คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 281]
“อื้อ เป็นยังไง ? กอนตะ รู้อะไรบ้างไหม ?”
หมาจิ้งจอกหันมาทางโชวโกะแล้วส่งเสียงร้องเบาๆ ราวกับเป็นการตอบ
หลังจากนั้นก็อ้อมไร่แล้วเข้าภูเขาไปโดยได้รับการนำทางจากกอนตะ
ที่ๆหันเข้าหาถิ่นอาศัยของมนุษย์นั้น วัชพืชจะถูกดายเอาไว้ด้วย ทำให้เดินผ่านง่าย
เนื่องจากเจ้าของภูเขาลูกนี้ปล่อยอิสระให้ในระดับหนึ่ง ส่วนที่ตื้นๆก็เลยมีคนเข้ามาเพื่อเก็บผักป่ากันอย่างอิสระ
ทว่า ยิ่งมุ่งขึ้นไปส่วนบน ต้นไม้ใบหน้าก็ยิ่งขึ้นหนาทึบ จนเดินได้ยากขึ้น
“หวา ทำไมเปียกขนาดนี้เนี่ย กางเกงแฉะไปหมดแล้ว”
“ตอนเช้าเนี่ยทำไมใบไม้ถึงได้เปียกอยู่กันนะ น่าอัศจรรย์ยังไงไม่รู้”
“เรียกว่าน้ำค้างยามเช้าน่ะนะ เคยได้ยินมาจากคุณย่าอ่ะ”
“เห แบบนั้นนี่เอง ทั้งๆที่ฝนไม่ได้ตกแท้ๆ ทำไมถึงได้มีน้ำค้างยามเช้าสะสมอยู่กันนะ”
“เรื่องแบบนั้นไม่รู้หรอกย่ะ”
“น่าอัศจรรย์ดีนะ”
“อื้อ นั่นสินะ”
เพราะปกติใช้เป็นที่เล่นอยู่ด้วยเช่นกัน เลยชินกับเส้นทางภูเขา
เสื้อผ้าที่เปียกชื้นค่อนๆติดกับร่างกาย จนทำให้เคลื่อนไหวได้ลำบาก ช่วงที่ผ่านไปได้สามสิบนาทีนั้นแต่ละย่างก้าวเองก็เริ่มหนักขึ้นเพราะความเหนื่อยล้า
[หน้า 282]
“……ยังไม่ถึงอีกเหรอ ?”
“กอนตะ ว่าไง ?”
ถามจิ้งจอกที่นำทาง แต่ก็แค่หันมาหาโชวโกะแล้วส่งสายตาซึ่งยากที่จะบรรยายมา
“เฮ้อ ท่าทางจะยังอีกยาวไกลนะ……”
“……อืม”
“ชั้นจะกลับไปก่อนรอบนึง ไม่ทานข้าวมาไม่ได้ด้วยสิ”
“อ๊ะ อื้อ……ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันนะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น เธอเองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยไม่ใช่เหรอไง ถ้าไม่รีบกลับล่ะก็จะอดข้าวเช้าไม่ใช่เหรอ ?”
“แต่ว่า……”
มีเสียงเบาๆดังขึ้นมาจากท้องของโชวโกะที่กำลังจะพูด
“นั่นไง เห็นมั้ยล่ะ ยังไงข้างหน้าก็ยาวไกล มาใหม่ตอนเที่ยงจะดีกว่า”
“……อืม ถ้าอย่างนั้น กอนตะ กลับไปก่อนรอบนึงแล้วค่อยมาใหม่ทีหลังกันเถอะ”
พอถูกโชวโกะบอก จิ้งจอกก็แสดงท่าทีเหมือนกับเป็นการลังเลออกมาให้เห็น แต่ในไม่ช้าก็เริ่มกลับไปยังถนนเดิมที่เคยมา
[หน้า 283]
เพราะเป็นถนนที่เคยผ่านไปแล้วครั้งหนึ่ง ต้นไม้ใบหญ้าเองก็เลยถูกแหวกออกจนกลายเป็นเหมือนทางสัตว์
เวลาที่ใช้ในตอนขาลงไม่มากขนาดนั้น ใช้เวลาราวๆครึ่งหนึ่งของขาขึ้นก็กลับมาถึงป้ายรถประจำทางได้
แยกกับซาจิโกะตรงทางแยก จากนั้นก็กลับมาที่บ้านแล้วเปิดประตูทางเข้าหน้าบ้าน ซัตสึกิผู้เป็นแม่เตรียมข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และตกใจตาโตกับสภาพสกปรกของโชวโกะ
“เกิดอะไรขึ้นกันเหรอ ? ไปถึงไหนมางั้นเหรอ ?”
“ให้อาหารกอนตะ แล้วเข้าไปในภูเขานิดหน่อย……”
“เอ้า ไปเปลี่ยนเสื้อมาซะสิ ของที่จะซักเอาใส่เครื่องซักผ้าไปทั้งๆอย่างนั้นเลยก็ได้”
“ค่า”
ถอดเสื้อผ้าที่เปียกในห้องน้ำ จากนั้นในขณะที่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวก็ขึ้นไปที่ห้องของตัวเองบนชั้นสอง
ตอนที่เปลี่ยนเสื้อกลับมาแล้วนั้น อาหารส่วนของโชวโกะเองก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“โธ่……ใส่ชุดชั้นในเดินไปเดินมาอะไรเนี่ย อย่าทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นสิ”
“ก็สบายอ่า”
“ถ้าทำเป็นปกติแล้วตอนพวกโคสุเกะคุงมาก็จะเผลอทำไปด้วยนะ”
“ไม่ทำหรอกน่า”
“เพื่อการนั้นด้วย ปกติก็ต้องไม่ทำเรื่องน่าละอาย”
“ค่า”
[หน้า 284]
ประกบมือเข้าด้วยกันพูดว่าทานล่ะนะคะ จากนั้นก็หยิบตะเกียบ
ข้าวกับซุปเต้าเจี้ยวและของดอง เป็นเมนูที่มีบ่อยที่สุดในบ้านอิวานางะ
เพราะความหนาวเย็นตอนเช้าที่หนาวเข้าไปถึงในร่างกาย เลยรู้สึกว่าข้าวอร่อย รู้สึกเหมือนกับว่าความเหนื่อยล้าจากการเดินไปเดินมาค่อยๆหายไป
“อร่อยมั้ย ?”
“……อือ”
พอรู้ตัวก็พบว่ากำลังขยับตะเกียบอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อกี้ได้เห็นภาพกอนตะกำลังกินอย่างกระตือรือร้นมา ตัวเองคงกำลังทานข้าวอยู่แบบเดียวกอนตะในตอนนั้นแน่ๆ โชวโกะคิดเช่นนั้น
“แหมๆ หิวมากพอตัวเลยสินะ เติมไหม ?”
“……อืม……”
“รอแป๊บนะ เพราะจะไปเอาชาถ้วยใหม่มาด้วย”
“ขอบคุณ”
ในช่วงระหว่างที่ซัตสึกิกำลังจะกลับมา โชวโกะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
ทำไมถึงได้คาใจอยู่ขนาดนี้กันนะ แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ แต่ตั้งแต่ได้เห็นแววตาแข็งกร้าวนั่นแล้วก็ปล่อยไว้เฉยๆไม่ได้ด้วย
[หน้า 285]
“แล้ว ? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ?”
“เอ่อ……”
“เป็นเรื่องที่บอกแม่ไม่ได้งั้นเหรอ ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แต่……”
แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี ถ้าเป็นโคสุเกะล่ะก็เวลาแบบนี้คงจะช่วยอธิบายให้อย่างราบรื่นแน่ๆ
แม้แต่ซาจิโกะก็น่าจะช่วยเดาแล้วพูดให้ตรงประเด็นได้อย่างฉะฉานในทันที
รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจและเกลียดการพูดไม่เก่งของตัวเอง
“ไม่ต้องรีบก็ได้ เพราะแบบนั้นพูดมาตามที่โชวโกะคิดนะ”
ทว่าซัตสึกิกลับไม่ได้เร่ง แต่ตั้งใจฟังคำพูดของโชวโกะอยู่
ถึงจะมีส่วนที่ติดขัดอยู่ด้วย แต่ก็เล่าความรู้สึกแปลกแยกที่ตัวเองรู้สึกให้ซัตสึกิฟัง
“……อย่างงั้นเหรอ”
“ขอโทษค่ะ แต่ไม่ว่ายังไงก็คาใจอยู่”
“เรื่องนั้นไม่ว่าอะไรหรอก แต่ว่า……นั่นสินะ นั่นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีก่อนหน้านี้รึเปล่า”
“ไม่รู้ คิดว่าบางทีอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ตอนนี้แค่คาใจอยู่……”
[หน้า 286]
“ถ้ามีเด็กที่บาดเจ็บอยู่ทั้งๆอย่างนั้นล่ะก็ เรื่องอย่างปล่อยทิ้งไว้อะไรเนี่ย โชวโกะทำไม่ได้อยู่แล้วสินะ”
“อะ อืม”
เข้าใจว่ากำลังถูกพูดถึงเรื่องกอนตะเป็นนัยๆอยู่ เลยซึมไป
ที่โชวโกะเจอกอนตะซึ่งยังเป็นลูกหมาจิ้งจอกอยู่นั้นคือเรื่องเมื่อปีก่อน และตอนนั้นก็บาดเจ็บที่ขาอยู่แล้ว
ไม่สามารถพยาบาลลูกหมาจิ้งจอกที่ระแวดระวังมนุษย์เป็นอย่างมากได้ จึงได้แต่คอยให้อาหารแล้วเฝ้าดูความเป็นไป
แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังมีความเสียใจภายหลังกับเรื่องที่น่าจะทำอะไรหลายๆอย่างได้มากกว่านี้ มีความรู้สึกที่ว่าอยากจะทำให้สำเร็จอยู่เช่นกัน
แล้วเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าหากเป็นตัวที่มาจากที่อื่นเพราะคดีในหน้าร้อนแล้วล่ะก็ จะต้องเผลอคิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่าสาเหตุที่ประสบอุบัติเหตุนั้นเป็นเพราะคนที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมตัวของโชวโกะเข้าไปด้วย
เพราะแบบนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจคิดได้ว่าไม่เกี่ยวข้อง
“จะไม่ไปในที่อันตราย แล้วก็จะไม่ทำคนเดียวตามลำพัง ถ้าคิดว่ายากล่ะก็ต้องรีบบอกแม่ทันที ……สัญญาได้ไหม ?”
“อื้อ จะพากอนตะไปด้วย เพราะแบบนั้นไม่ต้องเป็นห่วง”
“……ที่บอกว่ามีหมาจิ้งจอกเป็นบอดี้การ์ดเนี่ยน่าเป็นห่วงนิดหน่อยนะ……จะเป็นอะไรรึเปล่านะ”
“สบายมาก ถ้าเป็นกอนตะล่ะก็แม้แต่หมีก็ไม่แพ้หรอก”
[หน้า 287]
“เรื่องนั้นเพราะเคยเห็นมาแล้วจริงๆ เลยคิดว่าคงจะเป็นแบบนั้นอยู่หรอก แต่…”
ซัตสึกินำมือไปแตะที่หน้าผาก
ภาพที่หมาจิ้งจอกร่างเล็กขาหลังเดินไม่สะดวกใช้พลังที่เหนือกว่าล้มสัตว์ขนาดใหญ่ซึ่งตัวใหญ่กว่าตั้งหลายเท่านั้น ได้เห็นไปหลายต่อหลายครั้งในพื้นที่ของศาลเจ้าที่มาหลบภัยตอนเกิดคดี และตอนนี้เองก็ยังจำได้อยู่
ถึงอย่างนั้นก็เป็นภาพที่ขาดความเป็นจริงราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์ แม้แต่ตอนนี้ที่รู้เรื่องราวความเป็นไปทั้งหมดแล้วก็ยังรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอย่างช่วยไม่ได้
“ห้ามเข้าไปลึกเกินไปนะ”
“เข้าใจอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
“……น่าเป็นห่วงยังไงไม่รู้น้า”
“โธ่ แม่ล่ะก็”
พอโชวโกะแสดงสีหน้าโกรธให้เห็น ซัตสึกิก็ยิ้มแล้วขอโทษ
การไปภูเขานั้นจำเป็นต้องใช้แรงและเวลา
เนื่องจากตอนเช้าได้รู้ซึ้งเรื่องนั้นไปแล้ว เลยใช้เวลาทั้งหมดในช่วงเช้าเตรียมตัว เมื่อวานวิ่งไปอย่างเร็วก็จริงแต่ถ้าบาดเจ็บอยู่ล่ะก็จำเป็นต้องพยาบาล
พอยัดพวกผ้าพันแผลกับยาทาแผลจากกล่องพยาบาลเข้าไปในเป้สะพายหลังด้วย ก็พบว่ามีขนาดใหญ่กว่าที่คาดไว้จนได้
[หน้า 288]
ซัตสึกิไปทำงานแล้วก็จริง แต่ก็เตรียมข้าวกลางวันทิ้งไว้ให้ด้วย
แซนด์วิชที่เตรียมไว้ให้ก็ทานเสร็จแล้ว ในช่วงที่คิดว่าจะค่อยๆออกจากบ้านนั้นเอง ออดของบ้านอิวานางะก็ได้ดังขึ้นเป็นเสียงสูง
“ถ้างั้นไปกันเลย เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วสินะยะ”
“อือ”
เช่นเดียวกับโชวโกะ ซาจิโกะที่เตรียมการมาอย่างตั้งใจยิ่งกว่าเมื่อเช้ากำลังยืนอยู่
ล็อคกุญแจบ้าน แล้วใส่กุญแจเข้าไปในส่วนลึกของกระเป๋าเพื่อจะได้ไม่ทำหาย
เอาขนมที่พกพาได้กับอาหารว่างสำหรับสัตว์เลี้ยงที่จะให้กอนตะไปด้วย เพื่อจะได้ทานได้ระหว่างทาง
ดูเหมือนของซาจิโกะเองก็เป็นของแบบที่คล้ายๆกัน กระเป๋าเลยพองออกมาอยู่
“สวัสดี ออกไปข้างนอกกันสองคนเหรอ ?”
“อ๊ะ คุณครู”
“สวัสดีค่ะ”
เจอกับอินางากิ มิซาโตะผู้เป็นครูประจำชั้นเข้าอย่างไม่คาดคิดที่หน้าศาลเจ้า
เป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมินาคามิมาตั้งแต่เมื่อก่อน ดูเหมือนว่าสมัยเด็กเคยได้รับการดูแลจากซัตสึกิและพี่สาวของซัตสึกิ เลยคอยเอาใจใส่ดูแลไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่
[หน้า 289]
เรื่องนั้นดูเหมือนว่าร้านขายของชำทาคามิของซาจิโกะเองก็เหมือนกัน พอไปในวันหยุด บางทีก็จะเจอกับมิซาโตะที่กำลังคุยกับย่าของซาจิโกะซึ่งเฝ้าร้านอยู่
“เตรียมตัวมาพร้อมเลยน้า จะไปไหนไกลๆหรืออะไรงั้นเหรอ ?”
“เอ่อ ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ……กับกอนตะ”
“แหมๆ ปีนเข้างั้นเหรอ ? แต่ว่าห้ามไปที่ไกลๆกันแค่เด็กๆนะ”
“ค่า”
“ไม่มีปัญหาหรอก พวกชั้นไม่ใช่เด็กแล้วอ่ะ”
“ก็นั่นล่ะที่เป็นห่วง”
ถูกเป็นห่วงด้วยท่าทางที่คล้ายกับซัตสึกิเมื่อครู่ แนวโน้มของการสนทนาค่อยๆอันตรายขึ้นมาทุกที
“ครูก็จะออกไปไหนด้วยเหมือนกันเหรอคะ ?”
“เปล่าหรอก ไม่ใช่แบบนั้น หรือควรจะพูดว่าเมื่อกี้ธุระที่ออกไปข้างนอกเสร็จแล้ว มีธุระกับคุณอาคาเนะนิดหน่อยน่ะนะ”
“อย่างนั้นเหรอคะ”
มินาโตะ อาคาเนะที่ทำงานอยู่ที่ศาลเจ้านั้นเป็นเพื่อนสนิทของมิซาโตะ
มิโกะสาวงามผู้อายุมากกว่าอิโรฮะและสุภาพเรียบร้อยนั้นเป็นคนนอกหมู่บ้านก็จริง แต่ตอนนี้เป็นเหมือนป้ายสัญลักษณ์ของศาลเจ้าคาสุกะไปแล้ว
[หน้า 290]
หลังจากคดีหน้าร้อน ดูเหมือนจะเคยถูกคนที่บ้านซึ่งเป็นห่วงถามว่าจะทำงานที่ศาลเจ้าต่อไปไหม แต่ตอนนี้ก็ยังทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
“ถ้าอย่างนั้นไปล่ะนะคะ”
“พยายามอย่ากลับเย็นมากนะ”
“เข้าใจอยู่แล้วล่ะน่า บอกไปแล้วนี่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
โบกมือให้แล้วขึ้นบันไดหินของศาลเจ้าไป
มิซาโตะมองส่งโชวโกะกับซาจิโกะจนถึงตอนที่ทั้งคู่มองไม่เห็น
“ใจเต้นยังไงไม่รู้สิ”
“คุณครูทำหน้าเหมือนอยากจะห้ามมากเลยอ่ะ”
“อื้อ”
ในขณะที่คุยเรื่องแบบนั้นก็ผ่านลานของศาลเจ้าไป
พอมาถึงทะเลสาบด้านหลังก็เจอมิโกะของศาลเจ้าสองคนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า
“อิโรฮะจัง อาคาเนะจัง”
“สวัสดี~ วันนี้มีอะไรงั้นเหรอ ?”
“สวัสดีค่ะ คุณโชวโกะ คุณซาจิโกะ”
ในขณะที่ทักทายกัน พอไปยังที่ๆทั้งคู่อยู่ กอนตะก็เข้ามาซุกไซ้ตรงขา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น