เนื่องจากเป็นงานแปลชิ้นแรกในชีวิต ถ้าจะอ่านขอให้ทำใจกับสำนวนและความถูกต้องของภาษาไว้ได้เลย
"อ๊ะ"
ใช่ ผมยังไม่ได้ถามเรื่องสำคัญกับเธอเลย
"ผมขอถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม,ฮิซุย"
"ได้ค่ะ,อะไรเหรอคะ,ท่านชิกิ"
"เอ่อ...
ผมขอโทษนะถ้าผมเข้าใจผิดไป,
แต่เธอกับโคฮาคุซังเป็นพี่น้องกันใช่ไหม"
"-----"
ในทันทีนั้นเอง ดวงตาที่ไร้ความรู้สึกของฮิซุยได้มีประกายขึ้นมา
"...... ใช่ค่ะ โคฮาคุเป็นพี่สาวของฉัน"
"จริงเหรอ? ดีเลย! ถ้างั้นก็หมายความว่าพวกเธอสองคนคือเด็กผู้หญิงที่เคยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อก่อน!"
ผมดีใจขนาดที่ลืมตัวส่งเสียงดังออกไป
"........."
ตรงข้ามกับความยินดีของผม, ฮิซุยไม่ได้ขยับเลย
"ฮิซุย
เธอกับโคฮาคุซังเป็นเด็กที่ถูกนำมาเลี้ยงไว้ที่นี่ใช่ไหม? พวกเราเคยเล่นด้วยกันบ่อยๆ
เธอจำได้ไหม--"
ผมหยุดพูดแทบจะในทันทีที่ผมพูดออกมา
ผมหยุดพูดแทบจะในทันทีที่ผมพูดออกมา
...... ไม่ใช่
เด็กผู้หญิงที่ผมเคยเล่นด้วยเป็นเด็กผู้หญิงที่แจ่มใสและร่าเริง
และเด็กผู้หญิงอีกคนที่เคยจ้องมองพวกเราด้วยดวงตาที่เย็นชา คงจะเป็น--
"….. เอ่อ... ผมเล่นด้วยกันกับพี่สาวเธอบ่อยๆ
ใช่รึเปล่าฮิซุย…"
"ใช่, ฉันรู้ค่ะ สองปีก่อนที่ท่านจะไปอยู่บ้านอาริมะ
ท่านมากิฮิสะได้นำฉันและพี่มาที่นี่"
ฮิซุยพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ
…..
มันเป็นเรื่องดีที่ผมจำได้ว่าฮิซุยกับโคฮาคุซังเป็นฝาแฝดกันจากในความทรงจำของผม, แต่ดูเหมือนว่าฮิซุยจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนัก
"...... อืม ผมขอโทษที่ตอนนั้นผมไม่ได้พูดกับเธอมากนัก,
ผมขอโทษทีตอนนั้นผมทำให้เธอไม่พอใจ"
"ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ, ท่านชิกิ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่ฉันหยาบคายกับท่านในตอนที่ฉันยังเด็ก"
ฮิซุยก้มหัวของเธอลง
"ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ, ท่านชิกิ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่ฉันหยาบคายกับท่านในตอนที่ฉันยังเด็ก"
ฮิซุยก้มหัวของเธอลง
"------"
ผมรู้สึกไม่สบายใจ
ผมรู้ว่าฮิซุยไม่ได้ต้องการทำให้ผมรู้สึกไม่ดี, แต่ผมไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงเมื่อเด็กผู้หญิงที่อายุเท่าๆ กับผม มาพูดแบบนั้นกับผม
"ต้องการอะไรอีกไหมคะ, ท่านชิกิ?"
"อ๊ะ... ไม่, ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ"
"เข้าใจแล้วค่ะ แล้วฉันจะมาเรียกในอีกหนึ่งชั่วโมง กรุณาทำตัวตามสบายจนถึงตอนนั้นนะคะ"
เป็นอย่างที่ผมคิดไว้, ฮิซุยพูดอย่างไร้ความรู้สึก
แปลมาจาก
...... ถึงเธอจะบอกให้ผมทำตัวตามสบาย, แต่ผมควรจะทำยังไงดี?
ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาหกโมงเย็น
ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาหกโมงเย็น
ปกติ,
ในเวลานี้ผมคงจะดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น, แต่ผมสงสัยจริงๆว่าจะมีของแบบนั้นในในคฤหาสน์รึเปล่า
"ฮิซุย ผมรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องไร้สาระที่จะถามไป, แต่คฤหาสน์หลังนี้มีโทรทัศน์รึเปล่า?"
"โทรทัศน์เหรอคะ...?"
ฮิซุยหรี่ตาลง
"ฮิซุย ผมรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องไร้สาระที่จะถามไป, แต่คฤหาสน์หลังนี้มีโทรทัศน์รึเปล่า?"
"โทรทัศน์เหรอคะ...?"
ฮิซุยหรี่ตาลง
...... ผมรู้ตัวว่าผมคือคนที่ถามมันออกไป, แต่มันเป็นคำถามที่โง่มาก
ผมรู้สึกว่ามันคงเป็นเรื่องแปลก ที่จะถามออกไปว่ามีทีวีอยู่ในคฤหาสน์หรูๆ แบบนี้ไหม
ฮิซุยแสดงสีหน้าลำบากใจ,และมองไปทางอื่น
".....
มันไม่มีโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นหรอกค่ะ แขกที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ก็เคยใช้มันอยู่
แต่ตอนที่พวกเขาย้ายออกไป พวกเขาก็แพ๊คมันใส่กระเป๋าเดินทางแล้วเอามันไปด้วย
ดังนั้นฉันไม่คิดว่ามันจะมีโทรทัศน์เหลืออยู่แล้วล่ะค่ะ"
"เดี๋ยวก่อน แขก?
อย่างเช่นใครเหรอ? แล้วนานรึยัง?"
"พวกญาติๆ น่ะค่ะ ลูกชายคนโตของท่านคุงามิเนะจากตระกูลสาขา, ลูกสาวคนที่สามของท่านโทวซากิกับคู่หมั้นของเธอ, แล้วก็ลูกชายคนโตของท่านคิริชิมะ ได้มาอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามปี"
"...... สามปี, ฮะ? ฮิซุย, แบบนั้นควรจะเรียกว่าคนอาศัยมากกว่านะ,ไม่ใช่แขก."
ฮิซุยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเป็นคนแบบไหนก็ตาม, ดูเหมือนคนรับใช้จะไม่สามารถพูดอะไรแย่ๆ เกี่ยวกับพวกนั้นได้
ยังไงก็ตาม, ดูเหมือนพวกญาติๆ จะเป็นคนนำมันมา,แล้วนำมันกลับไปด้วยมากกว่า
พ่อของผมไม่ชอบสิ่งประดิษฐ์ยุคใหม่, เขาคิดว่ามันเป็นของชั้นต่ำ มันไม่มีทางที่เขาจะดูทีวี อากิฮะ,ที่ถูกเขาอบรมมาตลอดแปดปีก็คงจะเป็นแบบนั้นด้วย
"พวกญาติๆ น่ะค่ะ ลูกชายคนโตของท่านคุงามิเนะจากตระกูลสาขา, ลูกสาวคนที่สามของท่านโทวซากิกับคู่หมั้นของเธอ, แล้วก็ลูกชายคนโตของท่านคิริชิมะ ได้มาอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามปี"
"...... สามปี, ฮะ? ฮิซุย, แบบนั้นควรจะเรียกว่าคนอาศัยมากกว่านะ,ไม่ใช่แขก."
ฮิซุยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเป็นคนแบบไหนก็ตาม, ดูเหมือนคนรับใช้จะไม่สามารถพูดอะไรแย่ๆ เกี่ยวกับพวกนั้นได้
ยังไงก็ตาม, ดูเหมือนพวกญาติๆ จะเป็นคนนำมันมา,แล้วนำมันกลับไปด้วยมากกว่า
พ่อของผมไม่ชอบสิ่งประดิษฐ์ยุคใหม่, เขาคิดว่ามันเป็นของชั้นต่ำ มันไม่มีทางที่เขาจะดูทีวี อากิฮะ,ที่ถูกเขาอบรมมาตลอดแปดปีก็คงจะเป็นแบบนั้นด้วย
"--อืม, ไม่ใช่ว่าถ้าไม่มีมันผมจะตายซะหน่อยนี่."
ฮิซุยเงียบไป
...... ราวกับว่าเธอเป็นแบบอย่างที่ดีของคนรับใช้, ฮิซุยจะไม่พูดอะไรจนกว่าเธอจะถูกถามตรงๆ
นี่เป็น…, แน่นอน, สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกห่อเหี่ยว
ผมอยากทำให้ใบหน้าไร้ความรู้สึกนั่นแตกกระจาย แล้วกลายเป็นรอยยิ้มแทนยังไงอย่างงั้น, แต่ดูเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้ แม้แต่แค่รอยยิ้มแบบไม่เต็มใจก็ตามที
"โอ๊ะ, ที่นี่มีห้องสมุดอยู่บนชั้นหนึ่งตรงปีกตะวันตกใช่ไหม? " บางทีผมจะไปหาอะไรอ่านตอนที่ผมว่างน่ะ"
ฮิซุยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
เธอแค่ยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู
ผมยังบอกไม่ได้เลยว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่
"---ฮิซุย?"
ฮิซุยไม่พูดอะไร
ในทันทีนั้นเอง, เธอมองตรงมายังผม
ฮิซุยไม่พูดอะไร
ในทันทีนั้นเอง, เธอมองตรงมายังผม
"ฉันคิดว่ามันคงมีอยู่เครื่องหนึ่งในห้องของพี่ค่ะ
"ฮะ?"
ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร
"...... อะ...
มันเป็นเครื่องหนึ่งของอะไรเหรอ?"
"โทรทัศน์ค่ะ ฉันจำได้ว่าฉันเคยเห็นมันในห้องของพี่"
ฮิซุยพูด, ราวกับว่าเธอนึกอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วออก
"เดี๋ยวก่อน พี่เหรอ? อย่าบอกนะว่าเธอกำลังพูดถึงโคฮาคุซัง?"
"ใช่ค่ะ ตอนนี้,คนที่ทำงานอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้มีแค่ฉันกับพี่เท่านั้น
"โทรทัศน์ค่ะ ฉันจำได้ว่าฉันเคยเห็นมันในห้องของพี่"
ฮิซุยพูด, ราวกับว่าเธอนึกอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วออก
"เดี๋ยวก่อน พี่เหรอ? อย่าบอกนะว่าเธอกำลังพูดถึงโคฮาคุซัง?"
"ใช่ค่ะ ตอนนี้,คนที่ทำงานอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้มีแค่ฉันกับพี่เท่านั้น
ตอนที่เธอพูดว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกัน ผมนึกไม่ออกเลยว่าพวกเธอจะเป็นพี่น้องกันยังไง เพราะโคฮาคุซังจะยิ้มอย่างอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา แต่ฮิซุยดูเหมือนจะไร้ความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา
"อืม โคฮาคุซังดูเหมือนจะเป็นพวกที่ชอบดูรายการอย่างวาไรตี้โชว์จริงๆนั่นล่ะ"
แต่ผมไม่อยากจะไปที่ห้องโคฮาคุซังแล้วบอกเธอว่า, "ขอดูทีวีหน่อยสิ"
"โทษทีนะ, ช่วยลืมเรื่องที่ว่าผมได้ถามไปที จากนี้ไปผมจะอาศัยอยู่ที่นี่
ดังนั้นผมคงต้องทำตามกฎของที่นี่"
พระเจ้าอาจจะรู้ว่าผมจะได้รับคำเยาะเย้ยยังไงจากอากิฮะ
ถ้าผมเริ่มดูทีวี
ดูเหมือนว่าจากนี้ไปชีวิตของผมจะถูกชักจูงให้กลายเป็นเด็กเรียนเพื่อที่จะให้เหมาะสม
กับการเป็นสมาชิกของตระกูลโทวโนะ
"ไม่เป็นไร
ผมจะอยู่ในห้องของผมจนถึงเวลาอาหารเย็น, ดังนั้นมาเรียกผมตอนนั้นละกัน
เธอมีอะไรอย่างอื่นที่ต้องทำอีก, ใช่ไหมฮิซุย?"
ฮิซุยพยักหน้าบอกว่าเข้าใจ, แล้วกลับหลังหัน
ฮิซุยพยักหน้าบอกว่าเข้าใจ, แล้วกลับหลังหัน
เปิดประตูออกอย่างเงียบๆ, แล้วเธอก็ได้ออกจากห้องไป
Music: stop
มื้ออาหารเย็นเริ่ม โดยที่ผมกับอากิฮะหันหน้าเข้าหากัน
ผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นี่
ที่ฮิซุยกับโคฮาคุซังจะไม่กินด้วยกันกับพวกเรา, พวกเธอยืนอยู่ข้างหลังเรา
เผื่อพวกเราต้องการอะไร
.....
ผมคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องปกติถ้าพวกเราสี่คนจะกินข้าวด้วยกัน พูดได้เลยว่าเป็นเพราะบรรยากาศในมื้ออาหารเย็นทำให้ผมรู้สึกเครียดขึ้นมากระทันหันอย่างอธิบายไม่ถูก
ในจุดนี้ผมควรจะบอกว่า ในตอนนี้ผมได้ลืมทุกอย่างเกี่ยวกับมารยาทบนโต๊ะอาหารไปหมดแล้ว
อืม, ผมยังจำได้เล็กๆน้อยๆ ดังนั้นผมคงไม่ใช่มือใหม่, แต่มนุษย์มักชอบเก็บความทรงจำที่ตัวเองไม่ได้ใช้ไว้ในซอกๆ หนึ่งของจิตใจเสมอ
ประสาทของผมตื่นตัวตลอดเวลา, การเคลื่อนไหวทุกอย่างของผมอาจจะทำให้ขนคิ้วของอากิฮะเลิกขึ้นได้
...... พอผมคิดว่าผมต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ทุกวัน, มันทำให้ผมรู้สึกหดหู่จริงๆ
อืม, ผมยังจำได้เล็กๆน้อยๆ ดังนั้นผมคงไม่ใช่มือใหม่, แต่มนุษย์มักชอบเก็บความทรงจำที่ตัวเองไม่ได้ใช้ไว้ในซอกๆ หนึ่งของจิตใจเสมอ
ประสาทของผมตื่นตัวตลอดเวลา, การเคลื่อนไหวทุกอย่างของผมอาจจะทำให้ขนคิ้วของอากิฮะเลิกขึ้นได้
...... พอผมคิดว่าผมต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ทุกวัน, มันทำให้ผมรู้สึกหดหู่จริงๆ
หลังจากอาหารมื้อเย็น, ผมได้กลับมาที่ห้องของผม
มันเพิ่งผ่านเวลาสองทุ่มไปได้ไม่นานนัก
มันยังเร็วเกินไปที่จะนอนหลับ , ดังนั้นผมควรจะทำอะไรดี?
1. ไปที่ห้องนั่งเล่นและคุยกับอากิฮะ
3. ไปดูทีวีที่ห้องของโคฮาคุซัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น