Chapter 1 (Part 1) : สามปีต่อมา
กำลังจมอยู่ในน้ำ
ส่งเสียงไม่ได้ พออ้าปากก็มีฟองอากาศลอยออกมา
ทรมาน หายใจไม่ออก… เป็นแบบนี้ต่อไปแย่แน่
ผิวน้ำอยู่ตรงหน้า แค่เงยศีรษะขึ้นก็โผล่พ้นน้ำได้แล้ว
แต่พอจะลุกขึ้นกลับพบว่าทำไม่ได้
มี ‘ใครบางคน’
กำลังคร่อมทับและบีบคออยู่
พยายามขัดขืนแต่ก็ไม่มีแรง
มองไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย
พละกำลังค่อยๆหายไปจากร่างกาย
สติสัมปชัญญะเลือนรางลงไปทุกขณะ
…แล้วทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบสีขาวโพลน
Chapter 1 โทโนะ คานะ
“พี่คะ……พี่ นี่ ตื่นสิคะ พี่……” มีเสียงของเด็กสาวดังขึ้น
ฟุคิงามิ ชินจิลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ
สิ่งแรกที่เห็นคือสีหน้ากังวลของฟุคิงามิ ฮัตสึเนะ
น้องสาวของเขา
“เอ่อ เป็นอะไรรึเปล่าคะ ? เหมือนจะฝันร้ายอีกแล้ว……” เธอรอจังหวะให้ลมหายใจของเขาสงบลงแล้วจึงพูดขึ้น
พอเขาตอบไปว่าไม่เป็นไร ฮัตสึเนะจังก็ส่งเสียงตอบรับ แล้วเดินออกจากห้องไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
น้องสาวของเขาจึงเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่ซักไซ้อะไร
ชินจิสำรวจสภาพรอบตัว
เขาเหงื่อท่วมตัว ที่นอนเองก็ยุ่งเละเทะพอสมควร
คงจะฝันร้ายมาก
“เฮ้อ~……ดีจัง ดูเหมือนความจะไม่แตกนะ”
เสียงของเด็กสาวอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาในห้อง
อาคิสึ มาโดกะโผล่มาในชุดชั้นใน
“สะ……ใส่ชุดอะไรอยู่น่ะ……” เด็กหนุ่มตกใจเล็กน้อย
“เอ๋ ไม่เห็นเป็นไรเลยไม่ใช่เหรอ ชั้นกับชินจิก็มีความสัมพันธ์กันแบบนี้ด้วย” เธอพูดด้วยท่าทางเขินอายนิดหน่อย
“…………อย่าพูดอะไรแกล้งกันแบบนี้สิ” เขาตอบกลับไป
“เอ๊ะ พวกเราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ ?” แฟนของเขามีสีหน้าแปลกใจ
“ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น” ชินจิบอกเธอ
“ว่าแต่……” มาโดกะเปลี่ยนเรื่อง
“ชินจิ ฝันร้ายน่าดูเลยนะ” เธอพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อืม……”
“ความฝันนั่น อีกแล้วเหรอ ?” เด็กสาวถาม
เขาพยักหน้า
พอได้ยินดังนั้นมาโดกะเลยบอกว่าเขาต้องรีบลืมเรื่องนั้นให้ได้ไวๆ
ชินจิทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเธอ
เขาเปลี่ยนเสื้อ
หยิบโบว์ผูกผมที่วางอยู่ข้างหมอนใส่กระเป๋า แล้วเดินลงไปข้างล่าง
พอลงบันไดมาก็ได้ยินเสียงทักทายจากคุณน้ามิยาโกะ ผู้เป็นแม่บุญธรรมของเขาและเป็นแม่แท้ๆของฮัตสึเนะจัง
จากนั้นมื้ออาหารเช้าจึงเริ่มขึ้น
ระหว่างทานข้าวคุณน้าถามฮัตสึเนะจังว่าชินกับโรงเรียนแล้วหรือยัง
น้องสาวของเขาเลยตอบไปว่าชินมาตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะตอนมัธยมต้นก็เรียนที่นี่
คุณน้ามิยาโกะกำลังเป็นห่วงว่าลูกสาวของเธอขี้อายเลยอาจจะเข้ากับเพื่อนใหม่ไม่ได้
ฮัตสึเนะจังเลยบอกว่าพี่ชายก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน
แล้วปีนี้เธอยังได้เรียนอยู่ห้องเดียวกับเอมิจังที่สนิทกันตอนม.ต้นด้วย
“หืม ชินจิคุงงั้นเหรอ ? แต่ถึงจะเป็นพี่ชายยังไง ถ้าอยู่คนละปีกันก็……” คุณน้าสงสัย
“อ่า เรื่องนั้น……เอ่อ……” น้องสาวของเขาอ้ำอึ้งด้วยท่าทางเขินอาย
“อย่างนี้นี่เอง……นั่นสินะ กับเอมิจังสนิทกันก็จริง
แต่ยังไงก็เป็นแค่เพื่อน…” คุณน้าพูดเหมือนสังเกตอะไรได้
“เพื่อนสำคัญก็จริง
แต่ยังไงถ้ามีพี่ชายอยู่ด้วยก็สบายใจกว่ามากสินะ……สำหรับฮัตสึเนะจังแล้ว”
คุณน้ามิยาโกะหยอกฮัตสึเนะจังเล่น
น้องสาวของเขาหน้าแดงด้วยความเขินอาย
แต่ต่อมาคุณน้ากลับพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่าก็เป็นห่วงอยู่นิดหน่อยจริงๆ
เพราะเปิดเทอมใหม่มาไม่ทันไรก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นซะแล้ว
ทว่า พอเขาถามทั้งคู่ว่าเรื่องแปลกๆที่ว่านั่นคืออะไร
ทั้งสองคนกลับหน้าบึ้งและนิ่งเงียบ ไม่พูดออกมา
สุดท้ายคุณน้าก็ตัดสินใจเบี่ยงประเด็นไป
ในเวลาเดียวกันบนทีวีก็มีรายงานข่าวว่าเมื่อคืนที่เมืองซากุระโนะโมริมีสายไฟขาดร่วงลงมาช็อตคนตาย
คุณน้ามิยาโกะเลยเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องในทีวีโดยบอกว่าเป็นอุบัติเหตุที่แปลกมาก
จากนั้นก็เตือนว่าหลังๆมานี้ดูเหมือนเมืองซากุระโนะโมริแห่งนี้จะมีคดีหรืออุบัติเหตุแปลกๆเยอะ
เลยอยากให้ระมัดระวังตัวไว้
ฮัตสึเนะจังรับคำ แต่ก็บอกว่าไม่น่าจะเป็นอะไร
“นั่นสิน้า
คิดว่าขอแค่มีพี่ชายอยู่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว” คุณน้าแซวลูกสาวของเธอต่อจากเมื่อครู่
“อะ เอ๋ ไม่ได้หมายว่าแบบนั้น……อะ เอ่อ เรื่องนั้นก็ใช่อยู่หรอก แต่…” น้องสาวของเขาหน้าแดง
แถมครึ่งหลังก็พูดพึมพำอีกเลยไม่ได้ยิน
ที่คุณมิยาโกะกังวลคงเป็นเพราะในอดีต เมื่อสามปีก่อนเคยเกิดเรื่องขึ้นกับเด็กผู้หญิงใกล้ตัว
ใช่แล้ว หลังมาโดกะถูกฆ่าก็ผ่านไปสามปีแล้ว
ตอนนี้คดีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างที่กังวลในตอนนั้น
แต่ไม่ว่าผลการสืบสวนของตำรวจจะเป็นเช่นไร
เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้อยู่แล้ว
เมื่อใดที่เขายอมแพ้ขึ้นมา
ในวินาทีนั้นตัวเขาคงจะพังทลายลงราวกับตุ๊กตาชักใยที่สายด้ายขาด
หลังทานข้าวเสร็จแล้วก็เดินไปโรงเรียนด้วยกันกับฮัตสึเนะจัง
ในฐานะพี่ชายแล้วเขาเองก็ควรจะเตือนน้องสาวไว้ด้วยดีกว่า
ชินจิคิด
“นี่ ฮัตสึเนะจัง เรื่องเมื่อกี้น่ะ------” เขาเอ่ยปากพูด
แต่น้องสาวของเขากลับคิดว่าเขากำลังจะพูดเรื่องที่คุณน้าแหย่เล่นเมื่อเช้า
เลยหน้าแดงแล้วบอกว่าวันนี้ตอนเช้ามีเข้าแถวฟังครูพูด ต้องรีบไป
จากนั้นก็วิ่งไปก่อนคนเดียว ทั้งที่การเข้าแถวที่ว่านี่นักเรียนทุกชั้นปีรวมถึงเขาก็ต้องเข้าร่วมเหมือนกันหมด
ชินจิกวาดสายตามองรอบข้าง
ไม่เจอวิญญาณร้าย
ดูเหมือนจะวางใจได้เปราะหนึ่ง
นับจากเมื่อสามปีก่อน วิญญาณร้ายก็เพิ่มขึ้นมากจริงๆ
เมืองซากุระโนะโมริที่พวกเขาอาศัยอยู่กลายเป็นเหมือนรังของพวกมันไปแล้ว
“น่ารักจริงๆเลยน้า ฮัตสึเนะจังเนี่ย” มาโดกะมองไปยังทางที่ฮัตสึเนะจังวิ่งไปแล้วพูดขึ้น
จากนั้นก็สาธยายข้อดีแล้วยุให้เขาจีบน้องสาว
โดยบอกว่าแค่มองก็น่าจะรู้แล้วว่าเธอมีใจให้ชินจิอยู่
เด็กหนุ่มได้แต่นิ่งเงียบ
ตอนที่มาโดกะยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยสังเกตเห็นความรู้สึกที่แท้จริงของฮัตสึเนะจังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าน้องสาวกำลังมีใจให้ตนอยู่
“หรือว่ากังวลเรื่องความสัมพันธ์ในตอนนี้อยู่งั้นเหรอ
แต่ตามจริงแล้วก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันใช่ไหมล่ะ” มาโดกะพูด
“เรื่องนั้นมันก็ด้วยหรอก……” ชินจิตอบกลับไป
“อ๊ะ รู้แล้ว
ยังลืมเรื่องของชั้นไม่ได้เหรอ ?” เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนกำลังแซวเล่น
“……พอเจ้าตัวเป็นคนพูดเองแล้วดูยังไงก็เป็นการแกล้งกันชัดๆ”
“จะว่าไปเมื่อกี้ที่บอกว่า ‘ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น’ เนี่ยหมายความว่ายังไงเหรอ” เธอเปลี่ยนเรื่อง
“หืม…”
“กางเกงในแบบซีทรูนี่มันแกล้งกันแรงเกินไปจริงๆด้วยสิน้า……” แฟนสาวของเขาพูดพลางยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ได้ใส่ของแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” เขาแย้ง
“อ๊ะ ตอนนั้นมองด้วยเหรอ” มาโดกะยิ้มด้วยใบหน้าที่เหมือนจะบอกว่าติดกับแล้ว !
“ให้ตายสิ……”
เป็นการสนทนาที่ดูเหมือนเป็นการล้อเล่นไร้สาระ
แต่เมื่อเช้าเขาตื่นมาในสภาพที่สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก ดูเหมือนเธอจะพยายามทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นอยู่
ชินจิมาถึงห้องเรียน
ทักทายซาบาเอะที่ปีนี้ก็ได้อยู่ห้องเดียวกันอีก จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะของตัวเอง
ระหว่างทางเขาเหลือบมองไปที่มุมหนึ่งของห้อง
ตรงนั้นมีเด็กผู้ชายสองคนกำลังรังแกเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่
ทั้งซ้อม ทั้งถากถางด้วยคำพูด
ดูเหมือนเด็กผู้ชายผมน้ำตาลที่เป็นหัวโจกจะชื่อไอซาวะ
ลูกไล่ที่มีผมยาวปิดตาข้างเดียวชื่อโชเฮย์
และเด็กผู้ชายที่กำลังถูกรังแกอยู่ชื่อเซกิ แต่เขาก็ไม่ได้รู้ละเอียดอะไรเท่าไร
เพิ่งเปิดเทอมมาด้วย ไม่ได้ใส่ใจด้วย
ตั้งแต่ขึ้นชั้นม.5 มานี่ก็เป็นภาพที่เห็นได้ทุกวัน
แต่ทุกคนก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กัน
ซึ่งทุกคนที่ว่านั่นก็รวมถึงตัวเขาเองด้วย
เวลาผ่านไปที่นั่งในห้องเรียนค่อยๆถูกถมเต็มด้วยนักเรียนไปเรื่อยๆ
เมื่อถึงเวลาโฮมรูม
สึคาดะที่เป็นครูประจำชั้นก็เดินเข้ามา
ไอซาวะกับโชเฮย์จึงกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
เขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของบุคคลผู้เป็นครูที่ปรึกษา
อีกฝ่ายเลยหันมาสบตากับเขาแล้วยิ้มให้
ครูสึคาดะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักเรียน
แต่สำหรับตัวเขานั้น……
ครูเริ่มทำการเช็คชื่อ
ชื่อถูกขานตามลำดับเหมือนเช่นทุกครั้ง
จนกระทั่งมาถึงชื่อของเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง
“ต่อไป โทโนะ ไม่มา……เมื่อกี้ผู้ปกครองแจ้งมาแล้ว……” ครูพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เป็นตอนนั้นเองที่ชินจิสังเกตได้ถึงความผิดปกติ
เขากวาดสายตามองไปรอบห้อง
เก้าอี้ทุกตัวมีนักเรียนนั่งกันอยู่ครบ
ไม่มีที่นั่งว่างอยู่เลย
ถ้าอย่างนั้นทำไม……
ครูขานชื่อนักเรียนคนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
เพื่อนร่วมชั้นก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเช่นกัน
เป็นตอนนั้นเองที่สายตาของชินจิได้ไปหยุดอยู่ที่นักเรียนหญิงคนหนึ่ง
เธอมีบรรยากาศแตกต่างจากรอบข้างอย่างเห็นได้ชัด
เขายังจำชื่อเพื่อนร่วมชั้นได้ไม่ครบเลยไม่รู้ว่าโทโนะคือใคร
แต่คงจะเป็นเธอนี่ล่ะ
“ฟุคิงามิ เป็นอะไร
ทำไมถึงได้จ้องที่นั่งของโทโนะแบบนั้นล่ะ” ไอซาวะพูดแซวตามประสาเด็กไม่ดีทั่วไป
“หืม? เงียบๆหน่อย ฟุคิงามิ มีอะไรงั้นเหรอ ?” ครูเห็นดังนั้นเลยถามเขา
เขาส่ายหน้า
“โทโนะไม่อยู่เลยเหงาเหรอ ? ฮะๆๆ” โชเฮย์ที่เป็นลูกไล่ไอซาวะก็แซวตามหัวโจก
ต่อมาก็เริ่มมีเสียงซุบซิบดังขึ้นในห้องว่าเขากำลังคบกับโทโนะอยู่รึเปล่า
เพราะเมื่อกี้เห็นจ้องที่นั่งของโทโนะ
ทว่า
ตัวเขานั้นไม่ได้คิดจะมองที่นั่งของโทโนะเลยแม้แต่น้อย
ที่เขากำลังมองอยู่คือตัวโทโนะเอง
ครูเริ่มคาบโฮมรูมตามปกติ
ก่อนจะเตือนเขาเบาๆว่าอย่ามองลอกแลก
เพราะเรื่องเมื่อครู่
ชินจิเลยไม่ค่อยมีสมาธิกับคาบโฮมรูมเท่าไร
พอหาจังหวะที่ครูมองไปทางอื่นได้
เขาก็เหลือบมองไปยังที่นั่งของโทโนะอีกครั้ง
ทว่า ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว
เหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่า
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
โฮมรูมเริ่มขึ้นตามปกติ ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ
พอเห็นภาพแบบนั้นแล้ว ฟุคิงามิ ชินจิก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าเธอไม่อยู่แล้ว
ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอจากโลกนี้ไปแล้ว
เด็กหนุ่มไม่อาจทนกับภาพแบบนั้นได้
โทโนะ……ทำไม……
ทำไมถึงได้ตายกัน……
อีกด้านหนึ่ง
ในตอนนั้นฟุคิงามิ ชินจิไม่ได้รู้ตัวเลย…
…ว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งจับตาดูท่าทีของเขาอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น