คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
Chapter 1
[หน้า 72]
ช่วงที่ออกมาจากอาคารเรียนเก่า ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มแดงได้มืดไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
และม่านของยามค่ำคืนก็ได้เข้ามาปกคลุม
ซาคุยะกลับมาที่หอพัก เปลี่ยนเป็นชุดไปรเวท
จากนั้นก็ฟุบลงไปบนโต๊ะ
เสียงมือถือดังขึ้น
ผู้โทรเข้าคือโคสุเกะผู้เป็นพี่ชายตามที่คาด
“สวัสดีค่ะ”
‘เสียงฟังดูเหนื่อยๆยังไงไม่รู้แฮะ
ไปได้ไม่สวยงั้นเหรอ ?’
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ
แต่……”
ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลสำเร็จเลยซะทีเดียว
อย่างน้อยเหตุผลที่มีสิ่งที่ไม่รู้ตัวตนแน่ชัดอย่างแฟนคลับของตัวเองเกิดขึ้นมาเองก็เข้าใจได้แล้ว
เรื่องงานเลี้ยงคริสต์มาสเองก็เข้าใจได้เช่นกัน
“นี่ พี่คะ ความทรงจำเนี่ยมันคืออะไรกันนะคะ”
‘เธอพูดอะไรอยู่น่ะ
ความทุกข์ใจของวัยแรกรุ่นเพิ่งมาเอาป่านนี้เรอะ ?’
“บางทีอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
‘สำหรับซาคุยะแล้วจัดว่าอ้อมค้อมนะ
ช่วยบอกทีว่าเกิดอะไรขึ้น’
“เรื่องนั้น……”
[หน้า 73]
หลังจากที่บอกไปว่าอยากให้อธิบายเหตุผล
ประธานชุมนุมก็ยืนขึ้นแล้วโค้งศีรษะให้ซาคุยะ
“ยังไงก็ช่วยกรุณาเข้าร่วมใหม่ไม่ได้เหรอคะ”
“เพราะแบบนั้นถึงได้กำลังถามเหตุผลเรื่องนั้นอยู่ไงคะ”
ในขณะที่ตอบกลับไปแบบนั้น
ก็คาใจกับท่าทีที่กระตือรือร้นและจริงจัง
ทิ้งความเป็นไปได้ที่จะเป็นการเล่นสนุกหรือกลั่นแกล้งแบบที่คิดไว้ในตอนแรกไปแล้ว
พวกเธอตั้งแฟนคลับขึ้นมาโดยมีเป้าหมายชัดเจน แล้วก็คิดอยากให้ซาคุยะออกไปยังหน้าเวทีเล็กๆอย่างจริงจัง
“คิดว่าเป็นเรื่องที่ท่านซาคุยะไม่รู้
แต่ปัจจุบันในหมู่รุ่นน้องกำลังมีการแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นอยู่ค่ะ”
“…………คะ ?”
“การแย่งชิงอำนาจค่ะ”
“เปล่าค่ะ นั่นได้ยินแล้วค่ะ ……แต่รู้สึกเหมือนเป็นอะไรที่ผิดยุคสมัยแล้วก็เหมือนจะได้ยินเป็นศัพท์ที่ฟังดูไม่เข้ากับนักเรียน”
“จะตกใจแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ
ฉันเองก็คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสลดใจค่ะ”
[หน้า 74]
ถึงเธอจะพยักหน้าว่าเป็นเรื่องโหดร้ายอยู่
แต่แน่นอนว่าประเด็นของเรื่องไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น
“……โทษทีนะคะ
กรณีที่พูดแบบนี้มาจะตบมุกไปได้รึเปล่าคะ ?”
ลองถามรุ่นน้องข้างหลังดู
แต่ก็แค่แสดงสีหน้าลำบากใจแล้วส่งสายตามองเด็กที่อยู่ข้างๆ
“ที่นำปัญหาเข้ามาในโรงเรียนที่สงบสุข
จะโกรธก็สมควรแล้วค่ะ
มีแต่ต้องก้มลงกราบขอโทษพวกท่านพี่ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ปกป้องโรงเรียนมาจนถึงตอนนี้เท่านั้นค่ะ”
“รู้สึกว่าจะไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นนะคะ……เอ่อ ? ฮัลโหลๆ”
“ด้วยเหตุนั้นพลังของท่านซาคุยะจึงจำเป็นค่ะ
!”
เน้นย้ำโดยการกำหมัดแน่น
แต่กลับละเรื่องกลางทางหลายๆเรื่องเกินไป
ซาคุยะใช้ปลายนิ้วกดลงไปบริเวณขมับ
รู้สึกเหมือนกับว่าเคยรู้เรียนวิธีรับมือที่ได้ผลที่สุดในสถานการณ์แบบนี้โดยผ่านพี่ชายมา
“นี่แน่ะ”
เกิดเสียงน่าพอใจดังฟุ่บ ! แล้วสันมือของซาคุยะก็สับเข้าไปตรงหน้าผากของประธาน
“ฮะ……อ๊ะ ! ขะ ขอโทษค่ะ เผลอจริงจังมากเกินไปหน่อย”
“รู้สึกเหมือนกับว่าจะไม่ใช่แค่ระดับนั้นแล้วนะคะ……อย่างไรก็ตาม
ช่วยอธิบายให้ฟังตั้งแต่แรกได้รึเปล่าคะ ? ……เอ่อ ขอเป็นท่านอื่นนอกจากคุณประธาน”
[หน้า 75]
ชำเลืองมองไปยังสองคนข้างหลังแวบหนึ่ง
ในที่สุด
จากเรื่องที่ได้ฟังไปตอนท้ายของการเล่าที่อ้อมไปไกล
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสภานักเรียนครั้งต่อไป
โรงเรียนคิโยมิยะนั้น
เพราะธรรมเนียมของโรงเรียน,
ที่ตั้ง และประวัติศาสตร์ ทำให้ถูกมองว่าเป็นโรงเรียนที่ที่มีฐานะทางสังคมสูง
ซึ่งนั่นก็เหมาะสมกับการเลือกของผู้ปกครองที่ต้องการฐานะทางสังคมจากเด็ก
เป็นที่รู้กันดีว่าลูกสาวจากตระกูลผู้ดีก็เรียนอยู่เช่นกัน
ซาคุยะที่คิดว่าตัวเองมีพื้นเพมาจากชาวเมืองทั่วไปนั้นไม่เคยรู้สึกถึงเรื่องราวทำนองนั้นเลย
ถึงอย่างนั้นตระกูลมินางามิเองก็เป็นตระกูลที่อยู่มานานหลายร้อยปีเช่นกัน มีความเป็นไปได้ว่าทางฝั่งโรงเรียนจะนำไปพิจารณา
ถ้ามองจากเจ้าตัว
สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่เรื่องระดับนั้นเท่านั้น ในโลกที่ถูกตัดขาดซึ่งเรียกว่าโรงเรียนนั้น
ข้อมูลอย่างอื่นนอกจากที่วนเวียนอยู่รอบตัวสุดท้ายยังไงก็เป็นแค่ผลพลอยได้
แต่ว่าสำหรับผู้เกี่ยวข้องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงเรียนล่ะ
? เรื่องนั้นคือสาเหตุของความวุ่นวายในครั้งนี้
“……พอรวมเรื่องเข้าด้วยกันแล้ว
สรุปคือมีปัญหาระหว่างตระกูลเศรษฐีสองตระกูลที่ชื่อมัตสึไดระกับคิโนชิตะซึ่งมีความสัมพันธ์ย่ำแย่เป็นที่มาของเรื่องสินะคะ”
“เป็นเรื่องที่น่ารำคาญจริงๆเลยค่ะ”
ในขณะที่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
ประธานก็เอียงถ้วยชา
“ได้ยินว่าความขัดแย้งของสองตระกูลนั้นย้อนไปจนถึงช่วงต้นยุคโชวะค่ะ
เป็นช่วงที่เริ่มไปเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เครื่องจักร
จากนั้นการแข่งขันก็คือความขัดแย้ง ดูเหมือนจะเคยร่วมมือกันช่วงหนึ่งค่ะ
แต่ในตอนที่ผลิตสินค้าที่คล้ายคลึงกันออกมา
การฟ้องร้องของทั้งสองฝ่ายก็ทำความสัมพันธ์ให้เลวร้ายขึ้น ……ตอนนี้ดูเหมือนจะกำลังขัดแข้งขัดขากันอยู่ขนาดที่ไม่รู้ว่าทางไหนเป็นต้นเรื่องเลยนะคะ”
[หน้า 76]
“……เป็นเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องไกลตัวยังไงไม่รู้สินะคะ……”
ถ้าชั้นปีต่างกันก็คงยังดี
แต่ว่าในชั้นปีเดียวกันจะกลายเป็นการกำหนดความสูงต่ำชัดเจนเข้า
ดูเหมือนว่าการถูกให้ทำสงครามตัวแทนที่เป็นศัตรูต่อเนื่องกันมาตั้งหลายสิบปีโดยไม่สนใจเจตนาของเจ้าตัวคือสถานการณ์ปัจจุบัน
“เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายกำลังทำอยู่คือรวบรวมคะแนนเสียงที่จะโหวตในการเลือกตั้งสภานักเรียนครั้งต่อไปตั้งแต่ช่วงปีหนึ่งด้วยการดำเนินการจัดการกิจกรรมอย่างงานเลี้ยงคริสต์มาส……ยกระดับชื่อเสียงกับเพิ่มจำนวนสมาชิกของพรรคเหรอคะ
ดูเกินกรอบขอบเขตนักเรียนแล้วเป็นการเล่นเลียนแบบการเมืองอย่างสมบูรณ์ยังไงไม่รู้สินะคะ”
“เป็นเรื่องที่ไม่น่ารื่นรมย์สุดๆจริงๆค่ะ
งานโรงเรียนเป็นของที่มีไว้ให้คนในโรงเรียนได้สนุกกันแท้ๆ”
“ไม่ค่ะ ไม่อยากจะถูกคุณมาพูดเรื่องนั้นใส่หรอกนะคะ
คุณมัตสึไดระ มิยูกิที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง”
ตบมุกไปอย่างสงบเยือกเย็น
ประธานของ MSF ที่กำลังเล่าเรื่องอยู่ตรงหน้านี่ล่ะคือคนหนึ่งที่เป็นต้นเรื่อง
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ค่ะ ทำไมถึงต้องเป็นฉันหรือคะ ? ฉันไม่รู้จักคุณด้วย
ที่ผ่านมาก็ไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอย่างตอนนี้อยู่ด้วย แถมชั้นปียังต่างกันอีก
ไม่มีจุดร่วมเลยด้วยค่ะ ……เอาจริงๆ ตอนที่ได้รู้เรื่องในคราวนี้ก็รู้สึกว่าถูกลากเข้าไปพัวพันกับงานแปลกๆค่ะ
แต่ว่าตอนนี้รู้สึกแบบนี้นิดหน่อยแล้ว……เริ่มไม่รู้สึกว่าถูกลากเข้าไปพัวพันกับปัญหาครอบครัวที่ไม่ต้องการแล้วค่ะ”
[หน้า 77]
อาจจะมีหนามปนอยู่ในคำพูดเล็กน้อยก็เป็นได้
อาจเป็นเพราะรู้เรื่องนั้น มิยูกิเลยโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพ
“เกี่ยวกับเรื่องนั้นต้องขออภัยอีกครั้งค่ะ
แต่ว่าทั้งฉันแล้วก็เธอ……คิโนชิตะ เมงุมิเอง
เรื่องอย่างภาพลักษณ์ของครอบครัวจะเป็นยังไงช่างคะ
เพราะแบบนั้น ถ้าวางแผนจัดงานในรูปแบบนี้แล้วล่ะก็ อยากจะลืมเรื่องบ้านไปพร้อมๆกัน
แล้วจัดงานให้ครื้นเครง เคยคุยกันไว้ว่าแบบนั้นค่ะ”
สรุปคือกำลังพูดว่าซาคุยะถูกเลือกมาเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างบริสุทธิ์จริงๆ
ไม่ใช่เพราะปัญหาทางบ้าน
ทว่า
แค่นั้นไม่มีทางที่จะยอมรับได้ด้วย
“แล้วเรื่องต่อไป
ท่านซาคุยะผิดไปอย่างหนึ่งค่ะ ฉันกับท่านซาคุยะไม่ได้เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรก
และสมาชิกทุกคนที่อยู่ที่นี่……ไม่สิ รวมคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้ด้วย เคยเจอกับทุกคนมาก่อนค่ะ”
“เอ๋ !? อย่างงั้นหรือคะ ?”
พอถูกพูดแบบนั้นมาก็มองสมาชิกในห้องอีกครั้ง
แต่ไม่มีใบหน้าที่ตรงกับในความทรงจำของซาคุยะ
เนื่องจากอยู่โรงเรียนเดียวกัน ถึงจะเป็นนักเรียนปีหนึ่งก็ยังกลายเป็นว่าอยู่ด้วยกันมาสิบเดือนแล้ว
เพราะแบบนั้นแค่เจอกันคงจะมีบ้าง
แต่จากคำพูดของมิยูกิให้ความรู้สึกได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันมากกว่านั้นนิดหน่อย
“เดิมที คิโนชิตะ เมงุมิที่พูดชื่อออกมาเมื่อกี้……ที่สามารถคุยกับเธอได้ก็เป็นเพราะท่านซาคุยะนะคะ”
[หน้า 78]
“ขอโทษนะคะ จำไม่ได้เลยค่ะ
นั่นใช่ฉันจริงๆเหรอคะ ?”
“ค่ะ คิดว่าถึงจะจำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ
เพราะท่านซาคุยะในตอนนั้นแค่บังเอิญผ่านมาจริงๆ
ฉันเองก็ไม่มีแม้แต่เวลาพูดขอบคุณอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ”
“ตอนนั้นเท่มากเลยล่ะค่ะ”
นักเรียนหญิงข้างหลังที่เคยอธิบายแทนมิยูกิพูดเสริมต่อ
“ช่วงที่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน
พวกฉันกำลังลำบากกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ รุ่นพี่มินางามิได้ช่วยพวกฉันที่ถูกเด็กผู้ชายจากโรงเรียนอื่นเข้ามายุ่งด้วยตอนออกไปในเมืองค่ะ
นั่นน่ะเท่สุดๆเลย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังจำได้ดีเลยค่ะ”
“……เรื่องแบบนั้น เคยมีรึเปล่านะคะ ?”
เอียงคอสงสัยอย่างจริงจัง
แต่ถ้านับจากตอนนี้ไปถึงฤดูใบไม้ผลิล่ะก็แปดเดือน เป็นอดีตไปแล้ว
ในช่วงนั้นความทรงจำของซาคุยะเองก็ครุมเครือ แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันก็ยังนึกไม่ออกเท่าไร
“ถึงจะนึกไม่ออกก็ไม่แปลกหรอกค่ะ
เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงน้อยนิด
แต่ว่าเรื่องในตอนนั้นก็ไม่สามารถลืมได้มาตลอด
ตอนเกิดเรื่องคราวนี้ขึ้นก็คิดได้น่ะค่ะ คิดได้ว่าถ้าเป็นเกียรติยศที่จะถูกมอบให้ในโรงเรียนแล้วล่ะก็
ควรจะถูกส่งไปให้นักเรียนปีสามที่เป็นที่รักในโรงเรียนค่ะ”
“พูดแบบนั้นมาก็ดีใจอยู่หรอกค่ะ
แต่ว่า……”
[หน้า 79]
“แน่นอนค่ะ
ไม่อยู่ในสถานะที่จะบังคับอะไรได้ แต่ก็อยากจะเหลือความทรงจำไว้ตอนที่ได้กลายเป็นรุ่นพี่ในปีหน้าค่ะ
เหลือเอาไว้ว่าช่วงที่พวกฉันเพิ่งเป็นนักเรียนเข้าใหม่มีรุ่นพี่ที่วิเศษแบบนี้อยู่
และตอนนี้เองก็ยังเหลืออยู่ในบันทึกด้วย”
“……ฉันไม่ใช่คนแบบที่จะได้รับการยกย่องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แถมคุณประธานนักเรียนเองก็เข้าร่วมด้วยสินะคะ
ตัวฉันเองผลลัพธ์จะยังไงก็ได้ค่ะ แต่ถ้าได้รับการเอาใจช่วยขนาดนั้นแล้วล้มเหลวล่ะก็
ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นว่าทางนั้นจะหายุติไม่ได้เหรอคะ ?”
ซาคุยะบอกว่าถ้าอย่างนั้นสุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องแบบเดียวกัน
ถึงจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ทางการเมืองที่เกิดจากภาพลักษณ์ของผู้ปกครองที่อยู่ไกลจากโรงเรียนไปได้
ก็ยังไปเกี่ยวข้องกับการแพ้ชนะของกลุ่มที่มีบุคคลเฉพาะสนับสนุนอยู่
ถึงจะเปลี่ยนรูปแบบไป
แต่ถ้ากลายเป็นสงครามตัวแทนก็ไม่มีความหมายอะไร
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เรื่องนั้นก็คือเรื่องนั้น
เรื่องนี้ก็คือเรื่องนี้ค่ะ”
“พอพูดแบบนั้นแล้ว ?”
“ถ้าเป็นท่านที่ชนะท่านซาคุยะได้ล่ะก็
ต้องเป็นท่านที่วิเศษไม่ผิดแน่ใช่ไหมล่ะคะ
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แค่มีท่านที่พวกฉันจะเล่าต่อไปยังรุ่นน้องเพิ่มมาอีกหนึ่งท่านค่ะ”
“เป็นแบบนั้นเหรอคะ”
ควรจะเรียกว่ามองโลกในแง่ดี
หรือควรจะเรียกว่าดื้อรั้นดีนะ
[หน้า 80]
เผลอจดจ่อกับการสนทนาไปโดยสิ้นเชิง
ข้างนอกก็มืดขึ้น
“……ก็เป็นแบบที่ว่าไปล่ะค่ะ”
‘ฮะๆ ค่อนข้างมีฝีมือทีเดียวเลยน้า’
“ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะคะ”
ถึงจะกลับมาที่ห้องแล้ว
ยังไงก็มีความรู้สึกว่าถูกหลอกตามมาอยู่
แต่ความรู้สึกต่อต้านแบบตอนแรกเองก็น้อยลงไปแล้วเช่นกัน
‘ถ้ามีใจขึ้นมาแล้วจะเข้าร่วมก็ได้ไม่ใช่เหรอไง ? ในฐานะพี่ชายแล้วดีใจที่ซาคุยะเป็นที่ชื่นชอบนะ’
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่มีเหตุผลที่จะเข้าร่วมค่ะ……ทำไมถึงต้องมีความทรงจำน่าอายแบบนั้นด้วยคะ”
‘น่า เรื่องนั้นเองก็คงกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำด้วยเหมือนกัน
เรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยเรียนเนี่ย แม้แต่เรื่องที่ตอนนั้นจะรู้สึกอายอย่างเดียว
ตอนหลังก็กลายเป็นความทรงจำที่สนุกสนานบ้างเหมือนกันนะ’
“อายุไม่ได้ห่างกันเท่าไรแท้ๆ มุมมองแบบผู้ใหญ่นั่นมันอะไรกันคะ”
‘ถึงจะเป็นแค่ไม่กี่ปีสั้นๆก็ยังรู้สึกคิดถึงขนาดนี้ไงล่ะ
แม้แต่เธอก็เคยรู้สึกคิดถึงเรื่องในอดีตใช่ไหมล่ะ ?’
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น