Chapter 1 (Part 1)

posted on 11/20/2560 02:21:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ที่ http://vermillionend.exteen.com

คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย

Chapter 1




[หน้า 72]
ช่วงที่ออกมาจากอาคารเรียนเก่า ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มแดงได้มืดไปโดยสิ้นเชิงแล้ว และม่านของยามค่ำคืนก็ได้เข้ามาปกคลุม
ซาคุยะกลับมาที่หอพัก เปลี่ยนเป็นชุดไปรเวท จากนั้นก็ฟุบลงไปบนโต๊ะ
เสียงมือถือดังขึ้น
ผู้โทรเข้าคือโคสุเกะผู้เป็นพี่ชายตามที่คาด
สวัสดีค่ะ
เสียงฟังดูเหนื่อยๆยังไงไม่รู้แฮะ ไปได้ไม่สวยงั้นเหรอ ?’
ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ แต่……
ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลสำเร็จเลยซะทีเดียว อย่างน้อยเหตุผลที่มีสิ่งที่ไม่รู้ตัวตนแน่ชัดอย่างแฟนคลับของตัวเองเกิดขึ้นมาเองก็เข้าใจได้แล้ว เรื่องงานเลี้ยงคริสต์มาสเองก็เข้าใจได้เช่นกัน
นี่ พี่คะ ความทรงจำเนี่ยมันคืออะไรกันนะคะ
เธอพูดอะไรอยู่น่ะ ความทุกข์ใจของวัยแรกรุ่นเพิ่งมาเอาป่านนี้เรอะ ?’
บางทีอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ
สำหรับซาคุยะแล้วจัดว่าอ้อมค้อมนะ ช่วยบอกทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เรื่องนั้น……



[หน้า 73]
หลังจากที่บอกไปว่าอยากให้อธิบายเหตุผล ประธานชุมนุมก็ยืนขึ้นแล้วโค้งศีรษะให้ซาคุยะ
ยังไงก็ช่วยกรุณาเข้าร่วมใหม่ไม่ได้เหรอคะ
เพราะแบบนั้นถึงได้กำลังถามเหตุผลเรื่องนั้นอยู่ไงคะ
ในขณะที่ตอบกลับไปแบบนั้น ก็คาใจกับท่าทีที่กระตือรือร้นและจริงจัง
ทิ้งความเป็นไปได้ที่จะเป็นการเล่นสนุกหรือกลั่นแกล้งแบบที่คิดไว้ในตอนแรกไปแล้ว พวกเธอตั้งแฟนคลับขึ้นมาโดยมีเป้าหมายชัดเจน แล้วก็คิดอยากให้ซาคุยะออกไปยังหน้าเวทีเล็กๆอย่างจริงจัง
คิดว่าเป็นเรื่องที่ท่านซาคุยะไม่รู้ แต่ปัจจุบันในหมู่รุ่นน้องกำลังมีการแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นอยู่ค่ะ
…………คะ ?
การแย่งชิงอำนาจค่ะ
เปล่าค่ะ นั่นได้ยินแล้วค่ะ ……แต่รู้สึกเหมือนเป็นอะไรที่ผิดยุคสมัยแล้วก็เหมือนจะได้ยินเป็นศัพท์ที่ฟังดูไม่เข้ากับนักเรียน
จะตกใจแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ ฉันเองก็คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสลดใจค่ะ



[หน้า 74]
ถึงเธอจะพยักหน้าว่าเป็นเรื่องโหดร้ายอยู่ แต่แน่นอนว่าประเด็นของเรื่องไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น
……โทษทีนะคะ กรณีที่พูดแบบนี้มาจะตบมุกไปได้รึเปล่าคะ ?”
ลองถามรุ่นน้องข้างหลังดู แต่ก็แค่แสดงสีหน้าลำบากใจแล้วส่งสายตามองเด็กที่อยู่ข้างๆ
ที่นำปัญหาเข้ามาในโรงเรียนที่สงบสุข จะโกรธก็สมควรแล้วค่ะ มีแต่ต้องก้มลงกราบขอโทษพวกท่านพี่ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ปกป้องโรงเรียนมาจนถึงตอนนี้เท่านั้นค่ะ
รู้สึกว่าจะไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นนะคะ……เอ่อ ฮัลโหลๆ
ด้วยเหตุนั้นพลังของท่านซาคุยะจึงจำเป็นค่ะ !”
เน้นย้ำโดยการกำหมัดแน่น แต่กลับละเรื่องกลางทางหลายๆเรื่องเกินไป
ซาคุยะใช้ปลายนิ้วกดลงไปบริเวณขมับ รู้สึกเหมือนกับว่าเคยรู้เรียนวิธีรับมือที่ได้ผลที่สุดในสถานการณ์แบบนี้โดยผ่านพี่ชายมา
นี่แน่ะ
เกิดเสียงน่าพอใจดังฟุ่บ !  แล้วสันมือของซาคุยะก็สับเข้าไปตรงหน้าผากของประธาน
ฮะ……อ๊ะ !  ขะ ขอโทษค่ะ เผลอจริงจังมากเกินไปหน่อย
รู้สึกเหมือนกับว่าจะไม่ใช่แค่ระดับนั้นแล้วนะคะ……อย่างไรก็ตาม ช่วยอธิบายให้ฟังตั้งแต่แรกได้รึเปล่าคะ ? ……เอ่อ ขอเป็นท่านอื่นนอกจากคุณประธาน



[หน้า 75]
ชำเลืองมองไปยังสองคนข้างหลังแวบหนึ่ง
ในที่สุด จากเรื่องที่ได้ฟังไปตอนท้ายของการเล่าที่อ้อมไปไกล ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสภานักเรียนครั้งต่อไป
โรงเรียนคิโยมิยะนั้น เพราะธรรมเนียมของโรงเรียน, ที่ตั้ง และประวัติศาสตร์ ทำให้ถูกมองว่าเป็นโรงเรียนที่ที่มีฐานะทางสังคมสูง ซึ่งนั่นก็เหมาะสมกับการเลือกของผู้ปกครองที่ต้องการฐานะทางสังคมจากเด็ก เป็นที่รู้กันดีว่าลูกสาวจากตระกูลผู้ดีก็เรียนอยู่เช่นกัน
ซาคุยะที่คิดว่าตัวเองมีพื้นเพมาจากชาวเมืองทั่วไปนั้นไม่เคยรู้สึกถึงเรื่องราวทำนองนั้นเลย ถึงอย่างนั้นตระกูลมินางามิเองก็เป็นตระกูลที่อยู่มานานหลายร้อยปีเช่นกัน มีความเป็นไปได้ว่าทางฝั่งโรงเรียนจะนำไปพิจารณา
ถ้ามองจากเจ้าตัว สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่เรื่องระดับนั้นเท่านั้น ในโลกที่ถูกตัดขาดซึ่งเรียกว่าโรงเรียนนั้น ข้อมูลอย่างอื่นนอกจากที่วนเวียนอยู่รอบตัวสุดท้ายยังไงก็เป็นแค่ผลพลอยได้
แต่ว่าสำหรับผู้เกี่ยวข้องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงเรียนล่ะ เรื่องนั้นคือสาเหตุของความวุ่นวายในครั้งนี้
……พอรวมเรื่องเข้าด้วยกันแล้ว สรุปคือมีปัญหาระหว่างตระกูลเศรษฐีสองตระกูลที่ชื่อมัตสึไดระกับคิโนชิตะซึ่งมีความสัมพันธ์ย่ำแย่เป็นที่มาของเรื่องสินะคะ
เป็นเรื่องที่น่ารำคาญจริงๆเลยค่ะ
ในขณะที่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ประธานก็เอียงถ้วยชา
ได้ยินว่าความขัดแย้งของสองตระกูลนั้นย้อนไปจนถึงช่วงต้นยุคโชวะค่ะ เป็นช่วงที่เริ่มไปเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เครื่องจักร จากนั้นการแข่งขันก็คือความขัดแย้ง ดูเหมือนจะเคยร่วมมือกันช่วงหนึ่งค่ะ แต่ในตอนที่ผลิตสินค้าที่คล้ายคลึงกันออกมา การฟ้องร้องของทั้งสองฝ่ายก็ทำความสัมพันธ์ให้เลวร้ายขึ้น ……ตอนนี้ดูเหมือนจะกำลังขัดแข้งขัดขากันอยู่ขนาดที่ไม่รู้ว่าทางไหนเป็นต้นเรื่องเลยนะคะ



[หน้า 76]
……เป็นเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องไกลตัวยังไงไม่รู้สินะคะ……
ถ้าชั้นปีต่างกันก็คงยังดี
แต่ว่าในชั้นปีเดียวกันจะกลายเป็นการกำหนดความสูงต่ำชัดเจนเข้า ดูเหมือนว่าการถูกให้ทำสงครามตัวแทนที่เป็นศัตรูต่อเนื่องกันมาตั้งหลายสิบปีโดยไม่สนใจเจตนาของเจ้าตัวคือสถานการณ์ปัจจุบัน
เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายกำลังทำอยู่คือรวบรวมคะแนนเสียงที่จะโหวตในการเลือกตั้งสภานักเรียนครั้งต่อไปตั้งแต่ช่วงปีหนึ่งด้วยการดำเนินการจัดการกิจกรรมอย่างงานเลี้ยงคริสต์มาส……ยกระดับชื่อเสียงกับเพิ่มจำนวนสมาชิกของพรรคเหรอคะ ดูเกินกรอบขอบเขตนักเรียนแล้วเป็นการเล่นเลียนแบบการเมืองอย่างสมบูรณ์ยังไงไม่รู้สินะคะ
เป็นเรื่องที่ไม่น่ารื่นรมย์สุดๆจริงๆค่ะ งานโรงเรียนเป็นของที่มีไว้ให้คนในโรงเรียนได้สนุกกันแท้ๆ
ไม่ค่ะ ไม่อยากจะถูกคุณมาพูดเรื่องนั้นใส่หรอกนะคะ คุณมัตสึไดระ มิยูกิที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง
ตบมุกไปอย่างสงบเยือกเย็น
ประธานของ MSF ที่กำลังเล่าเรื่องอยู่ตรงหน้านี่ล่ะคือคนหนึ่งที่เป็นต้นเรื่อง
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ค่ะ ทำไมถึงต้องเป็นฉันหรือคะ ฉันไม่รู้จักคุณด้วย ที่ผ่านมาก็ไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอย่างตอนนี้อยู่ด้วย แถมชั้นปียังต่างกันอีก ไม่มีจุดร่วมเลยด้วยค่ะ ……เอาจริงๆ ตอนที่ได้รู้เรื่องในคราวนี้ก็รู้สึกว่าถูกลากเข้าไปพัวพันกับงานแปลกๆค่ะ แต่ว่าตอนนี้รู้สึกแบบนี้นิดหน่อยแล้ว……เริ่มไม่รู้สึกว่าถูกลากเข้าไปพัวพันกับปัญหาครอบครัวที่ไม่ต้องการแล้วค่ะ



[หน้า 77]
อาจจะมีหนามปนอยู่ในคำพูดเล็กน้อยก็เป็นได้ อาจเป็นเพราะรู้เรื่องนั้น มิยูกิเลยโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพ
เกี่ยวกับเรื่องนั้นต้องขออภัยอีกครั้งค่ะ แต่ว่าทั้งฉันแล้วก็เธอ……คิโนชิตะ เมงุมิเอง
เรื่องอย่างภาพลักษณ์ของครอบครัวจะเป็นยังไงช่างคะ เพราะแบบนั้น ถ้าวางแผนจัดงานในรูปแบบนี้แล้วล่ะก็ อยากจะลืมเรื่องบ้านไปพร้อมๆกัน แล้วจัดงานให้ครื้นเครง เคยคุยกันไว้ว่าแบบนั้นค่ะ
สรุปคือกำลังพูดว่าซาคุยะถูกเลือกมาเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างบริสุทธิ์จริงๆ ไม่ใช่เพราะปัญหาทางบ้าน
ทว่า แค่นั้นไม่มีทางที่จะยอมรับได้ด้วย
แล้วเรื่องต่อไป ท่านซาคุยะผิดไปอย่างหนึ่งค่ะ ฉันกับท่านซาคุยะไม่ได้เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรก และสมาชิกทุกคนที่อยู่ที่นี่……ไม่สิ รวมคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้ด้วย  เคยเจอกับทุกคนมาก่อนค่ะ
เอ๋ !?  อย่างงั้นหรือคะ ?”
พอถูกพูดแบบนั้นมาก็มองสมาชิกในห้องอีกครั้ง แต่ไม่มีใบหน้าที่ตรงกับในความทรงจำของซาคุยะ
เนื่องจากอยู่โรงเรียนเดียวกัน ถึงจะเป็นนักเรียนปีหนึ่งก็ยังกลายเป็นว่าอยู่ด้วยกันมาสิบเดือนแล้ว เพราะแบบนั้นแค่เจอกันคงจะมีบ้าง แต่จากคำพูดของมิยูกิให้ความรู้สึกได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันมากกว่านั้นนิดหน่อย
เดิมที คิโนชิตะ เมงุมิที่พูดชื่อออกมาเมื่อกี้……ที่สามารถคุยกับเธอได้ก็เป็นเพราะท่านซาคุยะนะคะ



 [หน้า 78]
ขอโทษนะคะ จำไม่ได้เลยค่ะ นั่นใช่ฉันจริงๆเหรอคะ ?”
ค่ะ คิดว่าถึงจะจำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะท่านซาคุยะในตอนนั้นแค่บังเอิญผ่านมาจริงๆ ฉันเองก็ไม่มีแม้แต่เวลาพูดขอบคุณอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ
ตอนนั้นเท่มากเลยล่ะค่ะ
นักเรียนหญิงข้างหลังที่เคยอธิบายแทนมิยูกิพูดเสริมต่อ
ช่วงที่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน พวกฉันกำลังลำบากกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ รุ่นพี่มินางามิได้ช่วยพวกฉันที่ถูกเด็กผู้ชายจากโรงเรียนอื่นเข้ามายุ่งด้วยตอนออกไปในเมืองค่ะ นั่นน่ะเท่สุดๆเลย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังจำได้ดีเลยค่ะ
……เรื่องแบบนั้น เคยมีรึเปล่านะคะ ?”
เอียงคอสงสัยอย่างจริงจัง แต่ถ้านับจากตอนนี้ไปถึงฤดูใบไม้ผลิล่ะก็แปดเดือน เป็นอดีตไปแล้ว ในช่วงนั้นความทรงจำของซาคุยะเองก็ครุมเครือ แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันก็ยังนึกไม่ออกเท่าไร
ถึงจะนึกไม่ออกก็ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงน้อยนิด  แต่ว่าเรื่องในตอนนั้นก็ไม่สามารถลืมได้มาตลอด ตอนเกิดเรื่องคราวนี้ขึ้นก็คิดได้น่ะค่ะ  คิดได้ว่าถ้าเป็นเกียรติยศที่จะถูกมอบให้ในโรงเรียนแล้วล่ะก็ ควรจะถูกส่งไปให้นักเรียนปีสามที่เป็นที่รักในโรงเรียนค่ะ
พูดแบบนั้นมาก็ดีใจอยู่หรอกค่ะ แต่ว่า……”



[หน้า 79]
แน่นอนค่ะ ไม่อยู่ในสถานะที่จะบังคับอะไรได้ แต่ก็อยากจะเหลือความทรงจำไว้ตอนที่ได้กลายเป็นรุ่นพี่ในปีหน้าค่ะ เหลือเอาไว้ว่าช่วงที่พวกฉันเพิ่งเป็นนักเรียนเข้าใหม่มีรุ่นพี่ที่วิเศษแบบนี้อยู่ และตอนนี้เองก็ยังเหลืออยู่ในบันทึกด้วย
……ฉันไม่ใช่คนแบบที่จะได้รับการยกย่องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แถมคุณประธานนักเรียนเองก็เข้าร่วมด้วยสินะคะ ตัวฉันเองผลลัพธ์จะยังไงก็ได้ค่ะ แต่ถ้าได้รับการเอาใจช่วยขนาดนั้นแล้วล้มเหลวล่ะก็ ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นว่าทางนั้นจะหายุติไม่ได้เหรอคะ ?”
ซาคุยะบอกว่าถ้าอย่างนั้นสุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องแบบเดียวกัน
ถึงจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ทางการเมืองที่เกิดจากภาพลักษณ์ของผู้ปกครองที่อยู่ไกลจากโรงเรียนไปได้ ก็ยังไปเกี่ยวข้องกับการแพ้ชนะของกลุ่มที่มีบุคคลเฉพาะสนับสนุนอยู่
ถึงจะเปลี่ยนรูปแบบไป แต่ถ้ากลายเป็นสงครามตัวแทนก็ไม่มีความหมายอะไร
ไม่ต้องห่วงค่ะ เรื่องนั้นก็คือเรื่องนั้น เรื่องนี้ก็คือเรื่องนี้ค่ะ
พอพูดแบบนั้นแล้ว ?”
ถ้าเป็นท่านที่ชนะท่านซาคุยะได้ล่ะก็ ต้องเป็นท่านที่วิเศษไม่ผิดแน่ใช่ไหมล่ะคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แค่มีท่านที่พวกฉันจะเล่าต่อไปยังรุ่นน้องเพิ่มมาอีกหนึ่งท่านค่ะ
เป็นแบบนั้นเหรอคะ
ควรจะเรียกว่ามองโลกในแง่ดี หรือควรจะเรียกว่าดื้อรั้นดีนะ



[หน้า 80]
เผลอจดจ่อกับการสนทนาไปโดยสิ้นเชิง ข้างนอกก็มืดขึ้น


……ก็เป็นแบบที่ว่าไปล่ะค่ะ
ฮะๆ ค่อนข้างมีฝีมือทีเดียวเลยน้า
ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะคะ
ถึงจะกลับมาที่ห้องแล้ว ยังไงก็มีความรู้สึกว่าถูกหลอกตามมาอยู่
แต่ความรู้สึกต่อต้านแบบตอนแรกเองก็น้อยลงไปแล้วเช่นกัน
ถ้ามีใจขึ้นมาแล้วจะเข้าร่วมก็ได้ไม่ใช่เหรอไง ในฐานะพี่ชายแล้วดีใจที่ซาคุยะเป็นที่ชื่นชอบนะ
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่มีเหตุผลที่จะเข้าร่วมค่ะ……ทำไมถึงต้องมีความทรงจำน่าอายแบบนั้นด้วยคะ
น่า เรื่องนั้นเองก็คงกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำด้วยเหมือนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยเรียนเนี่ย แม้แต่เรื่องที่ตอนนั้นจะรู้สึกอายอย่างเดียว ตอนหลังก็กลายเป็นความทรงจำที่สนุกสนานบ้างเหมือนกันนะ
อายุไม่ได้ห่างกันเท่าไรแท้ๆ มุมมองแบบผู้ใหญ่นั่นมันอะไรกันคะ
ถึงจะเป็นแค่ไม่กี่ปีสั้นๆก็ยังรู้สึกคิดถึงขนาดนี้ไงล่ะ แม้แต่เธอก็เคยรู้สึกคิดถึงเรื่องในอดีตใช่ไหมล่ะ ?’



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น