คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 121]
“แหม ตอนแรกก็คิดว่าจะไปที่ห้องก่อนเลยดีรึเปล่านะ
แต่พอมาคิดดูดีๆ ฉันไม่รู้เลขห้อง เลยรอให้ออกมาน่ะ”
“คะ คุณกิงโกะ ! ?”
“วะ หวาๆ ชู่ ชู่ !”
นักเรียนที่อยู่รอบๆหันมาหาเสียงของซาคุยะอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ไม่ได้นะ
เพราะมองไม่เห็นร่างของฉัน”
“เอ๊ะ……อ๊ะ……”
พยายามคิดอย่างสุดความสามารถด้วยหัวที่สับสน
นอกจากกิงโกะที่เป็นเจ้าตัวแล้ว ยังเคยได้ยินมาจากโคสุเกะผู้เป็นพี่ชายด้วย
สรุปคือในตอนนี้ถ้ามองจากคนอื่นแล้วจะเห็นว่าจู่ๆซาคุยะก็ส่งเสียงตกใจออกมาในที่ๆไม่มีใครอยู่ทั้งสิ้น……น่าจะเป็นแบบนั้น
“………………”
ควานหามือถืออย่างเงียบๆ
แล้วเล่นละครที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ……ทำเป็นเหมือนกับว่าตกใจกับสิ่งนั้น
ดูไม่เป็นธรรมชาติเกินไป
แม้แต่ตัวเองก็ยังคิดว่ายิ่งดูน่าสงสัยเข้าไปใหญ่
ใบหน้าร้อนผ่าวแล้วก้มหน้าอยู่ทั้งๆอย่างนั้น
ไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้
“เฮ้อ~~ ดูเหมือนจะไปแล้วนะ”
[หน้า 122]
“…………เฮ้อ”
กลบเกลื่อนไปได้จริงๆเหรอ
หรือว่าแค่ตกใจกับเสียงเลยหันมาเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ดูเหมือนจะหลบเลี่ยงสถานการณ์ลำบากไปได้แล้ว
“ยังไงก็ไปที่ห้องกันไหมคะ……เพราะตอนนี้โชคดีที่มีแค่ฉัน”
“เย้
น่าสนุกดีนะ~”
พอเห็นกิงโกะดีใจยิ้มร่าอย่างเป็นตัวของตัวเอง
ก็คิดว่านางฟ้าที่มีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความลึกลับเลย
จากนั้นก็ไหล่ตกเล็กน้อย
กิงโกะเป็นนางฟ้า
นั่นไม่ใช่คำคุณศัพท์ที่แสดงลักษณะนิสัยของผู้หญิง
แล้วก็ไม่ใช่ว่าเป็นการพูดเกินจริงด้วย
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะเป็นเผ่าพันธุ์ซึ่งต่างไปจากมนุษย์มากด้วยเช่นกัน
ที่หมู่บ้านมินาคามิมีตำนานที่เล่าขานมาตั้งแต่โบราณอยู่
เป็นตำนานที่ว่านางฟ้าได้ลงมายังหมู่บ้าน ได้ไปเกี่ยวข้องกับมนุษย์ แล้วก็ได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาหมู่บ้านเป็นอย่างมาก
เล่าต่อกันมาว่าในที่สุดก็พบผ้าคลุมนางฟ้าที่ถูกนำไปซ่อน
จากนั้นก็ทิ้งสามีกับลูกแล้วกลับสวรรค์ไป
กิงโกะเป็นน้องสาวคนสุดท้องของนางฟ้าที่ถูกเล่าขานต่อกันมาเป็นตำนาน
เป็นผู้มีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่เป็นต้นตระกูลมินางามิซึ่งเป็นพี่สาว
[หน้า 123]
“ที่นี่คือห้องของซาคุยะจังงั้นเหรอ~”
เข้ามาในห้องแล้วกวาดสายตามองข้างในด้วยท่าทางสนใจ
มองอย่างลวกๆเข้าไปยังตู้หนังสือที่ใช้แทนชั้นวางของ
แล้วอ่านตารางสอนที่แปะไว้บนโต๊ะตั้งแต่บนลงล่างไปพยักหน้าไป
เป็นสภาพที่ของทุกอย่างที่เห็นคือของแปลก
และท่าทางเป็นตัวของตัวเองแบบนั้นก็เป็นปกติธรรมดาของกิงโกะ
“คุณกิงโกะ
เข้ามาในโรงเรียนได้ยังไงเหรอคะ ?”
“หืม ? อ้า อันนี้ อันนี้”
ที่หยิบออกมาจากกระเป๋าด้วยท่าทางสบายๆคือแผ่นสีฟ้า
สีฟ้าเข้มโปร่งใสรับแสงจากภายในห้อง
แล้วก็สะท้อนออกมาราวกับว่าตัวมันนั้นกำลังเปล่งประกายอยู่
พอสะบัดมือเบาๆทั้งที่ยังถือแผ่นสีฟ้าไว้
ก็รู้สึกว่าจู่ๆก็เสียรูปไป
มองด้วยตาไม่ทันว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบไหนขึ้น
เปลี่ยนรูปร่างไปกะทันหันขนาดนั้น
แผ่นสีฟ้าที่เคยถืออยู่ในมือตอนนี้กลายเป็นผ้าสีฟ้าที่ยาวมากไปแล้ว
“ผ้าคลุมนางฟ้า……”
ผ้าคลุมของนางฟ้าซึ่งเล่าขานต่อกันมาเป็นตำนาน
ได้ยินมาว่าเดิมทีนั้นเป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์สำหรับข้ามมิติที่อยู่ในโลกของพวกเธอ
[หน้า 124]
นอกจากการปกป้องร่างกายของผู้ถือครองแล้ว
ยังมีฟังก์ชันหลายๆอย่างที่ล้ำหน้าไปกว่าวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันติดมาให้
เคยได้ยินจากพี่ชายว่ามีฟังก์ชันพรางตาที่จะเปลี่ยนแปลงการหักเหแสงแล้วทำให้มองไม่เห็นจากรอบข้าง
“เพิ่งเคยเห็นใกล้ๆเป็นครั้งแรกนี่ล่ะค่ะ
สะดวกดีนะคะ”
“แหะๆ
ยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ”
ในการโอ้อวดอย่างไม่กังวลอะไรนั้นไม่มีเจตนาร้ายใดๆอยู่
ส่วนปลายของผ้าคลุมนางฟ้าที่ถืออยู่แยกตัวออก
แล้วละลายไปในอากาศ
ซาคุยะทำตาโตตกใจกับการสลายตัวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
แต่กิงโกะกลับไม่เปลี่ยนไปจากปกติ ราวกับเป็นเหตุการณ์ธรรมดาๆ
“เพราะถ้าถูกเจอตัวจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับซาคุยะจังน่ะน้า
ได้ทำให้ถึงจะพูดกันในนี้เสียงก็ลอดออกมาไม่ได้ไว้แล้วล่ะ
ไม่คิดว่าจะมีมาคนแอบฟังหรอก แต่ระวังเผื่อไว้ก่อนน่ะนะ”
“ขอบคุณค่ะ……ทำอะไรได้หลายอย่างเลยสินะคะ”
“ก็นะ อย่างอื่นก็มีพวกแบบนี้”
กิงโกะใช้นิ้ววาดเส้นเป็นสี่เหลี่ยมบนอากาศ
ราวกับใช้นิ้วตัดออกมา ที่ว่างตรงนั้นมีภาพที่ต่างออกไปถูกฉายขึ้น
ถนนในป่าที่รู้จัก
แล้วก็ไฟทางเก่าๆ ลึกเข้าไปมีตึกเรียนสไตล์ยุคเก่ากับประตูขนาดใหญ่ และห้องยาม
[หน้า 125]
“ทางเข้าของโรงเรียนพวกฉันเหรอคะ
?”
“เพราะไม่รู้สถานที่ ก่อนเข้ามาเลยวางเศษเสี้ยวของผ้าคลุมนางฟ้าไว้แล้วค่อยมาน่ะ
ที่บอกว่าซาคุยะจังเห็นอะไรบางอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นแถวนี้ซะด้วยสิ”
“กล้องวงจรปิดเหรอคะ……ทำอะไรได้หลากหลายจริงๆด้วยสินะคะ”
“เดิมทีก็เป็นของสำหรับใช้ไปยังโลกที่ไม่รู้จักอยู่แล้วน่ะนะ
ใช้ติดตั้งไว้ในที่ๆท่าทางจะมีอันตรายแล้วสังเกตการณ์อย่างปลอดภัยบ้าง เป็นฟังก์ชันที่ให้อารมณ์ประมาณว่ามาดูสัตว์ใหญ่อย่างไดโนเสาร์ใกล้ๆแล้วสัมผัสถึงพลังกันเถอะ~”
“……พอพูดแบบนั้นแล้ว คุณค่ามันดูลดลงยังไงไม่รู้นะคะ”
“อะฮะฮะ
ว่าแล้ว คิดแบบนั้นเหรอ ?”
“ในฐานะผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีเมื่อไม่นานมานี้แล้ว
ยังไงก็……”
สำหรับซาคุยะแล้ว
ผ้าคลุมนางฟ้าคือกลุ่มก้อนของคำสาปที่นำพาหายนะมาสู่มนุษย์เรื่อยมา
เรื่องที่ว่าสภาพที่กิงโกะถือแล้วใช้อย่างงานสบายอารมณ์นั้นเป็นอะไรแบบเดียวกันนั้น
ถึงจะได้มาเห็นในระยะใกล้ก็ยังมีอะไรที่เชื่อได้ยากอยู่
“ถ้าใช้ได้สะดวกก็ต้องใช้ไว้ล่ะน้า”
อาจจะเบื่อกับการมองหาของในห้องแล้วด้วยก็เป็นได้
เลยหันมาทางซาคุยะ
[หน้า 126]
พูดออกมาโดยไม่ปิดบังความอยากรู้อยากเห็น
“ถ้าได้ล่ะก็ช่วยพาชมแบบคร่าวๆทีสิ
สนใจที่ๆซาคุยะจังเรียนอยู่น่ะ”
ไม่มีที่เหลือให้พูดแทรกการคัดค้านเรื่องนั้น
ออกจากห้องไปด้วยกันกับกิงโกะ
การเดินดูข้างในหอพักด้วยกันกับคนนอกผู้มีผมสีเงินสะดุดตานั้นจำเป็นต้องใช้ความกล้านิดหน่อย
แต่ถึงจะเดินสวนกันไปหลายคนแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสังเกตเห็นกิงโกะ
“……เฮ้อ”
ถึงอย่างนั้นก็กังวลจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่าความจะแตกเมื่อไร
ทุกครั้งที่คนอื่นเดินผ่านไปก็จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ถึงจะเดินอย่างสง่าผ่าเผยมากกว่านี้ไปก็ไม่เป็นไรหรอกน้า”
“เข้าใจน่ะเข้าใจอยู่หรอกค่ะ
แต่นี่ไม่ง่ายเลยนะคะ”
“อ๊ะ ใช่ๆ
เวลาพูดไม่ต้องเปล่งเสียงออกมาชัดเจนก็ได้นะ ทางนี้จะจับเสียงเอง”
“……ช่วยได้เลยล่ะค่ะ”
เดินไปพูดคนเดียวไปก็ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนได้เหมือนกัน
การที่แก้ปัญหาไปได้อย่างหนึ่งนั้นดีใจจากใจจริง
“จะไปไหนดีเหรอคะ ?”
[หน้า 127]
ลองทำดูจริงๆตามที่ถูกบอกมา
พูดโดยแทบไม่ให้เส้นเสียงสั่น
กลายเป็นเสียงในระดับที่ฟังไม่ชัดเล็กน้อยอยู่ภายในปาก
เป็นระดับเสียงที่ถึงจะหันหน้าเข้าหากันอยู่
คนอื่นก็ยังไม่ได้ยินแล้วคิดว่าหูแว่วไปเอง
ยังไงก็เบาไปจริงๆงั้นเหรอ ? คิดแบบนั้น ทว่า
“อยากจะดูในพื้นที่ไว้ซักรอบน่ะน้า
ว่ากว้างขนาดไหน แล้วเชื่อมกับภูเขาอยู่รึเปล่าน่ะ”
คำตอบจากกิงโกะนั้นไม่มีการอ้ำอึ้งลังเล
ดูเหมือนจะส่งผ่านไปได้อย่างชัดเจน
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ออกมาจากหอพักแล้วมุ่งไปยังตึกเรียน
ในระหว่างที่มุ่งหน้าไปที่ตึกเรียน
ก็ทักทายพวกนักเรียนที่เดินสวนกันไป
“อ๊ะ !”
รุ่นน้องคนหนึ่งเห็นซาคุยะแล้วก็ส่งเสียงขึ้น
“สวัสดีค่ะ”
คิดว่าเผลอไปทำให้ตกใจเข้ารึเปล่า
จากนั้นก็ทักทายเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไป
รู้สึกว่าเคยเห็นหน้าสาวน้อยคนนั้นมาก่อน
แต่เนื่องจากไม่ใช่คนที่รู้จักกันโดยตรง เลยคิดว่าเป็นการคิดไปเอง
[หน้า 128]
“รุ่นพี่มินางามิ”
“คะ”
ถูกเรียกให้หยุด
ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็จะผ่านไปเฉยๆไม่ได้แล้ว
“คนรู้จักของซาคุยะจังเหรอ
?”
“เปล่าค่ะ……”
แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเคยเห็นที่ไหนซักแห่ง
ถ้าพิจารณาจากที่ไม่สามารถนึกออกได้อย่างชัดเจนแล้ว
คงไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบที่เคยแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ
“ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์เข้าร่วมงานเลี้ยงคริสต์มาสให้”
โค้งศีรษะให้อย่างกระฉับกระเฉง
พอเห็นสิ่งนั้นแล้วก็นึกได้
เป็นหนึ่งในเด็กผู้หญิงที่มาขอให้ซาคุยะเซ็นชื่อที่หอพักในคืนนั้น
“ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะได้รับการขอบคุณหรอกค่ะ
แถมยังไม่ได้เข้าร่วมเลยด้วยค่ะ”
“อ๊ะ ! นะ นั่นสินะคะ
ขอบคุณค่ะที่มีกำหนดการว่าจะเข้าร่วม……เอ๊ะ……?”
“เป็นเด็กที่น่าสนใจยังไงไม่รู้เนอะ”
“พูดแบบนั้นก็น่าสงสารแย่สิคะ”
ตอบกลับการประเมินแบบไม่อ้อมค้อมของกิงโกะด้วยการตบมุก
จากนั้นมองสาวน้อยใหม่อีกครั้ง
[หน้า 129]
ผมถูกตัดให้เท่ากันเป็นความยาวประมาณกึ่งกลางระหว่างผมบ๊อบกับผมหน้าม้าสั้นตรง
เป็นเด็กผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นตุ๊กตาญี่ปุ่น
จากท่าทีที่กำลังลำบากใจเป็นอย่างมากเพราะอยากจะขอบคุณซาคุยะให้ได้ซักทางนั้น
ได้แสดงให้เห็นถึงการอบรบเลี้ยงดูที่ดี
เป็นเด็กที่ร่างเล็กและตัวเตี้ยกว่ามิยูกิที่เป็นประธาน
MSF อีก
“น่ารักยังไงก็ไม่รู้เนอะ
เหมือนโชวโกะจังเลย”
“นั่นสินะคะ”
ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนำไปเทียบกับลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่ามากแล้วล่ะก็
ความภูมิใจในตัวเองของเธอคงจะมีบาดแผลแน่ๆ แต่ก็เข้าใจเรื่องที่อยากพูด
เป็นเด็กสาวที่เข้ากับการอุปมาว่าเป็นเหมือนสัตว์ตัวน้อย
“ได้ยินว่ามาที่ห้องชมรมด้วย
ฉันเลยคิดว่าทุกคนน่าอิจฉาค่ะ ถึงจะบังเอิญแต่ก็ดีใจที่ได้พบกันค่ะ”
และแบบนั้นก็เลยเข้าใจ
เคยได้ยินชื่อของเธอมาแล้ว
“ถ้าจำไม่ผิด คุณโฮนามิ……สินะคะ ที่อยู่ชมรมเลี้ยงสัตว์ด้วย”
“อ๊ะ ค่ะ ! ใช่ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าเป็นการขอบคุณเรื่องอะไร
แต่คงจะดีใจที่รู้ชื่อ
[หน้า 130]
การถูกเข้าหาด้วยความรู้สึกดีๆอย่างไม่เขินอายจากรุ่นน้องนั้น
รู้สึกดีใจก็จริงอยู่ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกอายด้วย
และโดยเฉพาะยิ่งมีกิงโกะมาส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างๆ
เลยยิ่งไปกันใหญ่
“เห็นว่าทำพวกงานดูแลสัตว์ที่บาดเจ็บอยู่”
“ค่ะ ……ก็เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ แต่……”
กับหัวข้อสนทนาที่หยิบยกมาโดยไม่คิดอะไรนั้น
ท่าทีได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สีหน้าดูเศร้าหมองลงไป
หรือว่าเกิดเรื่องน่าเศร้าอะไรขึ้นงั้นเหรอ
“ชมรมเลี้ยงสัตว์เนี่ยคืออะไรเหรอ
?”
กิงโกะถามมา
แต่ไม่รู้สึกว่าตอนอยู่ต่อหน้ารุ่นน้องจะอธิบายได้ดีเลย
“ถ้าอย่างนั้น
ได้เวลาต้องขอตัวแล้วค่ะ”
“อ๊ะ ค่ะ ขอบคุณค่ะ !”
โค้งศีรษะให้ราวกับกำลังขอบคุณรุ่นพี่ชมรมเดียวกัน
เลือกเวลาเป็นตอนที่ออกห่างจากเธอไปแล้ว
แล้วอธิบายให้กิงโกะฟัง
“เป็นกิจกรรมชมรมที่ในกรณีที่มีสัตว์หลงเข้ามาก็จะแจ้งสถานีอนามัยหรือสัตวแพทย์
แล้วก็คอยดูแลจนถึงตอนส่งมอบน่ะค่ะ ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนทางอาจารย์จะเป็นคนทำ
แต่เพราะมีนักเรียนบอกว่าอยากช่วย เลยกลายเป็นชมรมอย่างเป็นทางการค่ะ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น