Prologue (Part 2) : ความสัมพันธ์ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
มาโดกะกับฮัตสึเนะมองมาทางเขาด้วยความเป็นห่วง
เงานั่นหายไปแล้ว
“เงานั่น อีกแล้วเหรอ ?” มาโดกะถาม
“ก็นะ……” เขาได้แต่พยักหน้าบอกไปตามตรงอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาพยายามไม่แสดงอาการใดๆออกมาเวลาที่เห็นมันเพื่อไม่ให้ทั้งคู่เป็นห่วง
แต่พอมันโผล่มาก็ต้องตกใจอยู่ดี
มาโดกะเสนอให้เขาไปโรงพยาบาล
แต่ชินจิก็ตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร
หลังอุบัติเหตุเครื่องบินตกก็เข้ารับการตรวจเช็คไปแล้วแต่ไม่พบอะไรผิดปกติเลย
ตอนที่เดินไปห้องเรียนด้วยกันสองคน
มาโดกะก็ยังมีสีหน้าเป็นห่วงอยู่
จนเขาเผลอพูดออกไปว่า “ถ้าไม่พูดเรื่องเงาซะแต่แรกก็คงจะดี”
“ทำไมกันล่ะ ?
ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอไง” เธอถามเขา
“ก็มันทำให้ต้องเป็นห่วงนี่” ชินจิตอบกลับไป
“แล้วจะทำไมกันล่ะ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน
จะเป็นห่วงกันก็ธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง” มาโดกะตอบกลับมาแบบไม่พอใจเล็กน้อย
“อืม……” เขาพยักหน้า
สีหน้าเธอกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง
“อืม
ไม่มีอาการผิดปกติอย่างอื่นเป็นพิเศษอะไรด้วย คิดว่ารอดูอาการไปก่อนก็คงไม่เป็นไร” เธอพูด
พอมาถึงห้องเรียน ทั้งคู่ก็แยกกัน
อาจเป็นเพราะที่นั่งห่างกันด้วย แต่ที่โรงเรียนเขากับเธอไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรจริงๆนั่นล่ะ
ชินจิครุ่นคิดเรื่องที่เขามองเห็นเงา
หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น เขาก็เริ่มมองเห็นเงา
มีแค่มาโดกะกับฮัตสึเนะ แล้วก็คุณฮิเดะที่รู้ว่าเขามองเห็นมัน
แต่จริงๆแล้วยังมีเรื่องที่เขาไม่ได้เล่าให้พวกเธอฟังอยู่
นั่นคือเรื่องที่ไม่กี่วินาทีก่อนที่เครื่องบินจะตก
เขาก็รู้สึกว่าเขาเห็นภาพลวงตานั่นด้วย
ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไรว่าเขาเห็นจริงๆหรือเปล่า
แต่ถ้าเขาเห็นเงาประหลาดนั่นก่อนเครื่องบินตกจริงๆ
แปลว่าอุบัติเหตุนั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขามองเห็นเงา
หลังเลิกเรียน มีข้อความส่งมาจากมาโดกะ
“ร่าเริงเข้าไว้นะ
แล้วจะไปปั่นจักรยานด้วย”
ชินจิยิ้ม
พอเงยหน้าขึ้นก็สบตากับเธอพอดี
มาโดกะเดินออกจากห้องเรียนไปพร้อมๆกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง
หลังจากนั้นซาบาเอะก็ชวนเขาไปเกมเซ็นเตอร์ด้วยกัน
แต่เพราะเรื่องเงาเมื่อเช้าทำให้ไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไร เขาเลยปฏิเสธไป
ชินจิออกไปเดินเล่นในเมืองแล้วก็เจอกับคุณฮิเดะ
เขาเล่าเรื่องที่ตัวเองเห็นเงาอีกแล้วให้คุณฮิเดะฟังแล้วบอกว่าตัวเองคงจะเพี้ยนไปแล้ว
แต่คุณฮิเดะที่บ้าฮีโร่อยู่แล้วกลับตั้งใจฟังแล้วบอกว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอก
คุณฮิเดะบอกกับเขาว่าเงาพวกนั้นไม่ใช่ภาพลวงตา แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปพูดว่าที่เมืองซากุระโนะโมริแห่งนี้มีฮีโร่อยู่
แล้วตัวชินจิเองก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นฮีโร่นั้นด้วย
แม้เรื่องที่คุณฮิเดะพูดจะฟังดูบ้าๆบอๆไร้สาระ
แต่ก็ทำให้ลืมความกังวลไปได้ชั่วขณะ
หลายวันผ่านไป
เปิดเทอมมาได้สักพัก ตอนนี้ดอกซากุระร่วงเกือบหมดแล้ว
วันนี้ฟุคิงามิ ชินจิปั่นจักรยานเล่นอยู่ในเมืองคนเดียว
เดิมทีเขานัดกับมาโดกะไว้ว่าวันนี้จะไปภูเขาด้วยกัน
แต่เมื่อวานจู่ๆเธอก็บอกว่าสภาพร่างกายไม่ดี ไปไม่ไหว จึงต้องล้มเลิก
ถ้าเป็นหวัดล่ะก็มีแต่ต้องทำใจ เขาคิด
ปั่นจักรยานสนุกก็จริง แต่พอมาโดกะไม่อยู่ก็ไม่มีกะจิตกะใจเท่าไร
สุดท้ายเขาเลยกลับบ้านเร็วกว่ากำหนด
ถ้ามาโดกะหายหวัดเร็วๆก็ดีสิ
ตอนเย็นเขาก็ทานข้าวด้วยกันกับฮัตสึเนะจังและคุณน้ามิยาโกะเช่นเคย
ฮัตสึเนะบอกว่าเธอเข้าชมรมคหกรรมแล้ว
จากนั้นก็ถามว่าวันอาทิตย์หน้าเขาว่างไหม
พอเขาตอบไปว่าคงจะไปปั่นจักรยาน ไม่รู้ทำไมฮัตสึเนะจังถึงได้ดูซึมๆไป
…
…
…
หลังทานข้าวเสร็จ ฮัตสึเนะก็แยกกับพี่ชายของเธอที่มาส่งหน้าคอนโด
ตอนขึ้นลิฟต์
คุณแม่ของเธอปลอบเธอว่าสักวันหนึ่งโอกาสคงจะมาถึง ฮัตสึเนะเพิ่งเริ่มหัดทำอาหาร
ยังไม่ต้องรีบร้อน
เช้าวันต่อมา ชินจิเห็นสีหน้าของมาโดกะดูไม่ดีนักจึงส่งเสียงทัก
“หายหวัดแล้วเหรอ” เขาทัก
“เอ๊ะ หวัด ?” มาโดกะมีสีหน้างงๆ
“ไม่ใช่หรอกเหรอ หรือว่าอาหารเป็นพิษ ?” เขาพูด
“…………” เธอเงียบ
“หรือว่าบาดเจ็บ ?” เขามองสำรวจร่างกายเธอ
แต่ก็ดูไม่มีอะไรผิดปกติ
“อะ เอ่อ……อื้ม ก็นะ……แต่ดีขึ้นนิดหน่อยแล้วล่ะ” เธอตอบเขาแบบเลี่ยงๆ
พอมาโดกะบอกว่าไม่เป็นไร เขาเลยชวนเธอไปขี่จักรยานด้วยกันอาทิตย์หน้า
ฮัตสึเนะมองทั้งคู่แล้วรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
พี่ชายของเธอก็เคยชวนเธอไปขี่จักรยานด้วยกันกับคุณมาโดกะ
แต่เธอไม่เก่งกีฬาจึงปฏิเสธไป
ทว่า
นั่นก็เป็นแค่เหตุผลรอง เหตุผลจริงๆคือเธอเกรงใจพี่ชายของเธอกับคุณมาโดกะ… แล้วก็ลึกๆแล้วบางทีในตัวเธอคงจะมีความรู้สึกที่ว่าไม่อยากเห็นตอนทั้งคู่สนิทสนมกันอยู่ด้วย
ชั่วโมงพละวันนี้เป็นการวิ่งมาราธอน
ชินจิรู้สึกอิจฉานิดๆที่มาโดกะได้นั่งดูเฉยๆ ไม่ต้องเหนื่อย
นอกจากมาโดกะแล้วก็ยังมีเด็กผู้หญิงส่วนหนึ่งที่นั่งดูอยู่เฉยๆ
“ในเวลาแบบนี้เด็กผู้หญิงสบาย
น่าอิจฉาจังเลยนะ” ซาบาเอะบ่น
“เอ๊ะ เด็กผู้หญิง ?” เขาไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด
ซาบาเอะเลยบอกว่าเป็นเรื่องประจำเดือน
เป็นตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มได้เข้าใจว่าทำไมเมื่อเช้าเพื่อนสนิทของตนถึงได้มีท่าทางแปลกๆ
หลังเลิกเรียน พอชินจิเดินออกมานอกโรงเรียนก็มีเสียงทัก
พอหันไปมองก็พบว่าเป็นมาโดกะ
“วันนี้ถึงโผล่หน้าไปที่ชมรมยังไงก็คงได้แต่นั่งดู
ว่าจะชวนกลับบ้านด้วยกันเลยมารอน่ะ” เธอบอก
“อ๊ะ……ถ้างั้นบอกมาตั้งแต่ที่ห้องเรียนก็ได้นี่นา” เขาถามด้วยความแปลกใจ
“อืม~……นั่นสินะ เอาเถอะ” เธอตอบมาแบบเลี่ยงๆ
ระหว่างกลับบ้านด้วยกัน มาโดกะถามเขาว่าวันอาทิตย์นี้ยกเลิกเรื่องไปขี่จักรยานแล้วไปร้านจักรยานในเมืองด้วยกันกับเธอแทนได้ไหม
เขาตอบตกลง
มาโดกะบอกว่าเธอมีชุดที่ต้องซื้อ
เขาเลยถามไปว่าชุดวอร์มเหรอ
แต่เธอกลับตอบมาแบบเลี่ยงๆ จากนั้นเธอก็บอกว่าหลังจากนี้คงจะมีบางครั้งที่จู่ๆเธอต้องยกเลิกนัดกะทันหันแบบเมื่อวานอีก
ชินจิที่ตอนนี้รู้สาเหตุแล้วก็พยักหน้าไปแบบหลบสายตา
วันอาทิตย์ คุณน้าถามเขาว่าทำไมวันนี้ตื่นสาย
เขาเลยตอบว่าวันนี้ไม่ได้ไปขี่จักรยาน
“ถ้างั้น พี่คะ วันนี้อยู่บ้านเหรอ ?” ฮัตสึเนะจังถามขึ้นมาทันทีด้วยความดีใจ
แต่พอเขาบอกว่าจะไปซื้อของที่ร้านจักรยาน
ฮัตสึเนะจังก็ซึมไปทันที
ทำไมกันนะ
ถึงเวลานัด ชินจิก็ออกไปซื้อของด้วยกันกับมาโดกะ
แต่พอเดินมาถึงสถานี นิสัยซุ่มซ่ามของมาโดกะก็แผลงฤทธิ์
เธอลืมตั๋วลดราคาของร้านจักรยานไว้ที่บ้านจนต้องรีบวิ่งกลับไปเอา
พอมาโดกะกลับมา ทั้งคู่ก็นั่งรถไฟเข้าไปในตัวเมือง
ระหว่างนั่งรถไฟ ชินจิได้กลิ่นหอมๆจากตัวมาโดกะ
เลยถามว่าใช้พวกน้ำหอมอยู่เหรอ
“เอ๊ะ เปล่านี่…ทำไมงั้นเหรอ” เธอตอบกลับมาด้วยสีหน้างงๆ
“เอ๋ ?
เอ่อ……” เขาแปลกใจ
“อ๊ะ หรืออยากจะบอกแบบอ้อมๆว่าเหม็นเหงื่องั้นเหรอ” มาโดกะทำแก้มป่องเล็กน้อย
เขาส่ายหน้า
“หืม คิกๆ……ชินจิเนี่ยแปลกคนจัง” เธอยิ้มให้เขา
เป็นอย่างที่เด็กสาวผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาบอก
หลังๆมานี้เขารู้สึกว่าตัวเองแปลกไปยังไงไม่รู้
ลงรถไฟมาแล้วก็เดินไปร้านจักรยานด้วยกัน
“ชินจิไปดูพวกอะไหล่เป็นไง ? อ๊ะ จะว่าไป เห็นเคยบอกว่าใกล้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนสายเบรกแล้วไม่ใช่เหรอ ?”
เหมือนจะโดนไล่ทางอ้อม
พอซื้อของเสร็จแล้วและออกจากร้านมา
เขาก็ถามเธอว่าซื้ออะไรมา แต่เธอกลับแค่ยิ้มแล้วบอกให้รอลุ้นคราวหน้า
ไหนๆก็ออกมานอกบ้านแล้ว มาโดกะเลยชวนเขาไปเที่ยว
ขากลับทั้งคู่เลยแวะชมทะเลแถวบ้านด้วยกัน
ทั้งที่มีทะเลอยู่ใกล้บ้าน
แต่เขากลับไม่ค่อยได้ว่ายน้ำเท่าไรนัก
อาจเป็นเพราะอยู่ใกล้เลยไม่ค่อยรู้สึกถึงคุณค่าเท่าไร
แล้วพอลองคุยเรื่องนี้กับมาโดกะ…
“เพราะอยู่ใกล้งั้นเหรอ ? หืม งั้นหรอกเหรอ ?” เธอฟังแล้วครุ่นคิด
“มาโดกะชอบเล่นน้ำทะเลหรอกเหรอ” เขาถามกลับ
“เปล่า เรื่องว่ายน้ำน่ะตอนนี้จะยังไงก็ช่าง
ที่บอกว่าพออยู่ใกล้แล้วจะไม่ค่อยรู้สึกถึงคุณค่าเท่าไรเนี่ย คิดแบบนั้นจริงๆเหรอ” เพื่อนสมัยเด็กของเขาจ้องตรงมา
พูดคำพูดเหมือนแฝงนัยอะไรบางอย่าง
“…………?” เขาไม่รู้ว่าเธอต้องการจะบอกอะไร
“โธ่……ทึ่มจริงๆ ชินจิบ้า” มาโดกะบ่น
“เพื่อนสมัยเด็กเนี่ย
อยู่ใกล้กันพอสมควรเลยไม่ใช่เหรอไง” เธอเฉลย
“เอ๊ะ ? อ๊ะ !” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็เข้าใจเรื่องที่เด็กสาวอยากจะสื่อ
“ฉันเนี่ยไม่มีคุณค่าขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอยิ้ม
จากนั้นทั้งสองก็คุยหยอกล้อเล่นกัน บอกว่ารู้สึกถึงคุณค่าเพราะไปขี่จักรยานด้วยกันบ้าง
อะไรบ้าง
ทว่า…
“ฉันเอง……ก็เหมือนกัน คิดว่าชินจิสำคัญสำหรับฉัน……”
พอเด็กหนุ่มได้ยินคำพูดนี้จากปากของเด็กสาว ก็หน้าแดงแล้วเบือนสายตาหนีไปมองทะเล
ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่กับมาโดกะแล้วรู้สึกว่าเป็นการอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับเด็กผู้หญิง
เข้าสัปดาห์ใหม่ หลังเลิกเรียน
ชินจิกับซาบาเอะไปเดินเที่ยวย่านร้านค้าด้วยกัน
แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นพิเศษ เล่นโทรศัพท์มือถือบ้าง คุยเล่นกันบ้าง
แล้วเพราะเรื่องความรู้สึกที่มีต่อมาโดกะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เขาเลยเผลอถามซาบาเอะไปลอยๆว่ามีแฟนรึยัง
“อึก……อย่ามาถามเรื่องนั้นกับชั้น” ซาบาเอะตอบมาด้วยสีหน้าเจ็บใจสุดๆ
แล้วพูดเสริมว่าถ้าคิดตามปกติ อายุประมาณ ม.2 อย่างเราๆเนี่ยก็ต้องยังไม่มีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง
จากนั้นก็บอกว่าชินจิน่าอิจฉาที่มีแฟน
เขาเลยบอกไปว่ามาโดกะเป็นเพื่อนสมัยเด็ก
ซาบาเอะเลยบอกว่าจะเพื่อนสมัยเด็กหรืออะไรก็ได้
แค่มีเด็กผู้หญิงที่สนิทกันอยู่ก็น่าอิจฉาแล้ว
จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย ซาบาเอะบอกว่าที่โรงเรียนซากุระงาโอกะมีสาวงามเยอะจนน่าแปลกใจ
ทั้งฟุคิงามิ ฮัตสึเนะ, รุ่นพี่ชิซุมิยะที่อยู่
ม.3, รุ่นเดียวกันก็มีคิริโต้กับเอริซากะ
จากนั้นก็ถามว่านอกจากฮัตสึเนะแล้วชินจิรู้จักใครบ้างไหม
ชินจิตอบไปว่าเขาเคยได้ยินชื่อแค่ชิซุมิยะที่เป็นพี่สาวของยาซึทากะ
เพื่อนของเขาที่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว
“คนอื่นนี่ไม่รู้จักจริงๆเหรอ ? ในโรงเรียนนี่ดังนิดหน่อยเลยนะเฟ้ย ? …อา มีแฟนอยู่แล้วเลยไม่สนใจงั้นสิ” ซาบาเอะพูดด้วยความแปลกใจ
ชินจิปฏิเสธไปอีกรอบว่ามาโดกะไม่ใช่แฟน
ซาบาเอะบอกว่ามาโดกะเองก็เป็นหนึ่งในสาวงามระดับท็อปของโรงเรียนเช่นกัน
“เอ๊ะ จริงเหรอ” เขาเผลอถามกลับไปโดยไม่รู้ตัว
น่าแปลก วันเปิดภาคเรียนเองก็เหมือนจะได้ยินจากปากซาบาเอะว่ามาโดกะเป็นสาวงาม
แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนี้
ช่วงนี้ตัวเขาแปลกไปจริงๆนั่นล่ะ
ซาบาเอะบ่นว่าชีวิตชินจินี่โชคดีจังเลยน้า
มีเพื่อนสมัยเด็กแบบมาโดกะ
แต่ทันทีที่ซาบาเอะรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไปก็รีบถอนคำพูดแล้วขอโทษทันที
ชินจิแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำพูดเมื่อครู่ของซาบาเอะโดยการชวนไปเกมเซ็นเตอร์ด้วยกัน
สุดสัปดาห์ ชินจิมีนัดไปขี่จักรยานด้วยกันกับมาโดกะ
รอสักพักมาโดกะก็เดินออกมาจากบ้านข้างๆ
พอทักทายกันแล้วเขาก็บอกว่างั้นไปกันเลยไหม
แต่เธอกลับบอกว่าไม่มีอะไรจะพูดกับเธอหน่อยเหรอ
เขาไม่เข้าใจคำพูดนั้น
จนเธอต้องชี้ให้เขาดูกระโปรงสำหรับขี่จักรยานตัวใหม่ เขาถึงรู้ตัว
“…………เอ…………เอ่อ…………เห !” เขาพยายามสรรหาคำไปพูดถึงกระโปรงตัวใหม่
“คิดแทบตายสุดท้ายได้แค่คำอุทานงั้นเหรอ ? โธ่ หมดทางเยียวยาแล้วจริงๆเลยน้า……” มาโดกะเอือม
“โทษที” เขาขอโทษ
“ที่มาสายนิดหน่อยเนี่ยก็เพราะเรื่องนี้เลยนะ
ดูในกระจกบ้าง อะไรบ้าง……” เธอบ่น
“เอ๊ะ ก็เข้ากันดีไม่ใช่เหรอไง” เขาแปลกใจ
“…………” คราวนี้มาโดกะกลับหน้าแดง
ระหว่างขี่จักรยาน เขาถามเธอว่าทำไมถึงได้ซื้อกระโปรงสำหรับขี่จักรยานมา
เธอเลยบอกว่าใส่แค่กางเกงขาสั้นสำหรับขี่จักรยานตัวเดียวแล้วมันรู้สึกยังไงๆอยู่
ชินจิแปลกใจกับคำพูดของเพื่อนสมัยเด็กของเขา
จริงอยู่ที่ว่าใต้กางเกงก็เป็นเรียวขาเลย ไม่มีอะไรปิดบัง
แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นเธอจะคิดมากอะไร
ทว่า ที่แปลกไปนั้นไม่ใช่แค่เธอ ตัวเขาเองก็เช่นกัน
ก่อนหน้านี้แม้จะรู้ว่าใต้กางเกงก็เป็นเรียวขาเลย
เขาก็ไม่เคยคิดอะไรกับเรื่องนี้
แต่ตอนนี้เขาเผลอแอบมองกระโปรงเธอไปโดยที่ไม่ตั้งใจ
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสวนสาธารณะบนเนิน
วันนี้เขามาถึงก่อนมาโดกะ
นี่เป็นชัยชนะครั้งแรก
“ว่าแล้ว กระโปรงนั่นเกะกะไม่ใช่เหรอไง ?” เขาบอกกับเธอ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก
กระโปรงนี่ทำด้วยวัสดุที่ใส่แล้วขยับตัวง่ายน่ะ”
“งั้นเหรอ……ถ้างั้นก็ชนะเป็นครั้งแรกสินะ”
“นั่นสินะ”
“……คิดว่าจะเจ็บใจกว่านี้ซะอีก
ดูแปลกๆยังไงไม่รู้”
“นั่นสิน้า ฉันเองก็เคยคิดไว้ว่าตัวเองคงจะเจ็บใจเหมือนกัน……ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะนะ
แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ” มาโดกะยิ้ม
“หืม……?” เขาแปลกใจ
เขากับมาโดกะชมวิวไปพร้อมกับทานอาหารที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ
“บางทีฉันอาจจะชนะชินจิไม่ได้แล้วก็ได้นะ” ระหว่างทานข้าว มาโดกะก็พูดขึ้นมา
“เอ๊ะ……ไม่มั้ง……ไม่หรอกน่า……แค่นานๆทีดันบังเอิญชนะได้เท่านั้นล่ะ……”
“ไม่หรอก ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เธอตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกับเมื่อครู่
“แต่ไหนแต่ไรก็มีเรื่องความต่างระหว่างชายหญิงอยู่ด้วยนี่นะ” เธอพูดต่อ
“อืม……นั่นมันก็จริงอยู่หรอก……” เขาตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยยอมรับเท่าไรนัก
ชินจิครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้มาโดกะบอกกับเขาว่าอีกปีสองปีเขาก็คงชนะเธอได้แล้ว
เพราะเขาจะโตขึ้น มีร่างกายแบบเด็กผู้ชาย
แต่หากมองกลับกัน ถ้าเขาโตขึ้น
มาโดกะเองก็ต้องโตขึ้นเช่นกัน
ตอนนั้นไม่แม้แต่จะคิดเรื่องนี้เลยแท้ๆ
ในที่สุดฟุคิงามิ
ชินจิก็เข้าใจถึงตัวตนที่แท้จริงของความรู้สึกขัดๆที่สั่งสมอยู่ภายในอกของตนเองช่วงนี้
คำตอบนั้นง่ายมาก
นั่นเป็นเพราะอาคิสึ มาโดกะ
เพื่อนสมัยเด็กของเขาเองก็เป็นเด็กผู้หญิงนั่นเอง
อาจเป็นเพราะใกล้ชิดกันเกินไป
ที่ผ่านมาเลยไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย
แต่ถึงจะพบคำตอบแล้ว
ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมา ชินจิคิดเช่นนั้น
หลังจากทานข้าวพักเหนื่อยเรียบร้อยแล้วก็กลับกัน
พวกเขาเคยมาที่สวนสาธารณะบนเนินนี้หลายรอบแล้ว
แต่ขากลับมีจุดที่ต้องระวังเป็นอย่างมากอยู่จุดหนึ่ง
นั่นคือโค้งที่ชันมาก มีข่าวลือว่าเคยมีนักปั่นร่วงลงไปด้วย
แต่ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน
แต่ก็เป็นหน้าผาที่สูงมาก ถ้าตกไปคงไม่รอดแน่ๆ
จู่ๆเขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
คงไม่มีเรื่องอย่างเปลี่ยนสายเบรกพลาดหรืออะไรหรอกนะ…
แต่ก็จบลงแค่ความกลัวไม่เข้าเรื่อง
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาผ่านโค้งนั้นมาได้อย่างปลอดภัย
มาโดกะเองก็ตามหลังมาติดๆ
ขึ้นสัปดาห์ใหม่ หลังเลิกเรียนวันหนึ่งซาบาเอะชวนเขาไปเกมเซ็นเตอร์
แต่เขาอยากไปขี่จักรยานมากกว่าเลยปฏิเสธไป
เขาแยกกับซาบาเอะหน้าโรงเรียนแล้วเดินกลับบ้าน
ทว่า…
ครื่น !
อีกแล้ว
เขาเห็นมันอีกแล้ว
ดีที่เขาแยกกับซาบาเอะแล้ว
ไม่งั้นคงโดนทักว่ามีสีหน้าแปลกแน่ๆ
ขนาดหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างหน้ายังมองมาด้วยท่าทางรู้สึกไม่ดีเลย
(อาจจะคิดไปเอง แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกเช่นนั้น)
ชินจิก้มหน้าแล้วรีบเดินผ่านหญิงสาวไป
“กรี๊ดดดดด !”
ตูม !
บรื่น !
อะไรกันน่ะ
มีเสียงกรีดร้อง ตามด้วยเสียงเหมือนอะไรบางอย่างถูกชนกระเด็น
แล้วก็ปิดท้ายด้วยเสียงเครื่องยนต์ จากนั้นทุกอย่างก็จมลงสู่ความเงียบ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจหันไปดู
เป็นไปตามที่จินตนาการไว้ในหัว
หญิงสาวคนที่เดินสวนกับเขาเมื่อครู่นอนจมกองเลือด
คอบิดไปในทิศทางที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น