Chapter 1 (Part 6) : ตามล่าหาตัวฆาตกร -ครึ่งแรก-
เช้าวันต่อมา
ฟุคิงามิ ชินจิสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกของน้องสาว
เบื้องหน้าของเขาคือฮัตสึเนะจังที่มีสีหน้าเป็นห่วง
“……เป็นอะไรรึเปล่าคะ ? เช้านี้ก็……เหมือนจะฝันร้ายมากอีกแล้ว” เธอพูด
ใช่แล้ว เขาฝันร้ายอีกแล้ว
ฝันว่าจมอยู่ในน้ำและกำลังถูกบีบคอ
“อ๊ะ อา……ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ……เฮ้อ……”
พอได้ฟังคำตอบจากเขา
เด็กสาวก็เพียงยิ้มเล็กน้อยและเดินออกจากห้องไปโดยไม่ถามละลาบละล้วงอะไร
ระหว่างทานข้าว
เด็กหนุ่มก็ครุ่นคิดว่าควรจะบอกเรื่องที่เขาเข้าร่วมซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สกับครอบครัวดีไหม
ฮัตสึเนะจังคงยอมเชื่อ
แต่คุณมิยาโกะไม่เชื่อมาตั้งแต่แรกแล้ว หากพูดไปอาจโดนมองว่าเป็นการรวมกลุ่มที่น่าสงสัยก็ได้
สุดท้ายชินจิจึงตัดสินใจบอกแค่ฮัตสึเนะจังไปก่อน
“ฮัตสึเนะจัง
หลังเลิกเรียนวันนี้ว่างไหม ? อ๊ะ มีกิจกรรมชมรมสินะ”
“หือ ?
มีกิจกรรมชมรมค่ะ……”
“หลังชมรมเลิกก็ได้”
“ถ้าหลังเลิกแล้วก็ว่างค่ะ” น้องสาวของเขาตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“งั้นเหรอ
พอดีมีพวกคนที่อยากแนะนำให้รู้จักอยู่น่ะ”
“เอ๊ะ !?”
พอได้ยินว่ามีคนอยากแนะนำให้รู้จัก
ฮัตสึเนะจังก็สะดุ้งโหยง
“ระ หรือว่า……แฟนเหรอคะ” เธอถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“…………คิดว่าเมื่อกี้พี่บอกไปว่า ‘พวกคน’ นะ……” เขาชี้
“อ๊ะ อา……งั้นหรอกเหรอ……เฮ้อ……”
น้องสาวของเขาแสดงสีหน้าโล่งใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนจะ……
“เอ๊ะ เอ๋~~~ !?”
จู่ๆเธอก็ตกใจพูดออกมาเสียงดัง แถมยังหน้าแดงด้วย
“เดี๋ยวเถอะๆ จินตนาการอะไรอยู่นะ”
ชินจิเห็นดังนั้นเลยปรามน้องสาวเล็กน้อย
“อู~……” ฮัตสึเนะจังหน้าแดงด้วยความเขินอาย
ชินจิบอกว่าคนที่อยากจะแนะนำให้รู้จักคือพวกพ้อง
เดี๋ยวรายละเอียดไว้ค่อยอธิบายตอนนั้น
น้องสาวของเขาพยักหน้า
ทั้งคู่จึงนัดเจอกันที่หน้าประตูโรงเรียนตอนหลังชมรมเลิก
หลังเลิกเรียนชินจิกับคุเรฮะไปร้านฟอร์ซาด้วยกันอีกครั้ง
แม้ตอนออกจากห้องเรียนจะมีสายตาจำนวนมากจ้องมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร ส่วนคุเรฮะนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
พอออกมาหน้าประตูโรงเรียน ชินจิก็ถามว่าเย็นนี้เธอกับมาโฮโระว่างไหม
“? หืม ทำไมเหรอ” คุเรฮะสงสัย
“มีคนอยากจะแนะนำให้รู้จักน่ะ” เขาตอบไปแบบเรียบๆ
“…………เอ๊ะ หรือว่าแฟนงั้นเหรอ” เธอตกใจ
“เปล่า……น้องสาวน่ะ” ชินจิบอก
ว่าแต่เมื่อเช้าก็ดี ตอนนี้ก็ดี
ทำไมพอบอกว่ามีคนอยากแนะนำให้รู้จักถึงได้ตีความกันไปในความหมายนั้นกันนะ
“อืม เอ่อ……จากนี้ไปคงจะลำบากพอตัวเลยใช่ไหมล่ะ ? บางที……คงต้องเจอกับอะไรหลายๆเรื่อง
เรื่องแบบนั้นจะให้ปิดบังครอบครัวไว้ก็ยังไงๆอยู่ เลยอยากจะบอกกันไว้ก่อนเลยน่ะ” เขาพูดต่อ
คุเรฮะยิ้มแล้วชมว่าชินจิเป็นคนให้ความสำคัญกับครอบครัว
เธอรับปากว่าจะบอกรุ่นพี่มาโฮโระให้
แต่แล้วจู่ๆเด็กสาวก็มองออกไปไกลๆด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย
แม้จะรู้สึกคาใจ
แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ถามออกไป
ระหว่างทางเขากับเธอก็คุยเรื่องสัพเพเหระกัน
ได้รู้ว่าเมื่อก่อนคุเรฮะเคยเล่นเคนโด้ด้วย
ที่ผ่านมาคุยกันแต่เรื่องจริงจัง ตอนก่อนหน้านี้ที่ร้านฟอร์ซาเองพอหมดประเด็นก็หาเรื่องคุยต่อไม่ได้
นี่คงถือเป็นความคืบหน้า
จากนี้ไปต้องสู้ไปด้วยกันในฐานะพวกพ้อง
คุยกันได้แบบเพื่อนไว้จะดีกว่า เด็กหนุ่มคิดเช่นนั้น
พอเดินมาใกล้ถึงร้าน บรรยากาศก็ตรึงเครียดขึ้นมาทันที
เขาถามเธอว่าในร้านมีโบดาชอยู่เยอะขนาดนั้นไม่เป็นไรเหรอ
เธอเลยบอกว่าเธอเองก็ไม่เคยเห็นโบดาชจำนวนมากขนาดนั้นมาก่อนเหมือนกัน
แต่คงไม่เป็นไร ถึงจำนวนเยอะขึ้นก็ใช่ว่าจะโดนสิงง่ายขึ้น
“……จะว่าไปเมื่อวานเหมือนจะพูดอะไรค้างไว้สินะ
มีอะไรบางอย่างอยู่ที่ร้านอาหาร……อะไรทำนองนั้นน่ะ” ชินจิได้จังหวะถามเรื่องที่ตนคาใจออกไป
คุเรฮะพยักหน้า ก่อนจะบอกว่า…
“เรื่องนั้นไว้อธิบายในร้านละกัน ……หิวแล้วด้วย”
ที่มานี่มีเป้าหมายแบบนั้นอยู่ด้วยหรอกเรอะ… เด็กหนุ่มคิด
ในร้านมีโบดาชยั้วเยี้ยเช่นเดียวกับเมื่อวาน
แต่เพราะมองไม่เห็นพวกมัน
จึงไม่มีลูกค้าคนไหนสนใจพวกมันเลย ทุกคนมีท่าทางปกติ
บริกรออกมาต้อนรับทั้งคู่ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไรนัก
และพาไปยังที่นั่ง
ทีแรกชินจิคิดว่าบริกรเองก็อาจจะมองเห็นโบดาชได้
แต่คุเรฮะบอกว่าดูจากท่าทางการเดินแล้วไม่น่าใช่ บริกรไม่มีท่าทีใส่ใจกับโบดาชเลย
ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงได้หน้าซีดขนาดนั้นกันนะ
คุเรฮะตั้งหน้าตั้งตารอเค้กทีรามิสุที่ตัวเองสั่งด้วยสีหน้าระรื่น
ส่วนเขาสั่งไปแค่กาแฟ
เธอบอกกับเขาว่ากังวลเรื่องโบดาชไปก็ใช่ว่าจะหาทางป้องกันอะไรได้
อย่าไปใส่ใจมากนักจะดีกว่า
ที่ผ่านมาเขาพยายามไม่หันไปมองพวกมันตรงๆ แต่ดูจากท่าทีของคุเรฮะแล้ว
ถึงจะจ้องไปก็คงไม่เป็นไร
ระหว่างรออาหารที่สั่ง
ชินจิจึงกวาดสายตามองไปรอบๆร้าน สังเกตพิจารณาดูฝูงวิญญาณร้าย
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าโบดาชเป็นสิ่งที่แปลกจริงๆ
พวกมันตัวเป็นสีฟ้านิดๆ เหมือนจะเคลื่อนไหวได้โดยไม่สนใจกฎฟิสิกส์
เปลี่ยนรูปร่างไปมาได้เหมือนโคลนทำให้แทรกเข้าไปตามช่องได้
…แต่พวกมันก็เกาะอยู่กับพื้นหรือเพดาน
ดูเหมือนโบดาชจะไม่สามารถทะลุผ่านสิ่งต่างๆได้เหมือนวิญญาณอย่างมาโดกะ
“ต่อจากเรื่องเมื่อกี้น่ะ” คุเรฮะพูดขึ้น
เธออธิบายว่าเงื่อนไขอย่างหนึ่งที่โบดาชสีฟ้าจะปรากฏตัวขึ้นมาคือความตายของมนุษย์
ยิ่งสถานที่นั้นมีความตายมากเท่าไร โบดาชก็จะยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้นเท่านั้น
เด็กหนุ่มนึกไปถึงตอนเครื่องบินตก
“มีเงื่อนไขอื่นด้วยเหรอ ?”เขาถามต่อ
“ใช่แล้วล่ะ สถานที่ที่เคยเกิดโศกนาฏกรรม……หรือไม่ก็สถานที่ที่กำลังจะเกิด
ดูเหมือนพวกมันจะตอบสนองต่อที่แบบนั้น” เด็กสาวอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง
“เพราะแบบนั้นชั้นเลยรู้สึกคาใจน่ะ……คาใจมากเลยล่ะ” เธอพูดปิดท้าย
“กรี๊ด !?”
ในตอนนั้นเองมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น
เขากับเธอมองหน้ากันแล้วรีบหันไปทางต้นเสียงทันที
ลูกค้าผู้หญิงยืนขึ้น มองไปบนโต๊ะอาหารด้วยสายตาตกใจ
หลังจากนั้นไม่นานอาการตกใจก็เปลี่ยนไปเป็นความโกรธ
เธอเดินเข้าไปร้องเรียนกับพนักงาน
พนักงานร้านได้แต่ก้มหัวขอโทษ
สุดท้ายลูกค้าก็เดินออกจากร้านไปโดยไม่จ่ายเงิน
เหมือนจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง
หลังดูเหตุการณ์จนจบ ชินจิก็กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง
“หมายความว่า……อยู่ใกล้ๆนี่เหรอ ? ปีศาจฆาตกรน่ะ” เขากระซิบถามเธอ
“อาจจะนะ แน่นอนว่าไม่มีหลักฐาน” เธอกระซิบตอบ
ชินจิคิดว่าควรจะเตือนพวกคนที่ร้าน แต่ก็ตัดใจยอมแพ้ไป
เพราะถึงเตือนไปก็คงไม่เชื่ออยู่ดี
“หรือว่าจะเป็นเชฟรึเปล่านะ” เขาบอกเธอ
“เชฟ ?
ทำไมงั้นเหรอ
?” เด็กสาวถามกลับมาด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย
จะว่าไปเขายังไม่ได้บอกเธอเลยว่าตอนนั้นโทโนะจ้องมองเข้าไปในครัว
แต่ในตอนที่กำลังจะเอ่ยปากเล่านั้นเอง อาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
การสนทนาของทั้งคู่ถูกขัดไป
“ช่างเถอะ
เรื่องแบบนั้นไว้กินเสร็จแล้วค่อยพูด”
คุเรฮะหยิบส้อมจิ้มลงไปบนทีรามิสุที่ตัวเองสั่งด้วยสีหน้าระรื่น…
…ก่อนจะนิ่งแข็งไปทันที
“หืม ?
มีอะไรงั้นเหรอ” เขาถาม
“……นี่น่ะ” เธอชี้ไปบนจานของตัวเอง
“อึ๋ย……”
พอเห็นสิ่งที่อยู่บนจาน เด็กหนุ่มก็ต้องอุทานออกมาเช่นกัน
ตัวอ่อนของแมลงคลานออกมาจากข้างในเค้ก
“โธ่……ไม่เอานะแบบนี้
ที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้โกรธคงเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ๆ” เด็กสาวบ่น
ใช่แล้ว นั่นหมายความว่าคงจะไม่ได้มีแค่จานนี้จานเดียว
แต่การที่ร้านอาหารมีหนอนแมลงอยู่มากขนาดนี้ก็ยังไงๆอยู่
นั่นหมายความว่า……
ในตอนที่เด็กหนุ่มกำลังจะจินตนาการถึงอะไรบางอย่างนั้นเอง…
โทโนะยืนอยู่ตรงนั้น
ชินจิรีบลุกขึ้นทันที
“ฟุคิงามิคุง ?
ไม่จำเป็นต้องไปร้องเรียนก็……”
ได้ยินเสียงของคุเรฮะ แต่เขาก็ไม่สนใจ
จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปไม่ได้ !
หากสัมผัสตัวเธอได้ก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เด็กหนุ่มยื่นมือขวาออกไป
ปลายนิ้วมือนั้นสัมผัสกับไหล่ของเพื่อนร่วมชั้นผู้ล่วงลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น