Day 1 Inversion Impulse I (Part 3)

posted on 4/08/2561 11:19:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 2012 ที่ http://vermillionend.exteen.com
เนื่องจากเป็นงานแปลชิ้นแรกในชีวิต ถ้าจะอ่านขอให้ทำใจกับสำนวนและความถูกต้องของภาษาไว้ได้เลย


Music: play track 3


มันเป็นเวลาพักเที่ยงและห้องเรียนก็เริ่มดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที
เด็กผู้ชายบางคนกำลังวิ่งไปโรงอาหาร , กลุ่มเด็กผู้หญิงกำลังเอาโต๊ะมาเรียงต่อกัน และนักเรียนบางคนเดินออกนอกห้องเรียนไปอย่างใจเย็นพร้อมกับกล่องข้าวในมือ

ผมมองดูพวกเขาในขณะที่วางขนมปังและนมที่ผมซื้อมาลง

"ชิ ดูเหมือนนายจะไม่ค่อยหิวเหมือนเดิมเลยนะ ฮะ โทวโนะ"
การที่มีเด็กผู้ชายคนนี้มาอยู่เบื้องหน้าผม มันเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันไปแล้ว , และตอนนี้ผมก็ไม่ได้บ่นอะไรแล้ว

"แต่ว่านาย, มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา เราสองคนจะกินข้าวด้วยกันเรอะ? มื้ออาหารที่ไม่มีดอกไม้สวยงามประดับอยู่ด้วยมันจะเป็นยังไง"
"ถ้านายไม่มี 'ดอกไม้', ทำไมนายไม่ไปกินข้าวกับพวกนั้นซะล่ะ? ชั้นไม่ห้ามนายหรอกนะ"
"เจ้าบ้า! ที่ชั้นพูดว่า'ดอกไม้' ชั้นหมายถึงคนโสด, ที่เป็นดอกไม้สวยงาม, วกผู้หญิงที่จับกลุ่มอยู่ตรงนั้นมันไม่ใช่ พวกเธอเป็นดอกไม้พิษซะมากกว่า"
...... จากการวิจารณ์ของอาริฮิโกะ มันจะต้องมีก้อนหินพุ่งมาที่เขาแน่ๆ ถ้าพวกผู้หญิงได้ยินที่เขาพูด
โชคดี, ที่พวกเธอไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น

"...... มันค่อนข้างแรงนะ, อาริฮิโกะ ชั้นรู้ว่านายเคยเป็นเด็กไม่ดีมาก่อน, แต่ไม่ใช่ว่านายแย่ลงไปอีกเมื่อเร็วๆนี้งั้นเรอะ? นายกำลังข้ามระดับคำว่า'แย่' ธรรมดาไปเป็น 'เบี่ยงเบน'"

"ช่วยไม่ได้นี่? ดอกไม้สวยงามในโรงเรียนเราไปอยู่ไหนกันหมดนะ , ตาของฉันกำลังเจอกับวิกฤตินะนั่น"
"ฮะ...... ถ้างั้น, ใครกันล่ะที่เป็น 'ดอกไม้สวยงาม'  ?"
"เป็นความลับ ชั้นไม่อยากจะเจอกับการแข่งแย่งชิงแล้วล่ะ?"

อาริฮิโกะหัวเราะพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา
นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่มี, ผมรู้สึกประทับใจเล็กน้อยในความสามารถของอาริฮิโกะที่สามารถแสดงความรู้สึกของเขาออกมาได้อย่างเปิดเผย




-----และต่อมา

บุคคลที่ผมเพิ่งเจอมา ได้เข้ามาทางประตูห้องเรียน

"…..อ๊ะ"
พร้อมกับกล่องข้าวในมือข้างหนึ่งของเธอ,  มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะจำผิด------

"สวัสดี โทวโนะคุง จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะมารบกวน"
"เอ๊ะ-----อ๊ะ ไม่เป็นไรครับ, แน่นอน-----"
เธอยิ้ม รุ่นพี่ซิเอลลากเก้าอี้มาและนั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติ

"อะ...... รุ่นพี่ , พี่บาดเจ็บเหรอ?"
"ไม่ล่ะ, พี่ไม่ได้บาดเจ็บเลย"
แม้แต่รอยยิ้มของเธอก็ยังทำให้ผมลำบากใจ

"เธอบอกให้พี่มาที่ห้องนี้ตอนพักกลางวัน, พี่คิดว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทถ้าไม่มา"
"อะ...... มันก็จริงที่ผมพูดแบบนั้น, แต่ว่า......"

แต่ที่ผมตั้งใจจะพูดคือในกรณีที่เธอจะให้ผมรับผิดชอบ ในกรณีที่เธอเกิดบาดเจ็บขึ้นมา

"ระ-รุ่ รุ่นพี่!"
อาริฮิโกะ ตบโต๊ะเสียงดังพร้อมยืนขึ้น

"อ๊ะ, อินุอิคุง เธอกับโทวโนะรู้จักกันเหรอ?"


"ใช่เลย, ไม่ใช่แค่รู้จักกันธรรมดา! ผมกับโทวโนะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก! ใช่มะ,
โทวโนะ? พี่เอาไปพูดได้เลยว่าพวกเราสนิทกัน!"

"--------"
อาริฮิโกะกำมือแน่น
ตอนนี้ไม่มีที่ว่างพอสำหรับบอกว่าสนิทกันหรือไม่สนิทกันแล้ว




"โอ๊ะ , จริงเหรอ? บังเอิญจังเลยนะที่เธอสองคนเป็นเพื่อนกัน!"
"มันแน่นอนอยู่แล้ว! เจ้าบ้านี่มีใบหน้านิ่งๆ แบบนี้, ผมกำลังสงสัยอยู่เลยว่ามันไปสนิทกับรุ่นพี่ตอนไหนกัน!"
'ฮะฮะฮะ! ' อาริฮิโกะจ้องมาที่ผมในขณะที่หัวเราะไปทางรุ่นพี่
คิดอย่างเหม่อลอย, ผมกำลังสงสัยว่านั่นใช่ไหม ที่พวกคุณเรียกกันว่ามีความสามารถหลายด้าน

สุดท้าย, อาริฮิโกะได้ชวนรุ่นพี่ให้อยู่กินข้าวด้วยกัน
อืม...... ในเมื่อเธอเอากล่องข้าวมาด้วย, บางที่เธอคงคิดจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะมั้ง

"อินุอิคุง เธออยู่คนเดียวเหรอ?"

"ไม่, ผมอยู่กับพี่สาว พ่อแม่ผมทิ้งบ้านไว้ให้พวกเราดูแล, ดังนั้นมันเป็นธรรมดาที่พวกเราจะทำอาหารเป็น, นั่นล่ะคือทั้งหมด"
ดูเหมือนอาริฮิโกะจะคุ้นเคยกับรุ่นพี่ดี
ดูเหมือนว่าเขาจะพูดกับเธอได้แบบเป็นกันเองมากกว่าผม ผมแค่เคยเจอกับเธอไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง

"แต่ว่ารุ่นพี่, ที่พี่บอกว่าโทวโนะเรียกพี่มาที่นี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"
"อือ พี่วิ่งชนกับโทวโนะตอนพัก พี่ไม่บาดเจ็บแต่โทวโนะคุงหัวโน"
"ฮืมม...... แล้วพี่ก็มาหาเขาเพราะพี่เป็นห่วง?"
"ใช่, ถูกต้อง"

เสียงของรุ่นพี่ราบลื่นและน่าฟัง
ในเมื่อฟังอยู่เฉยๆมันดีกว่าพูด, ผมจึงเงียบต่อไป




จนเมื่ออาริฮิโกะเปลี่ยนทิศทางการสนธนามายังผม

"เกิดอะไรขึ้น,โทวโนะ? วิ่งไปชนคนอื่น..... อย่าบอกนะว่าโรคโลหิตจางกำเริบอีกแล้ว"
เสียงของอาริฮิโกะขัดกับการที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของผม

".....ไม่, มันไม่ใช่เรื่องนั้น ชั้นรีบวิ่งไปห้องพักครูเพื่อจัดการกับรายละเอียดเล็กน้อยเรื่องที่จะย้ายบ้าน ตอนนั้นล่ะที่ชั้นไปชนกับรุ่นพี่"
"-----จริงเรอะ? อืม, ชั้นคิดว่าการที่นายไม่ได้ระมัดระวังนั่นล่ะที่ผิด"
อาริฮิโกะกอดอก และพยักหน้าให้กับตัวเองเป็นการบอกว่าเข้าใจ




"โทวโนะคุง , เธอจะย้ายโรงเรียนเหรอ? "
จู่ๆ รุ่นพี่ก็โวยวายขึ้นมากระทันหัน
..... จริงๆแล้ว ทำไมเธอถึงคิดว่าผมจะย้ายโรงเรียนเพราะเรื่องนั้น?

"ผมไม่ได้จะย้ายโรงเรียน, รุ่นพี่  ผมแค่จะย้ายบ้านเฉยๆ, ดังนั้นผมถึงต้องไปกรอกเอกสารเรื่องย้ายที่อยู่ไง"
"อ่า.... ถ้าอย่างนั้น นั่นหมายความว่าเธอจะย้ายไปอยู่คนเดียวเหรอ?"
"ไม่ , ผมกำลังจะย้ายกลับไปบ้านจริงๆของผม มันเป็นบ้านแปลกๆ บนเนิน ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย"

"โอ๊ะ...... มันใช่คฤหาสน์โทวโนะรึเปล่า?"
รุ่นพี่ถามอย่างลังเลนิดๆ

เป็นธรรมดาที่คฤหาสน์สไตล์ตะวันตกบนยอดเนินจะถูกมองว่าเป็นบางสิ่งบางอย่างที่แปลกสำหรับคนในเมือง
ผมไม่ได้อยู่ที่นั่นมาแปดปี, แม้แต่ในความทรงจำของผม คฤหาสน์โทวโนะก็ยังใหญ่อย่างน่าแปลกใจ

"ใช่, ถูก ผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นที่ๆ ผมควรอยู่เหมือนกัน ,แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว ตอนนี้ผมย้ายไปเรียบร้อยแล้ว"

"อืมม...... ดูเหมือนเธอจะไม่ดีใจเลยนี่นา"
"มันก็ไม่ได้รู้สึกดีหรือแย่อะไรมากหรอก ผมยังไม่เข้าใจตัวผมเองเลย"
"อืม, ถึงแม้มันจะเป็นบ้านของนาย แต่มันตั้งแปดปีแล้ว, ใช่มะ? ชั้นเข้าใจที่นายรู้สึกไม่สบายใจ มันจะรู้สึกว่ามันเป็นบ้านของคนอื่นไประยะนึงเลยล่ะ"
"ชั้นก็สงสัยว่ามันจะเป็นแบบนั้น...... ชั้นยังไม่ได้กลับไปเลย ก็เลยยังไม่รู้,
อืม แต่ชั้นก็สบายใจขึ้นนิดหน่อยนะ, ตอนที่ชั้นได้ไปค้างบ้านนาย"




"ฮืม ฟังนะ ชั้นไม่ประทับใจหรอกนะที่นายมาอยู่ที่บ้านชั้นทุกๆครั้งที่มันเกิดเรื่องแย่ๆ น่ะ ชั้นชอบนิสัยนายที่ไม่ทำตัวโดดเด่น แต่ว่าตอนนี้ชั้นไม่ชอบเรื่องที่นายชอบอยู่เงียบๆคนเดียวแล้วล่ะ! "
อาริฮิโกะตบโต๊ะเสียงดังอีกครั้ง

"…….…"
คิดดูแล้ว , ทุกอย่างที่อาริฮิโกะพูดมามันถูกหมด ดังนั้นผมจึงเถียงกลับไปไม่ได้เลย

"อินุอิคุง, โทวโนะคุงไปบ้านเธอบ่อยๆเหรอ"
"ใช่, เขามาบ่อยๆ โทวโนะมันเกรงใจพ่อแม่มากเกินไป เลยเล่นมาค้างบ้านผมทุกวันหยุดยาว การที่เขาเกรงใจพ่อแม่แบบนั้น ยิ่งทำให้พ่อแม่ต้องเอาใจใส่เขาล่ะ"

"นั่นล่ะคือเหตุผลที่เขามาที่บ้านผม, ซึ่งเป็นบ้านที่มีห้องว่าง เพราะท่าทีที่สุภาพของเขา พี่สาวผมเลยถูกใจเขามาก แถมเขายังไม่ละอายใจเลยที่มาอยู่กับพวกเราโดยไม่จ่ายเงินซักแดง!"
กำปั้นของอาริฮิโกะสั่นเทา, ราวกับจะพูดว่า 'อภัยให้ไม่ได้!'

"...... รับโทวโนะคุงมาเลี้ยงดู?"

"อ๊ะ----"
อาริฮิโกะรีบเอามือปิดปาก

"...... โทษที ชั้นควรจะคิดก่อนพูด"
"ไม่เป็นไร นายไม่ได้พูดอะไรผิดนี่"
ผมกินขนมปังของผมต่อโดยไม่หันไปมองอาริฮิโกะ




"จริงเหรอ? อืมใช่ นายพูดถูก ถ้านายบ่นเรื่องนั้น มีหวังนายโดนลงโทษแหงๆ"
อาริฮิโกะพยักหน้าให้กับตัวเองเป็นการบอกว่าเข้าใจ
การที่เขามองโลกในแง่ดีแบบสุดๆ เป็นสิ่งที่ผมอิจฉาจริงๆ




"โทวโนะ-คุง, อ่า..... เธอไปด้วยกันได้ไม่ค่อยดีกับครอบครัวที่อยู่ก่อนนี้เหรอ"
"ไม่ ไม่ใช่เลย เขาไม่มีปัญหาอะไรกับครอบครัวอาริมะเลย โอ๊ะ, ครอบครัวอาริมะเป็นครอบครัวที่รับเขามาเลี้ยงดูน่ะ พวกนั้นเป็นคนดีมากๆ จากที่ผมเห็นนะ พวกเขาเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากๆ ถึงอย่างนั้นโทวโนะก็ยังปฎิเสธไม่ยอมอยู่ในฐานะลูกเลี้ยง และหนีมาอยู่บ้านผมตอนช่วงวันหยุด ชิ..... นายไม่พอใจเรื่องอะไรกันล่ะนั่น"
"ไม่มีอะไรที่ชั้นไม่พอใจเลย ชั้นได้รับอะไรหลายอย่างจากพวกเขามากเกินพอแล้ว ชั้นไม่อยากจะอยู่เป็นภาระกับพวกเขาแล้ว"

ผมหันหน้าไปอีกทาง
และ...... ในทันทีนั้นเอง, ผมถึงรู้สึกตัวว่ายูมิซึกะมาอยู่ใกล้ๆ

"............"

ดวงตาของเธอบ่งบอกว่าเธออยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง, แต่ดูเหมือนเธอจะไม่กล้าพูดมันออกมา

"อะไรเหรอ, ยูมิซึกะซัง?"
ผมเดินออกห่างจากอาริฮิโกะกับรุ่นพี่ และเรียกยูมิซึกะ

"อ๊ะ...... อะ, ฉันมีอะไรบางอย่างจะพูดกับเธอน่ะ ตอนนี้สะดวกไหม?"
"แน่นอน พูดที่นี่ได้ใช่ไหม?"
"...... อืม......"

ดวงตาของยูมิซึกะจ้องไปทางอาริฮิโกะ
...... ดูเหมือนยูมิซึกะจะรับมืออาริฮิโกะได้ไม่ดีนัก

"จะเป็นไรไหม ถ้าไปพวกเราจะไปพูดกันที่ทางเดินแทน?"
"ไม่เป็นไร ชั้นจะออกไปแปบนะ, อาริฮิโกะ."
ผมโบกมือไปทางอาริฮิโกะและรุ่นพี่, แล้วผมก็ออกไปที่ทางเดินกับยูมิซึกะ

"ถ้างั้น แล้ว, อะไรเหรอที่เธออยากจะพูดกับผมน่ะ?"




"เอ่อ ฉันขอโทษนะถ้าฉันพูดอะไรผิดไป, แต่ช่วงนี้ตอนกลางคืน เธอได้ออกไปเดินอยู่แถวย่านธุรกิจรึเปล่า? "
"ฮะ---?"
ย่านธุรกิจ.....?
แม้แต่ในตอนกลางวันผมยังไม่ค่อยได้ไปแถวนั้นเลย, แล้วนี่ตอนกลางคืน
คำถามของเธอขจัดความสนใจของผมไปโดยสิ้นเชิง

"อืม..... เธอพูดว่าตอนกลางคืนเหรอ? ช่วงไหนล่ะ"
"จากที่ฉันได้ยินมานะ, เลยเที่ยงคืนไปน่ะ"

เที่ยงคืน...... ถ้าอย่างนั้น มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
มีแค่บางครั้งเท่านั้นที่ผมจะไปหาซื้ออะไรที่ย่านธุรกิจในตอนกลางคืน, แต่ผมไม่เคยอยู่ในเมืองจนดึกขนาดนั้นมาก่อน

"มันไม่ใช่ผมแน่นอน บ้านผมเป็นแบบหัวเก่า, ดังนั้นพวกเขาจะปิดบ้านตอนทุ่มตรง จะเข้าไปหลังจากนั้นไม่ได้ ต่อให้ร้องไห้ก็ตามที เพราะอย่างงั้นในเมื่อผมไม่อยากจะนอนอยู่นอกบ้าน, ผมเลยขีดเส้นตายไว้ว่าต้องกลับถึงบ้านก่อนทุ่มตรง"
ผมยืนกรานปฏิเสธคำถามของยูมิซึกะ
เธอยิ้มอย่างสบายใจ




"ใช่, ฉันรู้จ้ะ ครอบครัวอาริมะยังเป็นต้นแบบของพิธีชงชาอีกนะ มันจะต้องเป็นเรื่องเข้มงวดสำหรับเธอแน่เลย,โทวโนะคุง"
"พวกเขาไม่ได้เลี้ยงผมเข้มงวดขนาดนั้นหรอก.....  เอ๊ะ? ยูมิซึกะซัง ดูเหมือนว่าจะรู้ดีเลยนี่นา? เธอไปเรียนชงชาที่นั่นเหรอ?"

"เปล่าจ้ะ ฉันไม่ได้รู้เรื่องชงชามากขนาดนั้นเลยจริงๆ ฉันมีเพื่อนอยู่ที่นั่นน่ะ แล้วเพื่อนคนนั้นก็บอกฉันว่ามันเข้มงวดมาก"
"ว่าแต่ ยูมิซึกะซัง, เธอรู้ได้ยังไงน่ะว่าผมไปอยู่ที่บ้านอาริมะ? ผมยังไม่เคยบอกใครที่โรงเรียนนี้เลยนะ"
"เธอลืมไปแล้วว่าตอน ม.ต้น เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน, ใช่ไหม?"
ยูมิซึกะพูดไปหัวเราะคิกคักไป

"เอ๊ะ----?"
...... พวกเราอยู่โรงเรียนเดียวกันตอน ม.ต้นเหรอ......?
ผมจำไม่ได้ ดังนั้นผมเลยไม่ได้พูดอะไรออกไป, แต่ถ้านั่นมันเป็นความจริง
ถ้าเป็นแบบนั้น มันคงไม่แปลกที่เธอจะรู้ว่าครอบครัวอาริมะรับผมมาเลี้ยงดู

"ยูมิซึกะซัง, บางที เอ่อ......"
"ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่คนที่ออกไปเดินนั่นมันไม่ใช่เธอ, โทวโนะคุง  ขอโทษนะที่รบกวนเวลาทานข้าว"
หลังจากพูดแทรก, ยูมิซึกะ ซัตสึกิ ได้เดินกลับเข้าไปในห้องเรียน

"โย่ว คุยกันเสร็จแล้วเรอะ?"
"ใช่...... เหมือนเธอจะจำคนผิดน่ะ...... เฮ้, อาริฮิโกะ"
"ใช่ ยูมิซึกะเรียน ม.ต้นที่เดียวกับเรา ถ้าจะให้พูดมากกว่านั้น, เธอยังอยู่ห้องเดียวกับเราตอนปีสองกับปีสามด้วย, และตอนนี้ ม.ปลายปีสอง, รวมกันแล้วทั้งหมดแล้วเป็นเวลาสามปี"
"----ฮะ?"
เขาตอบคำถามผมราวกับเขารู้ว่าผมกำลังจะถามอะไร

"นะ นายรู้ได้ไงว่าชั้นกำลังจะถามอะไร?"




"เพราะอะไรน่ะเหรอ ลองมองหน้าตัวเองดูสิ แต่ว่า ชั้นคิดว่านายแค่ไม่สนใจเธอ , แต่นี่นายถึงขั้นไม่สังเกตุเห็นเธอเลยด้วยซ้ำ เธอคงต้องพยายามต่อไป..... หรือไม่ก็บางทีเธออาจจะกลายเป็นคนผิดปกติไปเลย เธอต้องทรมานมากแน่นอน"
 อาริฮิโกะทำสีหน้าลำบากใจพร้อมยกไหล่ขึ้น

"อ๊ะ, ฉันรู้แล้ว เธอเป็นแฟนของโทวโนะคุง,ใช่ไหม"
"พะ-พูดอะไรน่ะ,รุ่นพี่? เป็นไปไม่ได้หรอก พวกเรายังไม่เคยคุยกันจริงๆเลยนะ"




"ไม่, ไม่, ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดมันไว้หรอก พวกเธอเหมือนไปด้วยกันได้ดีมากเลยนะ พี่ยังอิจฉาเลยล่ะ"
อะไรที่ทำให้เธอดีใจกันนะ? รุ่นพี่มองมาทางผมด้วยท่าทางตื่นเต้น

"ระ-รุ่นพี่! อาริฮิโกะพูดอะไรกับเธอซักอย่างสิ"
"อะไรล่ะ? ชั้นไม่รู้หรอกนะว่านายกับยูมิซึกะเกี่ยวข้องกันยังไง ที่ชั้นรู้ก็มีแค่พวกนายสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานเมื่อเช้า แค่นั้นเอง"
"ว๊าย! การพบกันแบบลับๆ ที่โรงเรียนในตอนเช้า เธอกล้าขนาดนี้เชียวเหรอ โทวโนะคุง!"
รุ่นพี่กำลังเข้าใจผิดไปเรื่อยๆแล้ว.....

...... ไม่ว่ายังไง สุดท้ายแล้ว, มันคงไม่ส่งผลอะไรกับผมมากนักถึงรุ่นพี่จะเข้าใจผิดไปก็ตาม

"แต่ว่าเธอไม่ควรจะไม่สนใจแบบนี้นะ,โทวโนะคุง ดูเหมือนยูมิซึกะซังจะเสียใจมาก, ใช่ไหม? เธอต้องใส่ใจกับแฟนเธอให้มากกว่านี้นะ"
"รุ่นพี่, เวลาพักกลางวันใกล้จะหมดแล้ว......"

"อื้อ ไว้เจอกันใหม่นะ, โทวโนะคุง, อินุอิคุง!"
รุ่นพี่ยิ้ม, แล้วเดินออกนอกห้องเรียนไป

*เฮ้อ*
ผมรู้สึกหมดแรง

"โทวโนะ อย่าไปยุ่งกับยูมิซึกะล่ะ"
อาริฮิโกะบ่นพึมพำด้วยใบหน้าถมึงทึง
"อย่าไปยุ่ง......? ทำไมล่ะ?"
"ฟังนะ, ยูมิซึกะน่ะ...... แม้ภายนอกจะดูเป็นแบบนั้นก็ตาม, แต่จริงๆเธอขี้อายและรักเดียวใจเดียว เธอไม่เหมาะกับคนที่เหม่อลอยไปวันๆ อย่างนายหรอก ผู้หญิงแบบนี้น่ะอันตรายมากถ้าจะไปยุ่งด้วย"
อาริฮิโกะกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง

"...... เขากำลังพูดอยู่อะไรน่ะ? ไม่ใช่ว่าผมจะไปทำอะไรกับยูมิซึกะซังซะหน่อย"
ผมบ่นพึมพำคนเดียว, และนั่งลงบนเก้าอี้ของตนเอง

Music: stop

------------------------------




คาบสุดท้ายของวันนี้จบลงแล้ว
ผมไม่รู้สึกว่าอยากกลับไปที่คฤหาสน์แต่อย่างใด, ผมเหม่อมองพื้นสนามโรงเรียนจากทางหน้าต่าง
ห้องเรียนถูกย้อมเป็นสีส้มด้วยอาทิตย์อัสดง
มันเหมือนกับภาพเขียนสีน้ำ, และมันก็บาดตาผม

..... ผมไม่ชอบสีแดง
มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่า มันซึมเข้าไปในตาของผม และมันทำให้ผมอยากจะอาเจียนออกมา




ดูเหมือนว่าผมจะแพ้สิ่งที่คล้ายกับเลือด
ไม่สิ, ต้องพูดว่าผมแพ้ 'เลือด'
แปดปีก่อน, ผมได้เจอกับประสบการณ์เฉียดตาย
ผมได้รับอุบัติเหตุที่อกและผมได้ไปอยู่ระหว่างความเป็นกับความตายหลายวัน
ผมควรจะตายไปในทันทีแล้ว แต่ปาฎิหาริย์, ผมรอดมาได้ บางทีอาจเป็นเพราะการรักษาทางแพทย์ที่ดีมาก
อย่างไรก็ตาม, อาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงมากขนาดที่ผมจำอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่ได้เลย

แปดปีก่อน, เมื่อผมยังเป็นเด็ก
ผมรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างพุ่งผ่านกลางอกไป, จากนั้นผมก็ไม่รู้สึกตัว
เมื่อผมตื่นขึ้นมา, ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล สิ่งที่ผมจำได้หลังจากนั้นก็คือความเจ็บปวดและความหนาวเย็น

ผมจำอุบัติเหตุครั้งนั้นได้ไม่มากนัก, แต่จนถึงทุกวันนี้, รอยแผลเป็นบนอกผมยังคงอยู่
ผมคิดว่าคงเป็นเศษแก้วที่พุ่งทะลุอกผมไป, เหลือรอยแผลเป็นทิ้งไว้ที่อกและที่หลังของผม

...... จริงๆแล้ว, ผมแปลกใจจริงๆ ที่ถูกช่วยไว้ได้ทันเวลา
ตลอดเวลาหลังจากนั้น, ผมล้มลงไปบ่อยๆ เพราะอาการวิงเวียนจากโลหิตจาง, และได้สร้างปัญหาให้กับคนรอบข้าง
บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่พ่อของผมคิดว่าผมไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลโทวโนะ และฝากผมให้พวกญาติๆ เลี้ยงแทน

"...... บาดแผลที่อก,  ฮะ"
รอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่กลางอกของผมถูกซ่อนไว้จากสายตาด้วยเครื่องแบบนักเรียน

ตอนนี้ผมกำลังคิดเกี่ยวกับมัน, หลังจากเกิดอุบัติเหตุก็เป็นช่วงที่ผมเริ่มมองเห็น"เส้น"
ผมพยายามจะลืมมัน, ต้องขอบคุณแว่นตาที่อาจารย์มอบให้ผม แต่ผมคิดว่าผมคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ถ้าผมไม่ได้เจอกับอาจารย์
คุณเคย์โกะ---ผู้ที่เป็นแม่ผมมาจนถึงตอนนี้, ได้พูดกับผมตอนออกจากบ้านว่า บ้านโทวโนะไม่ "ธรรมดา"

"...... ไม่มีปัญหา ยังไงผมเองก็ไม่ใช่คน 'ธรรมดา' "

หลังจัดแว่นตาให้เข้าที่, ผมก็หยิบกระเป๋า
ผมจะอยู่ในห้องเรียนไปตลอดไม่ได้




ขณะนี้----

2. อยู่ในโรงเรียนต่ออีกหน่อย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น