[Spoil] Prologue (Part 6)

posted on 5/06/2563 02:37:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
Prologue (Part 6) : ความรู้สึกที่สื่อถึงกัน -ครึ่งหลัง-

ความสัมพันธ์ของฟุคิงามิ ชินจิกับอาคิสึ มาโดกะได้แปรเปลี่ยนจากเพื่อนสมัยเด็กกลายไปเป็นคู่รัก
ทว่า

เอ๊ะ ทำไมล่ะ ?” ชินจิถาม
ก็มันอายสุดๆไปเลยนี่นา…” มาโดกะบอกเขา
เธอไล่ให้เขากลับไปก่อนเพราะตอนนี้เธออายจนทนไม่ไหว เดี๋ยวอีก 5 นาทีเธอค่อยตามไป ยังไงจักรยานเสือหมอบก็ไล่ทันจักรยานแม่บ้านได้อยู่แล้ว

ชินจิกวาดสายตามองไปรอบข้าง
ไม่พบ พวกมัน
วิญญาณร้ายไม่อยู่
คงจะไม่เป็นไร
เด็กหนุ่มจึงยอมตอบตกลง




ฟุคิงามิ ชินจิปั่นจักรยานออกไป
โดยทิ้งอาคิสึ มาโดกะไว้ ณ หนองน้ำแห่งนั้น




ขากลับเด็กหนุ่มปั่นจักรยานอย่างลิงโลด
โอ้------------------------
เขาตะโกนออกมาเช่นเดียวกับในคืนวันนั้น
แต่คราวนี้เป็นการโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจ




อีกด้านหนึ่งเด็กสาวกำลังรอให้ใจของตนสงบลงอยู่
ตอนนี้เธอมีความสุขมาก
เธอดีใจมากที่ชินจิสารภาพรักกับเธอ
ไม่รู้ว่าเธอเริ่มรู้สึกเช่นนั้นกับเขาตั้งแต่เมื่อไร จำได้ว่าตอนเด็กยังคบหากันเหมือนเพื่อนเพศเดียวกันอยู่เลย
พอรู้ตัวอีกทีในหัวของเธอก็มีแต่เรื่องของเขาแล้ว
ทว่า เพื่อนสมัยเด็กของเธอกลับยังคงปั่นจักรยานอยู่อย่างไร้เดียงสา ไม่มีทีท่าว่าจะมีความรู้สึกแบบเดียวกัน
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รีบร้อน เพราะยังไงพวกเธอก็อยู่ด้วยกันตลอดไปอยู่แล้ว
จนกระทั่งพ่อแม่ของเธอบอกเธอเรื่องย้ายบ้าน
ทุกอย่างที่คิดไว้พังทลายหมด
แน่นอน เธอคิดจะกลับมาเยี่ยมเมืองซากุระโนะโมริบ่อยๆตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าถ้าห่างไกลกัน ความรู้สึกของชินจิอาจจะโอนเอียงไปหาเด็กผู้หญิงคนอื่นก็ได้
ดีจริงๆที่ชินจิสารภาพรักกับเธอวันนี้
ถ้าเป็นพวกเธอล่ะก็ ต่อให้เป็นความรักทางไกลก็ไม่มีปัญหา
ไม่เคยมีประสบการณ์ความรัก แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกมั่นใจจนน่าประหลาด
ชินจิ……รักที่สุดเลย
เด็กสาวพูดพึมพำคนเดียวก่อนจะหันหลังให้กับหนองน้ำ




ในตอนนั้นเองได้มีเสียงน่าขนลุกดังขึ้น
เป็นเสียงที่ไม่รู้ว่ากำลังหัวเราะหรือร้องไห้
ขะ……?  ขะ ใครน่ะ ?” เด็กสาวถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
ไม่มีคำตอบ
ใครน่ะ !?” เธอถามด้วยเสียงที่ดังขึ้น
มีเพียงเสียงน่าขนลุกที่ยังคงดังต่อไป
มาโดกะพยายามมองหาเจ้าของเสียงนั้น แต่พอลองมาคิดดูดีๆ เธอควรจะรีบหนีไปเลยมากกว่า

แล้วเด็กสาวก็ต้องรู้สึกเสียใจภายหลังจริงๆที่ไม่ได้รีบหนีไปทันที
มีเงาคนพุ่งเข้ามาหาเธอ
พลั่ก !
กรี๊ด !!” เธอกรีดร้อง




ร่างอันบอบบางของเด็กสาวถูกผลักลงไปในหนองน้ำ
พอรู้ตัวอีกทีเธอก็อยู่ในน้ำแล้ว
มาโดกะรีบลุกขึ้นยืน
แต่ก็ทำไม่ได้
มีใครบางคนกำลังคร่อมอยู่บนร่างของเธอ
แล้ว
มือของใครบางคนที่ว่านั่นก็กำลังบีบคอของเธออยู่

เด็กสาวรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่าเธอกำลังจะถูกฆ่า
ทรมาน หายใจไม่ออก
ทั้งที่มีอากาศอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็เงยหน้าขึ้นไปไม่ได้




ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง เธอต้องตายแน่ๆ

ตัวเลือกที่ 1) สะบัดขาขึ้นเตะ
ตัวเลือกที่ 2) ข่วนหน้าอีกฝ่าย
ตัวเลือกที่ 3) กระชากมือของอีกฝ่ายออก

เด็กสาวขี่จักรยานมาตลอด เธอมีความมั่นใจในแรงขาของตัวเองพอสมควร ทว่า
อีกฝ่ายคร่อมทับเข่าของเธออยู่ ทำให้ไม่ว่าจะทำยังไงก็ใส่แรงลงไปในขาไม่ได้




ตัวเลือกที่ 2) ข่วนหน้าอีกฝ่าย
ตัวเลือกที่ 3) กระชากมือของอีกฝ่ายออก

เธอจึงตัดสินใจยื่นมือขวาออกไปข่วนหน้าอีกฝ่ายแทน
แต่กลับใส่แรงลงไปไม่ได้มากเท่าที่ตั้งใจ
อีกฝ่ายหลบมือขวาของเธอได้อย่างง่ายดาย




ตัวเลือกที่ 3) กระชากมือของอีกฝ่ายออก

เด็กสาวรวบรวบพละกำลังทั้งหมดที่มีพยายามกระชากมือของอีกฝ่ายออก
แต่มือที่บีบคอเธออยู่กลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
เล็กของเธอจิกลงไปที่มือของอีกฝ่ายเต็มแรง
น่าจะสร้างความเจ็บปวดให้กับอีกฝ่ายได้พอสมควรแน่ๆ
ทว่า อีกฝ่ายก็ยังคงบีบคอเธอต่อโดยไม่สนใจความเจ็บปวดนั้น

เธอทำอะไรไม่ได้แล้ว
เด็กสาวจมลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง
อาจเป็นเพราะอาการขาดออกซิเจน ในตอนนั้นจู่ๆเธอก็นึกถึงคำพูดหนึ่งขึ้นมาได้
มาโดกะน่ะ ชั้นจะเป็นคนปกป้องเอง
นั่นคือคำพูดของเด็กหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็ก
ใช่แล้ว




ตัวเลือกใหม่ ) ชินจิจะมาช่วยเธอ

แน่นอน
จะต้องมาแน่ๆ
ก็
ไม่ว่าเมื่อไรชินจิก็
อยู่เคียงข้างฉัน
ช่วยเหลือฉัน
เพราะแบบนั้น

ช่วยด้วย ชินจิ !




ฟุคิงามิ ชินจิปั่นจักรยานแม่บ้านมาจนถึงบ้าน
“……เอ๊ะ ?”
จะว่าไปมาโดกะน่าจะตามเขาทันตอนกลางทาง
เด็กหนุ่มมัวแต่อารมณ์ลิงโลดจนเพิ่งมานึกได้ก็ตอนกลับมาถึงบ้านแล้ว
เผลอโดนแซงไปโดยไม่รู้ตัวรึเปล่านะ เขาคิด
มองขึ้นไปทางห้องของมาโดกะ ไฟปิดอยู่
แต่ช่างเถอะ เคยไปตั้งหลายครั้งแล้วด้วย ยังไงก็ไม่น่าจะหลง
ชินจิคิดแบบนั้นแล้วเดินเข้าบ้านไป
ตอนนี้เขาดูมีความสุขมากขนาดที่คุณน้ามิยาโกะกับฮัตสึเนะจังต้องทัก

หลังอาบน้ำและทานข้าวเสร็จ ชินจิก็กลับมาที่ห้อง
ไฟห้องของมาโดกะยังคงปิดอยู่
เด็กหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นก็ถูกกลบทับด้วยความสุขปริมาณมหาศาล
พรุ่งนี้มาโดกะจะย้ายบ้าน คงมีของที่จำเป็นต้องใช้กะทันหันเลยออกไปซื้อล่ะมั้ง
เขาบอกกับตัวเองเช่นนั้นแล้วกลับไปคิดถึงเรื่องน่ายินดีที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่อ

จูบกับเธอไปแล้ว
แฟนเขาของคือมาโดกะ
พวกเราเป็นแฟนกัน
ใช่แล้วล่ะ ต้องทำงานพิเศษ ขึ้นมัธยมปลายเมื่อไรจะเริ่มทำงานพิเศษทันที
ไม่ใช่เพื่อจักรยาน แต่เพื่อค่าเดินทางไปกลับโตเกียว
จะซื้อกล้องด้วยดีรึเปล่านะ
แล้วก็……
เด็กหนุ่มผล็อยหลับไปอย่างมีความสุข




ตึง !  ตึง !  ตึง !  ตึง !
ชินจิตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงทุบประตู
พอเปิดประตู คุณน้ามิยาโกะก็เข้ามาพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด
ดูเหมือนว่ามาโดกะจัง……จะยังไม่กลับมาเลยคุณน้าบอกกับเขา
“……ฮะ ?” เด็กหนุ่มไม่เข้าใจความหมายนั้น

หลังจากนั้นพอลงมาข้างล่างก็เจอพ่อแม่ของมาโดกะ
ทั้งคู่มีสีหน้าซีดเผือด
ชินจิคุง วันนี้ไปปั่นจักรยานด้วยกันสองคนใช่ไหม ?” พ่อของมาโดกะเข้าเรื่องทันที
ขะ ครับเขาตอบกลับไปอย่างตกอกตกใจในท่าทีของอีกฝ่าย
ช่วยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทีได้ไหมอีกฝ่ายถามอย่างร้อนลน
ถึงจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เล่าเรื่องวันนี้ไปโดยจงใจไม่เล่าถึงเรื่องที่คบกับมาโดกะแล้ว

รีบไปที่นั่นกันเถอะพ่อของมาโดกะจะออกรถไปที่หนองน้ำ
คุณคะ เดี๋ยวก่อน ควรจะเรียกตำรวจได้แล้วนะคะแม่ของมาโดกะพูด
ตำรวจ…… ?” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
ในตอนนั้นทุกคนในห้องต่างมองมาทางเขาด้วยสายตาเวทนา
“……นั่นสินะพ่อของมาโดกะตอบรับคำพูดของภรรยา
เดี๋ยวก่อนครับ ที่บอกว่าเรียกตำรวจเนี่ย…….มีเรื่องอะไรงั้นเหรอเด็กหนุ่มถามออกไป
ตั้งแต่ตอนที่พวกเธอแยกกันก็ผ่านไปได้ราวๆ 3-4 ชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่มีการติดต่อจากมาโดกะเลย แล้วทางนี้ก็ติดต่อไปไม่ได้ด้วยพ่อของมาโดกะตัดสินใจกัดฟันพูด
“……” ชินจิกำลังเรียบเรียงสถานการณ์
มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น……เรื่องนั้นคงจะไม่ผิดแล้วล่ะพ่อของมาโดกะพูดต่อ

บรรยากาศในห้องหนักอึ้ง
มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับมาโดกะงั้นเหรอ ว่าแต่อะไรที่ว่านั่นมันคืออะไรกันล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับมาโดกะกัน
ชินจิสับสนจนคิดอะไรไม่ถูก
ตอนนี้ความสุขเมื่อครู่ดูไกลออกไปราวกับเป็นภาพลวงตา




ใช้เวลาไม่นานตำรวจก็มาถึง
ทว่า หนองน้ำนั่นแม้แต่ตำรวจก็ยังไม่รู้จัก ชินจิจึงต้องเป็นคนนำทางไป
แต่ต่อให้ตำรวจไม่ได้ขอ เขาก็ตั้งใจจะไปด้วยอยู่แล้ว
เรื่องของแฟนตัวเอง เขาไม่มีทางวานให้ตำรวจจัดการแล้วนั่งดูอยู่เฉยๆอย่างเดียวได้

พวกชินจิมาถึงหนองน้ำ
ตำรวจสองคนที่มาด้วยส่องไฟฉายไปตามที่ต่างๆ
ระหว่างทางที่มา เด็กหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
อ๊ะ……คุณตำรวจครับ ช่วยส่องไฟไปตรงเมื่อกี้ทีชินจิเห็นอะไรแวบๆ
หืม มีอะไรงั้นเหรอตำรวจถาม
ช่วยส่องไฟไปทางเมื่อกี้ทีครับเขาบอกตำรวจ
ทางนี้เหรอ ? ……โอ๊ะ ?” ตำรวจพบอะไรบางอย่าง
เด็กหนุ่มหน้าซีดเผือด
สิ่งนั้นคือจักรยานเสือหมอบสีขาวของมาโดกะ
ทันทีที่เห็นสิ่งนั้นความหวังทั้งหมดของฟุคิงามิ ชินจิก็ได้พังทลายลง
จนถึงเมื่อครู่นี้เขายังคงเชื่อ
ว่ามาโดกะจะปลอดภัย แล้วก็จบลงแค่เรื่องน่าขำ สุดท้ายก็ต้องมาขอโทษตำรวจด้วยกัน

คราวนี้ส่องไฟไปทางหนองน้ำทีตำรวจที่อาวุโสกว่าบอกกับตำรวจอีกคน
ครับตำรวจอายุน้อยกว่ารับคำ
แสงไฟหนึ่งเส้นกวาดลงไปบนหนองน้ำที่มืดมิด
แล้วก็หยุดทันที
เป็นตอนนั้นเองที่ทุกคนร้องออกมาไม่เป็นเสียง
สิ่งที่อยู่ในหนองน้ำอันมืดมิดก็คือ




ร่างไร้วิญญาณของเด็กสาวคนหนึ่ง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น