เนื่องจากเป็นงานแปลชิ้นแรกในชีวิต ถ้าจะอ่านขอให้ทำใจกับสำนวนและความถูกต้องของภาษาไว้ได้เลย
Music:
play track 3
ผมไม่มีอะไรทำ, ดังนั้นผมเลยรีบออกจากโรงเรียน
….. พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว, ผมไม่เคยได้ใช้ทางออกด้านหน้าของโรงเรียนเลยตั้งแต่พิธิปฐมนิเทศมา
"คาดว่านี่คงเป็นทางไปโรงเรียนของผมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เพราะตอนนี้ผมได้ย้ายไปอยู่ในคฤหาสน์แล้ว..."
ออกมาทางประตูหน้า, ผมเดินผ่านทางแยกซึ่งเป็นทางไปย่านชุมชน
ที่ตรงนี้เป็นทางแยกระหว่างทางไปย่านเมืองกับทางไปย่านชุมชน, ซึ่งเป็นย่านที่คฤหาสน์ตั้งอยู่-----
"โอ๊ะ, โทวโนะคุงนี่นา"
ทันใดนั้นเอง ผมได้เจอกับยูมิซึกะ
"อ๊ะ... สวัสดี
ยูมิซึกะซัง"
..... คงเป็นเพราะการล้อเล่นของรุ่นพี่ซิเอลที่ทำให้ผมรู้สึกเขินเล็กน้อย
ยูมิซึกะมองผมอย่างงุนงง
"อ๊ะ... ยูมิซึกะซัง? มีอะไรติดอยู่ที่หน้าผมเหรอ?"
"เอ่อ, ฉันกำลังสงสัยว่าเธอมาทำอะไรแถวนี้น่ะ, โทวโนะคุง บ้านของเธอไม่ได้ไปทางอื่นหรอกเหรอ?"
"อะ... อืม, จนถึงเมื่อวานน่ะนะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะไปอยู่ที่อื่นน่ะ จากนี้ไป, ผมจะอาศัยอยู่ที่บ้านบนเนินตรงสุดย่านชุมชน"
"เอ่อ, ฉันกำลังสงสัยว่าเธอมาทำอะไรแถวนี้น่ะ, โทวโนะคุง บ้านของเธอไม่ได้ไปทางอื่นหรอกเหรอ?"
"อะ... อืม, จนถึงเมื่อวานน่ะนะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะไปอยู่ที่อื่นน่ะ จากนี้ไป, ผมจะอาศัยอยู่ที่บ้านบนเนินตรงสุดย่านชุมชน"
"อ๊ะ, ที่เธอพูดไปเมื่อเช้าสินะ "
ยูมิซึกะประกบมือเข้าด้วยกันเป็นความหมายว่าเข้าใจแล้ว
......ปราศจากคำเยินยอใดๆ ท่าทางของเธอที่ผมเห็นดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ
"...... ใช่ ผมคิดว่ามันคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดบังเธออีกแล้ว, ในเมื่อเธอรู้อยู่แล้ว ผมได้จากกับผู้ปกครองของผม, บ้านอาริมะ และกำลังจะกลับไปบ้านจริงๆ ของผมวันนี้"
"บ้านจริงๆ... เธอหมายถึงคฤหาสน์โทวโนะน่ะเหรอ?"
"ใช่ ผมก็คิดว่ามันไม่เหมาะกับผมเหมือนกัน"
"เข้าใจแล้ว สุดท้ายเธอก็คือเจ้าชายในปราสาทบนเนินนั่นเอง ตอนนี้มันเป็นความลับที่มีแค่ฉันกับอินุอิคุงเท่านั้นที่รู้ แต่ฉันคิดว่าทุกคนคงจะรู้ในอีกไม่ช้า"
พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ, ยูมิซึกะจ้องมองออกไปไกลๆ
เธอมองออกไปที่ขอบฟ้า เหมือนกับว่าเธอกำลังมองไปที่คฤหาสน์โทวโนะซึ่งอยู่ไกลออกไปบนเนิน
"แต่เธอไม่เป็นไรแน่เหรอ? ถึงนั่นจะเป็นบ้านของเธอ, แต่เธอไม่ได้กลับไปตั้งแปดปีแล้ว, ถูกไหม? เธอไม่กลัว, หรือกังวลบ้างเลยเหรอ?"
"อือ ผมไม่สบายใจจริงๆ นั่นล่ะ ผมเองก็ไม่ชอบคฤหาสน์หลังนั้นมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย, แถมตอนนี้ยังรู้สึกเหมือนมันเป็นบ้านคนอื่นอีก แต่ว่า---"
ยูมิซึกะประกบมือเข้าด้วยกันเป็นความหมายว่าเข้าใจแล้ว
......ปราศจากคำเยินยอใดๆ ท่าทางของเธอที่ผมเห็นดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ
"...... ใช่ ผมคิดว่ามันคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดบังเธออีกแล้ว, ในเมื่อเธอรู้อยู่แล้ว ผมได้จากกับผู้ปกครองของผม, บ้านอาริมะ และกำลังจะกลับไปบ้านจริงๆ ของผมวันนี้"
"บ้านจริงๆ... เธอหมายถึงคฤหาสน์โทวโนะน่ะเหรอ?"
"ใช่ ผมก็คิดว่ามันไม่เหมาะกับผมเหมือนกัน"
"เข้าใจแล้ว สุดท้ายเธอก็คือเจ้าชายในปราสาทบนเนินนั่นเอง ตอนนี้มันเป็นความลับที่มีแค่ฉันกับอินุอิคุงเท่านั้นที่รู้ แต่ฉันคิดว่าทุกคนคงจะรู้ในอีกไม่ช้า"
พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ, ยูมิซึกะจ้องมองออกไปไกลๆ
เธอมองออกไปที่ขอบฟ้า เหมือนกับว่าเธอกำลังมองไปที่คฤหาสน์โทวโนะซึ่งอยู่ไกลออกไปบนเนิน
"แต่เธอไม่เป็นไรแน่เหรอ? ถึงนั่นจะเป็นบ้านของเธอ, แต่เธอไม่ได้กลับไปตั้งแปดปีแล้ว, ถูกไหม? เธอไม่กลัว, หรือกังวลบ้างเลยเหรอ?"
"อือ ผมไม่สบายใจจริงๆ นั่นล่ะ ผมเองก็ไม่ชอบคฤหาสน์หลังนั้นมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย, แถมตอนนี้ยังรู้สึกเหมือนมันเป็นบ้านคนอื่นอีก แต่ว่า---"
...... ผมไม่สามารถใช้ชีวิตที่ปราศจากความกังวลโดยทิ้งให้น้องสาวของผม 'อากิฮะ' อยู่ที่นั่นคนเดียวได้
ไม่ว่าผมต้องลำบากขนาดไหน, ผมก็จะกลับไปบ้านโทวโนะ
"---สุดท้ายแล้ว, มันก็เป็นบ้านของผม ผมว่ามันคงเป็นธรรมดาที่จะกลับไป"
"...... อื้อ อ๊ะ โทษทีทีชวนคุย,โทวโนะคุง เธอกำลังรีบใช่ไหม? "
"ไม่หรอก, ไม่ใช่เลย ผมกำลังเดินกลับบ้าน"
"อะ... อือ"
เพราะอะไรบางอย่าง, ยูมิซึกะก้มหน้าและเงียบไป
"......อะไรเหรอ, ยูมิซึกะซัง? เธอไม่สบายรึเปล่า?"
ผมทำลายความเงียบ
แต่เธอก็ยังก้มหน้ามองลงไปข้างล่าง โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
"อะ... อือ"
เพราะอะไรบางอย่าง, ยูมิซึกะก้มหน้าและเงียบไป
"......อะไรเหรอ, ยูมิซึกะซัง? เธอไม่สบายรึเปล่า?"
ผมทำลายความเงียบ
แต่เธอก็ยังก้มหน้ามองลงไปข้างล่าง โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
"......"
ผมคงปล่อยเธอไว้แบบนี้ไม่ได้, ผมเลยยังยืนอยู่ที่นี่ มองไปที่เธอ
---และแล้ว
"อ่า... อืม!"
"อื้อ, อะไรเหรอ"
" เอ่อ... อ่า ฉันกลับบ้านทางเดียวกับเธอน่ะ, จนก่อนถึงเนินน่ะจ้ะ"
" จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเดินไปด้วยกันไหม"
"อื้อ, อะไรเหรอ"
" เอ่อ... อ่า ฉันกลับบ้านทางเดียวกับเธอน่ะ, จนก่อนถึงเนินน่ะจ้ะ"
" จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเดินไปด้วยกันไหม"
"เอ๊ะ?"
ดวงตาของยูมิซึกะเบิกกว้างและเธอยืนนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง
"อะ... อื้อ!
เธอพูดถูก พวกเรากลับบ้านทางเดียวกัน, ดังนั้นมันคงไม่แปลกที่เราเดินไปด้วยกัน,ถูกไหม"
ยูมิซึกะพูดอย่างร่าเริงและมายืนข้างๆ ผม
"เธอมาได้ถูกเวลาพอดีเลยล่ะ
ผมไม่คุ้นกับทางแถวนี้พอดี ช่วยนำทางให้ผมทีนะ"
"ได้เลยจ้ะ ถ้างั้น เดินลงไปที่ถนนนี้เลยนะ
มันเป็นถนนด้านหลังที่จะไปเชื่อมกับทางไปถนนที่เป็นทางขึ้นไปบนเนิน"
-----ผมกำลังคุยอยู่กับยูมิซึกะระหว่างเดินกลับบ้าน
การพูดคุยกับยูมิซึกะไม่ได้เป็นอะไรที่พิเศษ, แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกสนุกได้ตลอดทาง
..... แม้ว่าอาริฮิโกะจะได้เตือนผมเรื่องยูมิซึกะ แต่ผมรู้สึกได้ว่ายูมิซึกะ
ซัตสิกิมีบรรยากาศของความอ่อนโยนอยู่รอบๆ ตัวเธอ และผมรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ
เธอ
"---ฮุฮุ"
ขณะพวกเรากำลังคุยกันนั้นเอง จู่ๆยูมิซึกะก็หัวเราะขึ้นมาในทันทีราวกับว่าเธอนึกอะไรบางอย่างออก
"อะไรเหรอ, ทำไมจู่ๆเธอถึงได้หัวเราะ? ผมพูดอะไรตลกเหรอ?"
"ไม่เลยจ้ะ, ไม่ใช่เลย เพราะว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ฉันจะได้กลับบ้านทางเดียวกับเธอต่างหาก"
ขณะพวกเรากำลังคุยกันนั้นเอง จู่ๆยูมิซึกะก็หัวเราะขึ้นมาในทันทีราวกับว่าเธอนึกอะไรบางอย่างออก
"อะไรเหรอ, ทำไมจู่ๆเธอถึงได้หัวเราะ? ผมพูดอะไรตลกเหรอ?"
"ไม่เลยจ้ะ, ไม่ใช่เลย เพราะว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ฉันจะได้กลับบ้านทางเดียวกับเธอต่างหาก"
เธอหัวเราะ ท่าทางเธอมีความสุขจริงๆ
พูดตรงๆ, แค่ผมได้มองรอยยิ้มของเธอ ผมก็มีความสุขไปด้วยแล้ว
...... ผมไม่ได้นึกเลยจนถึงเมื่อครู่
ถึงแม้จะไม่นับเรื่องรูปร่างหน้าตาและท่าทางที่เรียบร้อยของเธอ, ยูมิซึกะ ซัตสึกิก็ยัง
ถึงแม้จะไม่นับเรื่องรูปร่างหน้าตาและท่าทางที่เรียบร้อยของเธอ, ยูมิซึกะ ซัตสึกิก็ยัง
คงน่ารักอยู่
ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเด็กผู้ชายในห้องผมถึงได้ชื่นชอบเธอ
การสนธนาของพวกเราหยุดลง
ผมตะลึงไปกับรอยยิ้มของยูมิซึกะ และพวกเราทั้งคู่ก็เงียบไป
โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย, พวกเราเดินหน้าไปสู่ย่านชุมชนในยามอาทิตย์อัสดง
ผมตะลึงไปกับรอยยิ้มของยูมิซึกะ และพวกเราทั้งคู่ก็เงียบไป
โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย, พวกเราเดินหน้าไปสู่ย่านชุมชนในยามอาทิตย์อัสดง
ทันใดนั้นเอง---
Music: stop
"นี่, เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดฤดูหนาวตอน ม.ต้นปีสองได้ไหม?"
ยูมิซึกะบ่นพึมพำ
"......?"
ผมเอียงหัวเล็กน้อย
ผมเอียงหัวเล็กน้อย
ในวันหยุดฤดูหนาวช่วงที่ผมอยู่
ม.ต้นปีสอง เป็นช่วงที่ผมใช้เวลาเรียนเสริมอยู่ที่โรงเรียนเพราะผมไม่อยากอยู่เป็นภาระที่บ้านอาริมะ
ผมจำได้แค่นั้น, แต่ผมยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ถามผมเรื่องนั้น
ผมจำได้แค่นั้น, แต่ผมยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ถามผมเรื่องนั้น
"อย่างที่ฉันคิดไว้เลย
คนแบบโทวโนะคุง คงจำไม่ได้"
"ที่โรงเรียน
ม.ต้นของเราจะมีห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาสองแห่ง, จำได้ไหม?
ห้องหนึ่งเป็นห้องใหม่ที่ชมรมใหญ่ๆ ใช้กัน, และอีกห้องเป็นห้องเก่าที่ถูกใช้โดยชมรมเล็กๆ
อย่างชมรมแบตมินตัน, ที่ห้องเก็บอุปกรณ์เก่าประตูมันมีปัญหา, เพราะอย่างนั้นมันจึงมีบ่อยครั้งที่ประตูเปิดไม่ออก"
ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาเก่า... ตึกหลังเล็กๆ ที่ทำจากปูนที่อยู่หลังโรงยิมนั่นน่ะเหรอ...?
"อ่า, ห้องนั้นมันเลิกใช้ไปแล้วนี่ หลังจากที่มีนักเรียนไปติดอยู่ข้างใน"
ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาเก่า... ตึกหลังเล็กๆ ที่ทำจากปูนที่อยู่หลังโรงยิมนั่นน่ะเหรอ...?
"อ่า, ห้องนั้นมันเลิกใช้ไปแล้วนี่ หลังจากที่มีนักเรียนไปติดอยู่ข้างใน"
"ใช่, ห้องนั่นล่ะ พวกนักเรียนที่ไปติดอยู่ในนั้นเป็นนักเรียนปีสองของชมรมแบตมินตัน"
"----อ๊ะ!"
ใช่, เรื่องแบบนั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อน
"----อ๊ะ!"
ใช่, เรื่องแบบนั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อน
Music: play track 7
มันเกิดขึ้นในช่วงต้นปี, ในวันที่อากาศหนาวเหน็บ
สามวันแรกของปีได้ผ่านไปแล้ว
ผมมาเรียนพิเศษและช่วยงานที่โรงเรียนเพราะผมรู้สึกไม่ดีที่ต้องอยู่เป็นภาระที่บ้านอาริมะ
แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเวลาห้าโมงเย็น
แต่มันก็มืดแล้ว, และผมโดนไล่ออกจากห้องเรียนเพราะพวกครูกำลังจะกลับบ้าน
ช่วงกลางของฤดูหนาว
แม้จะเป็นเวลาแค่ห้าโมงเย็น, รอบๆตัวก็มืดไปหมดแล้ว
วันนั้นพยากรณ์อากาศบอกว่าหิมะจะตก, และจะหนาวอย่างรุนแรง
วันนั้นพยากรณ์อากาศบอกว่าหิมะจะตก, และจะหนาวอย่างรุนแรง
และเพราะแบบนั้น, วันนั้นผมเลยตัดสินใจตรงกลับบ้าน, แล้วผมก็ได้ยินเสียงทุบดังมาจากห้องเก็บอุปกรณ์เก่า
ผมเลยเดินไปดู
---มีใครอยู่ที่นี่ไหม?
ผมถามออกไป, แล้วผมก็ได้ยินเสียงพวกนักเรียนหญิงตอบมาจากข้างใน
พวกเธอติดอยู่ในนั้นมาสองชั่วโมงแล้ว ในตอนที่เอาอุปกรณ์ไปเก็บ, พวกเธอปิดประตูเพราะมันหนาว, และหลังจากนั้นมันก็เปิดไม่ออกอีกเลย
พวกเธอเปิดประตูไม่ออกไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม, และอยากให้ผมไปตามครูมาช่วย
...... แต่ครูทุกคนได้กลับบ้านไปหมดแล้ว ถ้าผมโทรตามพวกเขา, มันจะต้องกินเวลาหลายชั่วโมง
...... แต่ครูทุกคนได้กลับบ้านไปหมดแล้ว ถ้าผมโทรตามพวกเขา, มันจะต้องกินเวลาหลายชั่วโมง
ในวันนั้นมันหนาวอย่างน่ากลัว
เป็นความหนาวเย็นขนาดที่หิมะจะตกลงมาได้, ผมคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องโหดร้ายมากถ้าจะทิ้งเด็กผู้หญิงที่ใส่แค่ชุดพละไว้ในห้องเก็บอุปกรณ์หลายชั่วโมง
หลังจากรีบมองรอบๆ แล้วพบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ, ผมถอดแว่นออกและตัด "เส้น" บนประตูห้องเก็บอุปกรณ์
หลังจากรีบมองรอบๆ แล้วพบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ, ผมถอดแว่นออกและตัด "เส้น" บนประตูห้องเก็บอุปกรณ์
ประตูเปิดออก, มีนักเรียนหญิงห้าคนอยู่ข้างใน, ร้องไห้จนตาแดง พวกเธอรีบกรูกันออกมา---
"….. พอลองมาคิดดูแล้ว, มันก็เคยเกิดเรื่องแบบนั้น แต่ผมแปลกใจนะที่เธอรู้เรื่อง กัปตันชมรมที่ติดอยู่ข้างในบอกผมว่า
'เพื่อความอยู่รอดของชมรม,ช่วยอย่าเอาไปบอกใครเลยนะ' แต่มันเหมือนกับว่าเธอขู่ผมซะมากกว่า"
"โอ โทวโนะคุง! เธอไม่ได้สนใจเลยว่ามีใครติดอยู่ข้างในบ้าง,ใช่ไหม?
ฟังนะ, ฉันเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมแบตมินตันตอนนั้น"
เสียงของยูมิซึกะฟังดูเหมือนเธอไม่ค่อยพอใจนัก
เอ๊ะ... ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า
"---ฉันยังจำเรื่องตอนนั้นได้ดีเลยจ้ะ
ตอนนี้พอฉันมาคิดดูแล้ว, มันก็แค่ติดอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ แต่ตอนนั้น,
มันหนาวและมืด และฉันกลัวมากๆ ทุกคนตอนนั้นยังคิดเลยว่าพวกเราคงจะแข็งตายอยู่อย่างนั้น
ท้องของฉันส่งเสียงร้องเพราะอาการหิว ฉันกำลังจะเป็นลมล้มลงไป"
"อืมม... มันต้องเป็นเรื่องที่แย่มากแน่นอน"
"อืมม... มันต้องเป็นเรื่องที่แย่มากแน่นอน"
ผมไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ดีนัก, ผมเลยคิดว่า ผมต้องมีส่วนรับผิดชอบอยู่ครึ่งหนึ่ง
ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจ ยูมิซึกะยังรำรึกความหลังของเธอต่อไป, นำเรื่องเก่าๆมาพูดใหม่อีกครั้ง
"และในตอนที่ทุกคนกำลังตัวสั่นกัน, เธอก็มาเจอและถามว่า, 'มีใครอยู่ข้างในไหม?' ด้วยเสียงราบเรียบปกติของเธอ... แล้วต่อมากัปตันชมรมก็โกรธและตะโกนว่า 'แค่มองยังไม่รู้อีกเหรอไง!?'... เธอจำได้ไหม"
"ใช่, ผมจำได้ แล้วยังมีเสียงกระแทกดังมากตามมาอีกตอนที่เธอเขวี้ยงไม้เบสบอลใส่ประตู ผมเองยังแปลกใจเลย"
"ถูกต้องเลย!" ยูมิซึกะพูดแล้วหัวเราะ
"แต่ในตอนที่พวกเราได้ยินว่าครูทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้ว, พวกเราหมดหวังเลยล่ะ ตอนนั้นพวกเราทนอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ไหวแล้ว แม้แค่นาทีเดียวก็ตาม, แต่พวกเรายังต้องมารอจนถึงวันพรุ่งนี้ถึงจะมีคนมาเจอ ตอนนั้นพวกเรากำลังคิดว่าทำไมโลกนี้มันโหดร้าย,เธอก็มาเคาะประตูและพูดว่า'บา งทีผมอาจจะเปิดประตูนั่นให้ได้นะ' ,ถ้าพวกเธอปิดมันเป็นความลับ'"
"อืม แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงทุบประตูอีกรอบ, แล้วก็มีคนตะโกนว่า 'ถ้ามันเปิดออกได้ง่ายๆแบบนั้น พวกเราคงไม่ต้องมานั่งทรมานอยู่ตรงนี้หรอก!' เธอคงจะโกรธมาก"
"อะฮะฮะ ใช่จ้ะ ,กัปตันรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่ทำให้พวกเราต้องมาติดอยู่ที่นี่น่ะ
ตอนนั้นเธอเลยหมดความอดทน แต่ว่าหลังจากนั้นประตูก็เปิดออก ทุกคนดีใจมากและคิดว่าประตูคงเปิดออกเพราะโดนกัปตันเอาไม้เบสบอลฟาด
แล้วก็วิ่งออกมากัน, แต่ตอนนั้นฉันเห็นเธอยืนอยู่ข้างๆประตู"
ยูมิซึกะมองมาที่ผมผมอย่างอบอุ่น
...... แต่นั่นเป็นปัญหาสำหรับผม
สำหรับผมมันไม่มีความหมาย, ดังนั้นผมจึงไม่อาจรับคำขอบคุณจากเธอได้
"ฉันร้องไห้หนักมากในตอนนั้น ตาของฉันบวมไปหมดและดูหน้ากลัว เธอคิดว่าเธอพูดอะไรไปตอนที่เธอเห็นฉัน"
"ผมจำไม่ได้ ผมพูดอะไรไปเหรอ?"
...... ผมจำไม่ได้, ผมเลยถามไป, ราวกับว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผมที่พูดออกไป
แม้จะเป็นอย่างนั้น, ยูมิซึกะก็ยังมองผมอย่างมึความสุข
"ฉันร้องไห้หนักมากในตอนนั้น ตาของฉันบวมไปหมดและดูหน้ากลัว เธอคิดว่าเธอพูดอะไรไปตอนที่เธอเห็นฉัน"
"ผมจำไม่ได้ ผมพูดอะไรไปเหรอ?"
...... ผมจำไม่ได้, ผมเลยถามไป, ราวกับว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผมที่พูดออกไป
แม้จะเป็นอย่างนั้น, ยูมิซึกะก็ยังมองผมอย่างมึความสุข
"เธอเอามือลูบหัวฉันแล้วพูดว่า,
'รีบกลับบ้านซะ, แล้วไปกินโอะโซะนิ' ตอนนั้นฉันอายเล็กน้อยเพราะฉันกำลังตัวสั่นจากความหนาว"
"......"
"อืมม" หน้าผากผมย่นเล็กน้อย
ผมจำไม่ได้ว่าคำพูดในตอนนั้นมันหมายถึงอะไร
"ฉันคิดว่าเธอหมายถึงให้ฉันทำตัวให้อุ่นโดยไปกินโอะโซะนิน่ะจ้ะ"
"...... อืม มันก็จริง มันเป็นช่วงปีใหม่นี่นะ"
...... มันเหมือนกับว่าผมได้พูดอะไรโง่ๆออกไป
"......"
"อืมม" หน้าผากผมย่นเล็กน้อย
ผมจำไม่ได้ว่าคำพูดในตอนนั้นมันหมายถึงอะไร
"ฉันคิดว่าเธอหมายถึงให้ฉันทำตัวให้อุ่นโดยไปกินโอะโซะนิน่ะจ้ะ"
"...... อืม มันก็จริง มันเป็นช่วงปีใหม่นี่นะ"
...... มันเหมือนกับว่าผมได้พูดอะไรโง่ๆออกไป
ที่ผมพูดไปตอนนั้น, ทำให้ตอนนี้ผมเสียใจที่ไม่เลือกคำพูดที่ดีๆ หน่อยไปพูด
"ฉันคิดว่ามีคนจำนวนมากที่โรงเรียน, แต่ถ้าฉันกำลังต้องการความช่วยเหลือจริงๆ, จะมีคนอย่างโทวโนะคุงนี่ล่ะที่จะมาช่วยฉัน "
"เธอคิดเกินความเป็นจริงไปแล้ว ดูสิ, มันเหมือนกับการที่ลูกไก่คิดว่าคนที่มันเจอคนแรกเป็นแม่นั่นล่ะ ผมแค่เคยช่วยเธอเท่านั้น"
"ไม่จริงนะ...! หลังจากนั้น ฉันก็เชื่อจริงๆว่าเธอจะมาช่วยฉันไม่ว่าฉันกำลังเจอกับปัญหาอะไรอยู่ก็ตามที
ท่าทางของเธอดูจริงจังมาก
"เธอคาดหวังในตัวผมมากเกินไปแล้ว,ยูมิซึกะซัง ผมไม่ใช่คนที่พึ่งพาได้แบบนั้นหรอกนะ"
"ไม่เป็นไรจ้ะ, นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเชื่อ ดังนั้นให้ชั้นเชื่อต่อไปเถอะนะ"
เธอพูดออกมาในขณะที่จ้องตรงมายังผม, และผมเขินเล็กน้อยที่จะตอบกลับไป
"--อืม, ผมคิดว่าเธออยากจะเชื่ออะไรก็ได้ที่เธออยากจะเชื่อน่ะนะ "
"ไม่ใช่ว่ามันไม่จริงเหรอ? ถ้าชั้นกำลังลำบากอยู่, โทวโนะคุงจะต้องมาช่วยฉันแน่นอน,ใช่ไหม?"
ยูมิซึกะถามผม, ในขณะที่เธอยิ้ม
"ไม่ใช่ว่ามันไม่จริงเหรอ? ถ้าชั้นกำลังลำบากอยู่, โทวโนะคุงจะต้องมาช่วยฉันแน่นอน,ใช่ไหม?"
ยูมิซึกะถามผม, ในขณะที่เธอยิ้ม
...... ให้พูดตรงๆ,
มันเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง
ถึงแม้ว่าเธอจะคิดแบบนั้น, แต่ผมก็ไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง
ผมไม่ใช่... แต่ในเมื่อเธอจ้องมองผมพร้อมกับรอยยิ้ม,
ผมก็ไม่อยากทำลายความเชื่อใจที่เธอเชื่อในตัวผม
"อื้อ ถ้าผมทำได้นะ,
ผมจะช่วยเธอ"
"เย้! ขอบคุณจ้ะ, โทวโนะคุง ฉันคิดว่ามันคงช้าไปที่พูดออกมา, แต่ตอนนั้นชั้นดีใจมากนะที่เธอพูดกับฉันในตอนนั้น"
หลังจากพูดแล้ว, ยูมิซึกะก็หยุดเดิน
ผมเลยหยุดเดินเช่นกัน
"ฉันอยากคุยกับเธอแบบนี้มานานแล้วล่ะ, โทวโนะคุง"
บางส่วนในเสียงของเธอเหมือนกับจะบอกใบ้ความปรารถนาของเธอ
"เย้! ขอบคุณจ้ะ, โทวโนะคุง ฉันคิดว่ามันคงช้าไปที่พูดออกมา, แต่ตอนนั้นชั้นดีใจมากนะที่เธอพูดกับฉันในตอนนั้น"
หลังจากพูดแล้ว, ยูมิซึกะก็หยุดเดิน
ผมเลยหยุดเดินเช่นกัน
"ฉันอยากคุยกับเธอแบบนี้มานานแล้วล่ะ, โทวโนะคุง"
บางส่วนในเสียงของเธอเหมือนกับจะบอกใบ้ความปรารถนาของเธอ
บางทีคงเป็นเพราะแสงสีแดงในยามเย็น แต่ผมรู้สึกว่าใบหน้ายูมิซึกะดูอ้างว้างยังไง
ไม่รู้
"...... เธอหมายถึงอะไรเหรอ? เธอก็มาคุยกับผมได้ทุกเวลานี่"
"ไม่, ฉันทำไม่ได้ อินุอิคุงอยู่ใกล้เธอตลอดเวลา, และ... ฉันคงเป็นคนแบบเธอไม่ได้,
"...... เธอหมายถึงอะไรเหรอ? เธอก็มาคุยกับผมได้ทุกเวลานี่"
"ไม่, ฉันทำไม่ได้ อินุอิคุงอยู่ใกล้เธอตลอดเวลา, และ... ฉันคงเป็นคนแบบเธอไม่ได้,
โทวโนะคุง"
หลังจากตอบคำถามแบบเลี่ยงๆแล้ว , ยูมิซึกะได้เดินแยกไปจากผม
หลังจากตอบคำถามแบบเลี่ยงๆแล้ว , ยูมิซึกะได้เดินแยกไปจากผม
"อืม, บ้านฉันไปทางนี้จ้ะ ,ดังนั้นไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้ที่โรงเรียนนะ"
"บ๊าย-บาย! "เธอยิ้ม ยูมิซึกะโบกมือลาและเดินลงไปที่ถนนเส้นอื่น
Music:
stop
ผมเดินอยู่ในเส้นทางที่ต่างจากทุกครั้งที่ผมเดิน
ผ่านถนนที่ไม่คุ้นตา ผมเริ่มเห็นคฤหาสน์โทวโนะใกล้เข้ามาทุกที
ทิวทัศน์รอบตัวนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง
สุดท้ายแล้ว, ผมก็เคยอยู่ที่นี่จนถึงถึงเก้าขวบ ----- แปดปีก่อนหน้า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ใช้เส้นทางนี้ในการกลับไปที่คฤหาสน์
......
ความรู้สึกของผมซ้อนทับกันเล็กน้อย
การเดินกลับบ้านที่ชวนคิดถึง, ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
จนถึงเมื่อครู่, ผมไม่ได้คิดเรื่องการกลับไปอยู่บ้านโทวโนะเลย ตอนนี้, ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องแย่ไปซะทีเดียว
การเดินกลับบ้านที่ชวนคิดถึง, ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
จนถึงเมื่อครู่, ผมไม่ได้คิดเรื่องการกลับไปอยู่บ้านโทวโนะเลย ตอนนี้, ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องแย่ไปซะทีเดียว
…..บ้านที่ผมเคยอยู่จนผมอายุเก้าขวบ
ตอนนี้, น้องสาวของผม อากิฮะยังอยู่ที่คฤหาสน์สไตล์ตะวันตกหลังนั้น
โทวโนะมากิฮิสะ---พ่อของผมซึ่งไม่ชอบหน้าผม, และเป็นผู้ที่เป็นหัวหน้าตระกูลโทวโนะ
ได้เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
แม่ของผมตายเพราะอาการป่วยหลังจากที่อากิฮะเกิดได้ไม่นาน, ดังนั้นตอนนี้ผมและน้องสาวเลยต้องเป็นผู้ดูแลตระกูลโทวโนะ
การที่ผมเป็นลูกชายคนโต, คุณคงคิดว่าผมจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลโทวโนะสินะ..... แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้มีสิทธิพิเศษนั้นเลย
การที่จะเป็นทายาทของตระกูลโทวโนะได้นั้นหมายความว่าจะต้องเรียนอย่างหนัก
ทุกครั้งที่ผมคิดเลขไม่ได้ พ่อจะดุด่าผม ทั้งที่ผมไม่ชอบเพราะผมใช้ชีวิตอย่างมีอิสระไม่ได้
การที่ผมเป็นลูกชายคนโต, คุณคงคิดว่าผมจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลโทวโนะสินะ..... แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้มีสิทธิพิเศษนั้นเลย
การที่จะเป็นทายาทของตระกูลโทวโนะได้นั้นหมายความว่าจะต้องเรียนอย่างหนัก
ทุกครั้งที่ผมคิดเลขไม่ได้ พ่อจะดุด่าผม ทั้งที่ผมไม่ชอบเพราะผมใช้ชีวิตอย่างมีอิสระไม่ได้
และเมื่อผมได้เจออุบัติเหตุ , สภาพร่างกายของผมแย่ลง... พ่อผมเห็นว่ามันเป็นโอกาศเหมาะที่จะเขี่ยผมไปให้พ้นทาง
เหตุผลของเขาคือ "คนที่อาจตายได้ทุกเมื่อไม่ควรเป็นทายาทสืบทอดตระกูล, แม้ว่าจะเป็นลูกชายคนโตก็ตามที"
เหตุผลของเขาคือ "คนที่อาจตายได้ทุกเมื่อไม่ควรเป็นทายาทสืบทอดตระกูล, แม้ว่าจะเป็นลูกชายคนโตก็ตามที"
เป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับพ่อผม, ผมได้ทรยศความคาดหวังของเขาด้วยการฟื้นจากอุบัติเหตุ, แต่ตอนนั้นน้องสาวของผมได้ถูกตัดสินให้เป็นทายาทของตระกูลโทวโนะแล้ว
และผมได้ยินมาว่าอากิฮะ, ซึ่งเดิมทีก็ต้องเรียนอย่างหนักเพื่อเป็นกุลสตรีที่ดีของตระกูลโทวโนะอยู่แล้ว,
ต้องมาเรียนหนักกว่าเก่าอีกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
มันนานมากแล้ว --- ที่ผมได้เล่นกับอากิฮะที่คฤหาสน์หลังนั้น
ในช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ หลังจากนั้น, ผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย
……ชีวิตในคฤหาสน์ที่ผมจากมาเมื่อแปดปีก่อน
ช่วงเวลาแปดปีนั้นยาวนาน, ความทรงจำของผมในเวลานั้นได้เลือนหายไปมากแล้ว
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น, ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงลุกโชนอยู่ในหัวใจของผมตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
และสิ่งนั้นก็คือ----
1. น้องสาวของผม อากิฮะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น