คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 101]
แน่นอนว่าถ้ามีสัตว์ใหญ่ที่เป็นอันตรายหรือสัตว์ที่บาดเจ็บอยู่ล่ะก็
การรีบแจ้งสถานีอนามัยและสัตวแพทย์ในทันที ณ ตอนนั้นเลยคือขั้นตอนที่ต้องทำก่อน แต่……
ซาคุยะกลืนน้ำลาย แล้วจ้องมองเข้าไปในป่า
มีอะไรบางอย่างอยู่ไม่ผิดแน่
กำลังแอบมองมาทางซาคุยะจากในพุ่มไม้
ใบไม้ของพุ่มไม้สั่นไหวอีกครั้ง
ไม่มีแสงเลยมองไม่เห็นว่าที่อยู่ตรงนั้นคืออะไร
แสงที่ส่องเข้ามาจากไฟทางที่อยู่ห่างออกไปซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวนั้นได้ทำให้นัยน์ตาสะท้อนแสงกลับมาเพียงเล็กน้อย
ทำให้เห็นเป็นเหมือนกับว่ากำลังปล่อยแสงสีฟ้าออกมาด้วยเช่นกัน
“ทำอะไรอยู่ตรงนั้นเหรอคะ ?”
หันกลับไปหาเสียงที่ดังมาจากข้างหลังทันที
ดูเหมือนเรื่องที่ตกใจกับเสียงคนนั้น
ทางอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงนั้นก็เป็นเหมือนกัน
ในเวลาเดียวกับที่หันเปลี่ยนทิศทางก็วิ่งเข้าไปข้างใน
ถึงจะบอกว่าออกนอกทางไป
แต่ก็เป็นแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
พอกลับไปที่ใต้ไฟทาง
ก็พบว่ามียามที่ทักทายไปเมื่อครู่อยู่
ดูเหมือนว่ากำลังเป็นห่วงซาคุยะที่ออกนอกทางไปทั้งๆอย่างนั้นแล้วไม่กลับมาอยู่
“ขอโทษค่ะ ดูเหมือนจะมีสัตว์เล็กอะไรบางอย่างอยู่น่ะค่ะ”
[หน้า 102]
“หืม ? แมวหรือทานูกิรึเปล่านะ”
“หรือไม่ก็อาจจะเป็นหมาจิ้งจอกก็ได้นะคะ”
“แถวนี้เองก็มีรึเปล่านะ
ฉันไม่เคยเห็นหรอก เธอเคยเหรอ ?”
“เอ่อ……ค่ะ ถึงจะไม่ใช่ที่นี่
แต่ในหมู่บ้านที่ห่างออกไปเล็กน้อยซึ่งมีบ้านของญาติอยู่
มีหมาจิ้งจอกถูกเลี้ยงไว้อยู่ค่ะ”
“อยากเห็นจังเลยนะ ว่าแต่ไม่ใช่ที่บ้านของญาติ
แต่เลี้ยงไว้ในหมู่บ้านหรอกเหรอ ?”
“ตอนนี้ไม่รู้ยังไงดูเหมือนจะกลายเป็นแบบนั้นไปแล้วค่ะ……อีกไม่นานอาจจะกลายเป็นเทพคุ้มครองไปก็ได้”
“แหมๆ
เป็นเรื่องที่แปลกยังไงไม่รู้นะ ไปซื้อของระวังด้วยนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
โค้งศีรษะให้กับยามที่มาส่ง จากนั้นก็ไปร้านสะดวกซื้อ
ข้างในมีเด็กผู้หญิงที่ท่าทางจะเป็นนักเรียนโรงเรียนคิโยมิยะเหมือนกันอยู่หลายคน
และกำลังรอจ่ายเงินอยู่ตรงเคาน์เตอร์
※
มีไม่บ่อยนักที่จะรู้ตัวได้อย่างชัดเจนว่าความฝันที่ตัวเองเห็นคือความฝัน
[หน้า 103]
สำหรับผู้ฝันแล้วนั่นถือเป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียว
เลยไม่คิดคำนึงถึงสิ่งที่ตัวเองมองอยู่ใหม่อีกครั้ง
ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น
แต่ที่สามารถรู้ตัวได้ว่าความฝันคือความฝันนั้นเป็นเวลาแบบไหนกันนะ
อย่างหนึ่งคือฝันรู้ตัว ในขณะที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้วอยู่ระหว่างเคลิ้มๆก็มีแค่จิตสำนึกเพียงอย่างเดียวที่ลืมตาตื่นขึ้นมา
แล้วต่อมาก็คือภาพแห่งความเจ็บปวดที่ถูกสลักไว้แน่นภายในจิตใจ
ซึ่งจะย้อนกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วน
ในตอนที่ฝันถึงความเจ็บปวดที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกแล้ว
ก็จะอ้อนวอนภายในความฝันว่าขอให้เป็นเพียงแค่ความฝัน จากนั้นก็สิ้นหวังกับเรื่องที่ยังไม่ตื่นซะที
แขนขาของซาคุยะถูกกินไปแล้ว
ภายในความมืดที่ไม่สามารถมองลอดผ่านออกไปได้
กำลังละลายไปเรื่อยๆโดยเริ่มจากปลายนิ้ว
ดวงตาที่ไม่ใช่ตาของซาคุยะได้ส่งผ่านข้อมูลที่มองเห็นเข้ามา
กำลังประมวลผลข้อมูลที่ทัศนวิสัยตั้งแต่พื้นดินไปจนถึงท้องฟ้าซึ่งตาของมนุษย์ไม่สามารถทอดสายตามองอย่างทั่วถึงได้นำเข้ามา
ไปเรื่อยๆด้วยการคิดที่สำหรับมนุษย์แล้วจัดว่าเป็นไปไม่ได้
ที่นั่นเป็นกลางภูเขาที่มืด
ถึงจะมองจากยอดเขาลงมาก็ไม่เห็นผืนดินของภูเขา
ผืนดินถูกปกคลุมไปด้วยสัตว์จำนวนมาก
สัตว์ที่มาถึงตัวซาคุยะอย่างยากลำบากนั้นได้กระโจนเข้าไปในก้อนเนื้อขนาดมหึมาที่กลืนเธอเข้าไป
ในไม่ช้าก็ถูกย่อยราวกับถูกบดเคี้ยว
เซลล์ใหม่ที่ถูกส่งเข้ามาได้กลายไปเป็นชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่เตะตา
[หน้า 104]
ตัวตนของตนเองที่เลือนรางไปและความทรงจำที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา
ความรู้สึกของแขนขาได้หายไปนานแล้ว ไม่แน่ใจด้วยว่ายังคงรูปร่างเป็นมนุษย์อยู่หรือว่าผสมรวมกับเศษเนื้อไปนานแล้ว
ความคิดที่ไม่ใช่ของตัวเองนั้นได้ส่งผ่านความยินดีที่ไม่ชัดเจนเข้ามา
------อา
ถอนหายใจออกมา
------ฉันเป็นสัตว์เดรัจฉาน
------กลายเป็นสัตว์ไปแล้ว
------ทั้งมือที่เคยใช้จับมือกัน
------ทั้งขาที่เคยใช้เดินมาด้วยกัน
------สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไป แล้วกลายเป็นแค่สัตว์น่าเกลียดตัวนึง
------แต่ว่า
สุดท้ายขออีกแค่ครั้งเดียว
------ก่อนที่หัวใจสุดท้ายจะถูกละเลงทับไป
------ยังไงก็ขอให้ได้เจอคุณ
แค่พริบตาเดียวก็ยังดี
[หน้า 105]
แสงสว่างจ้า
เป็นการจบลงของความฝัน
และมีความหมายว่าเป็นการจบลงของฝันร้าย
ลืมตาขึ้นมา จากนั้นก็เช็ดบริเวณตา
แม้แต่ตัวเองก็ยังตกใจกับปริมาณน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
ที่จริงซาคุยะความดันต่ำเลยตื่นนอนลำบากในตอนเช้า
แต่เฉพาะตอนฝันร้ายเท่านั้นที่จะตื่นนอนได้ดี
“……เจออะไรน่าหดหู่ตั้งแต่เช้า……
เทียบกับเมื่อวานที่รู้สึกสดใสยังไงไม่รู้แล้วตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
รู้สึกหดหู่มืดมน
เข้าห้องน้ำ แล้วล้างหน้า
ที่ใต้ตาแดงเล็กน้อย
แต่คงจะหายในอีกไม่นาน
“ซาคุย้า~ ตื่นอยู่รื้อป่าว~ ?”
ถูกเรียกชื่อในเวลาเดียวกับที่โดนเคาะประตูห้อง
เป็นเด็กห้องข้างๆ ถึงจะอยู่คนละห้อง
แต่เพราะอยู่ปีเดียวกัน เลยพอมีความสัมพันธ์อยู่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“อ๊ะ ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
[หน้า 106]
“มีธุระนิดหน่อยน่ะ เห็นบอกว่ามีเรื่องที่อยากถามอยู่”
“เรื่องที่อยากจะถาม……?”
หมายความว่าคงจะไม่ใช่ธุระของเธอสินะ
“จะเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ
ช่วยรอซักครู่นะคะ”
พอล้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วก็ถอดชุดนอน
ของที่จะใส่เอาเป็นชุดนักเรียนก็ได้สินะ ยังไงแบบนั้นตอนหลังก็สบายกว่า
ใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วออกไปที่ระเบียง
ที่นั่นนอกจากเด็กสาวห้องข้างๆแล้วยังมีอาจารย์ของโรงเรียนอยู่
“มีอะไรเหรอคะ……?”
“เห็นว่าอยากจะถามเรื่องอะไรซักอย่างน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ว่า……”
แต่ว่าเป็นธุระสำคัญแบบไหนกันแน่นะ อาจเป็นเพราะความไม่สบายใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าก็เป็นได้
อาจารย์เลยยักไหล่เล็กน้อยเพื่อจะได้คลายความตึงเครียด
“อยากจะให้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังหน่อยน่ะ
เพราะถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะพูดว่าเห็นสัตว์ตอนกลางคืน”
“อ๊ะ เรื่องนั้นเหรอคะ”
“อะไรอะไร ? มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ
?”
[หน้า 107]
“หลังพระอาทิตย์ตกออกไปซื้อของมาน่ะค่ะ
เวลาก็ราวๆหนึ่งทุ่ม เป็นตอนก่อนทานอาหารเย็น”
“ได้ยินมาว่าสถานที่อยู่ใกล้ประตูโรงเรียนมากเลย”
“เอ……ค่ะ นั่นสินะคะ ได้ยินเสียงเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่
เลยมองเข้าไปดูค่ะ”
“ขนาดล่ะ ?”
“เอ่อ”
ในระหว่างที่กำลังนึกก็เอียงตัวไปข้างหน้า
แล้วใช้มือประมาณความสูง
“เพราะอยู่ในพุ่มไม้ที่สูงประมาณหัวเข่า
เลยคิดว่าคงจะสูงประมาณนี้รึเปล่านะคะ เป็นสุนัขหรือแมวหรือทานูกิ……คิดว่ารู้สึกประมาณนั้นค่ะ”
“……เฮ้อ งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว……เอาล่ะ”
เขียนลงไปในสมุดจดที่ถืออยู่ในมือ
เคยเห็นพี่ชายทำเรื่องแบบเดียวกันอยู่
ตอนนั้นเป็นเรื่องของสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในภูเขา
ภาพนั้นมาซ้อนกับภาพที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกราวกับว่าตอนนี้เองก็กำลังรวบรวมข้อมูลพยานรู้เห็นสัตว์ประหลาดอยู่เช่นเดียวกัน
“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ ?”
[หน้า 108]
“อืม……นั่นสินะ
คิดว่ายังไงก็คงลือกันให้แซ่ดในทันที จะเล่าไปก็ได้รึเปล่านะ……?”
ถึงอย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ได้เอามาพูดกันอย่างเปิดเผยรึเปล่านะ
อาจารย์พูดเสียงเบาลงแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พวกซาคุยะ
“เมื่อคืน
เด็กที่ออกไปข้างนอกเหมือนกันล้มจนได้รับบาดเจ็บน่ะ
ถ้าแค่นั้นล่ะก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย แต่เด็กคนนั้นกลับบอกว่า……”
อาจจะเป็นเรื่องที่พูดออกมาลำบากก็เป็นได้
ทว่า
ซาคุยะเคยเห็นการลังเลแบบเดียวกันนี้
ตอนที่จะกล่าวถึงเรื่องต่างๆที่ไม่อาจเชื่อได้
ท่าทางของมนุษย์จะแสดงส่วนที่คล้ายคลึงกันออกมาให้เห็น
ความคิดที่ว่าเป็นไปไม่ได้น่า ได้รุนแรงขึ้น
ภาพในความฝันแวบเข้ามาในหัว
ทุกอย่างน่าจะจบลงไปแล้วแน่ๆ แต่ว่า
แต่ว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไม……?
“ซาคุยะ ? เป็นอะไรเหรอ ?”
“อ๊ะ------”
ถูกมองหน้า เลยรู้สึกตัว
“แล้วเรื่องที่ท่านนั้นพูดมามีอะไรเหรอคะ
?”
“อะ อืม เรื่องนั้นน่ะนะ……บอกมาว่าเห็นสัตว์ประหลาดล่ะ เชื่อกันไหม ?”
[หน้า 109]
“…………เอ่อ พูดอะไรไม่ออก……ทั้งนั้นล่ะค่ะ……”
“นั่นสินะ โทษทีนะที่ถามเรื่องแปลกๆ”
“เรื่องนั้นน่ะ พวกขนาดตัวหรืออะไรล่ะคะ”
“อืม เพราะเห็นบอกว่าใหญ่มากๆ
เรื่องที่ไม่ใช่สัตว์ที่คุณมินางามิเห็นเนี่ยแน่นอนอยู่แล้วสินะ
ถ้าเผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆก็ปล่อยไว้ไม่ได้ด้วย กำลังไล่ถามอยู่น่ะว่าถ้าสะดุดตาขนาดนั้นแล้วไม่มีใครเห็นบ้างเหรอ”
“ที่ว่าฉันเป็นคนเห็น
ได้ฟังจากทางยามเหรอคะ ?”
“อื้อ ใช่แล้วล่ะ
เพราะเป็นที่แบบนี้ เลยขอให้แจ้งข้อมูลทั้งหมดมาในกรณีที่ไปเกิดเห็นอะไรซักอย่างเข้าน่ะ
ถ้าเกิดนักเรียนถูกหมาจรจัดกัดแล้วไม่สบายก็ลำบากเหมือนกันนะ”
“……อย่างนั้นเหรอคะ……”
“ถ้าอย่างงั้น
โทษทีนะที่ทำให้เสียเวลาตอนเช้า”
โบกมือให้เบาๆแล้วเดินจากไป
ที่ไม่ได้เป็นทางเข้าของหอพักอาจเป็นเพราะกำลังวนถามอยู่อีกหลายคนก็เป็นได้
“สัตว์ประหลาดสิน้า มีอะไรซักอย่างออกมาจากในภูเขารึเปล่าน้า”
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะคะ”
ในขณะที่พยักหน้าไป
ก็ไม่อาจขจัดความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีไปได้
[หน้า 110]
ตอนที่เข้ามาในห้องเรียน นักเรียนเกือบทั้งหมดก็มารวมกันอยู่แล้ว
แล้วพอซาคุยะมาถึงสายตาก็มารวมกัน
เผลอไปทำเรื่องอะไรซักอย่างที่ทำให้ถูกดักรอเข้าเหรอ
? คิดแบบนั้น
แต่ทางนั้นก็กลับไปคุยเรื่องสัพเพเหระทันที
จนถึงตอนที่มาถึงที่นั่งก็ได้ยินเรื่องในหอพักเมื่อเช้าจากทางนั้นทีทางนี้ทีเช่นกัน
เรื่องสัตว์ประหลาดแพร่กระจายไปเร็วกว่าที่คิดมาก
“อรุณสวัสดิ์~ หายากนะที่มาสายเนี่ย”
พอถึงที่นั่ง คิโยกะก็เข้ามาหา
“อะ อื้อ
มีเรื่องอะไรนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ว่าแล้วไง นั่นสินะ ? เรื่องสัตว์ประหลาด ?”
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้กันอยู่แล้วนะคะ”
“เรื่องนั้นน่ะนะ เห็นว่าพูดกันอย่างโจ่งแจ้งในหอพักเลยด้วยล่ะ
แล้วข่าวลือก็เล่าต่อกันไปเรื่อยๆ เลยเป็นอย่างที่เห็น”
กินเบ็ดเรื่องที่ดึงความสนใจเร็วมาก
แล้วข่าวลือก็เล่าต่อกันไปเรื่อยๆ
ดูเหมือนว่าหัวข้อสนทนาในห้องเรียนจะกลายเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวอยู่
“คิดว่ามี……สัตว์ประหลาดอยู่รึเปล่าคะ
?”
“อืม ยังไงกันนะ แต่คิดว่าถ้ามีอยู่จริงๆคงโรแมนติกดี”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น