้างเพื่อลากขาข้างหนึ่งมา
ทว่า ท่าทางกลับไม่งุ่มง่าม
การเคลื่อนไหวเองก็ว่องไว
“ข้าวล่ะ วันนี้เอามาให้แทนอิโรฮะจังล่ะ”
[หน้า 279]
หมาจิ้งจอกที่โชวโกะพบแล้วเคยดูแลอยู่นั้น
บัดนี้ค่อยๆกลายเป็นว่าถูกเลี้ยงไว้ที่ศาลเจ้า
คดีตอนหน้าร้อน------ตอนที่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติที่สัตว์จากทั่วญี่ปุ่นกรูกันเข้ามายังหมู่บ้านมินาคามิ
จิ้งจอกตัวนี้ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องพวกโชวโกะ
มีคนที่จำภาพนั้นได้อยู่เยอะ เลยไม่มีใครคัดค้านเรื่องที่สัตว์ป่ามาอาศัยอยู่ใกล้ตัว
ตอนนี้ก็มีคนแก่ที่บอกว่าเป็นข้ารับใช้ของเทพอินาริที่ปกป้องผู้คนอยู่เช่นกัน
“อีกไม่นานอาจจะมีศาลเจ้าอินาริหรืออะไรสร้างขึ้นมาก็ได้น้า~” อิโรฮะผู้เป็นเจ้าของศาลเจ้าคาสุกะได้กล่าวไว้แบบนั้น
“อร่อยมั้ย ?”
หมาจิ้งจอกกำลังกินอาหารที่ใส่ไว้ในจานข้าวอย่างมูมมาม
ไม่ว่าจะฉลาดขนาดไหนก็ใช่ว่าจะพูดภาษามนุษย์ได้
แต่คำตอบนั้นแค่มองก็แจ่มแจ้งแล้ว
“นี่ กอนตะ อยากจะให้ช่วยน่ะ
ได้ไหม ?”
เงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าว
ส่งเสียงร้องดัง กิ๊ว ! ราวกับไถ่ถามผู้เป็นนาย
หลังจากนั้นโชวโกะก็พากอนตะมาจนถึงหน้าป้ายรถประจำทางซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุเมื่อวาน
ในความมืดหลังพระอาทิตย์ตกดินนั้นไม่ได้สังเกตเห็น
แต่ที่พื้นดินมีรอยเลือดเหลืออยู่
เห็นสีที่สดแล้วรู้สึกเจ็บขึ้นมาภายในอกเหมือนโดนทิ่มแทง
กอนตะรออยู่ข้างๆ
แล้วมองขึ้นมาหาโชวโกะอยู่
[หน้า 280]
ร่างนั้นไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานที่อาศัยอยู่ในภูเขา
แต่เป็นเหมือนสุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่เฝ้ารอรับคำสั่งจากเจ้านายว่าควรจะทำอะไรดี
“บาดเจ็บหนักอยู่แท้ๆแต่ก็วิ่งหนีไปอย่างเร็วเลยน่ะ
อยากจะหาให้พบ แต่จะหาได้รึเปล่านะ”
ขอร้องกอนตะ
เข้าใจงั้นเหรอ
เลยนำจมูกเข้าไปใกล้รอยเลือดแล้วดมกลิ่น
“อ๊า~
อยู่ที่นี่อย่างที่คิดจริงๆด้วย”
พอหันไปหาเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันก็พบว่าซาจิโกะวิ่งเข้ามา
ใส่เสื้อผ้าให้เข้ากับตอนเช้าที่หนาวเล็กน้อยรึเปล่านะ
เลยเป็นเสื้อถักไหมพรมแขนยาวกับกางเกงที่คลุมไปถึงข้อเท้า
แล้วก็สวมรองเท้าผ้าใบสำหรับออกกำลังกายอยู่
“ซาจิโกะจัง……มีอะไรงั้นเหรอ ?”
“ไม่ใช่ว่ามีอะไรงั้นเหรอ ?
ไม่ใช่เรอะไง ยังไงก็เพราะเป็นเธอ เลยคิดว่าคงจะมา
ขากลับเมื่อวานก็มองไปทางภูเขาตลอดด้วยนี่นะ”
“อย่างนั้นนี่เอง ขอบคุณนะ”
“ไม่เข้าใจความหมายย่ะ
แล้วเอาไง ? จะไปตามหาใช่มั้ยล่ะ
?”
ดูเหมือนจะคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องปีนเขา
เลยเป็นชุดนี้
พอเข้าใจเรื่องนั้น
โชวโกะก็ยิ้มกว้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น