[Spoil] Chapter 1 (Part 1)

posted on 6/01/2563 08:12:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
Chapter 1 (Part 1) : สามปีต่อมา

กำลังจมอยู่ในน้ำ
ส่งเสียงไม่ได้ พออ้าปากก็มีฟองอากาศลอยออกมา
ทรมาน หายใจไม่ออกเป็นแบบนี้ต่อไปแย่แน่
ผิวน้ำอยู่ตรงหน้า แค่เงยศีรษะขึ้นก็โผล่พ้นน้ำได้แล้ว
แต่พอจะลุกขึ้นกลับพบว่าทำไม่ได้
มี ใครบางคนกำลังคร่อมทับและบีบคออยู่
พยายามขัดขืนแต่ก็ไม่มีแรง
มองไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย
พละกำลังค่อยๆหายไปจากร่างกาย สติสัมปชัญญะเลือนรางลงไปทุกขณะ
แล้วทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบสีขาวโพลน




Chapter 1 โทโนะ คานะ






พี่คะ……พี่ นี่ ตื่นสิคะ พี่……” มีเสียงของเด็กสาวดังขึ้น
ฟุคิงามิ ชินจิลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ
สิ่งแรกที่เห็นคือสีหน้ากังวลของฟุคิงามิ ฮัตสึเนะ น้องสาวของเขา
เอ่อ เป็นอะไรรึเปล่าคะ ?  เหมือนจะฝันร้ายอีกแล้ว……” เธอรอจังหวะให้ลมหายใจของเขาสงบลงแล้วจึงพูดขึ้น
พอเขาตอบไปว่าไม่เป็นไร ฮัตสึเนะจังก็ส่งเสียงตอบรับ แล้วเดินออกจากห้องไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก น้องสาวของเขาจึงเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่ซักไซ้อะไร

ชินจิสำรวจสภาพรอบตัว
เขาเหงื่อท่วมตัว ที่นอนเองก็ยุ่งเละเทะพอสมควร คงจะฝันร้ายมาก
เฮ้อ~……ดีจัง ดูเหมือนความจะไม่แตกนะ
เสียงของเด็กสาวอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาในห้อง




อาคิสึ มาโดกะโผล่มาในชุดชั้นใน
สะ……ใส่ชุดอะไรอยู่น่ะ……” เด็กหนุ่มตกใจเล็กน้อย
เอ๋ ไม่เห็นเป็นไรเลยไม่ใช่เหรอ ชั้นกับชินจิก็มีความสัมพันธ์กันแบบนี้ด้วยเธอพูดด้วยท่าทางเขินอายนิดหน่อย
“…………อย่าพูดอะไรแกล้งกันแบบนี้สิเขาตอบกลับไป
เอ๊ะ พวกเราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ ?” แฟนของเขามีสีหน้าแปลกใจ
ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ชินจิบอกเธอ




ว่าแต่……” มาโดกะเปลี่ยนเรื่อง
ชินจิ ฝันร้ายน่าดูเลยนะเธอพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง
อืม……”
ความฝันนั่น อีกแล้วเหรอ ?” เด็กสาวถาม
เขาพยักหน้า
พอได้ยินดังนั้นมาโดกะเลยบอกว่าเขาต้องรีบลืมเรื่องนั้นให้ได้ไวๆ

ชินจิทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเธอ
เขาเปลี่ยนเสื้อ หยิบโบว์ผูกผมที่วางอยู่ข้างหมอนใส่กระเป๋า แล้วเดินลงไปข้างล่าง




พอลงบันไดมาก็ได้ยินเสียงทักทายจากคุณน้ามิยาโกะ ผู้เป็นแม่บุญธรรมของเขาและเป็นแม่แท้ๆของฮัตสึเนะจัง
จากนั้นมื้ออาหารเช้าจึงเริ่มขึ้น
ระหว่างทานข้าวคุณน้าถามฮัตสึเนะจังว่าชินกับโรงเรียนแล้วหรือยัง
น้องสาวของเขาเลยตอบไปว่าชินมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะตอนมัธยมต้นก็เรียนที่นี่
คุณน้ามิยาโกะกำลังเป็นห่วงว่าลูกสาวของเธอขี้อายเลยอาจจะเข้ากับเพื่อนใหม่ไม่ได้
ฮัตสึเนะจังเลยบอกว่าพี่ชายก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน แล้วปีนี้เธอยังได้เรียนอยู่ห้องเดียวกับเอมิจังที่สนิทกันตอนม.ต้นด้วย




หืม ชินจิคุงงั้นเหรอ แต่ถึงจะเป็นพี่ชายยังไง ถ้าอยู่คนละปีกันก็……” คุณน้าสงสัย
อ่า เรื่องนั้น……เอ่อ……” น้องสาวของเขาอ้ำอึ้งด้วยท่าทางเขินอาย
อย่างนี้นี่เอง……นั่นสินะ กับเอมิจังสนิทกันก็จริง แต่ยังไงก็เป็นแค่เพื่อน…” คุณน้าพูดเหมือนสังเกตอะไรได้
เพื่อนสำคัญก็จริง แต่ยังไงถ้ามีพี่ชายอยู่ด้วยก็สบายใจกว่ามากสินะ……สำหรับฮัตสึเนะจังแล้ว
คุณน้ามิยาโกะหยอกฮัตสึเนะจังเล่น
น้องสาวของเขาหน้าแดงด้วยความเขินอาย




แต่ต่อมาคุณน้ากลับพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่าก็เป็นห่วงอยู่นิดหน่อยจริงๆ เพราะเปิดเทอมใหม่มาไม่ทันไรก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นซะแล้ว
ทว่า พอเขาถามทั้งคู่ว่าเรื่องแปลกๆที่ว่านั่นคืออะไร ทั้งสองคนกลับหน้าบึ้งและนิ่งเงียบ ไม่พูดออกมา
สุดท้ายคุณน้าก็ตัดสินใจเบี่ยงประเด็นไป
ในเวลาเดียวกันบนทีวีก็มีรายงานข่าวว่าเมื่อคืนที่เมืองซากุระโนะโมริมีสายไฟขาดร่วงลงมาช็อตคนตาย
คุณน้ามิยาโกะเลยเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องในทีวีโดยบอกว่าเป็นอุบัติเหตุที่แปลกมาก จากนั้นก็เตือนว่าหลังๆมานี้ดูเหมือนเมืองซากุระโนะโมริแห่งนี้จะมีคดีหรืออุบัติเหตุแปลกๆเยอะ เลยอยากให้ระมัดระวังตัวไว้
ฮัตสึเนะจังรับคำ แต่ก็บอกว่าไม่น่าจะเป็นอะไร
นั่นสิน้า คิดว่าขอแค่มีพี่ชายอยู่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วคุณน้าแซวลูกสาวของเธอต่อจากเมื่อครู่
อะ เอ๋ ไม่ได้หมายว่าแบบนั้น……อะ เอ่อ เรื่องนั้นก็ใช่อยู่หรอก แต่…” น้องสาวของเขาหน้าแดง แถมครึ่งหลังก็พูดพึมพำอีกเลยไม่ได้ยิน

ที่คุณมิยาโกะกังวลคงเป็นเพราะในอดีต เมื่อสามปีก่อนเคยเกิดเรื่องขึ้นกับเด็กผู้หญิงใกล้ตัว
ใช่แล้ว หลังมาโดกะถูกฆ่าก็ผ่านไปสามปีแล้ว
ตอนนี้คดีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างที่กังวลในตอนนั้น
แต่ไม่ว่าผลการสืบสวนของตำรวจจะเป็นเช่นไร เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้อยู่แล้ว
เมื่อใดที่เขายอมแพ้ขึ้นมา ในวินาทีนั้นตัวเขาคงจะพังทลายลงราวกับตุ๊กตาชักใยที่สายด้ายขาด




หลังทานข้าวเสร็จแล้วก็เดินไปโรงเรียนด้วยกันกับฮัตสึเนะจัง
ในฐานะพี่ชายแล้วเขาเองก็ควรจะเตือนน้องสาวไว้ด้วยดีกว่า ชินจิคิด
นี่ ฮัตสึเนะจัง เรื่องเมื่อกี้น่ะ------เขาเอ่ยปากพูด
แต่น้องสาวของเขากลับคิดว่าเขากำลังจะพูดเรื่องที่คุณน้าแหย่เล่นเมื่อเช้า เลยหน้าแดงแล้วบอกว่าวันนี้ตอนเช้ามีเข้าแถวฟังครูพูด ต้องรีบไป
จากนั้นก็วิ่งไปก่อนคนเดียว ทั้งที่การเข้าแถวที่ว่านี่นักเรียนทุกชั้นปีรวมถึงเขาก็ต้องเข้าร่วมเหมือนกันหมด

ชินจิกวาดสายตามองรอบข้าง
ไม่เจอวิญญาณร้าย
ดูเหมือนจะวางใจได้เปราะหนึ่ง

นับจากเมื่อสามปีก่อน วิญญาณร้ายก็เพิ่มขึ้นมากจริงๆ
เมืองซากุระโนะโมริที่พวกเขาอาศัยอยู่กลายเป็นเหมือนรังของพวกมันไปแล้ว




น่ารักจริงๆเลยน้า ฮัตสึเนะจังเนี่ยมาโดกะมองไปยังทางที่ฮัตสึเนะจังวิ่งไปแล้วพูดขึ้น
จากนั้นก็สาธยายข้อดีแล้วยุให้เขาจีบน้องสาว โดยบอกว่าแค่มองก็น่าจะรู้แล้วว่าเธอมีใจให้ชินจิอยู่
เด็กหนุ่มได้แต่นิ่งเงียบ
ตอนที่มาโดกะยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยสังเกตเห็นความรู้สึกที่แท้จริงของฮัตสึเนะจังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าน้องสาวกำลังมีใจให้ตนอยู่

หรือว่ากังวลเรื่องความสัมพันธ์ในตอนนี้อยู่งั้นเหรอ แต่ตามจริงแล้วก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันใช่ไหมล่ะมาโดกะพูด
เรื่องนั้นมันก็ด้วยหรอก……” ชินจิตอบกลับไป
อ๊ะ รู้แล้ว ยังลืมเรื่องของชั้นไม่ได้เหรอ ?” เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนกำลังแซวเล่น
“……พอเจ้าตัวเป็นคนพูดเองแล้วดูยังไงก็เป็นการแกล้งกันชัดๆ
จะว่าไปเมื่อกี้ที่บอกว่า ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นเนี่ยหมายความว่ายังไงเหรอเธอเปลี่ยนเรื่อง
หืม…”
กางเกงในแบบซีทรูนี่มันแกล้งกันแรงเกินไปจริงๆด้วยสิน้า……” แฟนสาวของเขาพูดพลางยิ้มเล็กน้อย
ไม่ได้ใส่ของแบบนั้นไม่ใช่เหรอเขาแย้ง
อ๊ะ ตอนนั้นมองด้วยเหรอมาโดกะยิ้มด้วยใบหน้าที่เหมือนจะบอกว่าติดกับแล้ว !
ให้ตายสิ……”
เป็นการสนทนาที่ดูเหมือนเป็นการล้อเล่นไร้สาระ แต่เมื่อเช้าเขาตื่นมาในสภาพที่สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก ดูเหมือนเธอจะพยายามทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นอยู่




ชินจิมาถึงห้องเรียน ทักทายซาบาเอะที่ปีนี้ก็ได้อยู่ห้องเดียวกันอีก จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะของตัวเอง
ระหว่างทางเขาเหลือบมองไปที่มุมหนึ่งของห้อง
ตรงนั้นมีเด็กผู้ชายสองคนกำลังรังแกเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ทั้งซ้อม ทั้งถากถางด้วยคำพูด
ดูเหมือนเด็กผู้ชายผมน้ำตาลที่เป็นหัวโจกจะชื่อไอซาวะ ลูกไล่ที่มีผมยาวปิดตาข้างเดียวชื่อโชเฮย์ และเด็กผู้ชายที่กำลังถูกรังแกอยู่ชื่อเซกิ แต่เขาก็ไม่ได้รู้ละเอียดอะไรเท่าไร เพิ่งเปิดเทอมมาด้วย ไม่ได้ใส่ใจด้วย
ตั้งแต่ขึ้นชั้นม.5 มานี่ก็เป็นภาพที่เห็นได้ทุกวัน แต่ทุกคนก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กัน
ซึ่งทุกคนที่ว่านั่นก็รวมถึงตัวเขาเองด้วย




เวลาผ่านไปที่นั่งในห้องเรียนค่อยๆถูกถมเต็มด้วยนักเรียนไปเรื่อยๆ
เมื่อถึงเวลาโฮมรูม สึคาดะที่เป็นครูประจำชั้นก็เดินเข้ามา
ไอซาวะกับโชเฮย์จึงกลับไปนั่งที่ของตัวเอง

เขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของบุคคลผู้เป็นครูที่ปรึกษา
อีกฝ่ายเลยหันมาสบตากับเขาแล้วยิ้มให้
ครูสึคาดะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักเรียน
แต่สำหรับตัวเขานั้น……

ครูเริ่มทำการเช็คชื่อ
ชื่อถูกขานตามลำดับเหมือนเช่นทุกครั้ง
จนกระทั่งมาถึงชื่อของเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง
ต่อไป โทโนะ ไม่มา……เมื่อกี้ผู้ปกครองแจ้งมาแล้ว……” ครูพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เป็นตอนนั้นเองที่ชินจิสังเกตได้ถึงความผิดปกติ
เขากวาดสายตามองไปรอบห้อง
เก้าอี้ทุกตัวมีนักเรียนนั่งกันอยู่ครบ ไม่มีที่นั่งว่างอยู่เลย
ถ้าอย่างนั้นทำไม……
ครูขานชื่อนักเรียนคนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ เพื่อนร่วมชั้นก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเช่นกัน




เป็นตอนนั้นเองที่สายตาของชินจิได้ไปหยุดอยู่ที่นักเรียนหญิงคนหนึ่ง
เธอมีบรรยากาศแตกต่างจากรอบข้างอย่างเห็นได้ชัด
เขายังจำชื่อเพื่อนร่วมชั้นได้ไม่ครบเลยไม่รู้ว่าโทโนะคือใคร แต่คงจะเป็นเธอนี่ล่ะ
ฟุคิงามิ เป็นอะไร ทำไมถึงได้จ้องที่นั่งของโทโนะแบบนั้นล่ะไอซาวะพูดแซวตามประสาเด็กไม่ดีทั่วไป
หืม? เงียบๆหน่อย ฟุคิงามิ มีอะไรงั้นเหรอ ?” ครูเห็นดังนั้นเลยถามเขา
เขาส่ายหน้า
โทโนะไม่อยู่เลยเหงาเหรอ ?  ฮะๆๆโชเฮย์ที่เป็นลูกไล่ไอซาวะก็แซวตามหัวโจก
ต่อมาก็เริ่มมีเสียงซุบซิบดังขึ้นในห้องว่าเขากำลังคบกับโทโนะอยู่รึเปล่า เพราะเมื่อกี้เห็นจ้องที่นั่งของโทโนะ

ทว่า ตัวเขานั้นไม่ได้คิดจะมองที่นั่งของโทโนะเลยแม้แต่น้อย
ที่เขากำลังมองอยู่คือตัวโทโนะเอง

ครูเริ่มคาบโฮมรูมตามปกติ ก่อนจะเตือนเขาเบาๆว่าอย่ามองลอกแลก




เพราะเรื่องเมื่อครู่ ชินจิเลยไม่ค่อยมีสมาธิกับคาบโฮมรูมเท่าไร
พอหาจังหวะที่ครูมองไปทางอื่นได้ เขาก็เหลือบมองไปยังที่นั่งของโทโนะอีกครั้ง
ทว่า ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว
เหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่า

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
โฮมรูมเริ่มขึ้นตามปกติ ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ
พอเห็นภาพแบบนั้นแล้ว ฟุคิงามิ ชินจิก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าเธอไม่อยู่แล้ว
ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอจากโลกนี้ไปแล้ว
เด็กหนุ่มไม่อาจทนกับภาพแบบนั้นได้

โทโนะ……ทำไม……
ทำไมถึงได้ตายกัน……




อีกด้านหนึ่ง
ในตอนนั้นฟุคิงามิ ชินจิไม่ได้รู้ตัวเลย
ว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งจับตาดูท่าทีของเขาอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น