Day 1 Inversion Impulse I (Part 4)

posted on 4/29/2561 12:49:00 ก่อนเที่ยง by VermillionEnd Categories:
เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2012 ที่ http://vermillionend.exteen.com
เนื่องจากเป็นงานแปลชิ้นแรกในชีวิต ถ้าจะอ่านขอให้ทำใจกับสำนวนและความถูกต้องของภาษาไว้ได้เลย



Music: play track 3


ผมไม่มีอะไรทำ, ดังนั้นผมเลยรีบออกจากโรงเรียน
….. พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว, ผมไม่เคยได้ใช้ทางออกด้านหน้าของโรงเรียนเลยตั้งแต่พิธิปฐมนิเทศมา

"คาดว่านี่คงเป็นทางไปโรงเรียนของผมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพราะตอนนี้ผมได้ย้ายไปอยู่ในคฤหาสน์แล้ว..."




ออกมาทางประตูหน้า, ผมเดินผ่านทางแยกซึ่งเป็นทางไปย่านชุมชน
ที่ตรงนี้เป็นทางแยกระหว่างทางไปย่านเมืองกับทางไปย่านชุมชน, ซึ่งเป็นย่านที่คฤหาสน์ตั้งอยู่-----

"โอ๊ะ, โทวโนะคุงนี่นา"
ทันใดนั้นเอง ผมได้เจอกับยูมิซึกะ

"อ๊ะ... สวัสดี ยูมิซึกะซัง"
..... คงเป็นเพราะการล้อเล่นของรุ่นพี่ซิเอลที่ทำให้ผมรู้สึกเขินเล็กน้อย
ยูมิซึกะมองผมอย่างงุนงง

"อ๊ะ... ยูมิซึกะซัง? มีอะไรติดอยู่ที่หน้าผมเหรอ?"
"เอ่อ, ฉันกำลังสงสัยว่าเธอมาทำอะไรแถวนี้น่ะ, โทวโนะคุง บ้านของเธอไม่ได้ไปทางอื่นหรอกเหรอ?"
"อะ... อืม, จนถึงเมื่อวานน่ะนะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะไปอยู่ที่อื่นน่ะ จากนี้ไป, ผมจะอาศัยอยู่ที่บ้านบนเนินตรงสุดย่านชุมชน"

"อ๊ะ, ที่เธอพูดไปเมื่อเช้าสินะ "
ยูมิซึกะประกบมือเข้าด้วยกันเป็นความหมายว่าเข้าใจแล้ว
......ปราศจากคำเยินยอใดๆ ท่าทางของเธอที่ผมเห็นดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ

"...... ใช่ ผมคิดว่ามันคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดบังเธออีกแล้ว, ในเมื่อเธอรู้อยู่แล้ว ผมได้จากกับผู้ปกครองของผม, บ้านอาริมะ และกำลังจะกลับไปบ้านจริงๆ ของผมวันนี้"

"บ้านจริงๆ... เธอหมายถึงคฤหาสน์โทวโนะน่ะเหรอ?"

"ใช่ ผมก็คิดว่ามันไม่เหมาะกับผมเหมือนกัน"

"เข้าใจแล้ว สุดท้ายเธอก็คือเจ้าชายในปราสาทบนเนินนั่นเอง ตอนนี้มันเป็นความลับที่มีแค่ฉันกับอินุอิคุงเท่านั้นที่รู้ แต่ฉันคิดว่าทุกคนคงจะรู้ในอีกไม่ช้า"
พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ, ยูมิซึกะจ้องมองออกไปไกลๆ
เธอมองออกไปที่ขอบฟ้า เหมือนกับว่าเธอกำลังมองไปที่คฤหาสน์โทวโนะซึ่งอยู่ไกลออกไปบนเนิน

"แต่เธอไม่เป็นไรแน่เหรอ? ถึงนั่นจะเป็นบ้านของเธอ, แต่เธอไม่ได้กลับไปตั้งแปดปีแล้ว, ถูกไหม? เธอไม่กลัว, หรือกังวลบ้างเลยเหรอ?"
"อือ ผมไม่สบายใจจริงๆ นั่นล่ะ ผมเองก็ไม่ชอบคฤหาสน์หลังนั้นมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย, แถมตอนนี้ยังรู้สึกเหมือนมันเป็นบ้านคนอื่นอีก แต่ว่า---"

...... ผมไม่สามารถใช้ชีวิตที่ปราศจากความกังวลโดยทิ้งให้น้องสาวของผม 'อากิฮะ' อยู่ที่นั่นคนเดียวได้
ไม่ว่าผมต้องลำบากขนาดไหน, ผมก็จะกลับไปบ้านโทวโนะ

"---สุดท้ายแล้ว, มันก็เป็นบ้านของผม ผมว่ามันคงเป็นธรรมดาที่จะกลับไป"
"...... อื้อ อ๊ะ โทษทีทีชวนคุย,โทวโนะคุง เธอกำลังรีบใช่ไหม? "
"ไม่หรอก, ไม่ใช่เลย ผมกำลังเดินกลับบ้าน"
"อะ... อือ"
เพราะอะไรบางอย่าง, ยูมิซึกะก้มหน้าและเงียบไป

"......อะไรเหรอ, ยูมิซึกะซัง? เธอไม่สบายรึเปล่า?"
ผมทำลายความเงียบ
แต่เธอก็ยังก้มหน้ามองลงไปข้างล่าง โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา

"......"
ผมคงปล่อยเธอไว้แบบนี้ไม่ได้, ผมเลยยังยืนอยู่ที่นี่ มองไปที่เธอ

---และแล้ว




"อ่า... อืม!"
"อื้อ, อะไรเหรอ"
" เอ่อ... อ่า ฉันกลับบ้านทางเดียวกับเธอน่ะ, จนก่อนถึงเนินน่ะจ้ะ"
" จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเดินไปด้วยกันไหม"
"เอ๊ะ?"                        
ดวงตาของยูมิซึกะเบิกกว้างและเธอยืนนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง

"อะ... อื้อ! เธอพูดถูก พวกเรากลับบ้านทางเดียวกัน, ดังนั้นมันคงไม่แปลกที่เราเดินไปด้วยกัน,ถูกไหม"
ยูมิซึกะพูดอย่างร่าเริงและมายืนข้างๆ ผม




"เธอมาได้ถูกเวลาพอดีเลยล่ะ ผมไม่คุ้นกับทางแถวนี้พอดี ช่วยนำทางให้ผมทีนะ"
"ได้เลยจ้ะ ถ้างั้น เดินลงไปที่ถนนนี้เลยนะ มันเป็นถนนด้านหลังที่จะไปเชื่อมกับทางไปถนนที่เป็นทางขึ้นไปบนเนิน"




-----ผมกำลังคุยอยู่กับยูมิซึกะระหว่างเดินกลับบ้าน

การพูดคุยกับยูมิซึกะไม่ได้เป็นอะไรที่พิเศษ, แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกสนุกได้ตลอดทาง
..... แม้ว่าอาริฮิโกะจะได้เตือนผมเรื่องยูมิซึกะ แต่ผมรู้สึกได้ว่ายูมิซึกะ ซัตสิกิมีบรรยากาศของความอ่อนโยนอยู่รอบๆ ตัวเธอ และผมรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ เธอ

"---ฮุฮุ"
ขณะพวกเรากำลังคุยกันนั้นเอง จู่ๆยูมิซึกะก็หัวเราะขึ้นมาในทันทีราวกับว่าเธอนึกอะไรบางอย่างออก
"อะไรเหรอ, ทำไมจู่ๆเธอถึงได้หัวเราะ? ผมพูดอะไรตลกเหรอ?"
"ไม่เลยจ้ะ, ไม่ใช่เลย เพราะว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ฉันจะได้กลับบ้านทางเดียวกับเธอต่างหาก"
เธอหัวเราะ ท่าทางเธอมีความสุขจริงๆ
พูตรงๆ, แค่ผมได้มองรอยยิ้มของเธอ ผมก็มีความสุขไปด้วยแล้ว

...... ผมไม่ได้นึกเลยจนถึงเมื่อครู่
ถึงแม้จะไม่นับเรื่องรูปร่างหน้าตาและท่าทางที่เรียบร้อยของเธอ, ยูมิซึกะ ซัตสึกิก็ยัง
คงน่ารักอยู่
ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเด็กผู้ชายในห้องผมถึงได้ชื่นชอบเธอ

การสนธนาของพวกเราหยุดลง
ผมตะลึงไปกับรอยยิ้มของยูมิซึกะ และพวกเราทั้งคู่ก็เงียบไป
โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย, พวกเราเดินหน้าไปสู่ย่านชุมชนในยามอาทิตย์อัสดง

ทันใดนั้นเอง---

Music: stop

"นี่, เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดฤดูหนาวตอน ม.ต้นปีสองได้ไหม?"
ยูมิซึกะบ่นพึมพำ

"......?"
ผมเอียงหัวเล็กน้อย
ในวันหยุดฤดูหนาวช่วงที่ผมอยู่ ม.ต้นปีสอง เป็นช่วงที่ผมใช้เวลาเรียนเสริมอยู่ที่โรงเรียนเพราะผมไม่อยากอยู่เป็นภาระที่บ้านอาริมะ
ผมจำได้แค่นั้น, แต่ผมยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ถามผมเรื่องนั้น




"อย่างที่ฉันคิดไว้เลย คนแบบโทวโนะคุง คงจำไม่ได้"
"ที่โรงเรียน ม.ต้นของเราจะมีห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาสองแห่ง, จำได้ไหม? ห้องหนึ่งเป็นห้องใหม่ที่ชมรมใหญ่ๆ ใช้กัน, และอีกห้องเป็นห้องเก่าที่ถูกใช้โดยชมรมเล็กๆ อย่างชมรมแบตมินตัน, ที่ห้องเก็บอุปกรณ์เก่าประตูมันมีปัญหา, เพราะอย่างนั้นมันจึงมีบ่อยครั้งที่ประตูเปิดไม่ออก"

ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาเก่า... ตึกหลังเล็กๆ ที่ทำจากปูนที่อยู่หลังโรงยิมนั่นน่ะเหรอ...?

"อ่า, ห้องนั้นมันเลิกใช้ไปแล้วนี่ หลังจากที่มีนักเรียนไปติดอยู่ข้างใน"
"ใช่, ห้องนั่นล่ะ พวกนักเรียนที่ไปติดอยู่ในนั้นเป็นนักเรียนปีสองของชมรมแบตมินตัน"
"----อ๊ะ!"

ใช่, เรื่องแบบนั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อน



Music: play track 7


มันเกิดขึ้นในช่วงต้นปี, ในวันที่อากาศหนาวเหน็บ
สามวันแรกของปีได้ผ่านไปแล้ว ผมมาเรียนพิเศษและช่วยงานที่โรงเรียนเพราะผมรู้สึกไม่ดีที่ต้องอยู่เป็นภาระที่บ้านอาริมะ

แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเวลาห้าโมงเย็น
แต่มันก็มืดแล้ว, และผมโดนไล่ออกจากห้องเรียนเพราะพวกครูกำลังจะกลับบ้าน

ช่วงกลางของฤดูหนาว
แม้จะเป็นเวลาแค่ห้าโมงเย็น, รอบๆตัวก็มืดไปหมดแล้ว
วันนั้นพยากรณ์อากาศบอกว่าหิมะจะตก, และจะหนาวอย่างรุนแรง
และเพราะแบบนั้น, วันนั้นผมเลยตัดสินใจตรงกลับบ้าน, แล้วผมก็ได้ยินเสียงทุบดังมาจากห้องเก็บอุปกรณ์เก่า ผมเลยเดินไปดู

---มีใครอยู่ที่นี่ไหม?

ผมถามออกไป, แล้วผมก็ได้ยินเสียงพวกนักเรียนหญิงตอบมาจากข้างใน
พวกเธอติดอยู่ในนั้นมาสองชั่วโมงแล้ว ในตอนที่เอาอุปกรณ์ไปเก็บ, พวกเธอปิดประตูเพราะมันหนาว, และหลังจากนั้นมันก็เปิดไม่ออกอีกเลย
พวกเธอเปิดประตูไม่ออกไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม, และอยากให้ผมไปตามครูมาช่วย

...... แต่ครูทุกคนได้กลับบ้านไปหมดแล้ว ถ้าผมโทรตามพวกเขา, มันจะต้องกินเวลาหลายชั่วโมง

ในวันนั้นมันหนาวอย่างน่ากลัว
เป็นความหนาวเย็นขนาดที่หิมะจะตกลงมาได้, ผมคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องโหดร้ายมากถ้าจะทิ้งเด็กผู้หญิงที่ใส่แค่ชุดพละไว้ในห้องเก็บอุปกรณ์หลายชั่วโมง

หลังจากรีบมองรอบๆ แล้วพบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ, ผมถอดแว่นออกและตัด "เส้น" บนประตูห้องเก็บอุปกรณ์
ประตูเปิดออก, มีนักเรียนหญิงห้าคนอยู่ข้างใน, ร้องไห้จนตาแดง  พวกเธอรีบกรูกันออกมา---




"….. พอลองมาคิดดูแล้ว, มันก็เคยเกิดเรื่องแบบนั้น แต่ผมแปลกใจนะที่เธอรู้เรื่อง กัปตันชมรมที่ติดอยู่ข้างในบอกผมว่า 'เพื่อความอยู่รอดของชมรม,ช่วยอย่าเอาไปบอกใครเลยนะ' แต่มันเหมือนกับว่าเธอขู่ผมซะมากกว่า"

"โอ โทวโนะคุง! เธอไม่ได้สนใจเลยว่ามีใครติดอยู่ข้างในบ้าง,ใช่ไหม?
ฟังนะ, ฉันเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมแบตมินตันตอนนั้น"
เสียงของยูมิซึกะฟังดูเหมือนเธอไม่ค่อยพอใจนัก
เอ๊ะ... ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า

"---ฉันยังจำเรื่องตอนนั้นได้ดีเลยจ้ะ ตอนนี้พอฉันมาคิดดูแล้ว, มันก็แค่ติดอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ แต่ตอนนั้น, มันหนาวและมืด และฉันกลัวมากๆ ทุกคนตอนนั้นยังคิดเลยว่าพวกเราคงจะแข็งตายอยู่อย่างนั้น ท้องของฉันส่งเสียงร้องเพราะอาการหิว ฉันกำลังจะเป็นลมล้มลงไป"
"อืมม... มันต้องเป็นเรื่องที่แย่มากแน่นอน"

ผมไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ดีนัก, ผมเลยคิดว่า ผมต้องมีส่วนรับผิดชอบอยู่ครึ่งหนึ่ง
ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจ ยูมิซึกะยังรำรึกความหลังของเธอต่อไป, นำเรื่องเก่าๆมาพูดใหม่อีกครั้ง

"และในตอนที่ทุกคนกำลังตัวสั่นกัน, เธอก็มาเจอและถามว่า, 'มีใครอยู่ข้างในไหม?' ด้วยเสียงราบเรียบปกติของเธอ... แล้วต่อมากัปตันชมรมก็โกรธและตะโกนว่า 'แค่มองยังไม่รู้อีกเหรอไง!?'... เธอจำได้ไหม"
"ใช่, ผมจำได้ แล้วยังมีเสียงกระแทกดังมากตามมาอีกตอนที่เธอเขวี้ยงไม้เบสบอลใส่ประตู ผมเองยังแปลกใจเลย"
"ถูกต้องเลย!" ยูมิซึกะพูดแล้วหัวเราะ

"แต่ในตอนที่พวกเราได้ยินว่าครูทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้ว, พวกเราหมดหวังเลยล่ะ ตอนนั้นพวกเราทนอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ไหวแล้ว แม้แค่นาทีเดียวก็ตาม, แต่พวกเรายังต้องมารอจนถึงวันพรุ่งนี้ถึงจะมีคนมาเจอ ตอนนั้นพวกเรากำลังคิดว่าทำไมโลกนี้มันโหดร้าย,เธอก็มาเคาะประตูและพูดว่า'บา งทีผมอาจจะเปิดประตูนั่นให้ได้นะ' ,ถ้าพวกเธอปิดมันเป็นความลับ'"
"อืม แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงทุบประตูอีกรอบ, แล้วก็มีคนตะโกนว่า 'ถ้ามันเปิดออกได้ง่ายๆแบบนั้น พวกเราคงไม่ต้องมานั่งทรมานอยู่ตรงนี้หรอก!' เธอคงจะโกรธมาก"




"อะฮะฮะ ใช่จ้ะ ,กัปตันรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่ทำให้พวกเราต้องมาติดอยู่ที่นี่น่ะ ตอนนั้นเธอเลยหมดความอดทน แต่ว่าหลังจากนั้นประตูก็เปิดออก ทุกคนดีใจมากและคิดว่าประตูคงเปิดออกเพราะโดนกัปตันเอาไม้เบสบอลฟาด แล้วก็วิ่งออกมากัน, แต่ตอนนั้นฉันเห็นเธอยืนอยู่ข้างๆประตู"
ยูมิซึกะมองมาที่ผมผมอย่างอบอุ่น

...... แต่นั่นเป็นปัญหาสำหรับผม
สำหรับผมมันไม่มีความหมาย, ดังนั้นผมจึงไม่อาจรับคำขอบคุณจากเธอได้

"ฉันร้องไห้หนักมากในตอนนั้น ตาของฉันบวมไปหมดและดูหน้ากลัว เธอคิดว่าเธอพูดอะไรไปตอนที่เธอเห็นฉัน"
"ผมจำไม่ได้ ผมพูดอะไรไปเหรอ?"
...... ผมจำไม่ได้, ผมเลยถามไป, ราวกับว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผมที่พูดออกไป
แม้จะเป็นอย่างนั้น, ยูมิซึกะก็ยังมองผมอย่างมึความสุข

"เธอเอามือลูบหัวฉันแล้วพูดว่า, 'รีบกลับบ้านซะ, แล้วไปกินโอะโซะนิ' ตอนนั้นฉันอายเล็กน้อยเพราะฉันกำลังตัวสั่นจากความหนาว"
"......"
"อืมม" หน้าผากผมย่นเล็กน้อย
ผมจำไม่ได้ว่าคำพูดในตอนนั้นมันหมายถึงอะไร

"ฉันคิดว่าเธอหมายถึงให้ฉันทำตัวให้อุ่นโดยไปกินโอะโซะนิน่ะจ้ะ"
"...... อืม มันก็จริง มันเป็นช่วงปีใหม่นี่นะ"
...... มันเหมือนกับว่าผมได้พูดอะไรโง่ๆออกไป
ที่ผมพูดไปตอนนั้น, ทำให้ตอนนี้ผมเสียใจที่ไม่เลือกคำพูดที่ดีๆ หน่อยไปพูด

"ฉันคิดว่ามีคนจำนวนมากที่โรงเรียน, แต่ถ้าฉันกำลังต้องการความช่วยเหลือจริงๆ, จะมีคนอย่างโทวโนะคุงนี่ล่ะที่จะมาช่วยฉัน "
"เธอคิดเกินความเป็นจริงไปแล้ว ดูสิ, มันเหมือนกับการที่ลูกไก่คิดว่าคนที่มันเจอคนแรกเป็นแม่นั่นล่ะ ผมแค่เคยช่วยเธอเท่านั้น"
"ไม่จริงนะ...! หลังจากนั้น ฉันก็เชื่อจริงๆว่าเธอจะมาช่วยฉันไม่ว่าฉันกำลังเจอกับปัญหาอะไรอยู่ก็ตามที
ท่าทางของเธอดูจริงจังมาก




"เธอคาดหวังในตัวผมมากเกินไปแล้ว,ยูมิซึกะซัง ผมไม่ใช่คนที่พึ่งพาได้แบบนั้นหรอกนะ"
"ไม่เป็นไรจ้ะ, นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเชื่อ ดังนั้นให้ชั้นเชื่อต่อไปเถอะนะ"
เธอพูดออกมาในขณะที่จ้องตรงมายังผม, และผมเขินเล็กน้อยที่จะตอบกลับไป

"--อืม, ผมคิดว่าเธออยากจะเชื่ออะไรก็ได้ที่เธออยากจะเชื่อน่ะนะ "

"ไม่ใช่ว่ามันไม่จริงเหรอ? ถ้าชั้นกำลังลำบากอยู่, โทวโนะคุงจะต้องมาช่วยฉันแน่นอน,ใช่ไหม?"
ยูมิซึกะถามผม, ในขณะที่เธอยิ้ม

...... ให้พูดตรงๆ,  มันเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง
ถึงแม้ว่าเธอจะคิดแบบนั้น, แต่ผมก็ไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง
ผมไม่ใช่...  แต่ในเมื่อเธอจ้องมองผมพร้อมกับรอยยิ้ม, ผมก็ไม่อยากทำลายความเชื่อใจที่เธอเชื่อในตัวผม

"อื้อ ถ้าผมทำได้นะ, ผมจะช่วยเธอ"
"เย้! ขอบคุณจ้ะ, โทวโนะคุง ฉันคิดว่ามันคงช้าไปที่พูดออกมา, แต่ตอนนั้นชั้นดีใจมากนะที่เธอพูดกับฉันในตอนนั้น"

หลังจากพูดแล้ว, ยูมิซึกะก็หยุดเดิน
ผมเลยหยุดเดินเช่นกัน

"ฉันอยากคุยกับเธอแบบนี้มานานแล้วล่ะ, โทวโนะคุง"

บางส่วนในเสียงของเธอเหมือนกับจะบอกใบ้ความปรารถนาของเธอ
บางทีคงเป็นเพราะแสงสีแดงในยามเย็น แต่ผมรู้สึกว่าใบหน้ายูมิซึกะดูอ้างว้างยังไง
ไม่รู้

"...... เธอหมายถึงอะไรเหรอ? เธอก็มาคุยกับผมได้ทุกเวลานี่"
"ไม่, ฉันทำไม่ได้ อินุอิคุงอยู่ใกล้เธอตลอดเวลา, และ... ฉันคงเป็นคนแบบเธอไม่ได้,
โทวโนะคุง"
หลังจากตอบคำถามแบบเลี่ยงๆแล้ว , ยูมิซึกะได้เดินแยกไปจากผม




"อืม, บ้านฉันไปทางนี้จ้ะ ,ดังนั้นไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้ที่โรงเรียนนะ"
"บ๊าย-บาย! "เธอยิ้ม ยูมิซึกะโบกมือลาและเดินลงไปที่ถนนเส้นอื่น

Music: stop



แปลมาจาก

Music: play track 1 


ผมเดินอยู่ในเส้นทางที่ต่างจากทุกครั้งที่ผมเดิน
ผ่านถนนที่ไม่คุ้นตา ผมเริ่มเห็นคฤหาสน์โทวโนะใกล้เข้ามาทุกที
ทิวทัศน์รอบตัวนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง
สุดท้ายแล้ว, ผมก็เคยอยู่ที่นี่จนถึงถึงเก้าขวบ ----- แปดปีก่อนหน้า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ใช้เส้นทางนี้ในการกลับไปที่คฤหาสน์

...... ความรู้สึกของผมซ้อนทับกันเล็กน้อย
การเดินกลับบ้านที่ชวนคิดถึง, ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
จนถึงเมื่อครู่, ผมไม่ได้คิดเรื่องการกลับไปอยู่บ้านโทวโนะเลย ตอนนี้, ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องแย่ไปซะทีเดียว




…..บ้านที่ผมเคยอยู่จนผมอายุเก้าขวบ
ตอนนี้, น้องสาวของผม อากิฮะยังอยู่ที่คฤหาสน์สไตล์ตะวันตกหลังนั้น
โทวโนะมากิฮิสะ---พ่อของผมซึ่งไม่ชอบหน้าผม, และเป็นผู้ที่เป็นหัวหน้าตระกูลโทวโนะ ได้เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

แม่ของผมตายเพราะอาการป่วยหลังจากที่อากิฮะเกิดได้ไม่นาน, ดังนั้นตอนนี้ผมและน้องสาวเลยต้องเป็นผู้ดูแลตระกูลโทวโนะ
การที่ผมเป็นลูกชายคนโต, คุณคงคิดว่าผมจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลโทวโนะสินะ..... แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้มีสิทธิพิเศษนั้นเลย

การที่จะเป็นทายาทของตระกูลโทวโนะได้นั้นหมายความว่าจะต้องเรียนอย่างหนัก
ทุกครั้งที่ผมคิดเลขไม่ได้ พ่อจะดุด่าผม ทั้งที่ผมไม่ชอบเพราะผมใช้ชีวิตอย่างมีอิสระไม่ได้

และเมื่อผมได้เจออุบัติเหตุ , สภาพร่างกายของผมแย่ลง...  พ่อผมเห็นว่ามันเป็นโอกาศเหมาะที่จะเขี่ยผมไปให้พ้นทาง
เหตุผลของเขาคือ  "คนที่อาจตายได้ทุกเมื่อไม่ควรเป็นทายาทสืบทอดตระกูล, แม้ว่าจะเป็นลูกชายคนโตก็ตามที"

เป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับพ่อผม, ผมได้ทรยศความคาดหวังของเขาด้วยการฟื้นจากอุบัติเหตุ, แต่ตอนนั้นน้องสาวของผมได้ถูกตัดสินให้เป็นทายาทของตระกูลโทวโนะแล้ว

และผมได้ยินมาว่าอากิฮะ, ซึ่งเดิมทีก็ต้องเรียนอย่างหนักเพื่อเป็นกุลสตรีที่ดีของตระกูลโทวโนะอยู่แล้ว, ต้องมาเรียนหนักกว่าเก่าอีกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

มันนานมากแล้ว --- ที่ผมได้เล่นกับอากิฮะที่คฤหาสน์หลังนั้น ในช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ หลังจากนั้น, ผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย




……ชีวิตในคฤหาสน์ที่ผมจากมาเมื่อแปดปีก่อน
ช่วงเวลาแปดปีนั้นยาวนาน, ความทรงจำของผมในเวลานั้นได้เลือนหายไปมากแล้ว
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น, ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงลุกโชนอยู่ในหัวใจของผมตลอดมาจนถึงปัจจุบัน และสิ่งนั้นก็คือ----

1. น้องสาวของผม อากิฮะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น