Day 2 Inversion Impulse II (Part 2)

posted on 4/29/2561 02:42:00 ก่อนเที่ยง by VermillionEnd Categories:
เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2012 ที่ http://vermillionend.exteen.com
เนื่องจากเป็นงานแปลชิ้นแรกในชีวิต ถ้าจะอ่านขอให้ทำใจกับสำนวนและความถูกต้องของภาษาไว้ได้เลย

แปลมาจาก http://lparchive.org/Tsukihime/Update%20121/


"อรุณสวัสดิ์, ทั้งสองคน"
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ, ชิกิซัง"
เธอสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวที่เข้ากับเธอ, โคฮาคุซังตอบผมด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนมันจะไม่มีทางยิ้มกว้างไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
แต่ในทางกลับกันอากิฮะแค่เหลือบตามองมาที่ผม

"อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ เช้านี้พี่ทำตัวตามสบายเกินไปแล้วนะคะ,พี่"
เธอจะต้องรู้วิธีที่จะทำให้คนอื่นเสียใจได้เป็นอย่างดีแน่ๆ

"ทำตัวตามสบายเหรอ? มันเพิ่งจะเลยเจ็ดโมงมาไม่นานเองนะ! ไปโรงเรียนมันใช้เวลาแค่สามสิบนาทีเอง, ดังนั้นพี่ว่าพี่ตื่นเช้าเกินไปด้วยซ้ำ"
"นั่นหมายความว่าพี่จะใช้เวลาทานข้าวเช้าแค่สิบนาทีเหรอคะ? พี่ไม่ใช่หมาหิวโซนะคะ, ถ้าพี่จะทานข้าวเช้า, หนูก็อยากให้พี่ทานมันแบบช้าๆ สบายๆ"
"------"
คำพูดของอากิฮะทิ่มแทงผมอย่างเต็มๆ


 


แต่เพราะนั่นคือความจริง, ทำให้ผมไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้กลับไปได้เลย


"ท่านอากิฮะ? นี่ใกล้จะได้เวลาออกไปแล้วนะคะ นั่นมันไม่เป็นไรใช่ไหมคะ"
".....ฉันรู้น่า,ชิ อย่างมากังวลกับเรื่องแบบนั้นตั้งแต่วันแรกสิ"
หลังจากบ่นพึมพำ อากิฮะก็ลุกขึ้นยืน

"อืม หนูคงต้องบอกลาแล้ว พี่คะ, วันนี้พี่ต้องตั้งใจเรียนนะคะ"
อากิฮะออกไปจากห้องนั่งเล่น
โคฮาคุซังตามไป, ส่งเธอ

"ให้ผมเอาใจใส่กับการเรียน...?"
เธอค่อนข้างเจ้าระเบียบในเรื่องเล็กๆน้อยๆ แบบคนสมัยก่อน...
ผมคิดว่านั่นคงเป็นเพราะเธออยู่ภายใต้การอบรมของพ่อตลอดแปดปีที่ผ่านมา

"...... ยังไง, ต่อให้เธอไม่พูดอะไร ผมก็ไปโรงเรียนอยู่ดีนั่นล่ะ"
ผมเกาแก้มของตนเอง

มันมีอะไรบางอย่างบนใบของอากิฮะในตอนที่เธอกำลังจะออกไป...  เป็นเพราะสิ่งนั้น,ทำให้ผมไม่โกรธเรื่องที่เธอดุด่าผมสารพัดในช่วงเช้านี้เลยแม้แต่น้อย

"แน่นอน---"
ผมประกบมือเข้าด้วยกัน

ด้วยเหตุผลบางประการ, ใบหน้าของอากิฮะเมื่อครู่ดูคล้ายกับใบหน้าของเธอเมื่อนานมาแล้ว ---

หลังจากทานข้าวเช้าทีโคฮาคุซังได้เตรียมไว้ให้แล้ว, ผมได้ออกมาที่ห้องรับแขก
ฮิซุยรอผมอยู่ที่นั่นพร้อมกับกระเป๋านักเรียนของผม

"ท่านชิกิ, มีเวลาพอสำหรับไปโรงเรียนรึเปล่าคะ?"
"อื้อ,  มันควรใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีในการไปโรงเรียน ถ้าผมวิ่งไป ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง, ดังนั้นมันคงไม่เป็นไรต่อให้ผมเสียเวลาไปอีกนิดหน่อยก็เถอะ"
ดูเหมือนว่าเธอจะพอใจกับคำตอบ, ฮิซุยพยักหน้าเป็นการบอกว่าเห็นด้วย




"ถ้าอย่างนั้น, กรุณาให้ฉันไปส่งท่านด้วยค่ะ"
"เอ๊ะ? อะ,อื้อ... ขอบคุณ"
….. ผมยังคงรู้สึกอึดอัดกับอย่างมากกับคนรับใช้ของผม

"โอ๊ะ, ชิกิซัง! รอก่อนค่ะ!"
พร้อมกับเสียงฝีเท้า, โคฮาคุซังวิ่งลงมาจากชั้นสอง

"......"
ฮิซุยถอยไปข้างหลังและเงียบไปเมื่อโคฮาคุซังโผล่มา

"ฮะ? เธอไม่ได้อยู่ด้วยกันกับอากิฮะเหรอ?"
"ท่านหญิงอากิฮะนั่งรถไปโรงเรียนแล้วค่ะ แต่เพราะว่าเช้านี้ชั้นมีอะไรจะให้คุณ, ชั้นเลยยังอยู่ที่นี่"
"มีอะไรจะให้ผม?"
"ใช่ค่ะ มันถูกส่งมาจากบ้านอาริมะเมื่อวาน"
โคฮาคุซังยิ้ม

"เอ๊ะ? แต่, ผมได้พัสดุครบหมดแล้วนะ ของที่ผมใช้ตอนอยู่ที่บ้านอาริมะก็เป็นของๆ พวกนั้นทั้งหมด, ดังนั้นของที่ผมเอามาก็เลยมีแค่เสื้อผ้าของผม..."
"จริงเหรอคะ? แต่สิ่งนี้มันส่งมาที่นี่เมื่อวาน, ถึงอย่างนั้น..."
โคฮาคุซังยื่นกล่องไม้บางๆมาให้ผม, มันยาวราวๆ ยี่สิบเซนติเมตร
มันไม่หนักแม้แต่น้อย

"...... โคฮาคุซัง, ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยนะ"
"อืม ดูเหมือนพ่อของคุณที่จากไปแล้วจะทิ้งสิ่งนี้ไว้ให้คุณน่ะคะ มันเป็นสิ่งที่ถูกตั้งใจไว้ว่าจะมอบให้คุณ"
"...... พ่อของผมน่ะเหรอ?"
...... ผมไม่รู้สึกอะไรเลยกับเรื่องนั้น
ทำไมพ่อที่ไล่ผมออกจากคฤหาสน์เมื่อแปดปีก่อนถึงได้เหลืออะไรไว้ให้ผม




"โอ๊ะ ถ้างั้น โคฮาคุซัง, ช่วยเอามันไปเก็บไว้ที่ห้องผมทีนะ"
"-----"
เห็นได้ชัดว่าโคฮาคุซังกำลังจดจ่ออยู่กับกล่องไม้
เธอดูเหมือนกับเด็กที่อยากได้ของเล่น

จ้องงงงงง

ไม่, เธอเป็นเป็นเด็กเลยล่ะ

"...... ผมเข้าใจแล้ว เธออยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน, ใช่ไหม?"

"โอ๊ะ, ไม่เลยค่ะ ฉันแค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง"
...... เป็นอย่างที่ผมพูดเลย, คุณก็สงสัยเหมือนกันใช่ไหมล่ะว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

"ไม่เป็นไร, เปิดมันกันเถอะ หนึ่ง, สอง... ซั่ม!"
พร้อมกับเสียงเรียบๆ, กล่องไม้ได้เปิดออก
ข้างใน, นั่นคือ----แท่งเหล็กบางๆ ยาวประมาณสิบเซนติเมตร

"...... มันคือ... แท่งเหล็ก"
ไม่มีการประดับตกแต่งหรือเขียนอะไรไว้บนนั้น, มันมีรอยนิ้วมืออยู่เต็มไปหมด
...... พ่อต้องเกลียดผมมากแน่ๆ ถึงขนาดเหลือเศษขยะแบบนี้ไว้ให้ผม

"ไม่ใช่ค่ะ, ชิกิซัง มันคือมีดปอกผลไม้ค่ะ"
โคฮาคุซังหยิบแท่งเหล็กออกมานอกกล่อง

"ดูนะ, ไม่ใช่ว่ามันมีใบมีดพับไว้อยู่ข้างในเหรอคะ? หนึ่ง, สอง... ซั่ม!"
พร้อมๆกับเสียงเลื่อนของโลหะ, ใบมีดยาวสิบเซนติเมตรเด้งออกมาจากแท่งเหล็ก
...... ผมเข้าใจแล้ว, มันคือมีดนั่นเอง

"มันเก่าแล้ว, แต่ดูทนทานพอสมควรเลยนะคะ มีวันและปีที่ผลิตถูกเขียนไว้ด้านหลัง"
โคฮาคุซังเก็บใบมีดเข้าที่เดิม, แล้วส่งมีดมาให้ผม

แน่นอน, มันมีเลขเขียนไว้ที่ด้ามจับ
ตัวอักษรคำว่า "เจ็ด", และใต้อักษรนั้น ยังมีตัวอักษรคำว่า "ราตรี"




"พี่คะ, ชื่อตรงนั้นมันไม่มีวันที่ผลิตอยู่ค่ะ มันเขียนไว้ว่า 'นานาสุ-โยะหรุ' "
"อ๊ะ! "
ผมตกใจหันไปมอง
ฮิซุย, ผู้ที่อยู่เงียบมาตลอดจนถึงเมื่อกี้, กำลังมองผ่านไหล่ของผมไปยังมีด

"ธะ, เธอทำให้ผมตกใจนะ...  ฮิซุย, เธอน่าจะพูดอะไรบ้าง ไม่จำเป็นต้องมองผ่านไหล่ของผมไปแบบนั้นก็ได้, เธอก็รู้นี่ ว่าถ้าเธออยากดูผมจะเอามันให้เธอดูแน่นอน"
"อ๊ะ----"

แก้มของฮิซุยกลายเป็นสีแดงจางๆ

"-ขออภัยด้วยค่ะ เอ่อ---มีดนั่นมันสวยมากขนาดที่ฉันห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยค่ะ"
"สวยเหรอ? เธอคิดว่ามันสวยเหรอ? สำหรับผมมันดูเหมือนมีดเก่าๆ พังๆ มากกว่านะ "

"---ไม่ใช่จริงๆ นั่นล่ะค่ะ ใบมีดได้ถูกตีมาอย่างมืออาชีพ ฉันคิดว่ามันคงจะเป็นมีดที่ผ่านอะไรมาเยอะค่ะ"
"จริงเหรอ? แต่สำหรับผมมันดูเหมือนเศษขยะมากกว่านะ..."

แต่พอฮิซุยคิดแบบนั้น, ผมก็เริ่มรู้สึกในสิ่งเดียวกัน
...... อืมมม ในตัวมันเอง, ผมคิดว่ามันก็คงไม่ใช่มรดกที่แย่อะไรนักหรอกนะ




" 'เจ็ดราตรี?' ...? บางทีนั่นมันอาจจะเป็นชื่อของมีดปอกผลไม้อันนี้รึเปล่าคะ?"
"บางทีนะ.....  ถึงผมจะไม่คิดว่าเขาจะตั้งชื่อมีดแบบนั้นก็เถอะ"
ยังไงก็ตาม มันก็เป็นไปได้ เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่ามีดนั่นดูเป็นของเก่าแก่

"ท่านชิกิ, มีเวลาพอสำหรับการไปโรงเรียนรึเปล่าคะ...?"
"อ๊ะ! ผมต้องไปแล้ว อืม,โคฮาคุซัง, ขอบคุณนะที่เอามาให้"
โคฮาคุยิ้มและโบกมือบอกให้ผมไป




ผมออกมาที่ประตู
ฮิซุยตามมาอย่างเงียบๆ
"..... ฮิซุย เธอมาส่งผมเหรอ?"
ฮิซุยพยักหน้าโดยปราศจากคำพูดใดๆ

"ท่านชิกิ? จะกลับมากี่โมงเหรอคะ?"
ดูเหมือนฮิซุยจะยังคงเรียกผมว่า "-ท่าน" ไปจนจบ
อืม, ถ้าผมเอาเวลาไปบ่นเรื่องนั้น ผมคงต้องไปโรงเรียนสายแน่นอน ไว้ผมค่อยไปบ่นเรื่องคำเรียกชื่อนั่นทีหลัง

"ท่านชิกิ?"
"อะ, อืม อ่า... น่าจะเป็นราวๆ สี่โมงเย็น, ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ผมไม่ได้ทำกิจกรรมชมรมอะไรเลยนี่"
ถ้าผมไม่ได้ออกไปกับอาริฮิโกะ, ผมมักจะกลับบ้านค่อนข้างเร็วเสมอ

ฮิซุยโค้งอย่างจริงใจให้กับผมที่บอกเวลาแบบส่งเดชกับเธอไป
"เข้าใจแล้วค่ะ เดินทางระมัดระวังด้วยนะคะ"

...... ผมไม่รู้ว่าต้องระวังเรื่องอะไร, แต่เธอคงกังวลเรื่องสุขภาพผม

"อื้อ, ขอบคุณนะ ทางเธอก็ด้วยนะ, ฮิซุย"
ผมตอบกลับความปรารถนาดีของเธอไปด้วยเจตนาดี
ด้วยการโบกมืออย่างร่าเริงไปให้ฮิซุย, ผมออกมาโดยทิ้งประตูของคฤหาสน์ไว้เบื้องหลัง




---ผมเดินลงมาจากเนิน
ตั้งแต่ผมไปโรงเรียนจากบ้านอาริมะ มาจนมาถึงเมื่อวาน, นี่เป็นครั้งแรกที่ผมใช้เส้นทางนี้

"มีไม่มากนักจากโรงเรียนผม... "
เห็นได้ชัด, ว่ามีนักเรียนจากโรงเรียนของผมไม่มากนักที่อาศัยอยู่แถวนี้

เลยเจ็ดโมงครึ่งไปแล้ว
ผมยังไม่เห็นใครใส่ชุดนักเรียนวิ่งอยู่บนถนนสายนี้เลยนอกจากผม




ในที่สุดผมก็ค่อยๆ เริ่มเห็นบางคนที่ใส่ชุดนักเรียนอยู่ในกลุ่มฝูงชน
พื้นที่แถวนี้อยู่ใกล้ๆ กับถนนที่ตรงไปยังโรงเรียน

"….. ยูมิซึกะซังอยู่ไหนกันนะ...? อืม, ผมคงไม่โชคดีขนาดนั้นหรอก..."
ผมนึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มของเพื่อนร่วมห้องที่แยกกันที่นี่เมื่อวานในตอนที่เธอกำลังพูดว่า "บ้านของฉันไปทางนี้จ้ะ"

ในขณะที่ผมคิดว่ายูมิซึกะ ซัตสิกิอยู่ในห้องเรียน, ผมก็ก้าวเท้าเร็วขึ้นเล็กน้อย และรีบมุ่งหน้าตรงไปยังห้องเรียน




ผมออกมาจากย่านชุมชนและมาถึงตรงทางแยก
ประตูโรงเรียนจะปิดในอีกราวๆ สิบนาที
ผมวิ่งผ่านถนนราดยางมะตอย

-------ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ

ดูเหมือนมันจะใช้เวลาไปแค่ยี่สิบนาที,ไม่ใช่สามสิบนาที ในการเดินทางมาจากคฤหาสน์ ผมคงต้องออกจากบ้านราวๆ เจ็ดโมง ถ้าผมอยากจะไปแบบช้าๆ, เพราะนี่ผมวิ่งมาเกือบตลอดทาง




"-----?"
เมื่อผมไปถึงห้องเรียน ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ
แม้ว่าห้องเรียนในตอนเช้ามักจะมีเสียงดังเสมอ แต่วันนี้เสียงที่ได้ยินมีอะไรบางอย่างแปลกไป

ผมเดินไปที่โต๊ะของผมที่ซึ่งอยู่ถัดจากหน้าต่าง
อาริฮิโกะรออยู่ที่นั่นด้วยท่าทางไม่พอใจ

"อาริฮิโกะ, เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"

"...... ไม่รู้ดิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก มันก็แค่ข่าวลือที่ว่ามีคนในห้องเราหนีออกจากบ้านไป"
"อา... นั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนคุยกันอยู่สินะ, ถ้างั้น"
ผมนั่งลงที่โต๊ะของผมพร้อมกับถอนหายใจ

"---นายหมายความว่ายังไง, ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ!? ใครหนีออกจากบ้าน? ใคร!"

"ชั้นจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? แต่เราคงจะได้รู้กันตอนคาบโฮมรูมเริ่มนั่นแหละ เก้าอี้ของใครก็ตามที่ว่างอยู่, มันจะต้องเป็นของคนที่หนีออกจากบ้านล่ะ"

"อา, นั่นสินะ"
มันก็ถูก, แต่ท่าทางของอาริฮิโกะเหมือนจะไร้น้ำใจไปหน่อย
...... แต่ถ้าเพื่อนร่วมห้องของเราหนีออกจากบ้านไปจริงๆ, ผมว่ามันคงจะเกินไปหน่อยที่จะไม่สนใจเรื่องนั้นเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น

"อาริฮิโกะ? ไม่ใช่ว่านายกำลังเริ่มเป็นคนไร้หัวใจรึไง? เพื่อนในห้องหนีออกจากบ้านไปเชียวนะ... นายไม่เป็นห่วงเลยรึไง?"

"เอ๊ะ? นายเป็นคนเดียวที่กังวลเรื่องนั้นอย่างจริงจังนะ, โง่น่า ที่ทุกคนพูดเรื่องนั้นกันเพราะมันเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะเอาไปพูดกันต่างหากล่ะ
มันไม่ใช่ว่าเป็นนายหรือชั้นที่หนีออกจากบ้านไปซะหน่อย, ดังนั้นไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเลย,ใช่มะ?"


...... ตอนนี้ผมนึกออกแล้ว ชายคนนี้จะเย็นชากับทุกๆ คนยกเว้นกับเพื่อนของเขา

"ถึงอย่างงั้น, ชั้นคิดว่าชั้นก็เป็นห่วงอยู่นิดหน่อยนะ หนีออกจากบ้านไปในเวลาแบบนี้... จะต้องเป็นคนที่กล้าสุดๆ หรือไม่ก็... สุดๆ"
"...? เวลาแบบนี้? มันคือเวลาแบบไหนกันล่ะ?"
"ชั้นบอกนายไปแล้วเมื่อวานนี่,โทวโนะ ช่วงนี้มีฆาตกรต่อเนื่องเดินไปเดินมาตามถนน ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าใครหนีออกจากบ้านไป, แต่คนๆนั้นจะไม่มีสิทธิ์บ่นอะไรถ้าโดนมันเล่นงานขณะที่กำลังใช้ชีวิตแบบข้างถนนอยู่"




"เป็นไปไม่ได้-------นั่นมันไม่มี่ทางเป็นไปได้"

"โทวโนะ, นายน่าจะดูทีวีมากกว่านี้นะ ตอนนี้มีเหยื่อแปดคนแล้ว, และมันก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย นายน่าจะลองคิดดูดีๆ อีกครั้งนะกับการที่นายคิดว่าตอนนี้ยังปลอดภัยอยู่
ตอนนี้ในเมืองตอนกลางคืนไม่มีคนแล้ว คนที่ออกไปเดินอยู่ก็มีแค่ตำรวจกับคนเมาเท่านั้น, ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ชั้นเบื่อมากๆ"
เสียงของอาริฮิโกะฟังดูเครียดมาก
พอฟังแล้ว, ผมก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

"โอ๊ะ, คุนิฟุจิมาแล้ว ในที่สุดโฮมรูมก็เริ่มซักที"

อาริฮิโกะกลับไปยังที่นั่งของเขา

หลังจากนั้นซักพัก, ทุกคนก็นั่งในที่ของตัวเอง
มีที่นั่งว่างเพียงที่เดียวเท่านั้น
มันไม่มีทางเข้าใจผิดแน่นอน โต๊ะของยูมิซึกะ ซัตสึกิว่างอยู่




"อืม, บ้านของฉันไปทางนี้จ้ะ
บ๊าย-บาย ไว้พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ"

"......"
...... ยูมิซึกะพูดออกมาตอนที่เราแยกกันเมื่อวาน ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของเธอ, แต่ผมไม่คิดว่าเธอจะทำหน้ายิ้มแย้มแบบนั้น ก่อนที่จะหนีออกจากบ้านไป




"ยูมิซึกะขาดเรียน"
ยูมิซึกะ ซัตสึกิถูกทำเหมือนกับว่าเธอขาดเรียนเฉยๆ        
..... เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ, คาบโฮมรูมยังคงดำเนินต่อไป

ผม-----


2. .... แค่นั่งอยู่เงียบๆ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น