[Spoil] Prologue (Part 1)

posted on 5/01/2563 11:58:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:

Sakura no Mori † Dreamers
เหล่าผู้ท่องความฝัน ณ ซากุระโนะโมริ

สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในห้วงลึกคือ……
โบดาช (วิญญาณร้าย) งั้นเหรอ
โจ๊กเกอร์ (ปีศาจฆาตกร) งั้นเหรอ
หรือว่า------ตัวคุณเอง



Prologue (Part 1) : เด็กหนุ่มผู้มองเห็นเงา

ฟุคิงามิ ชินจิ(เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ตรงกลาง) เป็นเด็กนักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆที่อาศัยอยู่ในเมืองซากุระโนะโมริ
ในวัยเด็กเขาสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตก แต่ก็ได้คุณน้ามิยาโกะ น้องสาวของแม่รับไปดูแล
ในเวลานั้นเขาจมอยู่กับความโศกเศร้า แต่เพราะได้ความช่วยเหลือจากอาคิสึ มาโดกะ เพื่อนสมัยเด็กที่อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ก่อนจำความได้(เด็กสาวผมทองทางซ้ายมือ) และฟุคิงามิ ฮัตสึเนะ ลูกสาวของคุณน้ามิยาโกะ(เด็กผู้หญิงผมสีชมพูที่ยืนอยู่ทางขวา) จึงยืนหยัดขึ้นมาได้อีกครั้ง
และตอนนี้เด็กหนุ่มก็ได้ก้าวข้ามบาดแผลในอดีตไป แล้วใช้ชีวิตนักเรียนธรรมดาๆไปอย่างสงบสุข




Prologue






วันนี้เป็นวันปิดเทอมวันสุดท้าย
ชินจิออกไปปั่นจักรยานด้วยกันกับมาโดกะเช่นเคย
ในวันหยุดเขากับเธอมักจะไปขี่จักรยานด้วยกัน
งานอดิเรกนี้เริ่มมาจากตอนที่พ่อของมาโดกะยกจักรยานเสือหมอบคันเก่าที่ไม่ใช้แล้วให้กับเขา
นับแต่นั้นเขากับมาโดกะก็ออกไปขี่จักรยานด้วยกันบ่อยๆ

ทั้งคู่ปั่นจักรยานมาจนถึงหนองน้ำซึ่งเป็นจุดหมาย
วันนี้มาโดกะก็มาถึงก่อนเช่นเคย
นั่นหมายความว่าคราวนี้เขาก็แพ้ให้กับเธออีกเช่นกัน
แต่มาโดกะก็บอกเขาว่าชินจิเป็นผู้ชาย เดี๋ยวอีกปีสองปีก็ชนะเธอได้แล้ว

ที่แห่งนี้เป็นหนองน้ำที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก มีเขียนอยู่บนแผนที่ปีนเขาก็จริง แต่เพราะอยู่ห่างจากทางปีนเขาเลยเดินทางมายาก และถ้าจะขับรถมาก็ต้องจอดรถทิ้งไว้บนถนน เลยไม่ค่อยมีใครมากัน
แม้จะบอกว่าเป็นหนองน้ำ แต่ก็ใสและงดงามราวกับทะเลสาบ แล้วยังมีบรรยากาศสงบร่มเย็น
ทั้งคู่ชอบบรรยากาศนี้มาก ที่แห่งนี้เลยเป็นเหมือนสถานที่ลับของทั้งสองคนไป
หลังชมหนองน้ำด้วยกันสักพักทั้งคู่ก็ปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยกัน
มาโดกะเป็นคนซุ่มซ่าม มักจะลืมนำของที่จำเป็นมาบ่อยๆ อย่างวันนี้เธอก็ลืมเสื้อกันลมไว้ที่บ้าน  ตอนขี่จักรยานลงเนินหนาวมาก จนชินจิต้องถอดเสื้อกันลมของตัวเองให้เธอยืม




ชินจิกลับบ้านมาไม่เจอใคร
หลังอาบน้ำล้างตัวเสร็จก็ว่างเพราะทำการบ้านปิดเทอมเสร็จไปนานแล้ว
เขาไม่มีอะไรทำเลยออกไปเดินเล่นข้างนอก

แล้วก็เจอกับยาสึกะ ฮิเดโนริ เพื่อนผู้อายุมากกว่า(ชายหนุ่มในรูปด้านบน)
คุณฮิเดะเป็นคนนิสัยแปลกๆ ชอบพูดเรื่องฮีโร่ และกินแต่ขนมปังถั่วแดงเพราะไม่มีเงิน ไม่มีงาน และไม่มีบ้าน บางวันถึงกับต้องขโมยของกินเพื่อประทังชีวิต แถมพอจะหางานทำ หลังทำไปได้ไม่นานก็โดนไล่ออกเพราะซุ่มซ่าม
แต่วันนี้คุณฮิเดะคนนั้นบอกกับเขาว่าหาได้งานแล้ว จากนั้นก็พาเขาไปดูห้องเล็กๆบนอาคารให้เช่าโทรมๆหน้าสถานี




ป้ายหน้าห้องสำนักงานนั้นเขียนไว้ว่า สำนักงานนักสืบโกโรตะ
พอเปิดประตูเข้าไปก็มีเสียงตะโกนด่ามาทันทีว่า เฮ้ย แกมัวแต่ไปโอ้เอ้อยู่ที่ไหนมาวะ !”
คนที่ตะโกนเป็นชายมีอายุ ดูแล้วท่าทางเป็นเจ้าของสำนักงาน
อีกฝ่ายสังเกตเห็นเขาเลยส่งเสียงทัก คุณฮิเดะเลยบอกว่าเป็นเพื่อน

ชายที่ท่าทางเป็นเจ้าของสำนักงานทวงบุหรี่ที่ใช้ให้คุณฮิเดะไปซื้อ แต่คุณฮิเดะดันลืมไปว่าที่ตัวเองออกไปข้างนอกเพราะต้องไปซื้อบุหรี่ เลยโดนด่าเละและต้องวิ่งไปซื้อมาใหม่
ในห้องจึงเหลือกันแค่ชินจิกับชายมีอายุ
อีกฝ่ายทักทายเขา แนะนำตัวแบบห้วนๆว่าตนเป็นนักสืบชื่อโกโรตะ แล้วรินกาแฟให้
ชินจินั่งอยู่ที่สำนักงานนั้นสักพักก่อนจะขอตัวกลับ




ชินจิกลับมาถึงบ้าน
ฮัตสึเนะจังออกมาต้อนรับเขา คุณน้ามิยาโกะ(ผู้หญิงทางซ้ายมือ)เองก็กลับมาแล้วด้วย
ทั้งสามคนคุยกันเรื่องที่ฮัตสึเนะจะขึ้นเป็นนักเรียนมัธยมในวันพรุ่งนี้




หลังทานข้าวเสร็จ ตอนหัวค่ำชินจิไปส่งคุณน้ามิยาโกะกับฮัตสึเนะจังที่คอนโด
ฮัตสึเนะจังรักเขาเหมือนเป็นพี่ชาย
คุณน้ามิยาโกะเองก็รักเขาเหมือนเป็นลูกชาย
ทางเขาเองก็รักทั้งคู่เหมือนเป็นครอบครัวแท้ๆ
และตามกฎหมาย ตัวเขาก็เป็นลูกของบ้านฟุคิงามิจริงๆ

ทว่า ทั้งคู่กลับไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันกับเขา
คุณน้ากับฮัตสึเนะจังจะมาปลุกเขาทุกเช้า และตอนเย็นก็จะมาทานข้าวด้วยกัน
แต่ดูเหมือนจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างเลยไม่มาอาศัยอยู่ด้วยกัน
ถึงอย่างนั้นตัวเขาก็ไม่เคยเอ่ยปากถามถึงเหตุผลนี้

หลังแยกกับชินจิ ฮัตสึเนะก็ถามแม่ของเธอว่าทำไมถึงไม่ไปอาศัยอยู่บ้านเดียวกับพี่ชายเหรอ
แต่คุณแม่ของเธอก็ตอบแบบเลี่ยงๆเช่นเดียวกับทุกครั้งไป




ชินจิกลับมาถึงบ้าน
ผิดจากเมื่อครู่ เป็นบ้านที่ว่างเปล่า ถึงจะพูดว่า กลับมาแล้วครับไปก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
เขาส่งข้อความหามาโดกะ
มีเสียงตอบกลับมาทันที
เสียงนั้นไม่ได้ดังมาจากโทรศัพท์มือถือ แต่มาจากทางหน้าต่าง




มาโดกะทักเขาว่าทำการบ้านปิดเทอมเสร็จรึยัง
เขาตอบว่าทำเสร็จไปนานแล้ว เธอเลยบอกว่าตอนนี้ทางเธอกำลังรีบปั่นอยู่เลย
ทั้งคู่คุยเล่นกันอยู่สักพัก
ก่อนจะแยกย้าย ชินจิถามมาโดกะว่าช่วงนี้คุณลุงยุ่งเหรอ ไม่ค่อยไปขี่จักรยานด้วยกันเลย เธอเลยบอกว่าช่วงนี้พ่อแม่ของเธอดูยุ่งแบบแปลกๆ วันหยุดเองก็หายไปไหนด้วยกันบ่อยๆ
หลังจากนั้นมาโดกะก็รีบกลับไปปั่นการบ้านปิดเทอมต่อ




เช้าวันถัดมา ฮัตสึเนะมาปลุกเขาที่บ้าน
วันนี้ฮัตสึเนะจะขึ้นชั้น ม.1  ส่วนเขากับมาโดกะจะกลายเป็นนักเรียน ม.2
ทั้งสามคนจะได้เดินไปโรงเรียนด้วยกันอีกครั้ง
ฮัตสึเนะรักมาโดกะเหมือนเป็นพี่สาว
และมาโดกะเองก็รักฮัตสึเนะเหมือนเป็นน้องสาวเช่นกัน
ฮัตสึเนะจึงดีใจมากที่ได้มาเรียนที่เดียวกันอีกครั้ง




ปีนี้เขากับมาโดกะก็ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกเช่นเคย
สถิติที่ไม่เคยถูกทำลายจึงได้รับการอัพเดทเพิ่มใหม่อีกครั้ง
ใช่แล้ว เขากับเธอเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาตลอดทุกปี ไม่เคยแยกจากกันเลย

ระหว่างเดินไปห้องเรียนชินจิทักมาโดกะว่าเป็นคนใส่ใจกับความรู้สึกของคนรอบข้างดี เมื่อเช้าก็ชมชุดนักเรียนของฮัตสึเนะจังทันที่เห็น ตัวเขานี่นึกไม่ถึงเลย ต้องรอให้คุณน้ามาบอกก่อน
มาโดกะเลยบอกว่านั่นไม่ใช่เพราะใส่ใจกับความรู้สึกหรืออะไรหรอก แต่เป็นเพราะเด็กผู้หญิงจะทักทันทีเวลาเห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนทรงผมใหม่หรือใส่ชุดใหม่น่ะ

ชินจิรู้สึกขัดๆกับคำพูดของมาโดกะ โดยเฉพาะตรงคำว่า เพราะเด็กผู้หญิง
หมู่นี้เพื่อนสนิทของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อยรึเปล่านะ
ทั้งเรื่องที่ชมชุดนักเรียนของฮัตสึเนะจังเมื่อเช้าก็ดี หรือจะเรื่องเมื่อวานที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าผิวตัวเองคล้ำขึ้นนิดหน่อยจนคุณน้ามาทัก แต่เธอกลับทาโลชั่นอยู่แล้วก็ดี

ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็มาถึงห้องเรียน
มาโดกะแยกตัวไป




โย่ อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้วนะมีเสียงทักมา
ที่ส่งเสียงทักเขาคือซาบาเอะ เพื่อนร่วมชั้นเมื่อปีที่แล้วที่สนิทกันพอตัว (เด็กผู้ชายในรูปด้านบน)
ซาบาเอะถามเขาว่าช่วงปิดเทอมทำอะไรอยู่เหรอ เขาเลยตอบไปตามตรงว่าขี่จักรยาน
หลังถามเรื่องจักรยานไปได้สักพัก ซาบาเอะก็ตกใจที่รู้ว่าชินจิมักจะไปขี่จักรยานด้วยกันกับมาโดกะ แล้วก็ถามว่าเขาคบกับเธออยู่เหรอ
ชินจิตอบไปว่าเปล่า มาโดกะเป็นเพื่อนสมัยเด็ก
ซาบาเอะเลยบอกว่าน่าอิจฉาที่มีเพื่อนสมัยเด็กเป็นสาวงามแบบนั้น
ชินจิแปลกใจที่ได้ยินว่ามาโดกะเป็นสาวงาม
ก่อนจะมานึกได้ว่าตัวเขาไม่เคยมองอาคิสึ มาโดกะ เพื่อนสมัยเด็กของเขาในฐานะเพศตรงข้ามเลยสักครั้ง




หลังเลิกเรียนซาบาเอะชวนเขาไปเกมเซ็นเตอร์ด้วยกัน เขาไม่มีเรื่องที่ต้องทำเป็นพิเศษอะไรอยู่แล้ว เลยเออๆออๆตามไป
ระหว่างทางซาบาเอะถามเขาว่ารู้จักเด็กผู้หญิงชื่อ "ฟุคิงามิ ฮัตสึเนะไหม เห็นนามสกุลเดียวกัน
พอเขาตอบไปว่าฮัตสึเนะจังเป็นน้องสาว ซาบาเอะก็บอกว่าฮัตสึเนะจังน่ารักมาก แนะนำให้รู้จักที
แน่นอนว่าเขาปฏิเสธไป ฮัตสึเนะเป็นน้องสาวคนสำคัญ จะให้แนะนำให้รู้จักกับเพื่อนที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์แฝงอยู่แต่แรกก็กระไรอยู่
ดูเหมือนว่าที่โรงเรียน ซาบาเอะกับเพื่อนจะกระจายกันไปสำรวจหานักเรียนใหม่น่ารักๆกัน




ก่อนนอน เขาคุยกับมาโดกะผ่านทางหน้าต่างเช่นเดียวกับทุกครั้ง
แต่เพราะคำพูดของซาบาเอะที่ว่ามาโดกะเป็นสาวงาม เขาเลยเผลอมองพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย
แล้วเขาก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตนกับมาโดกะคุยกันผ่านหน้าต่างทุกวันก็จริง แต่ที่โรงเรียนกลับไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร
ที่ผ่านมาไม่เคยแม้แต่จะคิดหรือรู้สึกตัวเรื่องนั้นเลย แต่อาจจะเป็นเพราะเขากับเธอไม่อยากโดนล้อเลยเผลอหลีกเลี่ยงที่จะคุยกันในโรงเรียนไปโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้




เช้าวันต่อมา ชินจิเดินไปโรงเรียนด้วยกันกับมาโดกะและฮัตสึเนะ
ทั้งสามคุยกันเรื่องชมรม
มาโดกะอยู่ชมรมวอลเลย์
ชินจิอยู่ชมรมวรรณกรรม แต่ก็เป็นสมาชิกผีที่แทบไม่เคยโผล่หน้าไป เพราะเอาเวลาไปทุ่มให้กับจักรยานหมด
ส่วนฮัตสึเนะกำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าชมรมวรรณกรรมตามพี่ชายของเธอดีไหม แต่เมื่อเช้าแม่ของเธอก็บอกอยู่หยกๆว่าอย่ามัวแต่อ้อนพี่ชาย




ครื่น !
ทันใดนั้นเองได้มี เงาอะไรบางอย่างพุ่งตัดหน้าพวกเขาไป
คนที่เห็นเงานั้นมีเพียงเขาคนเดียว
ชินจิหน้าซีด
เขาเห็น มันอีกแล้ว

บางครั้งเขาจะมองเห็นเงาประหลาด
มีเพียงเขาคนเดียวที่มองเห็นมัน มันจึงเป็นเพียงภาพหลอน
เพราะรู้แบบนั้นเขาจึงพยายามไม่แสดงอาการใดๆออกมาเวลาที่เห็นมัน ถึงอย่างนั้นพอมันโผล่มาก็ต้องตกใจอยู่ดี




เขาเริ่มมองเห็นเงาหลังจากที่พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
อุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน
มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ราวกับปาฏิหาริย์
ผู้รอดชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนั้นได้แก่ฟุคิงามิ ชินจิ, ฟุคิงามิ ฮัตสึเนะ และฟุคิงามิ มิยาโกะ
นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มมองเห็นเงาประหลาด




ทว่า ที่เขามองเห็นเงานั้นเป็นเพราะอุบัติเหตุจริงๆหรือ
ชินจิรู้สึกว่าในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีก่อนที่เครื่องบินจะตก เขาได้เงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดาน แล้วก็เห็น พวกมันจำนวนมากคลานยั้วเยี้ยกันอยู่ข้างบน




พี่คะ ?” ฮัตสึเนะเห็นเขาหยุดเดินและมีท่าทีแปลกไปจึงส่งเสียงทัก
เธอกับมาโดกะมองมาทางเขาด้วยความเป็นห่วง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น