[Spoil] Chapter 1 (Part 5)

posted on 6/05/2563 03:41:00 ก่อนเที่ยง by VermillionEnd Categories:
Chapter 1 (Part 5) : ปีศาจฆาตกร

หลังแยกกับคุเรฮะแล้ว ชินจิก็ลองไปร้านฟอร์ซาดูอีกครั้งตามที่มาโดกะเสนอ
เขาชะโงกมองเข้าไปในร้าน
คราวนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ

เขานึกถึงคำพูดที่คุเรฮะพึมพำคนเดียวเมื่อครู่
แต่โผล่มามากขนาดนั้น……หรือว่า……ร้านอาหารนั่นจะ……”
คำพูดนั้นมันหมายความว่ายังไงกันนะ




ตอนขากลับ เด็กสาวผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาเอ่ยขึ้น
ฟังจากที่คุเรฮะจังพูด ดูเหมือนคนที่มองเห็นพวกมันจะหายากอย่างที่คิดจริงๆนั่นล่ะ แต่ว่าตัวชั้นในตอนนี้เองก็มองเห็น……”
เป็นเพราะตัวตนใกล้เคียงกันรึเปล่านะ……” เธอพึมพำกับตัวเองคนเดียว




ก่อนจะจ้องเขม็งมา
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ……เมื่อกี้ตอนถูกกุมมือ ก็ใช่ว่าจะไม่พอใจไปซะทีเดียวไม่ใช่เหรอไง ?” แฟนสาวของเขาพูดด้วยท่าทางงอนนิดๆ
ก่อนจะเปลี่ยนมาแซวเรื่องเขากับคุเรฮะด้วยรอยยิ้ม

อะไรกัน หึงเหรอ ?”
เด็กหนุ่มถามไปแบบล้อเล่น




ทว่า เด็กสาวกลับเพียงยิ้มด้วยสีหน้าเศร้านิดๆ แล้วเอ่ยว่า
จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง ……ก็ชั้นเป็นวิญญาณนี่นา




ใช่แล้ว มาโดกะเป็นวิญญาณ
หลังสูญเสียมาโดกะไป เขาก็ทรมาน รู้สึกอยากเจอเธอแทบใจจะขาด
แล้วไม่นานก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น ความปรารถนาของเขาได้กลายเป็นจริงในรูปแบบที่คาดไม่ถึง
จะเป็นความฝันหรือภาพลวงตาอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ต่อให้เป็นวิญญาณก็ไม่เป็นไร
ในตอนนั้นเด็กหนุ่มร้องไห้กอดเด็กสาวไว้แน่นแม้ว่าจะสัมผัสถึงไออุ่นไม่ได้เลยก็ตามที

สรุปแล้วตัวเขานั้นไม่ใช่แค่มองเห็นวิญญาณร้ายได้
เขายังมีพลังพิเศษอยู่อีกอย่าง
นั่นคือการมองเห็นวิญญาณคนตาย
ชินจิคิดอยู่ลึกๆว่าถ้าหากพลังนั้นสามารถทำประโยชน์อะไรได้ก็คงจะดี




เพราะแบบนั้นเลยคิดว่าถ้าชินจิหาแฟนได้เร็วๆก็ดีสิ นี่พูดจริงนะมาโดกะพูดต่อจากเมื่อครู่
อืม……” เด็กหนุ่มเพียงส่งเสียงตอบกลับไปแบบไม่มีกะจิตกะใจเท่าไรนัก
แล้ว คิดยังไงเหรอ กับคุเรฮะจังน่ะ
มาโดกะถามเขาว่าในเรื่องความรักแล้วเขาคิดยังไงกับคุเรฮะ
เขาเลยตอบไปว่าเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเลยยังตอบไม่ได้

หืม แต่ในโลกนี้ก็มีความรักที่เริ่มขึ้นหลังพบกันได้ 5 นาทีด้วยนะเพื่อนสมัยเด็กของเขาบอก
อะไรแบบนั้น……สำหรับชั้นคงไม่ไหวหรอก……”
ก็นะ ชินจิคงไม่ไหวนั่นล่ะ ไม่ใช่แนวด้วยเธอบอก
“……เพราะยังมีเรื่องของเธออยู่น่ะเด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอ้างว้างนิดๆ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เด็กสาวก็มีสีหน้าเศร้าเล็กน้อย ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
ยังลืมเรื่องของชั้นไม่ได้งั้นเหรอ ?”
อืม เรื่องนั้นก็มีส่วนชินจิตอบกลับไปห้วนๆราวกับต้องการจบหัวข้อสนทนานี้เร็วๆ
เอาเถอะ ซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สสินะ ถ้าเข้ากลุ่มไป หลังจากนี้ก็คงมีโอกาสอีกเยอะ ไม่ใช่แค่ 5 นาที
มาโดกะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม




ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีกะทันหันและเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
ว่าแต่……ไม่เป็นไรจริงๆเหรอ
เธอบอกว่าการไปปราบวิญญาณร้ายด้วยกันกับซากุระโนะโมริดรีมเมอร์ดูท่าทางอันตราย
ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังยืนกรานที่จะไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจ
ทำไมงั้นเหรอเด็กสาวถามเขา
นั่นก็เพราะว่า------”
แอบชอบเข้าแล้วล่ะสิมาโดกะแซวเขาเล่น
ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะดีกว่าก็ได้……สำหรับชั้นแล้ว ถ้าพลังของตัวเองทำประโยชน์อะไรสักอย่างได้ก็คงจะดี เพราะคิดแบบนั้นน่ะชินจิตอบกลับไปอย่างจริงจัง
พอได้ฟังดังนั้นมาโดกะก็มีสีหน้าเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
คุเรฮะจังเองก็ชมไว้เหมือนกัน……ดูเหมือนชินจิจะเป็นคนรักความถูกต้องจริงๆนั่นล่ะ…… ในฐานะแฟนแล้วก็ภูมิใจอยู่หรอก……แต่ยังไงก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ดีน่ะนะ……”
เด็กสาวพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะหายวับไปจากสายตาเขา




ตอนเย็น ชินจิบอกคุณน้าว่าหลังจากนี้เขาต้องไปบ้านเพื่อนเลยไปส่งที่คอนโดไม่ได้
คุณน้ามิยาโกะมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
นั่นคงเป็นเพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัย ต่อให้ไปไหนมาไหนตอนกลางคืนก็ไม่ต้องระมัดระวังตัวมาก
แต่เพราะแบบนั้นนั่นล่ะ เมืองซากุระโนะโมริแห่งนี้ที่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นสารพัดคงจะเพี้ยนไปแล้วจริงๆ  เขาคิด




บ้านคุเรฮะอยู่ชานเมือง แถมยังต้องขึ้นเนินอีก หากปั่นจักรยานแม่บ้านไปคงลำบาก
สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจใช้จักรยานเสือหมอบที่เป็นของดูต่างหน้าของคนรัก
แม้เขาจะไม่ได้ขี่มันเลย แต่ก็หมั่นทำความสะอาดดูแลรักษาอยู่ตลอดไม่เคยขาด มันจึงอยู่ในสภาพดีอยู่

ชินจิปั่นจักรยานเสือหมอบไปบนถนนยามค่ำคืน
แม้ตัวเขาจะโตขึ้น แต่ก็ยังพอขี่มันได้
ทว่า คงเป็นเพราะไม่ได้ขี่มานานเลยรู้สึกเหนื่อยพอสมควร

เอ๋ ระหว่างที่หยุดไปฝีมือตกลงไปมากเลยไม่ใช่เหรอ แบบนี้คิดไม่ได้เลยนะว่าเป็นคนเดียวกับชินจิคนนั้นที่แม้จะขี่จักรยานแม่บ้าน ขาก็ยังไม่แตะพื้นเลย
มาโดกะแซวเขาเล่น ก่อนจะชวนให้เขากลับมาขี่จักรยานเป็นงานอดิเรกอีกครั้ง โดยอ้างว่าหลังจากนี้คงต้องไปบ้านคุเรฮะเพราะเรื่องซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สบ่อยๆด้วย
แต่……ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะขี่เท่าไรนี่สิเขาตอบกลับไป
คันเล็กไปเหรอ ?”
เปล่า……ก่อนหน้านี้ก็เคยบอกไปแล้วนี่
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เด็กสาวก็มีสีหน้าเศร้าเล็กน้อยเช่นเดียวกับเมื่อกลางวัน

เด็กหนุ่มเข้าใจดีว่าเด็กสาวต้องการจะบอกอะไร
จะเรื่องแฟนเมื่อกลางวันก็ดี เรื่องจักรยานก็ดี เธอต้องการให้เขาลืมเรื่องของเธอเร็วๆ
แต่แม้จะรู้อยู่แล้ว เขาก็……




ชินจิมาถึงบ้านคุเรฮะในสภาพเหนื่อยหอบ
เขาตกใจเล็กน้อยที่บ้านของเธอเป็นคฤหาสน์ญี่ปุ่นหลังใหญ่มากและดูเหมือนจะเป็นโรงฝึกที่เธอพูดถึงเมื่อกลางวันด้วย

หลังกดออดได้สักพักก็มีเสียงตอบกลับมา
เขารู้สึกเกร็งนิดๆเพราะไม่เคยไปบ้านเด็กผู้หญิงมาก่อนนอกจากบ้านมาโดกะกับบ้านฮัตสึเนะจัง
มีชายชราสวมชุดญี่ปุ่นออกมาต้อนรับเขา จับจ้องเขาราวกับกำลังพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะ




เฮ้ คุเรฮ้า~! แฟนหล่อๆของแกมาแล้ว~” อีกฝ่ายยิ้มแล้วตะโกนเสียงดังลั่น
เดี๋ยวเถอะ……ปู่ อย่าตะโกนเสียงดังสิ !”
เพื่อนร่วมชั้นของเขารีบเดินออกมาจากบ้านทันที เธอเองก็สวมชุดญี่ปุ่นอยู่เช่นกัน
คุเรฮะหน้าแดงเล็กน้อย เธอทักทายเขาแล้วบอกกับปู่ว่าชินจิไม่ใช่แฟน แต่เป็นพวกพ้องคนใหม่
น่า ก็เหมือนกันนั่นล่ะปู่แหย่คุเรฮะเล่น
ตรงไหนกันล่ะนั่น……” เด็กสาวพูดโดยหน้าแดงเล็กน้อย
หล่อพอตัวด้วยนะนี่
เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกันค่ะ
แต่ที่ผมยุ่งไปหน่อยก็ยังไงๆอยู่นา……” ปู่บอก
อ๊ะ นี่เพราะสวมหมวกกันน็อคมาน่ะครับ……” ชินจิพูดพลางชี้ไปยังจักรยานที่จอดพิงกำแพงอยู่
โฮ่ เป็นจักรยานที่ดูเท่ไม่เบาเลยนี่ปู่หันไปมองทางที่เขาชี้
อ๊ะ……ที่บอกว่าจะขี่จักรยานมาเนี่ย คันนี้เหรอ ก็ดูท่าทางจะเร็วจริงๆนั่นล่ะ คุเรฮะเองก็หันไปมองตาม
โฮ่ สวมหมวกกันน็อคขี่จักรยาน น่าชื่นชมๆ
หลังชมเขา ปู่ก็พาเขาเข้าบ้าน
ชินจิขอจอดจักรยานไว้ในสวน จากนั้นก็ขึ้นบ้านตามไป




สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ
พอเข้ามาในบ้านก็มีเสียงทักทายมาจากเด็กสาวอีกคนหนึ่ง
สวัสดีครับชินจิทักทายตอบกลับไป
ทางนี้ คุณชิซุมิยะ มาโฮโระ  เป็นรุ่นพี่พวกเราอยู่ปีนึงน่ะ คุเรฮะแนะนำเธอกับชินจิ
นามสกุล ชิซุมิยะเป็นนามสกุลที่เขารู้จัก แต่เด็กหนุ่มไม่อยากขัดการสนทนาจึงแค่พยักหน้าไปเฉยๆ

เมื่อเขากับมาโฮโระทักทายกันเสร็จแล้ว ปู่ก็พูดเหมือนจะเข้าเรื่อง
ฟุคิงามิคุง
ครับ ชินจิคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าเรื่องซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สจึงตั้งใจฟัง
เธอสนใจเล่นเคนโด้รึเปล่า
เอ๊ะเด็กหนุ่มงงกับคำถามที่ไม่ทันตั้งตัว
ฮิๆ รีบชวนทันทีเลยนะคะ การบริหารโรงฝึกเริ่มลำบากแล้วเหรอคะมาโฮโระแซว
ปู่ตอบมาโฮโระไปว่าเปล่า แค่เห็นชินจิดูมีแววเลยชวนเฉยๆ
พอรู้ว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องซากุระโนะโมริดรีมเมอร์ส ชินจิจึงขอโทษแล้วปฏิเสธไป

งั้นเหรอ……น่าเสียดายจังนะ……ว่าแต่……ฟุคิงามิคุง
ครับชินจิคิดว่าคราวนี้อีกฝ่ายคงจะเข้าเรื่องแล้วจริงๆจึงตั้งใจฟัง
เธอสนใจเล่นเคนโด้รึเปล่า ?”
เอ๊ะเด็กหนุ่มงงที่ได้ยินคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง
เคยได้ยินมานะคะว่าถ้ายังแกล้งทำเป็นหลงต่อไปเรื่อยๆ อาการหลงจริงๆจะมาเร็วขึ้นมาโฮโระเอ่ยขึ้น
จะ จริงเรอะ ?” ปู่ตกใจ
หลังคุยนอกเรื่องกับมาโฮโระไปสักพัก ปู่ก็หันมาหาเขาแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง
ไม่ค่อยได้เจอลูกศิษย์ที่ถูกใจซะทีน่ะนะ ชั้นตั้งใจไว้แล้วว่าคนที่จะมาแต่งงานกับหลานสาวจะเลือกจากบรรดาลูกศิษย์น่ะ……”




มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น
เรื่องแบบนั้นเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่ล่ะคุเรฮะใช้เท้าเลื่อนเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ปู่เตือนคุเรฮะว่าอย่าใช้เท้าเปิดประตู
เธอเลยบอกว่าก็มือเธอไม่ว่างนี่นา
ให้ตายสิ……ถ้าไม่เรียบร้อยกว่านี้จะหาแฟนไม่ได้เอาจริงๆนะปู่บ่น
เกี่ยวด้วยเหรอ นั่นน่ะเพื่อนร่วมชั้นของเขาถาม
เกี่ยวมากเลยล่ะ เนอะ ?” ปู่หันมาถามชินจิ
อะ เอ่อ……” เด็กหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ
ปู่คะ ในกรณีของคุเรฮะจัง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องนั้น แค่พวกเด็กผู้ชายคิดกันว่าเข้าหายากเฉยๆค่ะมาโฮโระบอก
เอ๊ะ งั้นหรอกเหรอ ?” เพื่อนร่วมชั้นของเขามีสีหน้าประหลาดใจ
เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวก็จริง……ฟุคิงามิคุง อยู่ห้องเดียวกันสินะคะ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเข้าใจไม่ใช่เหรอรุ่นพี่หันมาถามเขาแทน
อืม……นั่นสินะครับเด็กหนุ่มเพียงตอบกลับไปสั้นๆ
หืม……?” คุเรฮะครุ่นคิด
ถ้าอัธยาศัยดีกว่านี้หน่อยก็หาแฟนได้ทันทีแล้วล่ะมาโฮโระแนะนำ
อัธยาศัยงั้นเหรอ……เอาเถอะ ก็ไม่ใช่ว่าอยากมีแฟนซะหน่อยเพื่อนร่วมชั้นของเขาพูด
เอ๊ะ ? ไม่ได้โอดครวญอยู่บ่อยๆว่างานยุ่งจนไม่มีเวลาหาแฟนหรอกเหรอ ?” รุ่นพี่แซว
สุดท้ายคุเรฮะจึงตัดสินใจยุติหัวข้อสนทนานี้กลางคันโดยบอกว่า
โธ่……ไม่ได้ขอให้ฟุคิงามิคุงมาเพื่อคุยเรื่องแบบนี้กันไม่ใช่เหรอ ?  มาเข้าเรื่องกันเถอะ
ทั้งหมดจึงตัดสินใจเข้าเรื่องกัน




ปู่ของคุเรฮะเปลี่ยนมามีสีหน้าจริงจัง บอกกับชินจิว่าคงจะได้ยินเรื่องคร่าวๆมาจากหลานของตนแล้ว แต่จะขอยืนยันนิดหน่อย
การปราบโบดาชมีอันตราย ถึงอย่างนั้นก็จะยังเข้าร่วมงั้นเหรอปู่ถาม
อ๊ะ !”
คุเรฮะตกใจ บอกว่าเธอลืมพูดไปซะสนิทเลยว่าการปราบโบดาชมีอันตรายอยู่ด้วย
ปู่มีสีหน้าเอือมระอา
แปลกจังเลยนะ คุเรฮะจังพลาดเพราะสะเพร่าเนี่ยมาโฮโระชี้
เอ่อ……ก็ เจอพวกพ้องแล้วเลยดีใจด้วย……แล้วก็……” เพื่อนร่วมชั้นของเขาพูดพลางหน้าแดงเล็กน้อย
แล้วก็ ?”  รุ่นพี่สงสัย
คุเรฮะจึงกลบเกลื่อนไป สงสัยเธอคงกำลังนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวันที่กุมมือเขา

ไม่หรอกครับ เรื่องมีอันตรายตามมาด้วยนี่คาดการณ์เอาไว้แล้วด้วย
ชินจิตัดสินใจพาหัวข้อสนทนากลับเข้าเรื่อง
ปู่จึงอธิบายถึงอันตรายให้ฟังว่าโบดาชคือความตายที่สักวันหนึ่งจะต้องมาถึงก็จริง แต่ถ้าไปยุ่งกับมันสุ่มสี่สุ่มห้า ความตายอาจจะมาถึงก่อนเวลาอันควรก็ได้ ถึงอย่างนั้นก็จะยังเข้าร่วมงั้นเหรอ
เด็กหนุ่มยังคงยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าจะไม่เปลี่ยนความตั้งใจ

หืม……ว่าแต่ ทำไมกันล่ะปู่ถามเหตุผล โดยบอกว่าเป็นงานที่ไม่ได้ทั้งเงิน ไม่ได้ทั้งคำสรรเสริญจากรอบข้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงคิดจะเข้าร่วม
นั่นเพราะว่า------” ชินจิกำลังเอ่ยปากตอบ
อา เข้าใจแล้วล่ะปู่พูด
เอ๊ะ ?”  เขาแปลกใจ
แอบชอบเข้าแล้วสินะปู่พูดต่อ
ทั้งห้องตกลงไปสู่ความเงียบ
“…………เอ๋ ชั้นงั้นเหรอ ?  กะ โกหกน่า……” คุเรฮะตกใจ
เดี๋ยวสิ คุเรฮะจัง ใช่ว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดแบบนั้นเองซะหน่อยนี่ รุ่นพี่ชี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เพื่อนร่วมชั้นของเขาเลยหัวเราะแหะๆด้วยใบหน้าเขินอายเล็กน้อย

การสนทนาออกนอกเรื่องไปอีกแล้ว ชินจิตัดสินใจพาหัวข้อสนทนากลับเข้าเรื่องอีกครั้ง
เด็กหนุ่มบอกว่าตนมีพลังพิเศษ ไม่ใช่แค่มองเห็นโบดาชได้ แต่ยังสามารถเห็นวิญญาณคนตายได้ด้วย




ความตื่นตกใจมาเยือนในห้อง
เขาเพิ่งเคยบอกเรื่องนี้กับคนอื่นเป็นครั้งแรก เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ แต่ถ้าเป็นคนพวกนี้ที่อยู่เคียงข้างโลกที่ผิดธรรมดาแล้วล่ะก็คงจะยอมเชื่อ
งั้นเหรอ……เข้าใจแล้วล่ะ ฟุคิงามิคุงถึงได้ตกใจในห้องเรียนสินะ ตอนที่รู้ว่าคุณโทโนะขาดเรียนน่ะคุเรฮะบอก
ใช่แล้วล่ะ ในสายตาของชั้น ตอนนั้นทุกที่มีคนนั่งอยู่ครบหมด……เลยเห็นว่ามีโทโนะอยู่ด้วย แล้วก็….” เขาพูด
เด็กหนุ่มบอกว่าตัวเขามีพลังที่คนอื่นไม่มี จึงอยากหาความหมายของพลังนั้น คิดว่าน่าจะมีหนทางที่สามารถนำพลังนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

เป็นคำตอบที่ฟังดูดีตามแบบฉบับเลยนะปู่พูดด้วยน้ำเสียงสงสัยนิดๆ
คุเรฮะเลยบอกว่าชินจิเป็นคนรักความถูกต้อง ถ้าไม่ใช่แบบนั้นคงไม่ตามหาโทโนะหรอก
พอได้ยินหลานสาวพูดแบบนั้น ปู่ของคุเรฮะจึงยอมพยักหน้า ก่อนจะบอกว่าเห็นแบบนี้แต่ตนก็เป็นตำรวจ พอจะมองคนออก ชินจิดูผิดกับวัยรุ่นอ่อนแอทั่วไป เป็นคนที่ผ่านการต่อสู้มาพอสมควร
ชินจิรีบปฏิเสธทันควันว่าไม่ใช่
ปู่เลยบอกว่าตนคงฝีมือตกแล้วเลยมองผิดไป แต่ยังไงชินจิก็ดูต่างจากวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปอยู่ดี

ว่าแต่รู้จักคุณยาสึกะ ฮิเดโนริหรือเปล่าครับชินจิเปลี่ยนเรื่อง
ปู่บอกว่าไม่รู้จัก
เมื่อกลางวันก็พูดถึงสินะ คนๆนั้นมีอะไรงั้นเหรอคุเรฮะถาม
เขาเลยบอกไปว่าคุณฮิเดะเหมือนจะรู้เรื่องซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สนิดหน่อย
ทว่า ทั้งคุเรฮะ มาโฮโระ และปู่ กลับไม่มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่น้อย ทีแรกเขานึกว่าเรื่องซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สจะเป็นความลับซะอีก
คุเรฮะเลยบอกว่าคนที่รู้ก็มีอยู่น่ะ อย่างพวกนักเรียนโรงฝึก

เมื่อปู่ของคุเรฮะได้ทราบถึงเหตุผลและการเตรียมใจของชินจิ จึงบอกว่าตนก็ไม่คิดจะคัดค้าน
จากนั้นก็พูดต่อว่าหลังคุเรฮะผิดใจกับเพื่อนจนเพื่อนคนนั้นแยกตัวออกไป ซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สก็อยู่ในสภาพหยุดพักมาตลอดเลย
งั้นแปลว่าปู่ไม่คัดค้านสินะเพื่อนร่วมชั้นของเขาถาม
ไม่คิดจะบ่นอะไรตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แค่ลองพิสูจน์การเตรียมใจของเจ้าตัวดูเฉยๆนั่นล่ะชายชราบอก




พอได้ยินว่าปู่ไม่คัดค้าน เด็กสาวสองคนตรงหน้าก็แสดงท่าทางยินดีออกมาอย่างเห็นได้ชัด
และแบบนี้ ฟุคิงามิ ชินจิจึงได้กลายเป็นสมาชิกของซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สไปอย่างเป็นทางการ




คุเรฮะกับปู่อธิบายเรื่องโบดาชให้ชินจิฟังอย่างละเอียด
โบดาชมี 2 ประเภทคือสีฟ้ากับสีแดง
โบดาชสีฟ้านั้นทำอะไรกับมันไม่ได้ จึงไม่ควรเข้าไปยุ่งเลยจะดีที่สุด
ส่วนโบดาชสีแดงนั้นคือสิ่งที่ซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สกำลังปราบอยู่
พอฟังมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็นึกได้ว่าตนไม่เคยเห็นตัวสีแดงมาก่อนเลย

ปู่ของคุเรฮะยังคงอธิบายต่อไปเรื่อยๆ
โบดาชสีฟ้านั้นจะนำความตายมาสู่คนที่มันสิง ส่วนโบดาชสีแดงจะเปลี่ยนคนที่มันสิงให้กลายเป็นปีศาจฆาตกร
ตัวสีฟ้านั้นเป็นเหมือนยมทูต มนุษย์จึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
ทว่า ตัวสีแดงนั้นต่างกันออกไป ปีศาจฆาตกรเป็นมนุษย์ มนุษย์ด้วยกันจึงสามารถจัดการกับมันได้
ชินจิฟังมาถึงตรงนี้ก็สงสัย เลยถามว่าถ้าอย่างงั้นทำไมถึงไม่ปล่อยให้ตำรวจจัดการ
ปู่เลยบอกว่าถ้าทำได้คงปล่อยให้ตำรวจจัดการไปแล้ว
ปู่ของคุเรฮะเป็นตำรวจเก่า จึงไม่น่าจะไม่เชื่อใจในตำรวจ คงมีเหตุผลบางอย่างอยู่ ชินจิคิด
คุเรฮะจึงอธิบายต่อว่าในกรณีที่ถูกโบดาชสีแดงฆ่า รูปร่างของผู้ก่อเหตุดูเป็นมนุษย์ธรรมดาก็จริง แต่ผู้เคราะห์ร้ายจะไม่เหลือแม้แต่ศพ ทั้งร่างกาย ทั้งเลือด ทั้งเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างจะมลายหายไป กลายเป็นโบดาชสีฟ้า
ซึ่งนั่นก็คือที่มาของผีลักซ่อนยังไงล่ะเด็กสาวพูด

ปู่พูดต่อว่ายิ่งองค์กรใหญ่เท่าไรก็ยิ่งขยับตัวได้ยากเท่านั้น หากไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้
ผีลักซ่อนจึงไม่ถือเป็นคดีฆาตกรรม เป็นแค่คดีคนหายเท่านั้น
ชินจินึกถึงภาพในตรอกเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่เขาไปตามหาวิญญาณร้ายด้วยกันกับคุณฮิเดะ
ตอนนั้นศพก็หายไปในเวลาไม่ถึง 10 นาทีเช่นกัน ไม่ใช่แค่ศพ แม้แต่รอยเลือดก็ไม่เหลือ
ผลสุดท้ายตำรวจก็ไม่เชื่อ แถมยังโกรธใส่ด้วยซ้ำ

แม้แต่คดีธรรมดาเอง ถ้าฆาตกรฆ่าแบบสุ่มก็คลี่คลายได้ยากสินะคะ ?” มาโฮโระพูด
ปู่เลยบอกว่าปกติตำรวจจะสืบคดีจากความเกี่ยวข้องของผู้ตาย แต่ปีศาจฆาตกรฆ่าไม่เลือกเลยไม่มีประโยชน์ที่จะใช้วิธีนั้น
แล้วยิ่งไม่เหลือศพด้วย……นั่นเลยเป็นเหตุให้พวกเราซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สต้องออกโรงสินะรุ่นพี่สรุป

เมื่อฟังจบ ชินจิก็ตกตะลึง
เมืองซากุระโนะโมริแห่งนี้มีคดีคนหายมากมายผิดปกติ และคนทั่วไปเรียกคดีแบบนั้นกันว่า ผีลักซ่อน
ถ้าหากผีลักซ่อนคือการฆาตกรรมโดยปีศาจฆาตกรแล้วล่ะก็
นั่นหมายความว่าที่เมืองของตนกำลังมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีใครรู้
เด็กหนุ่มตกตะลึงกับความจริงนั้น




จากนั้นปู่ก็บอกว่าอันตรายที่ซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สต้องเผชิญคืออันตรายจากการไปยุ่งเกี่ยวกับปีศาจฆาตกร
ไม่เป็นไรครับชินจิตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เขาไม่แน่ใจว่าตนเข้าใจถึงคำว่าอันตรายนั่นดีแค่ไหน
ทว่า พอได้ยินว่าฆาตกรแล้วเขาก็ไม่อาจถอยกลับได้อีกต่อไป

ในบรรดาคนที่หายสาบสูญไปมีคนถูกฆ่าตายอยู่มาก นี่ไม่ใช่แค่การคาดเดา มีหลักฐานด้วย
พูดแล้วปู่ก็เดินออกจากห้องไป
“……ตกใจรึเปล่าเด็กสาวผู้เป็นเพื่อนร่วมชั้นถามเขาอย่างอ่อนโยน
ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว เบื้องหลังที่ทำให้คิริโต้คาใจกับการขาดเรียนของโทโนะเขาพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น
เธอบอกว่าเธอสัมผัสอะไรบางอย่างได้จากท่าทีของเขา
ถ้าหากรู้เรื่องเมื่อกี้อยู่แล้วล่ะก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย




ปู่ของคุเรฮะกลับมาพร้อมกับวิดีโอ
ไม่ใช่ของที่จะทนดูได้หรอกนะ เอายังไง จะดูรึเปล่า หรือจะแค่ฟังเรื่องราวอย่างเดียวก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ
ปู่ถามเขา

ตัวเลือกที่ 1) จะดู
ตัวเลือกที่ 2) พอแค่นี้ละกัน

จะดูครับเด็กหนุ่มตัดสินใจ
คุเรฮะกับมาโฮโระจึงเดินออกจากห้องไป




บนจอทีวีฉายภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเลือดออกมาจากบริเวณหู
เธอไม่มีใบหูอยู่
ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด แต่เพราะถูกปิดปากอยู่จึงไม่สามารถร้องออกมาได้
ข้างหลังมีใครบางคนอยู่
คนๆนั้นสวมชุดดำทั้งตัวจนดูไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย
ผู้หญิงพยายามดิ้นรนหนีจากคนชุดดำอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เพราะถูกมัดอยู่จึงขัดขืนไม่ได้มากนัก
คนชุดดำเดินเข้ามาใกล้ แล้วก็




ฉึก !
มันเอามีดแทงผู้หญิง
ผู้หญิงร้องเสียงดังแม้จะถูกปิดปากอยู่
เลือดสาดกระจาย
ผ่านไปราวๆ 1 นาทีผู้หญิงก็แน่นิ่งไป




จากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับร่างกายของเธอ
ร่างของเธอค่อยๆหายไปทีละน้อย
เลือดที่ไหลนองก็หายไปจนไม่เหลือร่องรอยเช่นกัน




สุดท้ายร่างไร้วิญญาณของผู้หญิงก็กลายเป็นโบดาชสีฟ้าไป




แล้ววิดีโอก็จบลง
โดยมีภาพไพ่โจ๊กเกอร์ปิดท้าย

ปู่บอกว่าตอนจบฆาตกรคนนี้จะโชว์ไพ่โจ๊กเกอร์ปิดท้ายที่หน้ากล้องเสมอ
ซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สจึงเรียกปีศาจฆาตกรตนนี้ว่า โจ๊กเกอร์
พออธิบายจบปู่ก็ลุกจากที่นั่ง โดยบอกว่าจะไปเรียกคุเรฮะกับมาโฮโระ

หลังปู่ของคุเรฮะลุกออกไป ชินจิถึงเพิ่งรู้ตัวว่าร่างกายของตนมีเหงื่อไหลท่วม
ภาพในวิดีโอนั่น ดูยังไงก็ไม่ใช่ของที่ทำขึ้น
เด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นการฆาตกรรมสดๆกับตาเป็นครั้งแรก




พอคุเรฮะกับมาโฮโระกลับเข้ามาในห้องแล้ว ปู่ก็อธิบายให้ฟังว่าโจ๊กเกอร์จะส่งวิดีโอมาเป็นระยะๆ
คุณโทโนะเองก็ถูกโจ๊กเกอร์ฆ่าตายรึเปล่านะ……” คุเรฮะสงสัย
แต่ปู่บอกว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีวิดีโอแบบนั้นส่งมา
ชินจิเสนอว่าวิดีโอนั่นน่าจะเป็นหลักฐานให้กับตำรวจได้ไม่ใช่เหรอ
ปู่เลยบอกว่าตอนแรกก็ส่งให้ตำรวจอยู่หรอก ทางตำรวจเองก็แตกตื่นกันใหญ่ แต่เพราะไม่มีเบาะแสเลยทำอะไรไม่ได้ สถานที่เองก็เปลี่ยนไปทุกครั้งด้วย และถึงจะเป็นคราวโชคดีที่รู้ว่าเป็นที่ไหน ตอนไปถึงก็ไม่เหลือหลักฐานอะไรแล้ว

สุดท้ายแล้ว พอไม่ต้องกังวลเรื่องจัดการศพ การฆ่าคนก็ง่ายขึ้นด้วยปู่พูด
จากนั้นก็บอกว่าจุดมุ่งหมายของซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สคือการกำจัดโบดาชสีแดงก็จริง แต่เป้าหมายหลักในตอนนี้คือโจ๊กเกอร์ จะปล่อยให้ฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ลอยนวลไม่ได้




เนื่องจากดึกแล้ววันนี้เลยพอกันก่อนแค่นี้
ชินจิกับคุเรฮะจึงเดินไปส่งมาโฮโระที่บ้าน
ระหว่างทางนั้นเอง
รุ่นพี่ เคยมีน้องชายชื่อยาซึทากะหรือเปล่าครับเด็กหนุ่มได้ถามออกไป
“…………รู้จักกันเหรอ กับยาซึทากะน่ะมาโฮโระมีสีหน้าแปลกใจ
ชินจิจึงบอกไปว่าเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน
ดีใจยังไงไม่รู้นะ ได้มาเป็นพวกพ้องเดียวกับเพื่อนของน้องชายเนี่ยเด็กสาวรุ่นพี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม




ว่าแต่ทำไมรุ่นพี่ถึงได้เข้าร่วมซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สหรือครับเขาถามเรื่องที่สงสัยออกไป
คุเรฮะจึงตอบแทนให้ว่ามาโฮโระมีพลังพิเศษอยู่ หากปราศจากพลังนั้นแล้วจะไม่สามารถดำเนินกิจกรรมของซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สต่อไปได้เลย
ชินจิเลยบอกว่าเขาไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่กำลังถามถึงเรื่องแรงจูงใจอยู่

จะว่าไป ไม่ค่อยได้คุยเรื่องแบบนี้กันเท่าไหร่ด้วยสิ……เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันด้วย ทางบ้านก็มีความสัมพันธ์ร่วมมือกันมาตั้งแต่เมื่อก่อนด้วย เลยไม่เคยสงสัยคุเรฮะพูด
มาโฮโระครุ่นคิด แล้วบอกว่าเป็นอย่างที่คุเรฮะพูด เพราะมีความสัมพันธ์นั้นจึงช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้น การเข้าใกล้โบดาชซึ่งเป็นความตายนั้นเปรียบเสมือนการเข้าไปใกล้โลกโน้น ถ้าอย่างนั้นเธออาจจะมีโอกาสได้เจอกับน้องชายอีกครั้งก็เป็นได้
เด็กสาวรุ่นพี่ตอบมาเช่นนั้น ก่อนจะบอกว่าเธออิจฉาพลังมองเห็นวิญญาณคนตายของชินจิ
เด็กหนุ่มจึงรับปากว่าถ้าเขาเห็นวิญญาณของยาซึทากะล่ะก็จะรีบบอกทันที




ทั้งสามคนเดินมาถึงบ้านของมาโฮโระ
เขากับคุเรฮะจึงบอกลาเธอ

อ๊ะ ใช่ๆ ชินจิคุง
ทว่า ก่อนไปรุ่นพี่ทักเขา บอกกับเขาด้วยรอยยิ้มว่าไม่ต้องใช้ภาษาสุภาพกับเธอก็ได้
ในตอนที่เขาหันกลับมาหาเธอนั้น เขารู้สึกว่านักเรียนรุ่นพี่ตรงหน้าดูคล้ายกับเพื่อนสนิทผู้ล่วงลับมาก
ทั้งๆที่รุ่นพี่ดูสมกับเป็นผู้หญิง ไม่น่าจะมองผิดเป็นผู้ชายได้เลยแท้ๆ
แต่เพราะความรู้สึกนั้น เด็กหนุ่มจึงพยักหน้าตกลงด้วยรอยยิ้ม




หลังส่งมาโฮโระแล้ว ชินจิก็เดินกลับไปเอาจักรยานที่จอดทิ้งไว้บ้านคุเรฮะ
ระหว่างทางก็คุยกันเรื่องซากุระโนะโมริดรีมเมอร์ส
คุเรฮะบอกว่าช่วงราวๆ 2 ปีนี้ที่โจ๊กเกอร์ส่งวิดีโอมานั้นพวกเธอทำอะไรไม่ได้เลย แต่หลังจากนี้นี่ล่ะที่จะเป็นการโต้กลับ
แต่เรื่องคุณโทโนะ คงจะไม่เกี่ยวกับโจ๊กเกอร์รึเปล่านะ……บางที……”
เพื่อนร่วมชั้นของเขาให้ความเห็น ดูเหมือนเธอจะคาใจกับเรื่องที่ร้านอาหารนั่นมีโบดาชอยู่เป็นจำนวนมาก
เขาอยากจะถามเรื่องนั้นด้วยก็จริง แต่เพราะเห็นบ้านแล้วเลยตัดสินใจถามเรื่องที่สงสัยมากกว่าไป

มีเรื่องคาใจอยู่เรื่องนึงน่ะ การที่ส่งแผ่นซีดีมาที่บ้านได้เนี่ยแปลว่าเป็นไปได้ว่าโจ๊กเกอร์จะเป็นคนรู้จักไม่ใช่เหรอชินจิถาม
“……อืม……”
ไม่ใช่แค่นั้น ดูเหมือนโจ๊กเกอร์จะรู้ด้วยว่าพวกคิริโต้กำลังทำอะไรกันอยู่  ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะลดขอบเขตผู้ต้องสงสัยไปได้ไม่ใช่เหรอ
พอได้ฟังความเห็นของเขา เด็กสาวก็มีสีหน้าหนักใจ แล้วบอกว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ปู่ตั้งอกตั้งใจชวนนักเรียนโรงฝึกให้มาเข้าร่วมซากุระโนะโมริดรีมเมอร์ส
เอ่อ หรือว่านอกจากซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สแล้ว……มีคนที่กำลังปราบโบดาชอยู่ตามลำพังด้วยงั้นเหรอเขาถาม
เอ๊ะ……?” เด็กสาวมีท่าทางตกใจพอสมควร
เอ่อ……ก็……ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหรอก……มั้งนะ……ว่าแต่ ทำไมงั้นเหรอคุเรฮะพูดด้วยท่าทางเหมือนกำลังกลบเกลื่อนอะไรบางอย่างอยู่และต้องการจบเรื่องนี้เร็วๆ

ชินจินึกย้อนไป
ใช่แล้ว ตอนนั้นเขากับคุณฮิเดะเห็นชายถือมีด แล้วก็พบศพในตรอก แต่ศพก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็มีข่าวว่ามีการพบศพชายถือมีดตามมา
โทษที เผลอนอกเรื่องไปหน่อย แล้วเรื่องลดขอบเขตผู้ต้องสงสัยนี่ว่ายังไงเหรอ……”
เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง เขาตัดสินใจไม่แตะเรื่องนี้ เขาไม่ควรไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองจนเกินควร
คุเรฮะที่ไม่ต้องการพูดเรื่องนี้อยู่แล้วเลยรีบเปลี่ยนเรื่องตามทันที เธอบอกว่าเพราะปู่ชวนนักเรียนโรงฝึกไปทั่ว เลยมีคนที่รู้เรื่องนี้อยู่เยอะ ผู้ต้องสงสัยเองก็เลยเยอะตามไปด้วย
จากนั้นก็ถึงบ้านของคุเรฮะพอดี เด็กหนุ่มจึงหยิบจักรยานของตัวเองแล้วแยกกับเพื่อนร่วมชั้น




นี่……ชินจิ
ตอนขี่จักรยานกลับบ้าน มาโดกะโผล่มาส่งเสียงทักเขา
เธอถามเขาว่าจะร่วมมือกับพวกคุเรฮะจริงๆเหรอ สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเมื่อกลางวันแล้ว อีกฝ่ายไม่ใช่วิญญาณร้าย แต่เป็นฆาตกรตัวจริง แบบนั้นมันอันตรายเกินไป

มาโดกะสิงอยู่ในโบว์ผูกผมที่เป็นของดูต่างหน้า
หากเป็นระยะโดยรอบโบว์ผูกผมแล้วล่ะก็ แม้จะไม่โผล่มา เธอก็สามารถรับรู้ได้ในระดับมนุษย์ทั่วไป
แล้วเขาก็พกโบว์ผูกผมนั่นไปไหนมาไหนด้วยตลอด
นั่นหมายความว่าถึงเธอจะได้ยินเรื่องเมื่อครู่ก็ไม่แปลกอะไร

นี่ ปฏิเสธไปเถอะ ชินจิ มันอันตราย……จริงๆนะเพื่อนสมัยเด็กขอร้องเขา
เธอแสดงท่าทางเป็นห่วงเขาอย่างจริงจังผิดกลับเมื่อกลางวันที่ยังมีหยอกเล่นบ้าง




เพราะแบบนั้นเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจจอดจักรยานแล้วพูดกับเธอตรงๆ

ทำไม่ได้ เขาบอกไปตามตรง
ทำไมกันล่ะ ?”
พอชั้นได้ยินคำว่าฆาตกรแล้วยิ่งรู้สึกว่าถอยกลับไม่ได้
“……”
คงเข้าใจเรื่องที่ชั้นอยากจะบอก……สินะ ?”
ไม่เข้าใจหรอกเพื่อนสมัยเด็กของเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับโกรธเล็กน้อย
ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ตำรวจจัดการงั้นเหรอ ?  เปล่า ไม่ได้หมายถึงเรื่องเมื่อกี้ ถ้าเป็นคดีฆาตกรรมธรรมดาล่ะก็ควรจะปล่อยให้ตำรวจจัดการ เป็นอย่างนั้นใช่ไหมล่ะ ?” เธอพูดต่อ
 ตำรวจพึ่งไม่ได้เด็กหนุ่มพูดออกมาสั้นๆ
“…………” เด็กสาวเงียบไปอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่ามีความเคลือบแคลงแบบไร้ที่มาที่ไปด้วย ตอนนี้ทีมสืบสวนเองก็ยกเลิกไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็……” เขาชี้แจง
แล้วในความเป็นจริงคดีก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้วด้วยชินจิพูดต่อ
ใช่แล้ว นั่นเป็นความจริงที่น่าเจ็บปวด
แต่วันคืนที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอฟังข่าวว่าจับตัวฆาตกรได้แล้วนั้นมันผ่านพ้นไปนานแล้ว

แล้ว……ชินจิคิดจะคลี่คลายคดีแทนตำรวจงั้นเหรอ ?  คดีที่หายเข้ากลีบเมฆไปแล้วน่ะนะมาโดกะพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้า
อา ตั้งใจจะทำแบบนั้นล่ะ……ตั้งใจจะทำไปตลอดด้วย
“…………” เด็กสาวมีสีหน้าเศร้ายิ่งขึ้นไปอีก
ทว่า แม้จะเห็นใบหน้าเศร้าของเด็กสาว เด็กหนุ่มก็ยังคงยืนยันคำเดิม
ตลอดไปเลย……น่ะนะ
ตอนนี้ผ่านไปแล้ว 3 ปีแล้วหลังจากที่มาโดกะตาย
เขาไม่ได้ยืนหยัดกลับมาสู่สภาพปกติแต่อย่างใด
ตัวเขานั้นได้พังทลายลงไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วตอนนี้ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ถูกเย็บติดกันด้วยด้ายที่มีชื่อว่า ความแค้น
เขาจึงไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเก่าได้ และหากด้ายนี้ขาดไป คราวนี้เขาคงจะไม่มีวันยืนหยัดขึ้นมาได้อีกเลย




ชั้น……เป็นวิญญาณ เลยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกหรือการกระทำของชินจิได้ แล้วก็คิดว่าห้ามไปเปลี่ยนแปลงเด็ดขาดด้วยมาโดกะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า
ห้าม ?” ชินจิสงสัยกับคำพูดนั้น
“…………”
ทว่า มาโดกะกลับไม่ตอบ เพียงยิ้มอย่างอ้างว้าง จากนั้นก็เอ่ยขึ้น

แต่ขอร้องล่ะ อย่าทำเรื่องอันตรายเลยนะ……นะ ?”
อืม……เข้าใจแล้ว
พอเด็กหนุ่มรับคำ เด็กสาวก็หายไปอย่างไร้ร่อยรอย
เด็กหนุ่มจึงเริ่มปั่นจักรยานเพียงลำพังอีกครั้งภายใต้ฟากฟ้ายามราตรี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น