Prologue (Part 7) : โลกที่ไม่มีเธออยู่
การจากไปของอาคิสึ
มาโดกะได้กลายเป็นแผลลึกสำหรับคนรอบตัว
แม่ของคุณมาโดกะร้องไห้ตลอดงานศพ
พ่อของคุณมาโดกะก็ตาแดงๆ เหมือนกับกำลังทนอะไรบางอย่างอยู่
ครอบครัวอาคิสึย้ายออกไปจากเมืองซากุระโนะโมริทันทีที่เสร็จงานศพ
สำหรับตัวฮัตสึเนะเอง คุณมาโดกะก็เป็นเหมือนพี่สาว
เธอรู้สึกเศร้าขนาดที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
แต่ที่หนักที่สุดคือพี่ชายของเธอ
เด็กหญิงไม่อาจทนดูสภาพของพี่ชายได้เลย
พี่ชายของเธอขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมา
ข้าวที่วางไว้ให้หน้าประตูก็ยังคงอยู่ทั้งๆอย่างนั้น
แม่ของเธอบอกว่าถ้าถึงคราวจำเป็นจริงๆคงต้องพังประตู
“คนที่จะช่วยค้ำจุนชินจิคุงได้ในตอนนี้เหลือแค่หม่าม้ากับฮัตสึเนะจังสองคนเท่านั้น” คุณแม่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“……พี่ชาย……คงจะชอบคุณมาโดกะ” เด็กหญิงพูดขึ้น
“อื้อ……นั่นสินะ คงจะชอบนั่นล่ะ……” มิยาโกะกล่าว
จากนั้นก็พูดเสริมว่าที่วันนั้นชินจิกลับมาด้วยท่าทางมีความสุขคงเป็นเพราะความรู้สึกของทั้งคู่สื่อถึงกัน
หากปล่อยไว้แบบนี้พี่ชายของเธออาจจะพังทลายลงไปก็ได้
สำหรับเด็กหญิงแล้ว เธอกลัวเรื่องนั้นที่สุด
ฮัตสึเนะจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่…
…ว่าเธอนี่ล่ะที่จะเป็นคนช่วยค้ำจุนพี่ชายเอง
พอรู้ตัวอีกที ชินจิก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
ดูเหมือนเขาจะทรุดลงไปเพราะอาการขาดสารอาหาร
คุณน้ามิยาโกะถึงกับหยุดงานมาช่วยดูแลเขา
ฮัตสึเนะจังเองก็หยุดชมรมแล้วมาเยี่ยมเขาทันทีที่เลิกเรียน
ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาทั้งสองคนก็ร้องไห้อยู่ข้างๆ
เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าตนทำให้ทั้งคู่ต้องเป็นแบบนั้น
ฟุคิงามิ
ชินจิจึงมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อไม่ให้คนสำคัญต้องเศร้าโศกเสียใจไปมากกว่านี้
ชินจิหายดีแล้วและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้
ข่าวคดีมาโดกะแพร่สะพัดไปทั่ว
เพื่อนร่วมชั้นทุกคน รวมถึงซาบาเอะ เพียงแค่มองเขาอยู่ห่างๆเพราะไม่รู้จะส่งเสียงเรียกอย่างไรดี
แม้ชินจิจะมาโรงเรียน แสร้งทำเป็นว่ากำลังฟังครูสอน
แต่ภายในจิตใจนั้นกลวงเปล่า
ที่เขายังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปก็เพื่อไม่ให้ฮัตสึเนะจังกับคุณมิยาโกะต้องเศร้าโศก
เหตุผลมีเพียงแค่นั้น
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความหวังหรืออะไรทั้งสิ้น
ชินจิได้มารู้ทีหลังว่าทีแรกตำรวจสงสัยเขา แต่เพราะพ่อแม่ของมาโดกะช่วยยืนกรานให้
แล้วอาจเป็นเพราะการสืบสวนมีความคืบหน้าด้วย ตำรวจจึงเลิกสงสัยเขาไป
เขารู้สึกขอบคุณพ่อแม่ของมาโดกะ
นอกจากนี้ไม่รู้ทำไมที่บ้านเขาถึงได้มีจักรยานเสือหมอบสีขาวของมาโดกะอยู่
ดูเหมือนหลังงานศพ พ่อของมาโดกะจะเป็นคนนำมาให้เขาเป็นของดูต่างหน้า
วันนั้นมาโดกะบอกว่าจะให้จักรยานของเธอกับเขา
แล้วเขาปฏิเสธไป แต่สุดท้ายมันก็มาอยู่กับเขาอยู่ดี
ฮัตสึเนะรู้สึกวางใจได้บ้างที่หลังออกจากโรงพยาบาล
พี่ชายของเธอยอมทานข้าวครบสามมื้อและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้
ทว่า เธอก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่ผิวเผิน
พี่ชายของเธอไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าใดๆทั้งสิ้น
แทบจะไม่พูดเลยด้วย
ทั้งที่เมื่อก่อนตอนไปโรงเรียนด้วยกันสามคนก็คุยกันตลอด
วันหนึ่ง
ฟุคิงามิ ชินจิเหม่อลอยอยู่ในสวนสาธารณะ
เด็กหนุ่มกำลังคิดว่าทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้
แน่นอนว่าเขาเป็นคนผิด
ถ้าตอนนั้นเขายืนกรานที่จะกลับด้วยกัน มาโดกะก็คงไม่ตาย
ในตอนนั้นเองเด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าตนกำลังลืมอะไรบางอย่างไป
เขาพยายามนึก แต่ไม่ว่าจะนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
ตอนที่มาโดกะบอกให้กลับไปก่อน เขามีความกังวลและไม่สบายใจอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วอะไรกันล่ะที่ทำให้เขากังวล
หนองน้ำนั่นเคยไปตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่มีทางหลงด้วย
เด็กหนุ่มพยายามนึก
แต่ก็นึกไม่ออก
ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
เด็กหนุ่มไม่รู้สึกร้อนแม้ว่าจะเดินอยู่กลางแดดจ้า
ตัวเขาคงผิดปกติไปแล้ว ชินจิคิด
สูญเสียพ่อแม่ไป
แล้วยังสูญเสียคนรักไปอีก
เขาโดนอะไรบางอย่างถูกใจเข้าให้หรือยังไงกันนะ
ทันใดนั้นเอง “มัน” ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
ทันทีที่เห็นมันก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านร่างของเด็กหนุ่ม
ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะเข้าใจ
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองลืมอะไรไป
ในตอนนั้นที่วิญญาณร้ายไล่ตามเขาที่สวนสาธารณะแห่งนี้
ชินจิคิดว่ามันจ้องเล่นงานเขา
แต่เปล่าเลย มันเล็งมาโดกะอยู่ต่างหาก
“…มาเลย…เข้ามาเซ่~~~~~~~” เด็กหนุ่มตะโกน
แต่วิญญาณร้ายกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงคนรอบข้างที่ถอยห่างออกไป
ชินจิวิ่งไปหามัน
ทว่า
จู่ๆวิญญาณร้ายก็หายไป
วันนั้นฟุคิงามิ ชินจิได้ไปหายาสึกะ ฮิเดโนริ
“ถ้าเป็นฮีโร่จะสามารถปราบวิญญาณร้ายได้งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มถามอีกฝ่าย
“มั้งนะ” เพื่อนผู้อายุมากกว่าตอบมาแบบขอไปที
“……ด้วยวิธีไหนล่ะ ?” เด็กหนุ่มไม่ใส่ใจแล้วถามต่อ
“เราเองก็ไม่รู้หรอก แต่คนที่เคยบอกเราเขาว่ามาแบบนั้น” คุณฮิเดะตอบ
“……ใครกันเหรอ ? คนๆนั้นน่ะ……” เขายังคงถามต่ออีก
“เป็นคนที่เราเองก็ไม่รู้จักน่ะ” อีกฝ่ายตอบมาอย่างไร้ความรับผิดชอบเช่นเคย
“…………” ชินจิเงียบไป
“ชินจิคุง ตั้งใจจะเป็นฮีโร่งั้นเหรอ” อีกฝ่ายจึงเอ่ยปากถาม
“……อา” เด็กหนุ่มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“พยายามเข้านะ”
เพื่อนผู้โตกว่าให้กำลังใจเขาเหมือนเช่นทุกครั้ง
ทว่า
แต่ไหนแต่ไรฟุคิงามิ ชินจิก็ไม่เคยคิดจะเป็นฮีโร่อยู่แล้ว
แต่ถ้าเพื่อล้างแค้นให้มาโดกะล่ะก็
ไม่ว่าจะฮีโร่หรือวายร้ายก็ยอมเป็น
นับจากวันนั้นเป็นต้นมาสายตาของเด็กหนุ่มก็มองหาวิญญาณร้ายอยู่ตลอด
จนทุกคนพากันถอยออกห่าง
เหลือเพียงซาบาเอะคนเดียวที่ยอมคุยด้วย
อีกด้านหนึ่ง ฮัตสึเนะกำลังลำบากใจ
หลังพี่ชายของเธอออกจากโรงพยาบาลมาได้พักหนึ่งแววตาก็เปลี่ยนไป
เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา
“ชินจิคุงคงกำลังตามหามาโดกะจังอยู่……” แม่ของเธอบอกมาเช่นนั้นแล้วก็กำลังคิดว่าควรจะพาพี่ชายไปหาหมอดีไหม
ทว่า เด็กหญิงไม่คิดว่าหมอจะช่วยพี่ชายของเธอได้
แต่ถ้าอย่างนั้น
แล้วอะไรกันล่ะที่จะช่วยพี่ชายได้
“นี่……ชินจิคุง ฟังนะ” แม่ของเธอตัดสินใจเอ่ยปากพูด
“มาโดกะจังตายไปแล้วนะ……ต้องยอมรับความจริง……” คุณแม่พูดต่อไปโดยหวังว่าพี่ชายจะยอมรับความจริงว่าคุณมาโดกะจากไปแล้ว
ทว่า พี่ชายของเธอกลับมีปฏิกิริยาต่างไปจากที่คาด
“รู้อยู่แล้วล่ะ” พี่ชายตอบกลับมาด้วยสีหน้าเหมือนกับจะบอกว่า
‘พูดอะไรอยู่น่ะ เรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ’
“……งั้นเหรอ ถ้ารู้อยู่แล้วก็ไม่เป็นไร……แต่ถ้าอย่างนั้นชินจิคุงกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ” แม่ของเธอถามอย่างระมัดระวัง
“…………” พี่ชายนิ่งเงียบ
“……ช่วยบอกมาตามตรงได้รึเปล่า” แม่ของเธอขอร้อง
“วิญญาณร้าย”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นจากปากของพี่ชาย
คุณแม่ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
หลังจากนั้นคุณแม่ก็โทรศัพท์ปรึกษาคุณพ่อที่ทำงานอยู่ที่ลอนดอนอยู่นาน
แต่ฮัตสึเนะกลับคิด
วิญญาณร้ายงั้นเหรอ
ก่อนหน้านี้พี่ชายก็เคยพูดเรื่องที่คล้ายกัน แต่ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดน่าจะบอกว่าเป็นเงา
ว่าแต่ทำไมพี่ชายของเธอถึงได้ตามหาวิญญาณร้ายอยู่กันนะ
หรือจะคิดว่าวิญญาณร้ายเป็นคนฆ่าคุณมาโดกะ
แต่ว่าคุณมาโดกะน่ะ……
วันหนึ่งขณะที่ชินจิเดินไปโรงเรียนกับฮัตสึเนะ
เขาก็เห็นวิญญาณร้ายจำนวนมาก
แย่แล้ว… เด็กหนุ่มคิด
แบบนี้ก็ไม่รู้กันพอดีว่าตัวไหนคือตัวที่ฆ่ามาโดกะ
เด็กหนุ่มวิ่งตามพวกมันไป
“แฮ่ก……แฮ่ก……พี่คะ……รอก่อนค่ะ……” ฮัตสึเนะจังวิ่งตามมา
“ฮัตสึเนะจังต้องไปโรงเรียนนะ” ชินจิเตือนน้องสาว
“แล้วพี่ล่ะคะ……?” เธอถามกลับ
“พี่……” เด็กหนุ่มตอบไม่ได้
“พี่คะ……พอได้แล้วค่ะ……”
มีน้ำตาปริ่มอยู่บนตาของน้องสาวเขา
“วิญญาณร้ายน่ะไม่มีอยู่จริงหรอก”
“ขอร้องล่ะค่ะ ช่วยกลับมาเป็นพี่ชายคนเดิมทีเถอะค่ะ……!”
เธอพูดออกมาทั้งน้ำตา
“โทษทีนะ ฮัตสึเนะจัง” ชินจิขอโทษ
เด็กหญิงมองหน้าเขา
“พี่น่ะพังทลายไปแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มกล่าวกับเด็กหญิง
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ !” น้องสาวของเขาพูดออกมาเสียงดัง
“ยังอยู่……ยังอยู่รอบๆ” ชินจิพูดขึ้น
“เอ๊ะ……?” ฮัตสึเนะไม่เข้าใจในคำพูดนั้น
“วิญญาณร้ายน่ะ ……พวกมันเป็น……ตัวอะไรกันแน่นะ…… ?” เขาพูดต่อ
ในตอนนั้นเอง…
…แววตาของฮัตสึเนะมีความแน่วแน่อยู่
เธอจ้องตรงมายังเขา
“……ผิดแล้วค่ะ……พี่……”
“ไม่มีวิญญาณร้าย……ไม่สิ ถึงวิญญาณร้ายจะมีอยู่จริงก็เถอะ……”
“แต่คุณมาโดกะไม่ได้ถูกวิญญาณร้ายฆ่าตายหรอกนะคะ”
“เพราะแบบนั้น นี่ พี่คะ
ช่วยเชื่อใจตำรวจ แล้วรอให้ตำรวจหาตัวคนร้ายเจอเถอะค่ะ……”
เด็กหญิงกล่าวกับเขาอย่างหนักแน่น
พอได้ฟังคำพูดเหล่านั้น ชินจิก็คิดได้
งั้นหรอกเหรอ……
นั่นสินะ……
ใช่แล้วล่ะ
หลังจากนั้นเพื่อให้ฮัตสึเนะจังสบายใจ เขาจึงไปโรงเรียน
ชินจิรู้สึกผิดที่ทำให้ฮัตสึเนะไปโรงเรียนสาย
ส่วนทางตัวเขานั้น…
ถึงจะไปสายก็ไม่ถูกครูว่าอะไร
ทุกคนปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นของที่แตกง่าย สามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ
ระหว่างเรียน ชินจิก็คิดเรื่องเมื่อเช้า
แม้วิญญาณร้ายจะมีตัวตนอยู่จริง แต่ฆาตกรที่ฆ่ามาโดกะก็มีตัวตนอยู่จริงเช่นกัน
ที่คอของมาโดกะมีรอยช้ำหลงเหลืออยู่ชัดเจน
ทำไมที่ผ่านมาเขาถึงได้สนใจแต่วิญญาณร้ายกันนะ
หลังเลิกเรียน เขารีบออกมาจากโรงเรียนก่อนที่ฮัตสึเนะจังจะมารับ
รีบกลับไปที่บ้าน นำจักรยานเสือหมอบของมาโดกะออกมา
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาครุ่นคิดว่าจะใช้วิธีไหนเดินทางก็จริง
แต่สุดท้ายก็เลือกจักรยานของเธอ
เป็นของดูต่างหน้าที่พ่อของมาโดกะอุตส่าห์ให้เขามา
คงไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ฝุ่นจับอยู่ตรงมุมห้อง
นอกจากจักรยานแล้วเขายังมีของดูต่างหน้าของมาโดกะอีกชิ้น
โบว์ผูกผมที่เธอใช้อยู่เป็นประจำ
สิ่งนี้เขาจำได้แม่นยำว่าเขาเป็นคนขอมาจากพ่อของมาโดกะด้วยตนเอง
เด็กหนุ่มหยิบโบว์ผูกผมของคนรักผู้ล่วงลับใส่ลงในกระเป๋า
ชินจิปั่นจักรยานมาถึงหนองน้ำ
สภาพอากาศมีเมฆครึ้มราวกับจะมีฝนตก
เด็กหนุ่มไม่ได้มาที่นี่อีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น
เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
ตอนที่จูบกับมาโดกะ ตอนที่จับไหล่ของเธอ
ตอนนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ แต่ก็นึกไม่ออก
ทว่า ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็เขานึกออกแล้ว
‘มาโดกะน่ะ ชั้นจะเป็นคนปกป้องเอง’
ใช่แล้ว เขาเป็นคนบอกเองว่าจะปกป้องเธอ
แต่แล้วกลับทำไม่ได้
“……ขอโทษ……ขอโทษ มาโดกะ”
ชินจิได้แต่ขอโทษเด็กสาวที่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว
ฆาตกรมีอยู่จริง
กำลังหายใจร่วมกับพวกเขาอยู่
ถ้าตำรวจจับได้คงจะดี แต่นี่ผ่านไปเดือนกว่าแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
นี่คงจะกลายเป็นคดีที่คลี่คลายไม่ได้ตลอดไป
ฆาตกรเป็นคน
ไม่ใช่วิญญาณร้ายที่มองไม่เห็น สัมผัสตัวไม่ได้
ถ้าอย่างนั้น…
ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังครุ่นคิดก็มีเสียงน่าขนลุกดังขึ้น
เป็นเสียงที่ไม่รู้ว่ากำลังหัวเราะหรือร้องไห้
“ใครน่ะ !!” ชินจิตะโกนออกไป
แต่ไร้ซึ่งการตอบกลับ
มีเพียงเสียงน่าขนลุกที่ยังคงดังต่อไป
เสียงไกลออกไปเรื่อยๆ
“……เดี๋ยว !!” เขาไล่ตามไป
แต่อีกฝ่ายวิ่งเร็วมาก
เขาเห็นตัวอีกฝ่ายลางๆผ่านแมกไม้
มันสวมถุงใบใหญ่ปิดบังใบหน้าและไม่ใส่เสื้อผ้า
คนโรคจิตงั้นเหรอ
เด็กหนุ่มคิดพลางเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก
ทว่า อีกฝ่ายกลับทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
แล้วสุดท้ายก็คลาดสายตาไป
ตามไม่ทันแล้ว !
เด็กหนุ่มทุบพื้นด้วยความเจ็บใจ
เขาไม่รู้สึกเจ็บมือ
จึงทุบต่อไปเรื่อยๆเพื่อให้ตัวเองรู้สึกเจ็บ
หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บใจไหลอาบแก้มของเด็กหนุ่มพร้อมกับห่าฝนที่เทลงมา
“อ๊าาาาาาาา” เด็กหนุ่มตะโกนกู่ร้อง
มาโดกะ…
มาโดกะ
อยากเจอ…
อยากเจอเธอเหลือเกิน
ขอโทษที่ปกป้องเธอไม่ได้
แม้จะแทนกันไม่ได้ แม้จะกลับมาเป็นอย่างเดิมไม่ได้แล้ว
แต่อย่างน้อย…
แต่อย่างน้อย
ไอ้คนที่ฆ่าเธอนั้น……
ชั้นจะเป็นคนฆ่ามันเอง
…
…
…
OP Movie : https://www.youtube.com/watch?v=zWA9jriThfA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น