คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 191]
เงาสีขาวโปรยปรายลงมาที่นอกหน้าต่าง
ราวกับแสดงให้เห็นการมาถึงของฤดูกาล
เม็ดสีขาวหนึ่งเม็ดตกลงมาสัมผัสกับหน้าต่างแล้วกลายเป็นหยดน้ำไป
ออกมาข้างนอกราวกับถูกประกาศในรถไฟดันหลัง
“ไง ทางพี่เร็วกว่านะ”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
โคสุเกะมาถึงก่อนแล้ว
และกำลังรอซาคุยะอยู่
“……รู้สึกไม่ได้เห็นชุดใส่หน้าหนาวของเธอมานานยังไงไม่รู้แฮะ”
“จะว่าไปอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะคะ
เพราะช่วงปีใหม่ปีนี้ไม่ได้กลับไปบ้านค่ะ”
ถ้านานๆให้เห็นได้ทีล่ะก็
ใส่ใจกับการแต่งกายให้มากกว่านี้อาจจะดีก็ได้
ลองมองดูเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของตัวเองใหม่อีกรอบ
แต่คงไม่มีจุดที่ดูแปลกเป็นพิเศษ
“คิดว่าเข้ากันนะ
ชุดวันพีชสีขาวตอนหน้าร้อนเองก็เรียบง่ายดี แต่ถึงใส่ชุดธรรมดาไปก็ไม่ดูขัดกันนะ”
“คนที่ใส่ชุดธรรมดาแล้วดูขัดกันเนี่ย
ไม่มีหรอกค่ะ……”
ในขณะที่ตบมุกไป
ก็มุ่งไปทางช่องตรวจตั๋ว
[หน้า 192]
หิมะที่ตกลงมาเมื่อวันก่อนนั้นไม่ได้ทับถมกัน
และหายไปในคืนเดียว
ในการปีนเขาก็รู้สึกขอบคุณอยู่ แต่ก็คิดว่าไม่ได้บรรยากาศ
พอมาคิดๆดู กับหมู่บ้านมินาคามินั้นก็มีแต่ความสัมพันธ์ในช่วงฤดูร้อน
คงจะมีหลายโฉมหน้าในแต่ละฤดูกาล
เมื่อไม่นานมานี้ในที่สุดก็ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีของฤดูใบไม้ร่วง
ความทรงจำสี่ฤดูที่มีก่อนหน้านั้นจะกลายเป็นของเมื่อกว่าสิบปีก่อนหน้าเข้า
โคสุเกะที่อยู่ข้างๆเองก็กำลังมองลานกว้างหน้าสถานีซึ่งกำลังอยู่ระหว่างแต่งแต้มให้เป็นบรรยากาศคริสต์มาสด้วยอย่างตรึงตาตรึงใจ
“เฮ้ ทางนี้ๆ”
“อ๊ะ คุณอิโรฮะ”
ผู้หญิงร่างสูงกำลังโบกมือให้ยกใหญ่
ผมที่ยาวมาจนถึงบ่านั้นยาวกว่าครั้งก่อนที่เจอกันเพียงเล็กน้อย
แฟชั่นเสื้อโค้ทกับผ้าพันคอหลวมๆได้ซ่อนภาพลักษณ์ที่เธอมีไว้ เลยเห็นเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ธรรมดาๆ
“อิโรฮะที่ไม่ได้ใส่ชุดมิโกะเองก็ดูแปลกใหม่ดีแฮะ”
“ถึงจะเป็นชั้น
ก็ใช่ว่าจะใส่ชุดมิโกะตลอดเวลาหรอกนะ โดยเฉพาะตอนมาหน้าสถานี
ถ้าใส่ชุดมิโกะมาก็แปลกใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
[หน้า 194]
“โอ้ ซาคุยะจัง
ชุดนั้นน่ารักจังเลยน้า ให้ใครเลือกให้เหรอ ?”
“ขอบคุณค่ะ
ท่านที่อยู่หอพักเดียวกันช่วยเลือกให้ค่ะ”
“โคสุเกะเองก็ควรขัดเกลาเซ้นส์แฟชั่นไว้ให้ได้ประมาณนี้นะ
ก่อนที่จะเผลอส่งของขวัญพิลึกๆไปจนโดนตีตัวออกห่างน่ะ”
“เข้าใจแล้วๆ
ของขวัญคริสต์มาสของเธอเอาเป็นคอสเพลย์ซานต้ามินิสเกิร์ตนะ”
“ไม่ต้องการย่ะ
เดิมทีทางนี้ก็ฉลองคริสต์มาสอย่างโจ่งแจ้งอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
“……เพราะยังไงคริสต์มาสในเขตศาลเจ้าก็ดูพิลึกนะคะ”
“ใช่มั้ยล่า ?”
หมู่บ้านมินาคามิมีศาลเจ้าที่มีตำนานนางฟ้าหลงเหลือตกทอดมาอยู่
ศาลเจ้าชินโตที่ชื่อศาลเจ้าคาสุกะซึ่งก่อตั้งมาเกินแปดร้อยปีและมีประวัติศาสตร์อยู่นั้น
ก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฐานะผืนดินที่นางฟ้าลงมาเช่นกัน
คาสุกะ
อิโรฮะคือลูกสาวคนเดียวของที่นั่น
ปัจจุบันได้รับสืบทอดมาจากคุณย่าและประกอบพิธีกรรมชินโตทั่วไปอยู่
จนไปถึงหมู่บ้านมินาคามินั้นจะใช้ต้องเวลาซักพักในการนั่งรถประจำทางจากที่นี่ไป
จากนั้นพอถึงที่หมายก็รวมตัวกับกิงโกะ
แล้วต้องปีนเขา
เป็นชุดที่อุตส่าห์ได้รับคำชม
แต่พอถึงแล้วจะไม่เปลี่ยนก็คงไม่ได้
“……ถ้าอย่างนั้นไปกันเลยไหมคะ”
[หน้า 195]
“นั่นสินะ”
ทั้งซาคุยะและโคสุเกะตั้งใจจะไม่แสดงออกมาเบื้องหน้า
แต่เพื่อนสมัยเด็กที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจากท่าทีของทั้งคู่งั้นเหรอ……
ทำสีหน้าคาใจอะไรซักอย่าง
แล้วเอียงคอด้วยความสงสัย
“แล้วมีอะไรงั้นเหรอ ? รีบร้อนมากันสองคนเนี่ย”
“อะไรล่ะนั่น
มาไม่ได้งั้น------”
“……ไม่บอกว่ามาไม่ได้อะไรหรอกนะ
เพราะไม่ต้องการวิธีพูดที่ใช้กันเกร่อแบบนั้นด้วย”
“อึก”
“พี่ถูกอ่านออกแล้วสินะคะ
ยังอ่อนหัดอยู่มากค่ะ ละเลยการฝึกฝนมาสินะคะ”
“โทษทีนะ
ซาคุยะ ที่เหลือต้องพึ่งเธอแล้วล่ะ”
“ไม่เห็นจะเข้าใจความหมายเลย”
จงใจกระแอมไอดัง
อะแฮ่ม ! แล้วอิโรฮะก็กลับเข้าเรื่อง
“พอเห็นทั้งสองคนรีบร้อนแล้วก็ชวนให้คิดว่ามีอะไรเกิดรึไงน้า
อย่างเช่นเรื่องคดีก่อนหน้านี้น่ะ”
“……มิโกะของญี่ปุ่นเนี่ย
มีสัมผัสวิญญาณรึเปล่านะ”
“ได้ยินมาว่ามีค่ะ
แต่ทางพี่น่าจะเชี่ยวชาญเรื่องทำนองนี้มากกว่ารึเปล่าคะ ?”
[หน้า 196]
“เพราะความรู้ของพี่ก็โอนเอียงไปด้านหนึ่งเหมือนกันน่ะนะ
แล้วจุดยืนของมิโกะและการปฏิบัติต่อมิโกะในช่วงก่อนยุคเมจิ,
หลังยุคเมจิ, ก่อนสงคราม, หลังสงครามเองก็ต่างกันไปด้วย”
“ไม่ชอบเลย ยอมรับมาตรงๆก็ดีแล้วแท้ๆ
ทำไมถึงได้อ้อมค้อมแบบนั้นเล่า ทั้งสองคน !”
“ขอโทษครับ”
“ผิดไปแล้วค่ะ”
ก้มหัวให้อิโรฮะด้วยกันสองคน
“……เป็นเรื่องที่ยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะอธิบายยังไงดี
แต่ก็คิดว่าไม่มีอันตราย……มั้งนะคะ”
“ก็อยากให้เป็นแบบนั้นล่ะนะ
เพราะเรื่องอย่างที่ซาคุยะจังแบกโคสุเกะที่โชกเลือดมาอีกรอบเนี่ยขอทีเถอะ”
“ตอนนั้นคิดว่าจะต้องตายแล้วรึเปล่าเลยน่ะน้า”
“รอดมาได้ดีจริงๆเลยนะ
แผลก็หายไวด้วย”
“ความลึกลับของมนุษย์เนี่ย
ยอดไปเลยนะ”
“……จริงด้วยนะ”
“นอกเรื่องกันอีกแล้วนะคะ
ทั้งสองคน”
“เธอพูดได้เรอะ”
[หน้า 197]
ซาคุยะพยักหน้าด้วยท่าทางพอใจให้กับการพูดบ่งชี้ของพี่ชาย
“สนุกพอตัวเลยสินะคะ นี่น่ะ”
“ใช่มั้ยล่ะ ? ชักจะเลิกไม่ได้แล้วนะนั่น
เพราะแบบนั้นสร้างที่ว่างให้ชั้นตบมุกมากกว่านี้ทีนะ”
“ชั้นอยากจะตบมุกการสนทนาของพวกเธอมากกว่า……”
ซาคุยะกระแอมไอดังอะแฮ่มให้กับการตกตะลึงของโคสุเกะ
“พี่น่ะเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ
ทุกคนเป็นยังไงกันบ้างเหรอคะ ? ทั้งคุณอาคาเนะ ทั้งคุณมิซาโตะ ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย
แต่ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปใช่รึเปล่าคะ”
“อื้อ ทุกคนสบายดี พอบอกไปว่าวันนี้จะมาก็ตั้งตาตั้งตารอที่จะได้เจอกันอยู่
เพราะแบบนั้นก่อนกลับโผล่หน้าไปบ้างนะ
คุณอาคาเนะเห็นบอกว่าจะคราวหน้าจะเข้ารับการสอบดนตรีกางาคุรึเปล่านะ
ส่วนคุณมิซาโตะเพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือนเลยไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสินะ
ตอนนี้ก็ยังเป็นครูประจำชั้นของโชวโกะจังกับซาจิโกะจังอยู่น่ะ”
“เรื่องนั้น ถ้าครูเปลี่ยนแปลงไปในเวลาสั้นๆ
นักเรียนก็ลำบากเหมือนกันน่ะนะ
สำหรับคุณมิซาโตะแล้วอาจจะปวดหัวกับช่วงปีการศึกษาใหม่ในปีหน้ามากกว่าก็ได้”
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะคะ
ฉันเองก็ตั้งตาตั้งตารอที่จะได้พบกับทุกคนอยู่เหมือนกันค่ะ”
ตอนที่การสนทนาธรรมดาๆกับเพื่อนสมัยเด็กจบลงจนบรรยากาศเองก็เข้าที่แล้ว
ซาคุยะก็ตัดสินใจเข้าเรื่อง
น่าจะไม่มีเรื่องอันตรายเป็นพิเศษ
แต่ในฐานะเจ้าของศาลเจ้าคาสุกะแล้วจะไม่กังวลก็คงไม่ได้
[หน้า 198]
ตอนที่สัตว์ทั่วญี่ปุ่นมีพฤติกรรมผิดปกติเกิดขึ้น
พวกมันได้เริ่มอพยพมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางหนึ่ง
ปลายทางนั้นคือศาลเจ้าคาสุกะของอิโรฮะ
ถ้าพูดให้ถูกขึ้นไปอีก เป้าหมายคือซาคุยะที่อยู่ที่ทะเลสาบด้านหลังซึ่งกันว่านางฟ้าเคยลงมา
ทั้งๆที่อยู่ใกล้จุดหมายปลายทาง แต่ศาลเจ้าก็ได้กลายเป็นสภาพอย่างหนึ่งที่ไม่มีสัตว์ย่างกรายเข้าไป
ด้วยเหตุนั้นที่นั่นเลยเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บและผู้อพยพจำนวนมาก
แสดงความวุ่นวายถึงขีดสุดออกมาให้เห็น
การต่อสู้สำหรับคือโคสุเกะคือการนำซาคุยะกลับมา
แต่อิโรฮะได้ต่อสู้เพื่อปกป้องผู้คน
ในตอนนั้นเป็นเรื่องที่มีแต่ความอึดอัดใจ
แต่ตอนนี้กลับเอามาพูดเป็นเรื่องตลกแบบนี้ได้ด้วย เพราะแบบนั้นซาคุยะเลยคิดว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการไหลไปของเวลานั้นช่างยิ่งใหญ่
คำสาปที่ข้ามผ่านเวลาอันยาวนานแล้วไม่เปลี่ยนแปลง
ความสัมพันธ์กับพี่ชายที่ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อยจากเวลาที่เพิ่มพูนขึ้น
แต่ละอย่างนั้นได้มาถึงจุดจบที่ต่างกัน
“เพราะแบบนั้น ก็เลยมีเรื่องที่บอกว่าเป็นเพราะผลจากเครื่องรางโผล่มาด้วยน่ะ”
“ถึงจะบอกว่าเป็นเครื่องรางก็เถอะ
แต่ที่ถวายอยู่ที่ศาลเจ้าคาสุกะเนี่ยเป็นของในฐานะโยริชิโระไม่ใช่เหรอ ให้เป็นของที่มีคุณงามความดีแบบนั้นเต็มที่เนี่ยดีแล้วเหรอ
?”
อธิบายเพิ่มเติมโดยผู้แปล : โยริชิโระเป็นความเชื่อในศาสนาชินโต หมายถึงวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเป็นเป้าหมายในการเชิญให้วิญญาณที่เรียกว่า
“คามิ” มาสถิตอยู่ได้ จะเป็น ต้นไม้, ก้อนหิน,
ตุ๊กตา หรืออะไรก็ได้
[หน้า 199]
ระหว่างที่จมจ่อมอยู่กับการระลึกความหลัง
หัวข้อสนทนาของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปอีก
พวกตุ๊กตาที่ถวายอยู่ที่เรือนหลักของศาลเจ้าคาสุกะนั้น
ซาคุยะเองก็เคยเห็น
เข้าใจได้ด้วยความรู้ว่าดูเหมือนจะเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนั้น
“ขอโทษนะคะ
ไม่ค่อยเข้าใจความแตกต่างเท่าไร แต่ว่าถ้าถวายให้กับศาลเจ้าล่ะก็ เป็นของที่มีคุณงามความดีไม่ใช่เหรอคะ
?”
“ถ้าเป็นภาพลักษณ์ทั่วไปล่ะก็เป็นแบบนั้นล่ะ
แต่ถ้าจำกัดอยู่ที่พิธีกรรมชินโตล่ะก็จริงๆแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น สถานที่ที่ถวายของไม่มีคุณงามความดีจะมีเยอะกว่าซะด้วยซ้ำ”
“เป็นอะไรแบบนั้นเหรอคะ ?”
ไม่ใช่ว่าสงสัยคำพูดของโคสุเกะ
แต่ก็ถามยืนยันกับอิโรฮะที่ทำงานเป็นอาชีพหลัก
อิโรฮะพยักหน้าต่อ
“ยกอย่างเช่น
เทพเจ้าเองก็มีหลายด้านเหมือนกันสินะ
ถ้าให้ฝืนพูดล่ะก็ส่วนไม่ดีของเทพเจ้าองค์นั้น……ที่เรียกกันว่าอารามิทามะน่ะ
มีศาลเจ้าที่บวงสรวงแต่ทางนั้นอยู่ด้วยเหมือนกันนะ
อย่างสุงาวาระ โนะ มิจิซาเนะเนี่ยมีชื่อเสียงรึเปล่าน้า
ตอนนี้เป็นเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้อยู่นี่ล่ะ แต่เดิมทีเพราะก่อให้เกิดฟ้าผ่าสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้คน
ศาลเจ้าก็เลยถูกสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ว่ากรุณาอภัยให้ซะทีเถอะ น่ะ”
“เรื่องนั้นเคยได้ยินมาก่อนค่ะ ……ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นเรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆของอาจารย์ในชั่วโมงเรียน”
“แปลว่ามีชื่อเสียงประมาณนั้นเลยไงล่ะ แล้วโคสุเกะก็มองตุ๊กตาของที่บ้านเป็นแบบนั้นด้วย
ก็เลยบอกว่าการที่คิดว่ามีคุณงามความดีเนี่ยมันผิดไม่ใช่เหรอไง น่ะนะ”
[หน้า 200]
“ถ้าเป็นเรื่องตุ๊กตาที่ศาลเจ้าล่ะก็
นอกจากโยริชิโระแล้วก็ไม่มีไม่ใช่เหรอไง”
“ถึงพี่จะบอกว่านอกเหนือจากนั้นไม่มีก็เถอะ
แต่ก็จินตนาการไปถึงพวกตุ๊กตาฟางอะไรด้วยค่ะ ที่เหลือก็พวกตุ๊กตาญี่ปุ่นที่ผมยาวขึ้นด้วย”
หยิบยกมาจากที่ตอนเด็กเคยเห็นในเรื่องสยองขวัญบนทีวีทั้งๆอย่างนั้นเลย
แต่ก็ไม่กล้าไปแตะตรงจุดนั้น
“ก็นั่นล่ะที่เป็นโยริชิโระ ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของตุ๊กตาฟางจะเป็นการปรับเป้าหมายที่ตอกตะปูใส่ให้เป็นใครซักคนที่เฉพาะเจาะจงแล้วสาป
ทั้งใช้ตุ๊กตาที่โดนตอกตะปูเป็นตัวแทนของอีกฝ่าย หรือใส่วิญญาณอีกฝ่ายลงไปในตุ๊กตาฟางแล้วตอกตะปู
ไม่ว่าจะอย่างไหนก็เป็นการเชื่อมเป้าหมายกับตุ๊กตาฟางเข้าด้วยกันอย่างเท่าเทียม
นี่ก็เป็นโยริชิโระดีๆแล้ว”
“เข้าใจแล้วค่ะ……นั่นเป็นเรื่องในด้านที่ไม่ดีสินะคะ
แต่ว่าถ้าเป็นเครื่องรางแล้วจะเป็นยังไงเหรอคะ ?”
“เป็นด้านตรงข้ามของเรื่องที่ตุ๊กตาฟางเชื่อมความเสียหายของตุ๊กตากับความเสียหายของเจ้าตัวเข้าด้วยกันอย่างเท่าเทียม
เลยเป็นความหมายแฝงที่ว่าให้ตุ๊กตาแบกรับความเสียหายที่เจ้าตัวน่าจะได้รับน่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ตุ๊กตาที่รับภาระแทนจะต้องมีบาดแผลในส่วนนั้นสินะคะ”
“สังเกตเห็นจุดดีๆนี่นา
สมแล้วที่เป็นน้องสาวของพี่”
ได้รับคำชมอย่างกะทันหัน
ซาคุยะเลยลืมตากว้างเล็กน้อย
ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมถึงได้รับคำชม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น