คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 91]
“ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านมาจนถึงตอนนั้นก็……เอ่อ ถ้าเดาไม่ผิด
ไม่เคยคุยกับคุณคิโนชิตะเลยเหรอคะ”
“ถึงจะน่าอายแต่ก็เป็นเช่นนั้นค่ะ”
เพราะทั้งสอง
ซาคุยะเลยถูกลากเข้าไปพัวพันแท้ๆ แต่กลับรู้สึกผิดคาดนิดหน่อยกับเรื่องที่ในตอนนั้นมีความสัมพันธ์ตื้นเขินอย่างเหนือความคาดหมาย
“แล้วพอรู้ว่าเธอเป็นคนช่วยเรียกท่านซาคุยะมาให้
ก็ยอมรับเข้าใจได้ค่ะว่าในตอนนั้นเป็นเรื่องแบบนั้นเองหรอกเหรอ”
“ก็ไม่ใช่ว่าตัวฉันเองจะคิดละเอียดไปถึงขั้นนั้นหรอกนะคะ
แต่……”
แค่คิดว่าการที่ซาคุยะกลายเป็นคนได้รับการขอบคุณอยู่เพียงฝ่ายเดียวนั้นมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
เพราะไม่อาจปล่อยไว้เฉยๆได้
ถึงจะไม่เรียกก็อาจจะเข้าไปไกล่เกลี่ยอยู่
แต่สุดท้ายแล้วที่ดันหลังก้าวสุดท้ายให้เข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยก็คือการอ้อนวอนของเด็กสาว
ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าความคิดที่ว่า
ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็แค่พูดขอบคุณให้กันก็น่าจะเหมาะสม
“ว่าแต่ คุณคิโนชิตะที่ว่าเองก็เข้าร่วมด้วยเหรอคะ
?”
“เมื่อวานก็ได้เจอไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“……ใช่แบบนั้นเหรอคะ”
“ก็นั่นไง ที่ท่าทางขี้กลัวนิดหน่อยที่อยู่ข้างหลังฉัน……”
[หน้า 92]
“อ๊ะ”
อาจเป็นเพราะเป็นลูกสาวของเศรษฐีและเคยได้ยินเรื่องการแทรกแซงทางการเมืองมาก่อนก็เป็นได้
เลยเผลอคิดไปเองว่าเป็นคนที่เด่นพอๆกับมิยูกิที่อยู่ตรงหน้า
“แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ
เรื่องนั้นเนี่ย หมายความว่าคนที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องในคราวนี้ทั้งสองคนก็……”
“ค่ะ
เป็นแฟนคลับของท่านซาคุยะค่ะ
ฉันเป็นสมาชิกหมายเลขสองแต่ทำหน้าที่เป็นประธานแฟนคลับ
ส่วนเธอก็ได้หมายเลขหนึ่งไปแทน เป็นการเห็นพ้องต้องกันอย่างสันติทั้งสองฝ่ายค่ะ”
“ไม่ค่ะไม่ค่ะ
! แบบนั้นเนี่ยมันแปลกๆสินะคะ
ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องจัดงานแบบนี้เลยไม่ใช่เหรอคะ
!?”
“นั่นเป็นเพราะว่านั่นค่ะ”
“อันไหนคืออันไหนกันแน่คะ”
“วางใจได้ค่ะ
ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าใครจะก่อวินาศกรรมแบบไหนมาก็ได้เตรียมการป้องกันอย่างดีไว้แล้วค่ะ”
“ท่าทางพวกเธอจะเป็นคนทำอะไรซักอย่างให้มันวุ่นวายเองมากกว่าน่ะสิคะ
!
“เรื่องนั้น……เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ No Problem ค่ะ”
“……อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจสุดๆสิคะ……ฮึก”
กระแอมไอเล็กน้อยดังอะแฮ่มให้กับเสียงร้องอันเศร้าโศกของซาคุยะ
[หน้า 93]
“ก็มีเรื่องนั้นด้วย
เลยมีส่วนที่ต่อให้อยากถอยก็ถอยไม่ได้อยู่ด้วยค่ะ
เพราะแบบนั้นต้องขอโทษท่านซาคุยะจริ……”
“ถ้าจะมาขอโทษเอาป่านนี้ล่ะก็
ช่วยยกเลิกงานไปเลยเถอะค่ะ”
“แต่ว่าน่าสนุกจริงๆนะคะ
ตอนนี้ทุกคนเองก็กำลังเตรียมงานคริสต์มาสกันอยู่……”
“ถะ
ถ้าถูกพูดแบบนั้นมาแล้วล่ะก็”
การรวมรุ่นพี่เข้าไปด้วยแล้วจัดงานครื้นเครงขนาดใหญ่ที่จะกลายเป็นความทรงจำนั้นเป็นเรื่องที่ซาคุยะเองก็อยากทำเช่นกัน
แต่จะให้ไปแย่งหน้าที่มาจากรุ่นน้องก็ยังไงๆอยู่
“……เฮ้อ
ถ้าอย่างงั้นขออนุญาตถามอะไรแค่ข้อเดียวนะคะ”
“ค่ะ”
“หลังจากนี้ไปพวกคุณคิดจะทำยังไงกับงานในคราวนี้เหรอคะ
?”
“นั่นสินะคะ……”
มิยูกิครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
สำหรับซาคุยะแล้ว
เพราะความอึกทึกครื้นเครงแบบงานเทศกาลในคราวนี้เป็นของที่ผิดปกติซึ่งเกิดจากปัจจัยชั่วคราวหลายๆอย่างมารวมเข้าด้วยกันเท่านั้น
ทำให้ถึงจะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากก็ยังพิจารณาเรื่องการปฏิเสธไว้ด้วย
ทว่า
บางทีถ้าหากมีแผนการที่ต่างออกไปอยู่แล้วล่ะก็
หลังจากนี้
ถ้าจะกลายเป็นงานที่เป็นธรรมเนียมของพวกเธอซึ่งจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ไปอีกตั้งกว่าสองปีแล้วล่ะก็
นั่นคงจะเป็นการช่วยทำเรื่องที่ซาคุยะไม่สามารถทำได้ในชีวิตโรงเรียนให้เป็นจริงไม่ใช่เหรอ
[หน้า 94]
“จะทำให้เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำค่ะ
ครั้งนี้ถึงผลลัพธ์จะเป็นแค่การรบกวนท่านซาคุยะแล้วสร้างปัญหาให้ แต่ต่อมาโดยผ่านอำนาจเล็กๆน้อยๆ
อยากจะทำให้กลายเป็นงานขนาดที่ถูกทุกคนบอกต่อกันไปค่ะ”
“บอกต่อกัน
? บอกอะไรเหรอคะ ?”
“เรื่องที่เคยได้อยู่ด้วยกันกับคนที่สุดยอดขนาดนี้ค่ะ
หลงเหลือเรื่องที่ว่ามีรุ่นพี่ที่เป็นที่รักของทุกคนไว้
แล้วหลังจากที่พวกฉันจบการศึกษาไปก็ช่วยเล่าต่อกันไปให้
อยากจะทำให้กลายเป็นงานแบบนั้นค่ะ”
“แต่ว่าที่มาก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าแค่งานคริสต์มาสในหอพักนะคะ
ถึงจะทำให้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นไป
ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างนักเรียนหอกับนักเรียนที่เดินทางมาเรียนเกิดขึ้นด้วย
อาจจะกลายเป็นสาเหตุของความขัดแย้งใหม่ก็ได้นะคะ”
“ค่ะ
ในตอนที่มีปัญหาแบบนั้นเกิดขึ้น เรื่องนั้นก็คือเรื่องนั้น
ขอให้ผู้คนในตอนนั้นเป็นคนจัดการกันเถอะค่ะ”
ยิ้มด้วยใบหน้าที่ไม่มีเจตนาร้ายอะไรอยู่
นั่นเป็นสีหน้าที่กำลังเชื่อมั่นว่าจะกลายเป็นความทรงจำที่โรงเรียนใหม่
“……ตอนที่พวกฉันเข้ามาเรียน รุ่นพี่เป็นผู้คนที่แหวกแนวคาดไม่ถึงค่ะ……แต่นักเรียนเข้าใหม่ในตอนนี้เองก็ไม่แพ้กันสินะคะ
แน่นอนว่าในอีกไม่กี่ปีให้หลังคงจะมีนักเรียนเข้าใหม่ที่มีความคิดแบบเดียวกับฉันเข้ามาสินะคะ”
[หน้า 95]
“แต่ว่า
ท่านซาคุยะ ที่ฉันรู้สึกในตอนที่เข้ามาเรียนคือทางนักเรียนปีสามในตอนนี้นั้นเป็นผู้ใหญ่ขนาดที่ไม่ชวนให้คิดว่าเป็นนักเรียนเหมือนกัน
แล้วก็พูดกันว่าดูดีมีภูมิฐานค่ะ ฉันเองก็คิดแบบนั้นด้วยนะคะ”
“……แต่พวกฉันคิดกันว่าเป็นปีที่เรียบๆนะคะ”
“เป็นอะไรแบบนั้นเหรอคะ
?”
ซาคุยะหัวเราะคิกคักให้กับรุ่นน้องที่ทำตาโตตกใจ
ในคืนนั้น
ซาคุยะได้ไปเยือนห้องของโคโนเอะ จิคาเงะ
ในห้อง ทั้งๆที่มีแปลนห้องแบบเดียวกับซาคุยะแท้ๆ
แต่บรรยากาศกลับต่างกันอยู่มาก
ห้องของซาคุยะที่ตั้งแต่เข้าหอพักมาก็ใช้ไปโดยไม่มีแม้แต่การเปลี่ยนแปลงการตกแต่งภายในนั้น
ถ้าให้เทียบกับที่นี่แล้วของคงจะน้อยเกินไป
ตรงกำแพงมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่ติดตั้งไว้
และมีหนังสือหลายประเภทอัดแน่นอยู่
กระดาษปิดผนังนั้นเป็นของที่ใช้สีขาวเป็นสีพื้นและมีลายดอกไม้แบบไอคอนจัดเรียงอยู่
เป็นการมอบความรู้สึกปลดปล่อยเล็กน้อยให้กับห้องที่ฝังอยู่ใต้หนังสือจนรู้สึกอึดอัด
“สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเข้าร่วมค่ะ”
“อื้อ……คิดว่าในการใช้ชีวิตที่โรงเรียน
ถึงจะมีโอกาสแบบนั้นไปซักครั้งก็ไม่เสียหายอะไรน่ะนะ”
“ซักครั้งเหรอคะ ? ฉันจำได้ว่าถูกให้ใส่ชุดเมดเอย
เป็นบริกรหญิงในร้านกาแฟคอสเพลย์เอย
รู้สึกเหมือนกับว่าเคยเห็นภาพแบบนั้นมาตั้งหลายต่อหลายครั้งเลยล่ะค่ะ”
[หน้า 96]
“ได้ยินมาว่าฝันรู้ตัวเนี่ย
จะทำให้แยกความจริงไม่ออกนะ”
“มีพูดไว้ด้วยสินะคะว่าถ้าเห็นอยู่ตลอดเวลา
เรื่องนั้นก็ไม่แตกต่างไปจากความจริง”
พูดย้อนไปแล้วก็หัวเราะคิกคัก
“ว่าแต่
นอกจากนี้มีท่านใดเข้าร่วมบ้างเหรอคะ ?
แต่เรื่องคุณประธานได้ฟังไปแล้วค่ะ”
“จำนวนคนเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนิดหน่อยน่ะนะ
โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นนักเรียนหอพัก
แต่คนที่กระโดดมาเข้าร่วมแบบประธานเองก็มีเยอะเหมือนกัน
เป็นเพราะว่ามีเด็กที่คิดว่าเป็นเหมือนงานวัฒนธรรมรอบสองอยู่เปล่านะ ? ได้ยินเรื่องที่ว่ากำลังทำพวกชุดคอสเพลย์อยู่ด้วยนะ……แต่ยังไงก็คือข่าวลือนั่นล่ะ”
“ขอโทษค่ะ
ยังไงก็ปฏิเสธดีกว่า”
“ป่านนี้แล้วไม่ไหวหรอก
มีแต่ต้องทำใจสินะ”
เป็นการพูดเล่นก็จริง
แต่คอสเพลย์ไม่เอา จะถูกพี่ชายล้ออีกรอบด้วย แล้วถ้าถูกบอกว่าเอามาให้ดูหน่อย
ก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะปฏิเสธไปได้ตลอดรอดฝั่งด้วย
“ไม่ใช่ว่าดูกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปยังไงไม่รู้เหรอคะ”
“คิดว่าน่าจะเป็นเพราะทุกคนมีความเครียดสะสมมาด้วยล่ะ
หลังๆมานี้ก็มีแต่ดูหนังสือกับดูหนังสือตลอด
เป็นความรู้สึกที่ว่าทั้งคริสต์มาสกับปีใหม่เองนั้นจริงๆแล้วมีอยู่แน่รึเปล่านะ หลักฐานคือขนาดกลุ่มที่อยู่บ้านเองก็บอกมาว่าอยากเข้าร่วมเหมือนกัน
ถูกขังไว้ในบ้านตลอดช่วงปิดเทอมฤดูหนาวแล้วการดูหนังสือเองก็สาหัสด้วยน่ะนะ
เป็นตอนที่กำลังอยากได้การผ่อนคลายซักวันเข้าพอดีรึเปล่านะ”
[หน้า 97]
“ก็
ถึงจะมาหยุดพักวันนึงเอาป่านนี้ ท่าทางจะไม่ต่างกันเท่าไรตามที่ว่านะคะ”
“มีคนที่ไม่คิดแบบนั้นอยู่เยอะกว่านะ
ฉันเองถ้าเกิดสอบเข้าไม่สำเร็จล่ะก็
อาจจะมานั่งเสียใจภายหลังว่าถ้าตอนนั้นดูหนังสือไว้โดยไม่หยุดพักก็ดีแล้วแท้ๆก็ได้”
“……การบริหารจัดการงานที่จัดขึ้นในช่วงนี้เนี่ยยากตรงนั้นสินะคะ”
ไม่ได้ยินว่ามีปัญหาแบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆ
แต่ความไม่สบายใจที่ว่า
‘อาจจะถูกคิดแบบนั้นก็ได้’
นั้นได้ทำให้การกระทำของคนทื่อลง
ไม่ว่าที่มาจะเป็นอะไร นักเรียนปีหนึ่งที่วางแผนงานอาจจะลำบากก็ได้
หรือไม่ก็บางทีอาจจะไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นก็เป็นได้
“ควรจะไปช่วยพวกงานจัดเตรียมสถานที่รึเปล่าคะ
?”
“ไม่ต้องก็ได้ไม่ใช่เหรอไง
?”
“เป็นอย่างนั้นเหรอคะ
?”
“แน่นอน
เพราะว่านั่นจะกลายเป็นการลำดับความสำคัญผิด”
“……ก็ เป็นอย่างที่ว่าจริงๆนั่นล่ะค่ะ”
ถึงจะมีเป้าหมายเป็นการสานสันพันธ์กับรุ่นพี่
แต่การให้เข้าร่วมไปถึงขั้นช่วยเตรียมงานจนแย่งเอาเวลาไปนั้นคงไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของพวกเธอ
[หน้า 98]
ทว่า จากนิสัยของซาคุยะแล้ว การไม่ทำอะไรเลยแล้วรอจนถึงตอนได้รับการเชิญนั้นก็แค่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
“เนื่องจากเป็นการเรียกมาในฐานะแขก
เลยคิดว่าการเตรียมตัวไว้อย่างสงบเสงี่ยมเองก็เป็นงานเหมือนกัน
เพราะการที่แขกคนสำคัญไม่เดินไปเดินมาจะดูมีสง่าราศีมากกว่าน่ะ”
“สำหรับสามัญชนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่อย่างสังคมชั้นสูงถือว่าเป็นหลักการที่เข้าใจได้ยาก……แต่จะพยายามค่ะ”
“ถ้าไม่สบายใจล่ะก็
ถือของของกินหรืออะไรไปให้ในช่วงที่ยุ่งเต็มตัวล่ะเป็นไง ?”
แล้วก็นึกขึ้นมาในทันที
พี่ชายเคยไปช่วยเตรียมงานเทศกาลฤดูร้อนของหมู่บ้านมินาคามิ
เพราะเป็นมือสมัครเล่นเลยไม่ใช่ว่าจะเข้าไปยุ่งซะทุกเรื่อง
แต่ดูเหมือนจะทำเรื่องที่ถูกบอกมาบ้าง เอาของกินไปให้บ้าง
ในความหมายของการแสดงท่าทีเอาใจช่วยให้เห็นแล้ว
นั่นอาจจะได้ผลที่สุดก็เป็นได้
“จะทำเช่นนั้นค่ะ”
ออกจากห้องของโคโนเอะมาแล้ว ซาคุยะก็ตัดสินใจออกไปข้างนอก
หอพักมีเวลาปิดหออยู่ก็จริง แต่แค่ไปร้านสะดวกซื้อที่พอออกจากพื้นที่ไปแล้วเจอเลยนั้นได้รับการยอมให้ได้อยู่
คงเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า
ถึงในฐานะหอพักหญิงแล้วจะมีพวกอุปกรณ์ที่จำเป็นอยู่เพียงพอ
แต่ในเวลาที่เกิดเหตุจำเป็นต้องใช้ของใช้ในชีวิตประจำวันขึ้นมาอย่างเร่งด่วน
แล้วกฎทำให้ไปไหนมาไหนไม่ได้จนเรื่องที่ทำได้ถูกจำกัดนั้นไม่เป็นที่พอใจจากทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง
[หน้า 99]
ในขณะที่คิดเรื่องแบบนั้นไปเพลินๆ
ก็เปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทแล้วเช็คดูกระเป๋าสตางค์ในเสื้อโค้ท
ไม่ใช่ว่ามีของที่จำเป็นต้องใช้เป็นพิเศษอะไร
แต่ด้วยอารมณ์ที่เหมือนกับเป็นการฝึกซ้อมล่วงหน้าสำหรับการนำอาหารเครื่องดื่มไปให้
ไม่รู้ทำไมเลยอยากไปดูชั้นวางของในร้านขึ้นมา
พอออกจากหอพักแล้วเดินไปนิดหน่อย
ก็มีประตูที่กั้นพื้นที่โรงเรียนอยู่
เนื่องจากตอนกลางคืนจะปิดแน่นไว้อยู่
เลยมุ่งหน้าไปยังประตูเล็กที่อยู่ข้างๆ
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ”
ทักทายผู้หญิงที่เฝ้ายามกลางคืนอยู่
ซึ่งตอนนี้คุ้นเคยกันแล้ว จากนั้นก็กรอกลายเซ็นกับเวลาปัจจุบันสำหรับออกไปข้างนอก
ในกรณีที่จะกลับเกินสามสิบนาทีจะต้องเขียนเหตุผลลงไปต่างหาก
รู้สึกขอบคุณกับเรื่องที่ถ้าเป็นภายในเวลานั้นแล้วล่ะก็แค่กรอกข้อมูลก็เสร็จแล้ว
“………………”
แสงไฟของห้องยามซ่อนอยู่ในแมกไม้
ระยะทางราวๆสิบเมตรนับจากที่ออกจากพื้นที่ของโรงเรียนเดินตัดผ่านป่าไปจนเห็นแสงไฟของร้านนั้นมีไฟทางซึ่งถูกติดไว้อย่างง่ายๆที่เดียว
และเป็นที่ขึ้นชื่อว่าให้บรรยากาศในความหมายไม่ดี
นักเรียนที่กลัวระยะทางนี้จนไม่กล้าออกไปตอนกลางคืนเองก็มีอยู่มาก
แต่ซาคุยะคิดว่าเรื่องนั้นก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน
“…………เฮ้อ”
[หน้า 100]
มาถึงใต้ไฟทาง จากนั้นก็นำมือไปแตะโลหะเย็นๆ
ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ
ที่เลิกรู้สึกกลัวถนนในยามค่ำคืนซึ่งเคยคิดว่าน่ากลัว
จากการไปพักแรมอยู่ที่หมู่บ้านมินาคามิทั้งสองปีนี้
ได้ลิ้มรสชาติความน่ากลัวของความมืดยามค่ำคืนที่แท้จริงกับสัตว์ประหลาดที่แฝงตัวอยู่ในความมืด
เรื่องในตอนนั้นได้กลายไปเป็นความทรงจำที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ลืม
แต่ในเวลาเดียวกันก็มีตนเองที่เลิกเกรงกลัวต่อความมืดอื่นนอกเหนือจากนั้นอยู่
ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟที่พึ่งพาไม่ได้ขนาดไหน
ตราบเท่าที่ยังมีแสงสว่างที่มนุษย์สร้างขึ้นอยู่ก็ยังคิดได้ว่าเป็นโลกของมนุษย์
ที่น่ากลัวจริงๆคือหลักการของโลกที่เกินสามัญสำนึกของมนุษย์
ถ้าให้เทียบกับในภูเขายามค่ำคืนที่มีสัตว์ประหลาดปกครองแล้ว
ค่ำคืนในโลกของมนุษย์นั้นไม่อาจคิดว่าน่ากลัวได้เลย
“……?”
แซ่ก ! มีเสียงดังมาจากในป่า
ใช่สัตว์รึเปล่านะ
แถวนี้บางทีก็พบเห็นพวกนกป่า, กวาง, หมูป่า
การให้อาหารนั้นถูกห้ามไว้อยู่
แต่ก็มีนักเรียนที่เผลอทำไปเพราะความน่ารักของสัตว์ป่าอยู่ด้วย ทำให้บางทีก็เข้ามาใกล้พื้นที่ของโรงเรียนเพราะต้องการอาหาร
ชมรมเลี้ยงสัตว์ที่พูดถึงเล็กน้อยในการสนทนาเมื่อวันก่อนนั้นจะคอยคุ้มครองสัตว์หลงทางแบบนั้นแล้วก็แจ้งไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น