คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 111]
“ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเรื่องคล้ายๆแบบนี้ด้วยนี่นะ”
จิคาเงะเองก็มาร่วมวงสนทนาด้วย
“เอ๊ะ อะไรล่ะนั่น มีด้วยเหรอ ?”
“กลายเป็นข่าวตั้งขนาดนั้นเลยไม่ใช่เหรอไง
ข่าวพฤติกรรมผิดปกติของสัตว์เนี่ย ถูกทีวีหยิบยกไปด้วย”
“อ๊ะ ดูแล้วๆ เมื่อเร็วๆนี้ก็มีฉายในรายการพิเศษด้วยสินะ”
“…………”
พอหัวข้อสัตว์ประหลาดโผล่มาแล้ว
ไม่ว่ายังไงก็นึกถึงเรื่องในตอนนั้นขึ้นมาจนได้
เดิมทีผ้าคลุมนางฟ้าที่เป็นต้นเหตุนั้น
โคสุเกะผู้เป็นพี่ชายได้ถึงกับยอมเสียสละร่างกายของตัวเองส่วนหนึ่ง
แล้วส่งกลับท้องฟ้าไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าตัวตนของสิ่งเรียกว่ายามาวาโระได้หายไปตอนนั้นแล้วหรอกเหรอ
? เพราะแบบนั้นครั้งนี้เลยแค่ดูผิดไป
เป็นไปไม่ได้ด้วยที่จะเกิดเรื่องแบบที่ทำให้วิตกกังวล
“อ๊ะ !”
“จู่ๆมีอะไรงั้นเหรอ ?”
“ลืมของหรืออะไรทำนองนั้นรึเปล่า
?”
“อะ อื้อ ตามนั้นล่ะค่ะ
จะไปหยิบมาเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
[หน้า 112]
“เป็นของที่ต้องใช้ในคาบแรกเหรอ
? ถ้าเป็นหนังสือเรียนล่ะก็แค่ขอคนอื่นดูก็ได้นี่”
“ปะ
เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ”
“อาจารย์คงใกล้จะมาแล้วด้วย
ไว้ตอนพักก็ได้ไม่ใช่เหรอไง ?”
“……นั่นสินะคะ
เอาแบบนั้นแล้วกันค่ะ……”
มีเรื่องที่นึกขึ้นได้
เลยร้อนรนอยู่ภายในใจไม่หยุด
เมื่อวานได้พูดเกี่ยวกับตัวตนของสิ่งนั้นไป
แม้จะไม่สามารถเรียกว่าเป็นยามาวาโระได้
แต่ตัวตนที่ใกล้เคียงกันนั้นตอนนี้เองก็ยังเหลือรอดอยู่
ถึงจะไม่ได้กลายเป็นสัตว์ประหลาด แต่สัตว์ที่ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นขนาดที่สามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดได้อย่างเกินพอนั้น
ถ้ามองจากสายตาของมนุษย์แล้วไม่แตกต่างไปจากสัตว์ธรรมดามากเท่าไร
มีหมาจิ้งจอกถูกเลี้ยงไว้ตรงด้านหลังของศาลเจ้าหมู่บ้านมินาคามิ
เป็นสัตว์ที่ครั้งหนึ่งเกือบกลายเป็นยามาวาโระไป
แต่ต่อมาก็ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะตัดขาดออกมาให้เห็นด้วยตัวเอง
ในทันทีที่ถึงตอนพัก ก็ลุกจากเก้าอี้
รู้สึกว่าถูกพูดอะไรซักอย่างกับท่าทีรีบร้อนของซาคุยะจากข้างหลัง
แต่ไม่มีเวลาพอที่จะตอบกลับไป
ออกไปที่ระเบียง แล้วมองซ้ายมองขวา
ในอาคารเรียนใช้โทรศัพท์มือถือไม่ได้
กฎห้ามไว้ด้วย แล้วถ้าถูกใครได้ยินก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากด้วย
[หน้า 113]
พอเป็นแบบนั้นก็มีแต่ต้องออกไปข้างนอกอีกรอบเท่านั้น
เดินผ่านระเบียงด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับการวิ่งเหยาะๆ
แล้วลงบันไดไป
นักเรียนที่เดินสวนกันตกใจกับท่าทางของซาคุยะแล้วชะงัก
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น แล้วมุ่งไปที่ทางเข้าด้านหน้าต่อ
แม้ว่าจะถูกใครซักคนเรียกให้หยุด
ตอนนี้การออกไปข้างนอกเป็นสิ่งที่ควรทำก่อน
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่คำศัพท์ที่ได้ยินหลังจากนั้นเพียงเล็กน้อยนั้นก็เพียงพอที่จะหยุดการก้าวเดินของซาคุยะ
“มีเด็กถูกเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บ------”
“------ ! !”
ตั้งใจฟังการสนทนาที่หลุดลอดออกมา
เมื่อเช้าเห็นบอกว่าแค่บังเอิญไปเจอเข้าแล้วเห็นเป็นสัตว์ประหลาดเท่านั้น
สถานการณ์เปลี่ยนแล้วเหรอ หรือว่าปิดบังไว้อยู่ ไม่ว่าจะยังไงดูเหมือนว่ามีคนได้รับบาดเจ็บแล้วไม่ผิดแน่
“………….”
ตรงบอร์ดติดประกาศซึ่งอยู่หน้าตู้รองเท้ามีโปสเตอร์งานเลี้ยงคริสต์มาสแปะอยู่
ป้ายประกาศที่ถูกตกแต่งอย่างสนุกสนานนั้น
ระหว่างที่เกิดคดีขึ้นก็ดูหดหู่ยังไงไม่รู้
ไปที่ด้านหลังของตึกเรียน
แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
[หน้า 114]
พอเรียกเบอร์โทรศัพท์มาจากรายชื่อที่บันทึกไว้แล้ว
ก็กดปุ่มโดยไม่ลังเล
“………………”
รู้สึกหงุดหงิดไม่ทันใจกับเสียงรอสาย
ทั้งๆที่ดังขึ้นสองครั้ง
สามครั้งแล้วก็ยังไม่รับ ตอนที่ดังซ้ำเป็นครั้งที่สี่
ครั้งที่ห้าและกำลังจะตัดสายนั้นเอง ในที่สุดก็มีใครรับสาย
“เอ่อ สวัสดีค่ะ ซาคุยะค่ะ
คุณกิงโกะ……มีเรื่องอยากจะคุยด้วยน่ะค่ะ ได้รึเปล่าคะ”
มีเสียงสดใสของหญิงสาวดังมาจากมือถือ
ถึงจะดีใจที่ได้คุยกับซาคุยะหลังจากที่ไม่ได้คุยกันมาซักพัก
แต่ก็ปรับบรรยากาศให้เข้ากับเสียงที่ดูจนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงดี
บ้านของกิงโกะนั้นถึงจะอยู่ที่หมู่บ้านมินาคามิ
แต่ก็อยู่ในภูเขาลึก
ต้องข้ามสะพานแขวนที่พาดไว้ตรงลาดเขาของภูเขาที่แทบจะไม่มีคนเข้าไป
จากนั้นก็ยังต้องก้าวเข้าไปในส่วนลึกของป่าที่ไม่มีถนนอีก
จึงจะมาถึงที่หมายได้อย่างยากลำบากในที่สุด
แทบจะไม่มีมนุษย์คนอื่นนอกจากเจ้าของบ้านมา
แต่ในบ้านกลับถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“เกี่ยวกับยามาวาโระหลังจากนั้นงั้นเหรอ”
[หน้า 115]
ในขณะที่นอนอยู่บนเสื่อทาทามิอย่างไม่เรียบร้อย
ก็ใช้นิ้วเล่นปลายผมของผมยาวสีเงินซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชื่อไปพลางๆ
หน้าอกที่อวบอึ๋มและได้รูปขนาดที่ถึงจะมองจากบนเสื้อผ้าก็ยังรู้ได้นั้น
พอกิงโกะขยับตัวก็จะกระเพื่อมยืนยันการมีอยู่ของมัน
“ตามที่ว่า เพราะความช่วยเหลือของโคสุเกะคุง
นูเอะที่พยายามจะกลืนซาคุยะจังเข้าไปก็เลยหายไปแล้ว
พวกสัตว์ที่กลายเป็นวัตถุดิบเองก็……ถึงจะน่าสงสาร แต่ก็หายไปพร้อมๆกันน่ะ
ก้อนเนื้อที่เหลืออยู่ฉันก็เผาไปแล้ว เพราะแบบนั้นสรุปว่ายามาวาโระที่กำลังจะกลายเป็นนูเอะได้หายไปแล้วล่ะ……”
ดูเหมือนว่าซาคุยะที่อยู่ในสายโทรศัพท์กำลังร้อนรนอยู่
คดีที่สัตว์ประหลาดสร้างความวุ่นวายและมีคนบาดเจ็บซึ่งเกิดขึ้นที่โรงเรียนนั้นได้ทำให้ซาคุยะผู้สุขุมเยือกเย็นกำลังร้อนรนอยู่
กิงโกะไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด
เพราะเป็นเรื่องของซาคุยะที่มีความรับผิดชอบสูง
บางทีอาจจะกำลังคิดว่าถ้าปัญหาเกี่ยวข้องกับยามาวาโระล่ะก็ต้องเป็นเพราะตัวเองแน่ๆ
อยู่ก็เป็นได้
และสำหรับกิงโกะเองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง
“เป็นไปตามที่ซาคุยะจังคาดไว้นั่นล่ะ
ตัวยามาวาโระเองนั้นไม่ได้หายไป ตอนนี้เองก็ยังเหลือรอดอยู่เยอะด้วยนะ”
‘ถ้าอย่างงั้น
แปลว่าตอนนี้เองก็กำลังอาละวาดอยู่ที่ไหนซักแห่งแล้วสร้างอันตรายกับมนุษย์อยู่เหรอคะ
?’
“ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปนะ
แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คิดว่าจะทำยังไงดีน้า อยู่น่ะ”
ครุ่นคิดว่าจะอธิบายยังไงดี
ได้ข้อสรุปออกมาแล้ว แต่ในการสื่อสารโดยไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดนั้นจำเป็นต้องใช้ความพยายาม
แค่โทรศัพท์อย่างเดียวท่าทางจะยาก
[หน้า 116]
“ยังไงก็เถอะ
ถ้าไม่ลองไปดูก็ไม่รู้หรอก เพราะแบบนั้นจะไปทางนั้นซักพักนะ เรื่องที่จะคุยเอาไว้หลังจากนั้นได้ไหม
?”
‘ค่ะ ถ้าคุณกิงโกะช่วยมาให้ล่ะก็อุ่นใจได้
ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วค่ะ……แต่ก็มีปัญหาอยู่นิดหน่อยน่ะค่ะ’
“เอ๊ะ ? อย่างเช่น ?”
‘การนำคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางโรงเรียนเข้ามาจะเป็นปัญหาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งน่ะค่ะ”
“อ๊ะ
ไม่เป็นไรไม่เป็นไร เพราะจะไม่ทำพลาดให้คนอื่นเจอตัว เชื่อมาแล้ววางใจได้เลย”
‘……เข้าใจแล้วค่ะ
ขอฝากด้วยนะคะ’
คงจะมีข้อสงสัยอยู่
แต่กลับพูดแค่นั้นแล้ววางสายไป
โคสุเกะเองก็เป็นแบบนั้น
ซาคุยะที่เป็นน้องสาวเองตัดสินใจได้ไว
คิดไปเพลินๆว่าความสามารถในการลงมือปฏิบัติจริงของพี่น้องมินางามิคงจะได้รับมาจากแม่แน่ๆ
“เอาล่ะ
ออกไปค้างข้างนอกนานๆทีสินะ”
คงต้องเตรียมชุดไว้สำหรับเปลี่ยนแล้วค่อยไป
ไม่ว่าจะเป็นยามาวาโระจริงๆหรือเป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดาก็ตั้งใจจะทำให้มันจบลงทันที
แต่การที่เริ่มโดยเริ่มตั้งแต่สำรวจนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะได้กลับมาภายในวันนี้
ในขณะที่หยิบเสื้อผ้าชิ้นนั้นชิ้นนี้ออกมาจากตู้เก่าๆซึ่งทำจากไม้
ก็รู้ตัวว่ากำลังดีอกดีใจอยู่
[หน้า 117]
เคยออกห่างจากหมู่บ้านมินาคามิเพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดี
แต่ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้จนถึงขั้นนี้มาก่อนเลย
เห็นบอกว่ามีคนบาดเจ็บแล้ว เลยรู้สึกอยากจะคลี่คลายให้ได้โดยเร็ว
เรื่องนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่ผ่านมา
ที่กำลังดีใจอยู่นั้นเป็นเพราะมีเหตุผลอื่นอยู่อีก
“……อ๊ะ งั้นเหรอ”
ถึงจะเป็นการออกห่างจากหมู่บ้าน
แต่สถานการณ์นั้นต่างไปจากที่ผ่านมา
ครั้งนี้เป็นการออกไปเพื่อช่วยคนอย่างบริสุทธิ์ใจครั้งแรกนับตั้งแต่ที่มายังหมู่บ้านนี้
เวลาผ่านไปทั้งที่ยังไม่มีการติดต่อจากกิงโกะ
ไม่รู้ว่าจะนั่งอะไรมา แต่คงจะเป็นรถไฟเหมือนกับตอนที่เชิญมางานโรงเรียนก่อนหน้านี้
ถ้าอย่างนั้นถึงจะติดต่อมาราวๆช่วงที่มาถึงสถานีหรือแถวๆหน้าพื้นที่ของโรงเรียนก็ไม่แปลก
“…………”
ทว่า
หน้าจอกลับไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งเมล์ทั้งสายที่ไม่ได้รับ ไม่มีทั้งสองอย่างเลย
พอเห็นซาคุยะหยิบมือถือออกมาทุกครั้งที่ถึงเวลาพัก
ก็มีเสียงที่ไม่ได้พูดเรื่องดีๆดังมาจากรอบข้าง
[หน้า 118]
“ดูมือถืออีกแล้วสิน้า”
“พอคิดว่าหลังๆมานี้สงบลงแล้ว
ไม่คิดเลยว่าจะกลับมาเป็นอีกน่ะนะ”
“สาเหตุคือไอ้ที่ดูรีบร้อนสุดๆเมื่อกี้รึเปล่านะ”
“กลายเป็นการบอกเลิกไปงั้นเหรอ
? หรือว่าเป็นปัญหาความรัก……”
“……เฮ้อ”
เก็บโทรศัพท์มือถือพร้อมกับถอนหายใจ
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ
อีกฝ่ายที่รอการติดต่ออยู่ก็เป็นเพศเดียวกันด้วย เรื่องน่าละอายอะไรแบบนั้นไม่มีหรอกค่ะ”
“เห ใครเหรอ ? คนรู้จักเหรอ ?”
“ก็ ประมาณนั้นล่ะค่ะ เป็นคนที่รู้เกี่ยวกับสัตว์ดี
เลยกะจะลองถามดูว่านึกอะไรออกบ้างไหม……”
“อืม แบบนี้นี่เอง
ถ้ายังวุ่นวายต่อไปทั้งๆแบบนี้ล่ะก็ กิจกรรมอาจจะต้องยกเลิกกลางคันก็ได้นี่นะ”
นั่นเป็นคำพูดที่อยู่เหนือความคาดหมาย
ถึงจะเข้าเดือนธันวาคมไปและคริสต์มาสใกล้เข้ามาแล้ว
แต่ก็ยังอีกหลายวัน
ไม่สามารถคิดได้ว่าเหตุการณ์ในคราวนี้จะลากยาวไปถึงขนาดนั้น
พอถามเรื่องนั้นดู
คำตอบของจิคาเงะกลับเป็นอะไรง่ายๆ
“ก็คริสต์มาสน่ะเป็นของที่จัดขึ้นในปิดเทอมหน้าหนาวใช่ไหมล่ะ ? ถ้ายังไม่รู้สาเหตุอยู่ทั้งๆอย่างนั้นล่ะก็
จะมีประกาศว่าช่วงปิดเทอมให้กลับบ้านน่ะ”
[หน้า 119]
“เป็นอย่างนั้น……เหรอคะ ?”
“แบบนั้นนี่เอง
สมแล้วที่เป็นประธานหอ”
“ถ้าเป็นฉันล่ะก็จะทำแบบนั้น
หรือควรจะพูดว่าไม่ทำแบบนั้นไม่ได้ เวลาอย่างช่วงปิดเทอมเนี่ยเกือบทั้งหมดที่อยู่ก็มีแค่นักเรียนด้วย
ในกรณีที่ยังคลี่คลายไม่ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างที่มีแค่พวกเด็กๆอยู่กันเท่านั้นล่ะ
? คิดว่ามีคนคิดแบบนี้อยู่เยอะนะ”
“……อาจจะเป็นอย่างที่ว่ามาจริงๆก็ได้ค่ะ”
“ซาคุยะอุตส่าห์มีใจแล้วแท้ๆเนอะ”
“ตัวฉันนั้น ตอนนี้เองก็ไม่ใช่ว่าอยากจะไปเข้าร่วมประกวดขนาดนั้นหรอกนะคะ
แต่……”
แต่รุ่นน้องพวกนั้นคงจะเศร้าสลด
ทั้งๆที่อยากจะสร้างความทรงจำข้ามชั้นปีแท้ๆ
แต่การที่สิ่งที่ทำมากลับต้องมายกเลิกกลางคันก่อนหน้าวันจริงไม่นานนั้นมันเกินไปแล้ว
“ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นการยกเลิกกลางคัน
แต่ให้จบแบบนี้ไม่เอาหรอกนะคะ”
“นั่นสิน้า~……”
มองออกไปนอกหน้าต่าง
ป่าที่เห็นจนชินนั้นตอนนี้กลับคิดได้ว่าเป็นสถานที่ลึกลับที่ไม่รู้ตัวตนแน่ชัด
[หน้า 120]
หลังจากนั้นก็ลองรอการติดต่อไปจนถึงหลังเลิกเรียน
แต่กลับไม่มีการติดต่อมาจากกิงโกะเลย
------รีบกลับไปที่หอพักดีกว่า
สิ่งที่ซาคุยะซึ่งกระโจนออกไปนอกห้องเรียนทันทีที่เสียงออดดังขึ้นคิดเป็นอย่างแรกคือเรื่องนั้น
ถ้าเป็นในห้องของตัวเองล่ะก็สามารถคุยกับกิงโกะอย่างสบายๆได้
บางทีอาจจะมาอยู่ใกล้ๆแล้ว
แล้วกำลังรอให้ชั่วโมงเรียนของซาคุยะจบลงอยู่ก็เป็นได้
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน
ควรจะย้ายไปยังที่ๆไม่เตะตาผู้คนและสามารถทำตัวสบายๆได้
เดินผ่านทางที่ใช้เดินไปโทรศัพท์เมื่อซักครู่ด้วยความเร็วที่เกือบจะเท่าๆกัน
ไม่ใช่จะไม่มีนักเรียนวิ่งเลย
แต่เนื่องจากที่โรงเรียนนี้แทบจะไม่มีนักเรียนวิ่งบนระเบียงทางเดิน
ทำให้การวิ่งเต็มกำลังนั้นสะดุดตามาก
ไม่มีนักเรียนที่ย้อมผม
ทุกคนใส่ชุดนักเรียนธรรมดาๆ เรื่องพฤติกรรมเองก็รักษากฎระเบียบเพื่อจะได้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง
เรื่องที่พวกตนเองซึ่งปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดขนาดนั้นกำลังเผจิญกับเหตุการณ์ผิดธรรมดาอยู่นั้น
คิดได้ว่าดูลักลั่นย้อนแย้งยังไงไม่รู้
ออกจากทางเข้าออกที่มีตู้รองเท้าอย่างรวดเร็ว
แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องของตนเอง
“อ๊ะ
ซาคุยะจัง กลับมาแล้วเหรอ โรงเรียนเลิกแล้วสินะ”
ไม่เชื่อในหูของตัวเองที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยทักมาโดยไม่ทันตั้งตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น