คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า
241]
“อร่อยครับ”
“ดีจังเลย
เติมเยอะๆนะ ……อ๊ะ สุดท้ายจะใส่ข้าวลงไปแล้วทำเป็นข้าวต้มทรงเครื่องดีมั้ยนะ
แต่ก็มีอุด้งอยู่เหมือนกัน เอาอันไหนดีจ๊ะ ?”
“ทั้งสองอย่าง
!”
“โธ่
ไม่ได้ถามโชวโกะอยู่ซะหน่อย”
“ผมก็ทั้งสองอย่างครับ”
“ฮิๆ เข้าใจแล้วล่ะจ้ะ ถ้าอย่างนั้นจะใส่อุด้งลงไปก่อน
แล้วถ้ามีท่าทางว่าจะใส่ลงไปได้อีกล่ะก็จะทำเป็นข้าวต้มทรงเครื่องนะ”
“ขอบคุณครับ”
“…………”
ซาคุยะได้แต่มองการพูดคุยเบื้องหน้า
เป็นภาพที่ดูห่างไกลและรู้สึกคิดถึงยังไงไม่รู้
ทั้งๆที่ตอนปิดเทอมหน้าร้อนเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันแท้ๆ
แต่ตอนนี้กลับรู้สึกคิดถึงอย่างช่วยไม่ได้
จะมีอารมณ์อ่อนไหวแบบนี้ไม่ได้
ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแท้ๆ ที่ผุดขึ้นมาให้หัวกลับมีแต่ร่างเล็กๆที่คอยดูแลศพของลูกกับเสียงร้องแหลมสูงที่ดังก้องชัดเจนไปทั่ว
[หน้า
242]
ให้ซาคุยะไปนอนก่อน แล้วโคสุเกะก็เรื่อยเปื่อยอยู่เพียงลำพังในห้องนั่งเล่น
ไม่เหมือนกับตอนหน้าร้อน
เปิดหน้าต่างไม่ได้ กำลังมองพระจันทร์ผ่านกระจกอยู่ทั้งที่ยังนอนเล่นอยู่บนเสื่อทาทามิ
“……วันนี้เป็นคืนวันเพ็ญงั้นเหรอ”
“น่าเสียดายนะ อีกหนึ่งวันรึเปล่าน้า”
พอหันตัวกลับไปหาเสียง
ก็เจอกับซัตสึกิ
“วันนี้ทุกคนนอนกันเร็วจังเลยนะ
คิดไว้ว่าตั้งใจจะดื่มด้วยกันกับทุกคนฉลองที่กลับบ้านเกิดนานๆทีซะหน่อย”
“ผมเอง วันนี้เหล้าก็……”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ของโคสุเกะคุงคือทางนี้”
วางแก้วที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาไว้
“ช่วยดื่มเบาๆเป็นเพื่อนทีนะ”
“ครับ”
รับขวดสาเกร้อนมาจากซัตสึกิแล้วรินใส่แก้วเล็กน้อย
“ถ้าอย่างงั้น พูดอีกครั้งนะ
ยินดีต้อนรับกลับมาจ้ะ”
“…… ครับ
กลับมาแล้วครับ”
[หน้า
243]
แก้วถูกนำมาชนกันจนเกิดเป็นเสียงเบาๆดัง แก๊ง !
พอลิ้มรสแก้วที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาก็พบว่าเป็นชาอู่หลงอุ่นๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับซาคุยะจังเหรอ ?”
“นั่นสินะครับ…… นิดหน่อยน่ะครับ”
“เกี่ยวข้องกับคดีตอนก่อนหน้านี้งั้นเหรอ
?”
“ครับ”
ซัตสึกิเองก็รู้เรื่องโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ณ
หมู่บ้านแห่งนี้ในอดีตและเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากนางฟ้า
นางฟ้าคือตัวตนที่เรียกได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของตระกูลมินางามิ
ถึงตอนนี้เนื่องจากซัตสึกิได้แต่งงานและออกจากตระกูลไปแล้ว ทำให้นามสกุลเปลี่ยนไป
แต่เรื่องที่ซัตสึกิเองก็เป็นลูกหลานของนางฟ้าเช่นกันนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่ว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง
พูดได้ว่าที่เห็นสภาพผิดปกติของซาคุยะแล้วนึกเรื่องนั้นขึ้นมาเป็นอันดับแรกก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน
“……ยัยนั่น
ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรหลายๆอย่างที่โรงเรียนด้วยน่ะครับ แล้ววันนี้เองก็ไปเจออะไรมานิดหน่อย
เพราะเป็นคนที่ตัวเองลำบากไม่เป็นไร แต่เกลียดการเป็นภาระให้กับคนอื่น
เลยดูเหมือนจะฝืนทนมานิดหน่อยน่ะครับ……”
“……แบบนั้นนี่เอง”
ไม่ได้ถามอะไรมาก
รินเหล้ารออย่างเงียบๆ
ทางโคสุเกะก็ไม่ใช่ว่าจะรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับซาคุยะเป็นอย่างดีด้วยเหมือนกัน
รู้สึกขอบคุณที่ให้เวลาเรียบเรียงความคิดมา
[หน้า
244]
“ตอนที่โทรศัพท์มาก่อนหน้านี้ยังสงบสุขกว่านี้ครับ เห็นว่ากำลังจะถูกส่งไปประกวดนางงามในงานคริสต์มาสบ้าง
ตกใจที่ในโรงเรียนมีแฟนคลับของตัวเองอยู่บ้าง เป็นเรื่องตลกสบายอารมณ์แบบนั้นล่ะครับ
กะว่าพอมาที่นี่แล้วจะแซวให้เกินจริงขึ้นไปอีก แล้วทำให้หัวเราะหรือจะอะไรซะหน่อย
แต่ว่า……”
“……แฟนคลับ ?”
“อ๊ะ ครับ รู้สึกจะชื่อว่า MSF……มินางามิ ซาคุยะแฟนคลับอะไรเนี่ยล่ะครับ
ยังไงก็เผลอตบมุกไปโดยอัตโนมัติว่าเรื่องที่นั่นได้รับการยอมรับในฐานะกิจกรรมในโรงเรียนเนี่ยเป็นโรงเรียนแบบไหนกันน่ะ
ถึงยัยนั่นจะลำบากใจ แต่ก็มีท่าทางสนุกสุดๆเลยล่ะครับ”
“ฟังดูชวนคิดถึงยังไงไม่รู้นะ นั่นน่ะ”
“……น่าคิดถึงเหรอครับ ?”
“อ๊ะ เปล่า เรื่องของทางนี้น่ะจ้ะ ท่าทางน่าสนุกมากเลยนะ ผู้ปกครองไปงานคริสต์มาสไม่ได้หรอกเหรอ”
“ผมเองถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะไปอยู่เลยครับ
แต่ยังไงก็เข้าไปในหอพักหญิงไม่ได้สิน้า”
“ถ้าแย่ล่ะก็ท่าทางจะได้ค้างคืนอยู่ในลูกกรงตั้งแต่วันถัดไปด้วยสินะ”
“อื้อ
ขอแค่ไม่มีไอ้นั้นล่ะก็จะไปอยู่หรอกครับ……เฮ้อ”
[หน้า
245]
“ไม่เห็นต้องหมดอาลัยตายอยากขนาดนั้นก็ได้นี่”
“ช่วยไม่ได้ครับ จะกล้ำกลืนน้ำตาตัดใจ”
“ฮิๆ ถ้าขอให้ถ่ายรูปมาให้ล่ะเป็นยังไง ? ฉันเองก็อยากดูเหมือนกันนะ”
“……ซาคุยะจะยอมฟังเรื่องที่พูดอย่างว่าง่ายรึเปล่านะ”
“แล้วก็ ถ้าขึ้นเวทีอยู่ล่ะก็จะถ่ายรูปเองไม่ได้ด้วยเหมือนกันสินะ……”
“เรื่องอย่างขอให้เพื่อนถ่ายรูปสภาพน่าอายของตัวเองเพื่อเอาไปโชว์ให้คนอื่นดูอะไรเนี่ย……ไม่ใช่นิสัยของซาคุยะด้วยครับ”
“โคสุเกะคุง
วิธีพูดแบบนั้นจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ
เพราะวันนี้ซาคุยะเงียบๆ เลยรู้สึกขอบคุณจริงๆที่ตบมุกมา”
“……โธ่ จริงๆเลย……”
ยิ้มเจื่อนๆราวกับตกตะลึง
จากนั้นก็รินเหล้าญี่ปุ่นอีกครั้ง
“มีเรื่องอะไรให้ช่วยรึเปล่าจ๊ะ
?”
“แค่ช่วยรับพวกผมเข้ามาแบบนี้ก็ช่วยได้มากเกินพอแล้วล่ะครับ”
“แหม ไม่ใช่แบบนั้นนะจ๊ะ”
สำหรับโคสุเกะแล้วถือเป็นความรู้สึกจากใจจริง
แต่ก็ถูกตอบกลับมาในทันควัน
ก่อนที่จะถามว่าหมายความว่ายังไง
ซัตสึกิก็พูดต่อ
[หน้า
246]
“เรื่องนั้นสำหรับพวกฉันแล้วถือเป็นเรื่องธรรมดาจ้ะ
ถึงจะทำเรื่องธรรมดาไปก็ไม่ได้กลายเป็นว่าได้ช่วยเหลือไปแล้วหรอกนะ
แน่นอนว่าดีใจมากที่อุตส่าห์รู้สึกขอบคุณอยู่เสมอ ถึงจะบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็ใช้ทั้งเงินทั้งแรง
ที่ไม่ถือตัวกับเรื่องนี้แล้วสามารถส่งผ่านคำขอบคุณออกมาได้เนี่ยคือคุณงามความดีที่พวกโคสุเกะคุงมีอยู่จ้ะ
แต่ว่าที่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแค่นั้นน่ะ เข้าใจอยู่แล้วด้วยเหมือนกันสินะคะ ?”
“……ครับ”
หันไปหาซัตสึกิแล้วคราวนี้ก็พยักหน้าอย่างชัดเจน
โคสุเกะยอมรับเรื่องที่เคยกลบเกลื่อนอย่างตรงไปตรงมา
“ได้เห็นสัตว์แม่ลูกมาน่ะครับ ตัวแม่กลายเป็นยามาวาโระไปอยู่
แล้วก็กำลังจะตายในอีกไม่ช้า หรือไม่ก็อาจจะแค่ถูกยืดชีวิตที่ตายอยู่แล้วออกไปเฉยๆก็ได้ครับ
ส่วนทางลูกตายไปก่อนหน้านี้นานแล้ว แล้วตัวที่เป็นแม่ก็คอยอยู่เคียงข้าง”
“……งั้นเหรอ……”
เสียงของซัตสึกิฟังดูหดหู่ขึ้น
เป็นที่ชัดเจนว่ากำลังนึกเรื่องเดียวกันอยู่
มินางามิ
ซายะ แม่ของโคสุเกะกับซาคุยะนั้นจากโลกนี้ไปด้วยอุทกภัยเมื่อราวๆสิบปีก่อน
ต้นเหตุคือซาคุยะที่เกือบจะถูกนางฟ้าสอดประสานจิตใจเข้าด้วยกัน
น้ำป่าที่ไหลบ่าเข้ามาอย่างกะทันหันได้พัดเอาทั้งสองไป และผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นเองก็มีผู้ประสบภัยจำนวนมากเช่นกัน
[หน้า
247]
ตอนที่กิงโกะหาแม่พบ
ดูเหมือนจะตายทั้งที่ยังอยู่เคียงข้างโดยกอดโคสุเกะกับซาคุยะไว้แน่น
ทั้งสองไม่มีความทรงจำในตอนนั้น
ความทรงจำขาดห้วงไป
ณ จุดที่ถูกน้ำพัด ตอนที่รู้สึกตัวก็ไปเชื่อมกับงานศพของแม่แล้ว
เพราะเป็นความว่างเปล่าที่นึกไม่ออกนี่ล่ะ
ซาคุยะถึงได้ทรมานกับการขาดห้วงไปของความทรงจำอยู่
ที่เห็นร่างที่ทุ่มเทเพื่อศพของลูกที่ตายไปแล้วซ้อนทับกับแม่เองก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“……คุณแม่ช่วยพวกผมไว้ แล้วยามาวาโระตัวนั้นเองก็มาพึ่งพาซาคุยะเพื่อลูกครับ ……แน่นอนว่าเป็นคำขอที่เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นซาคุยะคงจะคิดว่าเป็นความรับผิดของตัวเองเข้าครับ……”
“อยากจะพูดให้ว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอก
แต่เรื่องนั้นตัวซาคุยะจังเองก็เข้าใจอยู่แล้วสินะ”
“……ครับ”
ถ้าไม่รู้ตัวล่ะก็
แค่บอกให้ก็ได้แล้ว
ทว่า
กับอีกฝ่ายที่รู้ตัวแล้วยังกังวลอยู่อีกนั้น ไม่พบคำพูดที่จะนำมาพูด
นั่นมีแต่ต้องให้เข้าใจยอมรับด้วยตัวเองเท่านั้น
ถ้าสามารถเปลี่ยนท่าทีประเภทหนึ่งได้ล่ะก็
ภาระของซาคุยะคงจะเบาลงด้วย โคสุเกะคิดเช่นนั้น
[หน้า
248]
แม้แต่เรื่องการปรึกษางานคริสต์มาส
ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่แค่ยืนกรานว่าไม่เกี่ยวกับตัวเองก็จบแล้วแท้ๆ
สุดท้ายหลังจากที่วิ่งวุ่นก็ยอมเข้าร่วมประกวดจนได้
คิดว่าส่วนที่เป็นคนเอาจริงเอาจังของน้องสาวนั้นชวนให้ยิ้มดี
แต่นั่นก็เป็นเรื่องในชีวิตธรรมดา
คิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้สึกรับผิดชอบไปจนถึงเหตุการณ์ที่ห่างไกลจากกฎของธรรมชาติ
แต่นี่ก็เป็นความคิดของโคสุเกะ ไม่ได้เหมือนกันกับซาคุยะ
ซึ่งนั่นก็กลายเป็นความรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมาอีก
“……ทั้งคุณแม่ก็ดี
ยามาวาโระนั่นก็ดี แม่เนี่ยเห็นว่าลูกเป็นสิ่งสำคัญสินะครับ”
“เรื่องนั้นก็ไม่รู้สินะ”
คิดว่าจะได้รับการเห็นพ้องด้วย
แต่ที่ออกมาจากปากของซัตสึกินั้นกลับเป็นคำพูดที่ผิดคาด
“ครอบครัวที่ไม่ได้คิดแบบนั้นก็มีอยู่เยอะเหมือนกันนะ ตั้งใจจะให้ความสำคัญ
แต่บางทีพ่อแม่ก็กลับมองแต่ตัวเองอยู่บ่อยๆ”
“……อย่างงั้นเหรอครับ ?”
“อื้อ เป็นอย่างงั้นล่ะจ้ะ แล้วคิดว่าแน่นอนว่าคนที่มีด้านแบบที่โคสุเกะคุงพูดเองก็มีอยู่เยอะเหมือนกันจ้ะ”
รู้สึกขัดๆเล็กน้อย
โคสุเกะจึงถามกลับไป
“ไม่ใช่ว่า……มีคนแบบที่ผมพูดอยู่ด้วย
แต่เป็นมีคนที่ทำเรื่องแบบที่ผมพูดอยู่ด้วยหรอกเหรอครับ ? ……เอ่อ
กลายเป็นว่าเข้าใจยากขึ้นมานิดหน่อยยังไงไม่รู้
แต่จะว่ายังไงดี พอเป็นวิธีพูดของคุณซัตสึกิแล้วก็ได้ยินเหมือนเป็นการพูดตามอารมณ์ด้วยเหมือนกัน
จะให้พูดยังไงดี”
[หน้า
249]
“ฮิๆ
อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะจ๊ะ”
“……เอ๊ะ จริงๆเหรอ ?”
สนุกกับการตกใจของโคสุเกะงั้นเหรอ
เลยยิ้มอย่างขี้เล่นเล็กน้อยต่อไป
“ไม่ว่าใครก็ไม่เข้าใจเรื่องอย่างการกระทำฉับพลันหรอกนะ
คิดว่าเป็นอะไรที่พอถึงเวลานั้นแล้วจะกระทำออกมาเป็นครั้งแรกน่ะ แล้วนั่น ร่างกายขยับไปเองบ้าง
ทำไปแล้วเสียใจภายหลังบ้าง บางครั้งอาจจะเป็นแบบนั้นด้วยก็ได้ ในทางกลับกัน
ถ้าเฝ้ารอรับมือเวลาคับขันอยู่เสมอ แล้วตัวเองตั้งใจจะยอมเสียสละเพื่อปกป้องลูก…… ถ้ามีคนที่คิดแบบนั้นอยู่ล่ะก็
ฉันจะเผลอคิดว่านั่นเป็นความรู้สึกที่แท้จริงเหรอ ? เข้าน่ะนะ
ก็ถ้าใช้ชีวิตประจำวันล่ะก็ ทางเรื่องอาหารการกินหรือการเรียนที่เห็นมานานย่อมสำคัญกว่าเสี้ยววินาทีที่คับขันอยู่แล้วน่ะนะ”
“นั่นไม่ใช่พวกการเตรียมใจไว้สำหรับเวลาคับขัน
หรือการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นหรอกเหรอครับ ?”
“ต่างกันจ้ะ นั่นเป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้วเป็นธรรมดา
พวกฉันใช้ชีวิตประจำวันอยู่โดยที่เตรียมของที่สามารถเตรียมได้ไว้แล้ว
แล้วก็เพราะเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ซึ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก็เลยถูกจารึกไว้แน่นอยู่ภายในใจ
แล้วหลังจากนั้นก็หลงเหลืออยู่ต่อไปแค่นั้นน่ะ”
“………………แบบนี้นี่เอง”
[หน้า
250]
“พี่สาวช่วยปกป้องพวกโคสุเกะคุงไว้
แล้วเพราะผลลัพธ์นั้นเลยอาจทำให้ต้องทิ้งชีวิตไปก็เป็นได้ ……แต่พูดได้อย่างมั่นใจแน่นอนเลยว่าคิดว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งชีวิตไปตั้งแต่แรกหรอกนะ
ก็เป็นพี่คนนั้นนี่นา”
“ยิ่งได้ฟังเท่าไรก็ยิ่งมีแต่ภาพลักษณ์ที่ว่าเป็นคนที่เหลือเชื่อผุดขึ้นมานะครับ”
“ทางนั้นคือพี่สาวในตอนปกติธรรมดาจ้ะ
เป็นคนที่ชอบแกล้งเป็นที่สุด ชอบที่ทุกคนลำบากใจแล้วก็ยิ้มออกมาได้ในเวลาต่อมา ที่กลายเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้ทั้งคู่โศกเศร้าเนี่ย
ถ้ามองจากเจ้าตัวแล้ว เป็นเรื่องไม่เป็นไปตามที่คิดไม่ผิดแน่นอนจ้ะ”
“…………อา……งั้นเหรอ……”
พอถูกพูดขนาดนั้น
ในที่สุดก็เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของซัตสึกิ
ที่ยอมเสียสละตัวเองปกป้องลูกนั้นเป็นความจริง
แต่ก็ไม่ใช่คนที่เป็นแค่นั้น
ภาพลักษณ์ในใจของโคสุเกะกับซาคุยะที่เป็นฝ่ายได้รับการปกป้องนั้น
ยึดติดไปในฐานะที่เป็นผู้มีบุญคุณชีวิตและเป็นคนที่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อลูก
แค่ยึดติดไปโดยไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของแม่เท่านั้น
เพราะแบบนั้นนี่ล่ะ
ซัตสึกิถึงได้บอกว่าการกระทำที่ยอมสละตัวเองปกป้องลูกนั้นไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าด้านๆหนึ่งของคนๆนั้นเลย
แม้แต่ยามาวาโระนั่นเอง
ช่วงที่ลูกมีชีวิตอยู่ก็น่าจะคิดแค่เรื่องอาหารในวันนั้นแน่ๆ
ไม่อาจตัดสินนิสัยทั้งหมดของอีกฝ่ายได้จากแค่สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
“เพราะแบบนั้นเลยคิดว่าเป็นอะไรที่ตอบไม่ได้จ้ะ
ไม่ใช่ว่าในใจคิดยังไงอยู่ แต่เพราะเป็นอะไรที่ถูกกำหนดโดยความสามารถในการตัดสินใจและปฏิกิริยาตอบสนองว่าจะสามารถทำได้ทันทีรึเปล่าน่ะ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น