Chapter 1 (Part 3)

posted on 11/20/2560 02:48:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ที่ http://vermillionend.exteen.com

คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย

[หน้า 91]
ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านมาจนถึงตอนนั้นก็……เอ่อ ถ้าเดาไม่ผิด ไม่เคยคุยกับคุณคิโนชิตะเลยเหรอคะ
ถึงจะน่าอายแต่ก็เป็นเช่นนั้นค่ะ
เพราะทั้งสอง ซาคุยะเลยถูกลากเข้าไปพัวพันแท้ๆ แต่กลับรู้สึกผิดคาดนิดหน่อยกับเรื่องที่ในตอนนั้นมีความสัมพันธ์ตื้นเขินอย่างเหนือความคาดหมาย
แล้วพอรู้ว่าเธอเป็นคนช่วยเรียกท่านซาคุยะมาให้ ก็ยอมรับเข้าใจได้ค่ะว่าในตอนนั้นเป็นเรื่องแบบนั้นเองหรอกเหรอ
ก็ไม่ใช่ว่าตัวฉันเองจะคิดละเอียดไปถึงขั้นนั้นหรอกนะคะ แต่……
แค่คิดว่าการที่ซาคุยะกลายเป็นคนได้รับการขอบคุณอยู่เพียงฝ่ายเดียวนั้นมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
เพราะไม่อาจปล่อยไว้เฉยๆได้ ถึงจะไม่เรียกก็อาจจะเข้าไปไกล่เกลี่ยอยู่ แต่สุดท้ายแล้วที่ดันหลังก้าวสุดท้ายให้เข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยก็คือการอ้อนวอนของเด็กสาว
ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าความคิดที่ว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็แค่พูดขอบคุณให้กันก็น่าจะเหมาะสม
ว่าแต่ คุณคิโนชิตะที่ว่าเองก็เข้าร่วมด้วยเหรอคะ ?”
เมื่อวานก็ได้เจอไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ
……ใช่แบบนั้นเหรอคะ
ก็นั่นไง ที่ท่าทางขี้กลัวนิดหน่อยที่อยู่ข้างหลังฉัน……



[หน้า 92]
อ๊ะ
อาจเป็นเพราะเป็นลูกสาวของเศรษฐีและเคยได้ยินเรื่องการแทรกแซงทางการเมืองมาก่อนก็เป็นได้ เลยเผลอคิดไปเองว่าเป็นคนที่เด่นพอๆกับมิยูกิที่อยู่ตรงหน้า
แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ เรื่องนั้นเนี่ย หมายความว่าคนที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องในคราวนี้ทั้งสองคนก็……
ค่ะ เป็นแฟนคลับของท่านซาคุยะค่ะ  ฉันเป็นสมาชิกหมายเลขสองแต่ทำหน้าที่เป็นประธานแฟนคลับ ส่วนเธอก็ได้หมายเลขหนึ่งไปแทน เป็นการเห็นพ้องต้องกันอย่างสันติทั้งสองฝ่ายค่ะ
ไม่ค่ะไม่ค่ะ แบบนั้นเนี่ยมันแปลกๆสินะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องจัดงานแบบนี้เลยไม่ใช่เหรอคะ !?”
นั่นเป็นเพราะว่านั่นค่ะ
อันไหนคืออันไหนกันแน่คะ
วางใจได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าใครจะก่อวินาศกรรมแบบไหนมาก็ได้เตรียมการป้องกันอย่างดีไว้แล้วค่ะ
ท่าทางพวกเธอจะเป็นคนทำอะไรซักอย่างให้มันวุ่นวายเองมากกว่าน่ะสิคะ !
เรื่องนั้น……เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ  No Problem ค่ะ
……อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจสุดๆสิคะ……ฮึก
กระแอมไอเล็กน้อยดังอะแฮ่มให้กับเสียงร้องอันเศร้าโศกของซาคุยะ



[หน้า 93]
ก็มีเรื่องนั้นด้วย เลยมีส่วนที่ต่อให้อยากถอยก็ถอยไม่ได้อยู่ด้วยค่ะ เพราะแบบนั้นต้องขอโทษท่านซาคุยะจริ……
ถ้าจะมาขอโทษเอาป่านนี้ล่ะก็ ช่วยยกเลิกงานไปเลยเถอะค่ะ
แต่ว่าน่าสนุกจริงๆนะคะ ตอนนี้ทุกคนเองก็กำลังเตรียมงานคริสต์มาสกันอยู่……
ถะ ถ้าถูกพูดแบบนั้นมาแล้วล่ะก็
การรวมรุ่นพี่เข้าไปด้วยแล้วจัดงานครื้นเครงขนาดใหญ่ที่จะกลายเป็นความทรงจำนั้นเป็นเรื่องที่ซาคุยะเองก็อยากทำเช่นกัน
แต่จะให้ไปแย่งหน้าที่มาจากรุ่นน้องก็ยังไงๆอยู่
……เฮ้อ ถ้าอย่างงั้นขออนุญาตถามอะไรแค่ข้อเดียวนะคะ
ค่ะ
หลังจากนี้ไปพวกคุณคิดจะทำยังไงกับงานในคราวนี้เหรอคะ ?”
นั่นสินะคะ……
มิยูกิครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
สำหรับซาคุยะแล้ว เพราะความอึกทึกครื้นเครงแบบงานเทศกาลในคราวนี้เป็นของที่ผิดปกติซึ่งเกิดจากปัจจัยชั่วคราวหลายๆอย่างมารวมเข้าด้วยกันเท่านั้น ทำให้ถึงจะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากก็ยังพิจารณาเรื่องการปฏิเสธไว้ด้วย
ทว่า บางทีถ้าหากมีแผนการที่ต่างออกไปอยู่แล้วล่ะก็
หลังจากนี้ ถ้าจะกลายเป็นงานที่เป็นธรรมเนียมของพวกเธอซึ่งจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ไปอีกตั้งกว่าสองปีแล้วล่ะก็ นั่นคงจะเป็นการช่วยทำเรื่องที่ซาคุยะไม่สามารถทำได้ในชีวิตโรงเรียนให้เป็นจริงไม่ใช่เหรอ



[หน้า 94]
จะทำให้เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำค่ะ ครั้งนี้ถึงผลลัพธ์จะเป็นแค่การรบกวนท่านซาคุยะแล้วสร้างปัญหาให้ แต่ต่อมาโดยผ่านอำนาจเล็กๆน้อยๆ อยากจะทำให้กลายเป็นงานขนาดที่ถูกทุกคนบอกต่อกันไปค่ะ
บอกต่อกัน บอกอะไรเหรอคะ ?”
เรื่องที่เคยได้อยู่ด้วยกันกับคนที่สุดยอดขนาดนี้ค่ะ หลงเหลือเรื่องที่ว่ามีรุ่นพี่ที่เป็นที่รักของทุกคนไว้ แล้วหลังจากที่พวกฉันจบการศึกษาไปก็ช่วยเล่าต่อกันไปให้ อยากจะทำให้กลายเป็นงานแบบนั้นค่ะ
แต่ว่าที่มาก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าแค่งานคริสต์มาสในหอพักนะคะ ถึงจะทำให้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นไป ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างนักเรียนหอกับนักเรียนที่เดินทางมาเรียนเกิดขึ้นด้วย อาจจะกลายเป็นสาเหตุของความขัดแย้งใหม่ก็ได้นะคะ
ค่ะ ในตอนที่มีปัญหาแบบนั้นเกิดขึ้น เรื่องนั้นก็คือเรื่องนั้น ขอให้ผู้คนในตอนนั้นเป็นคนจัดการกันเถอะค่ะ
ยิ้มด้วยใบหน้าที่ไม่มีเจตนาร้ายอะไรอยู่
นั่นเป็นสีหน้าที่กำลังเชื่อมั่นว่าจะกลายเป็นความทรงจำที่โรงเรียนใหม่
……ตอนที่พวกฉันเข้ามาเรียน รุ่นพี่เป็นผู้คนที่แหวกแนวคาดไม่ถึงค่ะ……แต่นักเรียนเข้าใหม่ในตอนนี้เองก็ไม่แพ้กันสินะคะ แน่นอนว่าในอีกไม่กี่ปีให้หลังคงจะมีนักเรียนเข้าใหม่ที่มีความคิดแบบเดียวกับฉันเข้ามาสินะคะ



[หน้า 95]
แต่ว่า ท่านซาคุยะ ที่ฉันรู้สึกในตอนที่เข้ามาเรียนคือทางนักเรียนปีสามในตอนนี้นั้นเป็นผู้ใหญ่ขนาดที่ไม่ชวนให้คิดว่าเป็นนักเรียนเหมือนกัน แล้วก็พูดกันว่าดูดีมีภูมิฐานค่ะ ฉันเองก็คิดแบบนั้นด้วยนะคะ
……แต่พวกฉันคิดกันว่าเป็นปีที่เรียบๆนะคะ
เป็นอะไรแบบนั้นเหรอคะ ?”
ซาคุยะหัวเราะคิกคักให้กับรุ่นน้องที่ทำตาโตตกใจ


ในคืนนั้น ซาคุยะได้ไปเยือนห้องของโคโนเอะ จิคาเงะ
ในห้อง ทั้งๆที่มีแปลนห้องแบบเดียวกับซาคุยะแท้ๆ แต่บรรยากาศกลับต่างกันอยู่มาก  ห้องของซาคุยะที่ตั้งแต่เข้าหอพักมาก็ใช้ไปโดยไม่มีแม้แต่การเปลี่ยนแปลงการตกแต่งภายในนั้น ถ้าให้เทียบกับที่นี่แล้วของคงจะน้อยเกินไป
ตรงกำแพงมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ และมีหนังสือหลายประเภทอัดแน่นอยู่
กระดาษปิดผนังนั้นเป็นของที่ใช้สีขาวเป็นสีพื้นและมีลายดอกไม้แบบไอคอนจัดเรียงอยู่ เป็นการมอบความรู้สึกปลดปล่อยเล็กน้อยให้กับห้องที่ฝังอยู่ใต้หนังสือจนรู้สึกอึดอัด
สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเข้าร่วมค่ะ
อื้อ……คิดว่าในการใช้ชีวิตที่โรงเรียน ถึงจะมีโอกาสแบบนั้นไปซักครั้งก็ไม่เสียหายอะไรน่ะนะ
ซักครั้งเหรอคะ ฉันจำได้ว่าถูกให้ใส่ชุดเมดเอย เป็นบริกรหญิงในร้านกาแฟคอสเพลย์เอย รู้สึกเหมือนกับว่าเคยเห็นภาพแบบนั้นมาตั้งหลายต่อหลายครั้งเลยล่ะค่ะ



[หน้า 96]
ได้ยินมาว่าฝันรู้ตัวเนี่ย จะทำให้แยกความจริงไม่ออกนะ
มีพูดไว้ด้วยสินะคะว่าถ้าเห็นอยู่ตลอดเวลา เรื่องนั้นก็ไม่แตกต่างไปจากความจริง
พูดย้อนไปแล้วก็หัวเราะคิกคัก
ว่าแต่ นอกจากนี้มีท่านใดเข้าร่วมบ้างเหรอคะ แต่เรื่องคุณประธานได้ฟังไปแล้วค่ะ
จำนวนคนเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนิดหน่อยน่ะนะ โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นนักเรียนหอพัก แต่คนที่กระโดดมาเข้าร่วมแบบประธานเองก็มีเยอะเหมือนกัน เป็นเพราะว่ามีเด็กที่คิดว่าเป็นเหมือนงานวัฒนธรรมรอบสองอยู่เปล่านะ ได้ยินเรื่องที่ว่ากำลังทำพวกชุดคอสเพลย์อยู่ด้วยนะ……แต่ยังไงก็คือข่าวลือนั่นล่ะ
ขอโทษค่ะ ยังไงก็ปฏิเสธดีกว่า
ป่านนี้แล้วไม่ไหวหรอก มีแต่ต้องทำใจสินะ
เป็นการพูดเล่นก็จริง แต่คอสเพลย์ไม่เอา จะถูกพี่ชายล้ออีกรอบด้วย แล้วถ้าถูกบอกว่าเอามาให้ดูหน่อย ก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะปฏิเสธไปได้ตลอดรอดฝั่งด้วย
ไม่ใช่ว่าดูกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปยังไงไม่รู้เหรอคะ
คิดว่าน่าจะเป็นเพราะทุกคนมีความเครียดสะสมมาด้วยล่ะ หลังๆมานี้ก็มีแต่ดูหนังสือกับดูหนังสือตลอด เป็นความรู้สึกที่ว่าทั้งคริสต์มาสกับปีใหม่เองนั้นจริงๆแล้วมีอยู่แน่รึเปล่านะ หลักฐานคือขนาดกลุ่มที่อยู่บ้านเองก็บอกมาว่าอยากเข้าร่วมเหมือนกัน ถูกขังไว้ในบ้านตลอดช่วงปิดเทอมฤดูหนาวแล้วการดูหนังสือเองก็สาหัสด้วยน่ะนะ เป็นตอนที่กำลังอยากได้การผ่อนคลายซักวันเข้าพอดีรึเปล่านะ



[หน้า 97]
ก็ ถึงจะมาหยุดพักวันนึงเอาป่านนี้ ท่าทางจะไม่ต่างกันเท่าไรตามที่ว่านะคะ
มีคนที่ไม่คิดแบบนั้นอยู่เยอะกว่านะ ฉันเองถ้าเกิดสอบเข้าไม่สำเร็จล่ะก็ อาจจะมานั่งเสียใจภายหลังว่าถ้าตอนนั้นดูหนังสือไว้โดยไม่หยุดพักก็ดีแล้วแท้ๆก็ได้
……การบริหารจัดการงานที่จัดขึ้นในช่วงนี้เนี่ยยากตรงนั้นสินะคะ
ไม่ได้ยินว่ามีปัญหาแบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆ แต่ความไม่สบายใจที่ว่าอาจจะถูกคิดแบบนั้นก็ได้ นั้นได้ทำให้การกระทำของคนทื่อลง
ไม่ว่าที่มาจะเป็นอะไร นักเรียนปีหนึ่งที่วางแผนงานอาจจะลำบากก็ได้
หรือไม่ก็บางทีอาจจะไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นก็เป็นได้
ควรจะไปช่วยพวกงานจัดเตรียมสถานที่รึเปล่าคะ ?”
ไม่ต้องก็ได้ไม่ใช่เหรอไง ?”
เป็นอย่างนั้นเหรอคะ ?”
แน่นอน เพราะว่านั่นจะกลายเป็นการลำดับความสำคัญผิด
……ก็ เป็นอย่างที่ว่าจริงๆนั่นล่ะค่ะ
ถึงจะมีเป้าหมายเป็นการสานสันพันธ์กับรุ่นพี่ แต่การให้เข้าร่วมไปถึงขั้นช่วยเตรียมงานจนแย่งเอาเวลาไปนั้นคงไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของพวกเธอ



[หน้า 98]
ทว่า จากนิสัยของซาคุยะแล้ว การไม่ทำอะไรเลยแล้วรอจนถึงตอนได้รับการเชิญนั้นก็แค่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
เนื่องจากเป็นการเรียกมาในฐานะแขก เลยคิดว่าการเตรียมตัวไว้อย่างสงบเสงี่ยมเองก็เป็นงานเหมือนกัน เพราะการที่แขกคนสำคัญไม่เดินไปเดินมาจะดูมีสง่าราศีมากกว่าน่ะ
สำหรับสามัญชนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่อย่างสังคมชั้นสูงถือว่าเป็นหลักการที่เข้าใจได้ยาก……แต่จะพยายามค่ะ
ถ้าไม่สบายใจล่ะก็ ถือของของกินหรืออะไรไปให้ในช่วงที่ยุ่งเต็มตัวล่ะเป็นไง ?”
แล้วก็นึกขึ้นมาในทันที
พี่ชายเคยไปช่วยเตรียมงานเทศกาลฤดูร้อนของหมู่บ้านมินาคามิ เพราะเป็นมือสมัครเล่นเลยไม่ใช่ว่าจะเข้าไปยุ่งซะทุกเรื่อง แต่ดูเหมือนจะทำเรื่องที่ถูกบอกมาบ้าง เอาของกินไปให้บ้าง
ในความหมายของการแสดงท่าทีเอาใจช่วยให้เห็นแล้ว นั่นอาจจะได้ผลที่สุดก็เป็นได้
จะทำเช่นนั้นค่ะ

ออกจากห้องของโคโนเอะมาแล้ว ซาคุยะก็ตัดสินใจออกไปข้างนอก
หอพักมีเวลาปิดหออยู่ก็จริง แต่แค่ไปร้านสะดวกซื้อที่พอออกจากพื้นที่ไปแล้วเจอเลยนั้นได้รับการยอมให้ได้อยู่
คงเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า ถึงในฐานะหอพักหญิงแล้วจะมีพวกอุปกรณ์ที่จำเป็นอยู่เพียงพอ แต่ในเวลาที่เกิดเหตุจำเป็นต้องใช้ของใช้ในชีวิตประจำวันขึ้นมาอย่างเร่งด่วน แล้วกฎทำให้ไปไหนมาไหนไม่ได้จนเรื่องที่ทำได้ถูกจำกัดนั้นไม่เป็นที่พอใจจากทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง



[หน้า 99]
ในขณะที่คิดเรื่องแบบนั้นไปเพลินๆ ก็เปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทแล้วเช็คดูกระเป๋าสตางค์ในเสื้อโค้ท
ไม่ใช่ว่ามีของที่จำเป็นต้องใช้เป็นพิเศษอะไร แต่ด้วยอารมณ์ที่เหมือนกับเป็นการฝึกซ้อมล่วงหน้าสำหรับการนำอาหารเครื่องดื่มไปให้ ไม่รู้ทำไมเลยอยากไปดูชั้นวางของในร้านขึ้นมา
พอออกจากหอพักแล้วเดินไปนิดหน่อย ก็มีประตูที่กั้นพื้นที่โรงเรียนอยู่
เนื่องจากตอนกลางคืนจะปิดแน่นไว้อยู่ เลยมุ่งหน้าไปยังประตูเล็กที่อยู่ข้างๆ
สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ
ทักทายผู้หญิงที่เฝ้ายามกลางคืนอยู่ ซึ่งตอนนี้คุ้นเคยกันแล้ว จากนั้นก็กรอกลายเซ็นกับเวลาปัจจุบันสำหรับออกไปข้างนอก
ในกรณีที่จะกลับเกินสามสิบนาทีจะต้องเขียนเหตุผลลงไปต่างหาก รู้สึกขอบคุณกับเรื่องที่ถ้าเป็นภายในเวลานั้นแล้วล่ะก็แค่กรอกข้อมูลก็เสร็จแล้ว
………………
แสงไฟของห้องยามซ่อนอยู่ในแมกไม้
ระยะทางราวๆสิบเมตรนับจากที่ออกจากพื้นที่ของโรงเรียนเดินตัดผ่านป่าไปจนเห็นแสงไฟของร้านนั้นมีไฟทางซึ่งถูกติดไว้อย่างง่ายๆที่เดียว และเป็นที่ขึ้นชื่อว่าให้บรรยากาศในความหมายไม่ดี
นักเรียนที่กลัวระยะทางนี้จนไม่กล้าออกไปตอนกลางคืนเองก็มีอยู่มาก แต่ซาคุยะคิดว่าเรื่องนั้นก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน
…………เฮ้อ



[หน้า 100]
มาถึงใต้ไฟทาง จากนั้นก็นำมือไปแตะโลหะเย็นๆ
ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ ที่เลิกรู้สึกกลัวถนนในยามค่ำคืนซึ่งเคยคิดว่าน่ากลัว
จากการไปพักแรมอยู่ที่หมู่บ้านมินาคามิทั้งสองปีนี้ ได้ลิ้มรสชาติความน่ากลัวของความมืดยามค่ำคืนที่แท้จริงกับสัตว์ประหลาดที่แฝงตัวอยู่ในความมืด
เรื่องในตอนนั้นได้กลายไปเป็นความทรงจำที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ลืม แต่ในเวลาเดียวกันก็มีตนเองที่เลิกเกรงกลัวต่อความมืดอื่นนอกเหนือจากนั้นอยู่
ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟที่พึ่งพาไม่ได้ขนาดไหน ตราบเท่าที่ยังมีแสงสว่างที่มนุษย์สร้างขึ้นอยู่ก็ยังคิดได้ว่าเป็นโลกของมนุษย์
ที่น่ากลัวจริงๆคือหลักการของโลกที่เกินสามัญสำนึกของมนุษย์
ถ้าให้เทียบกับในภูเขายามค่ำคืนที่มีสัตว์ประหลาดปกครองแล้ว ค่ำคืนในโลกของมนุษย์นั้นไม่อาจคิดว่าน่ากลัวได้เลย
……?”
แซ่ก มีเสียงดังมาจากในป่า
ใช่สัตว์รึเปล่านะ แถวนี้บางทีก็พบเห็นพวกนกป่า, กวาง, หมูป่า
การให้อาหารนั้นถูกห้ามไว้อยู่ แต่ก็มีนักเรียนที่เผลอทำไปเพราะความน่ารักของสัตว์ป่าอยู่ด้วย ทำให้บางทีก็เข้ามาใกล้พื้นที่ของโรงเรียนเพราะต้องการอาหาร ชมรมเลี้ยงสัตว์ที่พูดถึงเล็กน้อยในการสนทนาเมื่อวันก่อนนั้นจะคอยคุ้มครองสัตว์หลงทางแบบนั้นแล้วก็แจ้งไป



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น