คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 291]
“อ๊ะ กอนตะล่ะ”
“ทั้งๆที่เมื่อกี้เหมือนหมาแท้ๆ
คราวนี้เหมือนแมวยังไงไม่รู้ บางทีก็ลืมไปเหมือนกันนะว่าเดิมทีเจ้านี้เป็นตัวอะไร”
“กอนตะเป็นหมาจิ้งจอกนะ”
“ก็อยากจะให้แสดงส่วนที่สมกับเป็นหมาจิ้งจอกให้เห็นหน่อยนะยะ”
อิโรฮะหัวเราะเสียงดังกับคำพูดเอือมระอาของซาจิโกะ
“อะฮะฮะ ก็จริงอย่างที่ว่านะ
หลังๆมานี้ก็เริ่มคุ้นเคยกับคนขึ้นมาแล้วด้วย ประมาณว่ามีเด็กที่มาเพราะมีเป้าหมายที่เด็กคนนี้ด้วยล่ะ”
“เอ๋~……”
“น่า
ยังไงที่หนึ่งก็คือโชวโกะจัง เนอะ กอนตะ ?”
เมื่อได้ฟังคำถามของอิโรฮะ
ก็ร้องเบาๆแล้ววิ่งเข้ามาหาโชวโกะ
พอย่อตัวลงแล้วอุ้มขึ้นมา
ก็แลบลิ้นออกมาเลียแก้ม
“เพราะกับคุณโชวโกะ
วิธีการเชื่องจะต่างออกไปสินะคะ”
“ช่ายๆ อารมณ์ประมาณความแตกต่างระหว่างคนเลี้ยงกับแขก”
ดูเหมือนจะเป็นการชมเลยไม่รู้สึกแย่อะไร
แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกอายด้วย
“แล้ว ทั้งสองคนแต่งตัวแบบนั้น มีอะไรงั้นเหรอ ?”
[หน้า 292]
“เอ่อ คือว่านะ……”
วางกอนตะลง
แล้วตัดสินใจลองถามอิโรฮะดู
ภาพที่เห็นเมื่อวาน จากนั้นก็เรื่องทานูกิที่วิ่งไปยังภูเขา
แล้วเสริมไปว่าถ้าเกิดมาที่ศาลเจ้าทั้งที่ยังบาดเจ็บอยู่ล่ะก็อยากจะให้พยาบาลให้หน่อย
อิโรฮะกับอาคาเนะที่ได้ฟังเรื่องนั้น
ถึงจะพยักหน้า แต่ก็พยักหน้าด้วยสีหน้ายากที่จะบรรยาย
“แบบนี้นี่เอง
เมื่อกี้คือไอ้นั่นสินะ”
“แต่ก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะค่ะ”
“ยังไงเหรอ ?”
“เปล่าหรอก คือเมื่อกี้คุณตำรวจมาแล้วก็บอกว่าในภูเขามีที่ๆมีเลือดติดอยู่
ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเลยให้ระวังไว้ก่อนน่ะ แถวนี้อยู่ใกล้ภูเขาด้วยน่ะนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก
ไม่อันตรายขนาดนั้นแน่นอน”
“ถ้าเป็นทานูกิล่ะก็คงเป็นแบบนั้นอยู่หรอก
แต่ถ้ามีแค่รอยเลือดก็จะไม่รู้อะไรเลยน่ะนะ ถ้าชั้นเจอจะแจ้งสัตวแพทย์แล้วขอให้ช่วยพยาบาลให้ละกัน”
“ค่ะ นั่นสินะคะ”
“อืม……”
และตรงนั้นเอง
อิโรฮะก็สังเกตดูร่างพวกโชวโกะใหม่อีกครั้ง
[หน้า 293]
พยักหน้าทีนึงราวกับเป็นการยอมรับ
“แบบนี้นี่เอง
ก็เลยแต่งตัวแบบนั้นกันสินะ จากนี้ตั้งใจจะไปหาดูที่ภูเขางั้นเหรอ ?”
“อื้อ”
“แต่ว่าอันตรายนะคะ”
“สบายมาก กอนตะอยู่ด้วยนี่นา”
กอนตะที่อยู่ตรงขาส่งเสียงร้องออกมาราวกับตอบรับความคาดหวังของโชวโกะ
“……อืม
ยังไงเรื่องต่อสู้ก็คงเก่งอยู่หรอก แต่…”
“ค่ะ
แต่ว่า……”
พอเห็นแบบนั้น
ทั้งสองก็มองหน้ากันด้วยท่าทางไม่สบายใจ
ปฏิกิริยาที่ตอบกลับมานั้นคล้ายกับซัตสึกิมาก
“สบายมากหายห่วง ถ้าอย่างนั้นไปล่ะนะ”
“ถ้าเป็นสถานที่แบบที่ปกติเข้าไปกันอยู่แล้วคงไม่เป็นไรหรอก
แต่ห้ามเข้าไปลึกนะ โดยเฉพาะทางหน้าผาระวังให้ดี
ถ้าจะไปล่ะก็แค่เรียกคุณกิงโกะแล้วขอให้ไปเป็นเพื่อนก็หายห่วง”
“อื้อ”
“เข้าใจแล้ว หลังจากนี้ถ้าเจอกิงจังจะขอร้องไว้”
[หน้า 294]
หลังจากนั้นก็ถูกพูดเตือนอะไรอีกหลายๆอย่าง
ทำให้ตอนที่เข้าภูเขานั้นเลยเที่ยงวันมามากแล้ว
“ผู้ใหญ่เนี่ยขี้กังวลจริงๆนะ
ทำเป็นเหมือนเรื่องใหญ่เลยเนอะ”
“อะฮะฮะ……”
ไม่อาจบอกได้ว่านั่นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
เลยได้แต่ตอบกลับไปอย่างคลุมเครือ
“แล้ว ? ถ้าเธอเจอทานูกิแล้วจะทำยังไงต่อ
?”
“ถ้าบาดเจ็บอยู่ก็จะรักษาพยาบาลให้
หลังจากนั้นตั้งใจว่าจะลองถามคุณแม่ดูว่าจะเลี้ยงไว้ได้รึเปล่า”
“ทั้งๆที่มีเจ้านี่อยู่แล้วเนี่ยนะ
? ทานูกิกับหมาจิ้งจอกเนี่ยไม่ทะเลาะกันเหรอ
?”
เดาได้ว่าถูกพูดถึงตัวเองงั้นเหรอ
กอนตะเลยหันมาหาซาจิโกะ
“เพราะกอนตะไม่ทำเรื่องแบบนั้น
เลยไม่มีปัญหาหรอก”
“ท่าทางจะไม่ใช่ปัญหาแบบนั้นหรอกแต่……เอาเถอะ
ทานูกิเนี่ยก็สนใจอยู่เหมือนกัน”
“จะเป็นอะไรรึเปล่าน้า
ถ้าไม่บาดเจ็บมากก็คงจะดีหรอก”
“เพื่อการนั้น ตอนนี้ถึงได้กำลังหาอยู่ไม่ใช่เหรอไง
? ……หืม แล้วนายรู้สถานที่จริงๆรึเปล่าเนี่ย
?”
กอนตะที่เดินนำทางหันหน้ากลับมาร้องคำรามเบาๆ
ท่าทางเหมือนกับอยากจะบอกว่าให้เชื่อตัวเองมาเถอะน่า
[หน้า 295]
“ว่าแล้วเชียว
เจ้านี่เข้าใจภาษาคนไม่ใช่เหรอไง ?”
“กอนตะหัวดีนะ
ฉลาดมากเลยล่ะ”
“……แต่ก็เรียกว่าเป็นสัตว์ป่าไม่ได้อย่างสมบูรณ์แล้วล่ะนะ”
เดินขึ้นทางเดินบนเขาไปตามที่กอนตะนำทางทั้งๆอย่างนั้น
ทางที่เข้ามาต่างกันก็จริง
แต่ดูเหมือนจะรู้สถานที่อยู่แล้ว ทำให้ในการก้าวเดินนั้นไม่มีความลังเลอยู่
คราวนี้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีด้วย
และเป็นเพราะปีนเขาหลังเลยเที่ยงวันงั้นเหรอ น้ำค้างตอนเช้าเองก็หายไปแล้ว
ทำให้เดินง่ายขึ้น
“แล้ว
เธออาจจะคิดอยู่เหมือนกันก็ได้ แต่…”
หลังจากที่เดินไปได้ซักพัก ซาจิโกะก็พูดขึ้น
ฟังดูเหมือนกำลังเลือกคำพูดอยู่อย่างระมัดระวังนิดหน่อยด้วยเช่นกัน
“ถ้าตายอยู่ตรงปลายทางที่พบล่ะ
จะทำยังไง ?”
“………………”
ไม่ใช่ว่าไม่ได้คิดเรื่องนั้น
รอยเลือดก็เยอะด้วย และเหนือสิ่งอื่นใด
เคยเห็นสัตว์ที่ถูกรถทับมาตั้งหลายครั้งแล้ว เรื่องที่สุนัขซึ่งเคยเป็นที่รักของแถวบ้านเจอกับอุบัติเหตุจนมีสภาพน่าสังเวชก็เคยเห็นมาแล้ว
ตอนนั้นช็อคจนทานเนื้อในข้าวเย็นไม่ลง
[หน้า 296]
เพราะแบบนั้น
ตอนนี้เองก็มีความเป็นไปได้นั้นอยู่
พอคิดว่าอาจจะกำลังเดินอยู่บนทางภูเขาแบบนี้
เพื่อไปเจอการช็อคแบบเดียวที่รู้สึกในตอนนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่าขาหนักขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าเป็นแบบนั้นจะฝังให้แล้วเซ่นไหว้”
“เอาของที่ใช้ฝังได้มารึเปล่า ?”
“……เปล่า”
ไม่ใช่ว่าได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น และถึงจะเคยคิดก็ไม่อาจเตรียมตัวไปเพื่อหาศพให้พบตั้งแต่แรกได้
พอมองโชวโกะ ซาจิโกะก็พูดออกมาแค่ว่ากะแล้วเชียว
“ชั้นเอาพลั่วเล็กๆมาให้ด้วย
ใช้นี่ขุดหลุมให้กันเถอะ”
“……อืม”
“เอาเถอะ แบบนั้นทั้งสกปรก
ทั้งน่ากลัว ไม่เอาด้วยหรอก ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีสิ”
“อื้อ”
ปรารถนาอย่างแรงกล้าให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ
พอเดินหน้าไปได้ซักพัก
กอนตะก็หยุดเดิน แล้วดมฟุดฟิดตรงนั้นตรงนี้อยู่ราวกับกำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ
[หน้า 297]
พอหยุดกึกลงไป
กอนตะก็วิ่งเข้าไปในพุ่มไม้ทันที
“อ๊ะ”
ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่รู้จะทำยังไงดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
พอตามเข้าไปทีหลังก็พบว่าทัศนวิสัยได้เปิดกว้างขึ้นกะทันหัน
“กอนตะ”
เบื้องหน้าของกอนตะที่ส่งเสียงคำรามมีทานูกิร่างเล็กอยู่
ร่างย้อมไปด้วยเลือด
เลือดที่แห้งแล้วกลายเป็นสีแดงเข้มติดอยู่
ข้างๆมีร่างของทานูกิที่ตัวเล็กลงไปอีก
ตกใจอ้าปากค้างกับร่างที่อ่อนแอนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อะไรกันเนี่ย……นั่น บาดเจ็บหนักมากเลยไม่ใช่เหรอไง ยังอุตส่าห์รอดมาได้อีกนะ……”
ซาจิโกะพูดพึมพำขึ้นมาอย่างตกตะลึง
โชวโกะเองก็คิดว่าเป็นไปตามนั้น
ด้วยบาดแผลขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าอย่างนั้นแม่ลูกนั่นก็อาจจะเป็น……
“ยามาวาโระแม่ลูกงั้นเหรอ……?”
พยายามปกป้องลูกอยู่งั้นเหรอ เลยกำลังขู่พวกโชวโกะอยู่อย่างสุดความสามารถ
หยุดนิ่งไปพร้อมกับเสียงคำรามของกอนตะก็จริง
แต่ก็เป็นความดุเดือดขนาดที่ถ้าไม่ได้ถูกคำรามใส่ก็ท่าทางจะเข้ามาโจมตีใส่เดี๋ยวนี้เลย
[หน้า 298]
“อะ เอ่อ คือว่านะ ถ้าไม่
พยาบาล ล่ะก็”
ตั้งใจจะพูดให้อ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่เสียงก็สั่นจนได้
เรื่องอย่างถูกพุ่งความเป็นศัตรูอย่างรุนแรงใส่นั้นไม่เคยประสบมาก่อนจนถึงตอนนี้
“เดี๋ยว หยุดเลยนะยะ”
ถูกซาจิโกะดึงแขน
ขาขัดกันจนเกือบจะล้ม
แต่ก็หยั่งเท้าไว้ได้
“แต่ว่าปล่อยไว้ไม่ได้”
“นั่นก็ใช่อยู่หรอก
! แต่เจ้านั่นกำลังโกรธสุดๆไปเลย
!”
“เพราะแบบนั้นนี่ล่ะ
! ถึงได้ปล่อยไว้ไม่ได้”
ก้าวออกไปหนึ่งก้าวทั้งที่ยังถูกคว้าแขนไว้อยู่
ส่งเสียงคำรามอย่างรุนแรงตอบสนองต่อท่าทีนั้น
“อันตราย”
ทานูกิย่อตัวลงทำท่าจะกระโจนออกไป
ตอนที่เห็นแบบนั้นก็พุ่งเข้ามาราวกับเป็นกระสุนสีดำแล้ว
วิ่งตรงเข้ามาหาโชวโกะ
แล้วก็ชนเข้ากับกอนตะที่กระโจนออกมาราวกับเป็นลูกศรสีทองเช่นกัน
[หน้า 299]
“กอนตะ”
กลับตัวกลางอากาศแล้วลงสู่พื้นตรงหน้าโชวโกะราวกับยืนขวางไว้
ในทางกลับกัน
ทานูกิที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลนั้นร่วงลงกลิ้งไปกับพื้น
“ไม่ได้นะ”
ได้รับคำสั่งให้หยุด ทำให้กอนตะซึ่งทำท่าจะกระโจนเข้าใส่หยุดเคลื่อนไหว
“ไม่เป็นไรหรอก……ต้องยอมเข้าใจแน่ๆ”
“โชวโกะ เดี๋ยวสิ !”
เอาเป้ที่สะพายไว้ที่หลังลง จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูออกมาจากข้างใน
“เอ่อ ถ้าจำไม่ผิด……ทำแบบนี้……”
เสียงหัวใจรุนแรงขึ้น
ดังโลดเต้นสะท้อนไปมาภายในหูดังตึกตักๆ
เหมือนกับว่าตัวของตัวเองนั้นได้กลายเป็นหัวใจขนาดใหญ่ไปซะแล้ว
และข้างหน้าก็ค่อยๆมืดขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกที่เรียกว่าความกลัวกับความรู้สึกที่อยากจะหนีนั้นได้เริ่มแผ่ขยายไปทั่วร่างกายจนขาสั่น
“ทำ แบบนี้……”
ตอนที่โคสุเกะผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องยืนขวางหน้าสัตว์ประหลาดในภูเขาน่าจะน่ากลัวกว่าแน่ๆ
คอยปกป้องโชวโกะที่ได้แต่ตัวสั่นและร้องไห้
[หน้า 300]
ขอแค่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของความกล้าหาญที่เห็นในตอนนั้นอยู่ด้วยล่ะก็
จะต้องไม่กลัวแน่ๆ
------สั่นไหวอย่างรุนแรงภายในอกดังตึกตักๆ
สัตว์ได้กลายเป็นยามาวาโระ
และกำลังมุ่งความเป็นศัตรูไปหามนุษย์ ความน่าสะพรึงกลัวของมันกับความคมของเขี้ยวและกรงเล็บนั้น
โชวโกะซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงรู้ดี
คดีจบไปแล้วตอนหน้าร้อน
ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น ถ้ามาบาดเจ็บหรือเป็นอะไรที่นี่ล่ะก็ทุกคนจะเสียใจ
สัญญาไปแล้วด้วยว่าจะไม่ทำเรื่องอันตราย เพราะแบบนั้นตอนนี้ไม่จำเป็นต้องฝืนอะไร
ทั้งๆที่น่าจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก”
คราวนี้สามารถพูดได้อย่างมั่นคง
“โชวโกะ……”
ปล่อยมือซาจิโกะ
แล้วเข้าไปใกล้สัตว์ที่ร้องคำรามทั้งที่ยังสั่งให้กอนตะหยุดนิ่งอยู่
น่ากลัวไม่ผิดแน่
ทั้งเขี้ยวทั้งกรงเล็บนั้นเพียงพอที่จะทำอันตรายตนเองได้
แต่ที่กลัวที่สุดไม่ใช่เรื่องนั้น
นึกเรื่องที่ถูกให้ดูส่วนหนึ่งของสิ่งที่ตัวเองทำให้เกิดขึ้นในคดีเมื่อฤดูร้อน
แล้วก็สบายใจอยู่ที่ไหนซักแห่งภายในใจว่ามันจบลงไปแล้วขึ้นมาได้
นั่นเป็นสิ่งที่กลัวที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น