คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 251]
“……ไม่ว่าจะให้ความสำคัญขนาดไหน มนุษย์เนี่ยก็มีอยู่บ่อยๆที่ร่างกายไม่ยอมขยับเหมือนกันสินะครับ
ผมเองก็ได้ตระหนักมาอย่างชัดเจนแล้วครับ”
“อื้อ
ฉันคิดว่าจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องแค่นั้นล่ะ ไม่อยากจะคิดเท่าไรเลย
แต่ถ้าหากโชวโกะเป็นแบบเดียวกับทั้งสองคนในตอนนั้นแล้วล่ะก็
ฉันอาจจะทำเรื่องแบบเดียวกับที่พี่ทำก็ได้ แต่ว่านั่นเป็นเพราะโชวโกะเผชิญกับอันตราย
ไม่ใช่ว่าเพราะตั้งหน้าตั้งตารออยู่หรอกนะ……พอเป็นแบบนั้นแล้ว
คิดว่ายังไงสถานการณ์ที่เป็นเวลาคับขันก็เป็นแค่ของชั่วคราวน่ะจ้ะ”
“……เข้าใจแล้วครับ”
“ว่าแล้วว่าไม่ได้เป็นการตอบที่ดีเท่าไรสินะจ๊ะ”
ใช้มือพัดเอาลมเข้าหาแก้ม
เป็นการบอกว่าเอาแต่เล่าอย่างออกรสเกินไปอยู่นั่นล่ะ
ที่แก้มแดงอยู่คงไม่ใช่แค่เพราะแอลกอฮอล์อย่างเดียว
“เปลี่ยนเรื่องนิดหน่อยได้มั้ยจ๊ะ
?”
“ได้แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่……”
ซัตสึกิหัวเราะคิกคัก
แล้วรินเหล้าเติมลงไปในแก้วของตัวเอง
“เป็นเรื่องเมื่อไม่นานมานี้น่ะจ้ะ ดูเหมือนโชวโกะจะไปผจญภัยในภูเขาน่ะนะ
ในฐานะแม่แล้วพอคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นล่ะก็… แล้วก็เป็นห่วง แต่ดูเหมือนซาจิโกะจังก็อยู่ด้วยเหมือนกัน
กอนตะเองก็อยู่ด้วย เลยบอกว่าไปดีมาดีนะไปน่ะ”
[หน้า 252]
“……ที่ว่าเพราะมีจิ้งจอกป่าอยู่ด้วยเนี่ย
เป็นเรื่องที่สุดๆไปเลยนะครับ คนที่ไม่รู้คงจะไม่เข้าใจแน่ๆ”
“นั่นสินะ
แต่ดูเหมือนโชวโกะไม่ว่ายังไงก็อยากไปให้ได้น่ะ ถึงจะเป็นห่วงก็จริง แต่ก็เลยให้ไป
แต่คิดว่าโชวโกะคงไม่เข้าใจความขัดแย้งในตัวฉันหรอก แล้วในฐานะแม่แล้ว
การถูกลูกรู้ทันก็เป็นอะไรที่น่าอายนิดหน่อยด้วยเหมือนกันน่ะนะ”
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะครับ”
ถึงอย่างนั้น
การให้ไปทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะทำเรื่องอันตรายไม่ได้หมายความว่าไม่รัก
ถึงจะมีอันตรายอยู่
แต่ก็อดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะหยุดแล้วปล่อยให้ไป นั่นคือการมีความกล้าอีกอย่างที่ต่างออกไปอยู่
“สุดท้ายดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
แล้วก็เลอะโคลนไปทั้งตัวด้วยกันกับซาจิโกะจังเลยล่ะจ้ะ ตอนนั้นฉันไม่เห็นหรอก
แต่เพราะเสื้อผ้าที่เคยใส่มีออกมาตอนซักผ้า”
“……อาการบาดเจ็บไม่เป็นไรเหรอครับ ?”
“ดูเหมือนจะบาดเจ็บนิดหน่อย แต่ก็เป็นอะไรที่เบาๆน่ะนะ ……แต่ตั้งแต่วันถัดมาโชวโกะก็มีสีหน้าสดใสเลยล่ะ”
[หน้า 253]
“ดีจังเลยนะครับ”
“จริงๆจ้ะ”
ทว่า ซัตสึกิกลับมีสีหน้ามืดมนตรงข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิง
จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ
“แต่ว่านี่คือการมองจากแค่ผลลัพธ์
ถ้าเกิดโชวโกะไปเจออุบัติเหตุใหญ่ๆกลางภูเขาเข้าล่ะก็
ฉันคิดว่าคงจะไม่ให้อภัยตัวเอง ต้องมีชีวิตอยู่ไปโดยเสียใจภายหลังว่าทำไมถึงได้อนุญาตให้ไปกันนะไม่ผิดแน่นอนจ้ะ
ในทางกลับกัน ถ้าไม่ให้ไปล่ะก็คิดว่าคราวนี้จะเป็นการทำให้โชวโกะมีสีหน้าหดหู่……
คราวนี้ในเชิงผลลัพธ์แล้วถือว่าดีนะ แต่ว่าต่อไปถ้าเกิดเรื่องที่คล้ายกันขึ้นมาล่ะก็
ไม่รู้จริงๆว่าทางไหนถูกต้องหรอกนะ”
“คุณซัตสึกิ……”
“เพราะแบบนั้นนะ โคสุเกะคุง
ถ้ามีเรื่องที่กำลังลังเลอยู่ล่ะก็เลือกวิธีที่ไม่ทำให้เสียใจภายหลังก็ดีนะ
เพราะคิดว่านั่นต้องเป็นเส้นทางที่ดูสมกับเป็นโคสุเกะคุงแน่นอน”
ค่อยๆซึมซับเข้ามาภายในอก
คำพูดขอบคุณปรากฏออกมาได้อย่างราบรื่น
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ
ต้องการเติมมั้ยจ๊ะ ?”
“……ถ้าอย่างนั้นขออีกแค่แก้วเดียว”
หยิบแก้วที่ว่างเปล่าไปแล้ว
จากนั้นซัตสึกิก็ออกจากห้องนั่งเล่นไป
[หน้า 254]
พระจันทร์ที่ปรากฏให้เห็นจากหน้าต่างนั้น
ตอนนี้เองก็ยังส่องแสงสุกสกาวอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
เช้าวันต่อมา
โคสุเกะเข้าไปในภูเขาด้วยกันกับซาคุยะอีกครั้ง
“ตัดสินใจรึยังว่าจะทำยังไง
?”
“ครับ”
“……ค่ะ”
เสียงของซาคุยะไม่มีพลังอยู่
สีหน้าเองก็ไม่ดีเท่าไรนัก
“เป็นพลังให้ยามาวาโระตัวนั้นไม่ได้
ถึงซาคุยะจะถูกพึ่งพิง แต่เรื่องที่พวกผมจะทำต่อยามาวาโระนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้วครับ”
“……ค่ะ ฉันก็เหมือนกันค่ะ”
ต่อจากโคสุเกะ ซาคุยะเองก็เห็นพ้องด้วยเช่นกัน
คำตอบนั้นสำหรับโคสุเกะแล้วถือเป็นสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมาย
“เธอน่ะ แบบนี้ดีแล้วงั้นเหรอ ?”
“จะดีหรือจะอะไร
เป็นเรื่องที่พี่พูดออกมาเองไม่ใช่เหรอไงคะ”
“นั่นก็ใช่อยู่หรอก แต่…”
[หน้า 255]
“เมื่อวาน พอกลับไปแล้วก็ได้คิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนค่ะ
ฝันเห็นความฝันหลายๆเรื่อง จนเผลอตื่นขึ้นมากลางดึกด้วย”
“……ได้ยินเรื่องที่คุยกับคุณซัตสึกิงั้นเหรอ ?”
“อะไรเหรอคะ ? นั่น”
“อ๊ะ เปล่า
ถ้าแบบนั้นก็ไม่เป็นไร”
ที่บอกว่าไม่ได้ยินนั้นแปลว่าคงจะเป็นข้อสรุปที่ตัวซาคุยะได้มาเอง
คิดว่าจะฟังโดยไม่พูดแทรก
แล้วโคสุเกะก็เร่งให้พูดต่อ
“ที่ฝันเห็นตอนสุดท้ายคือเรื่องของนางฟ้าเมื่อพันปีก่อน……พี่สาวของคุณกิงโกะค่ะ
ใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วยท่าทางมีความสุขมาก ……พอเห็นสิ่งนั้นแล้วก็นึกได้ค่ะ
ว่าต้องทำให้โศกนาฏกรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีจบลงให้ได้
แค่รู้สึกรับผิดชอบอย่างเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องรับผิดชอบด้วย คิดเช่นนั้นค่ะ”
“……สรุปคือ”
“เรื่องการให้ความร่วมมือในการเก็บคืนผ้าคลุมนางฟ้าที่หลงเหลืออยู่ซึ่งกระจัดกระจายไปทั่วแล้ว
เรื่องที่จะให้สิ่งที่พี่ทำให้จบลงไปแล้วสูญเปล่าไม่ได้ แล้วก็…”
ซาคุยะพักตรงนั้นไว้ครู่หนึ่ง
“เรื่องที่จะปล่อยให้ทรมานไปนานกว่านี้ไม่ได้……ค่ะ”
“……งั้นเหรอ”
[หน้า 256]
ถ้าโคสุเกะเรียกผ้าคลุมนางฟ้าที่ส่งคืนไปยังท้องฟ้ามาล่ะก็
อาจจะสามารถรักษาร่างกายแล้วทำให้ลูกทานูกิเคลื่อนไหวในสภาพที่ยังเป็นซากศพได้ก็เป็นได้
ตอนนี้ ณ เวลานี้เอง นั่นก็คิดได้ว่าเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูด
ทว่า
การยั่วยวนที่น่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่งนั้นเป็นเหมือนกับยาเสพติด
กระหายพลังที่เกินไปกว่าตัวมนุษย์
จนผืนดินแห่งนี้มีโศกนาฏกรรมพันปีมาเยือน
จะทำเรื่องแบบเดียวกันซ้ำร้อยไม่ได้
เป็นของที่ห้ามอยู่ในการครอบครองของมนุษย์
ถ้าอย่างนั้น
เรื่องที่ต้องทำก็เหมือนเดิม
การช่วยดูแลในฐานะมนุษย์เป็นตัวเลือกที่ถูกเหลือไว้ให้
“เข้าใจแล้ว
ทั้งคู่เอาแบบนี้ดีแล้วสินะ”
“แต่จริงๆแล้วเรื่องอย่างเก็บรวบรวมผ้าคลุมนางฟ้าอะไรนั่นจะกลายเป็นว่าต้องขอให้คุณกิงโกะทำให้นะคะ”
“อื้อ……แต่ก็อยากให้อธิษฐานให้หน่อยนะ
เพราะถึงจะไม่มีแกนกลางแล้วแต่คำอธิษฐานของทั้งคู่ต้องส่งไปถึงแน่นอน”
ซาคุยะจ้องตรงไปข้างหน้า
พยักหน้าอย่างมั่นคงด้วยสีหน้าที่ดูห่อเหี่ยวกว่าตอนที่มาเมื่อวาน
“……ค่ะ”
[หน้า 257]
และในป่า
ทานูกิกำลังรอพวกซาคุยะอยู่ที่เดียวกับเมื่อวาน
เมื่อวานกิงโกะพูดไว้ว่าไม่มีเวลา
ลมหายใจไม่คงที่
ทุกครั้งที่หายใจเบาๆซ้ำไปซ้ำมาท้องเล็กๆจะกระเพื่อมเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าแทบจะหายใจไม่ได้แล้วด้วย
“ตั้งใจจะพาไปที่บ้านอยู่หรอก แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ยอมออกห่างจากที่นี่เลยน่ะนะ…… ก็เลยฆ่าเชื้อแถวนี้จนสะอาดไว้ก่อน
แมลงก็ไม่ให้เข้ามาใกล้ด้วย”
“……ค่ะ”
ตอนนี้แมลงที่ตอมซากศพก็หายไปแล้วด้วยเหมือนกัน
ดูเหมือนจะไม่มีแม้แต่พลังที่จะพยุงตัวขึ้น
เลยมองขึ้นมาหาซาคุยะทั้งๆที่ยังนอนอยู่
“ขอโทษนะคะ
ฉันไม่มีพลังที่จะทำให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริงค่ะ”
คุกเข่าลงแล้วจับที่ขาหน้า
เป็นการตอบสนองทางร่างกายงั้นเหรอ
หรือว่าเข้าใจความหมายงั้นเหรอ ขาหน้าที่สัมผัสนั้นขยับอยู่บนมือของซาคุยะเล็กน้อย
“จะแค้นฉันก็ไม่เป็นไร ……จะทำให้ไม่ต้องทรมานอีกต่อไปค่ะ”
ลูบขนตรงขาหน้าอย่างอ่อนโยน
[หน้า 258]
เพราะอยู่ในป่า
เลยยิ่งรู้สึกว่าสัมผัสราบรื่น
หายใจซ้ำไปซ้ำมาอยู่สองสามครั้ง
หลับตาที่มองขึ้นมาหาซาคุยะ
จากนั้นก็ร้องด้วยเสียงเล็กๆที่แผ่วเบาดัง กิ๊ว !
“………………ฮึก”
กัดริมฝีปาก
ทั้งๆที่เป็นสัตว์ไม่มีแม้แต่ชื่อที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นานแท้ๆ
ทำไมถึงได้สะเทือนใจขนาดนี้กันนะ
ไม่ใช่แค่เพราะนำไปซ้อนทับกับอดีตของตัวเอง
เรื่องนั้นต้องเป็นเพราะได้รับรู้ถึงความลึกของบาดแผลที่หลงเหลืออยู่ที่ผืนดินนี้อีกครั้งแน่นอน
เป็นเพราะนึกถึงความทุกข์ทรมานของนางฟ้าที่จำเป็นต้องสาปแช่งผืนดินที่ตัวเองรักขึ้นมาได้
“ทั้งสองคนยืนขึ้นนะ
แล้วเอามือห่างออกไปนิดหน่อยก็ดี”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ยืนขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือออกไปราวกับเป็นการอธิษฐาน
ไม่ได้หายใจอยู่อีกแล้ว
ที่อยู่ตรงนั้นคือสิ่งที่เคยเป็นสัตว์แม่ลูกซึ่งเคยอยู่ในภูเขานี้
ถ้าหากมีการเวียนว่ายตายเกิด
ถ้าหากมีสิ่งที่เรียกว่าครั้งต่อไปอยู่ล่ะก็
แน่นอนว่าครั้งหน้าอยากจะให้ใช้ชีวิตไปอย่างสงบสุข
[หน้า 259]
อธิษฐานไปยังผ้าคลุมนางฟ้าที่ยังคาอยู่ที่พื้นทั้งๆอย่างนั้น
ในไม่ช้าแสงสีฟ้าจางๆก็ลอยขึ้นมา……ลอดผ่านมือของทั้งคู่แล้วลอยสูงขึ้นไปสู่ท้องนภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น