คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 151]
“ค่ะ เพราะแบบนั้นถึงได้มาอยู่ด้วยกันกับคุณกิงโกะแบบนี้------”
‘จุดสำคัญในกรณีนี้คือจุดที่ว่าคนที่เป็นที่มาของข่าวลือน่ะเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆที่ไม่รู้จักแม้แต่คำว่ายามาวาโระอะไรนั่น’
“………………”
พอถูกบอกมาแล้วก็รู้ตัว
ไม่ใช่ว่าลืมจุดนั้นไปโดยสิ้นเชิงหรอกเหรอ
? ถ้าสัตว์ประหลาดคือยามาวาโระ
แล้วนักเรียนที่ไม่รู้อะไรเลยโดนเล่นงานล่ะก็ คิดว่าคงกลายเป็นเรื่องใหญ่
นั่นเป็นความจริงด้วย แล้วก็เป็นสถานการณ์เร่งด่วนด้วย
ถ้าอย่างนั้นเด็กคนที่เป็นต้นเรื่องล่ะ
? เพราะไม่มีรถพยาบาลมา คงจะเป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยแน่ๆ
คิดอย่างครุมเครือว่าแบบนั้น
ทว่า
ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นสัตว์ที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆล่ะก็
เป็นไปได้เหรอที่จะหนีรอดมาได้ ?
ไม่ต้องถึงกับคิด
เป็นไปไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว
ถ้าอย่างนั้น อาการบาดเจ็บในกรณีนี้จะเป็นระดับไหนกันนะ
?
‘ถึงจะแค่ถูกหมาจรจัดกัดก็แตกตื่นกันใหญ่จนเป็นข่าวแล้ว แปลว่าถึงจะบอกว่าเป็นผู้บาดเจ็บแต่อาการก็เบากว่านั้น
ยังไงก็ตาม ดูจากที่อาจารย์มาถามแล้ว แปลว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใส่ใจไม่ได้ด้วย
อยู่ในระดับที่น้อยกว่าถูกหมาจรจัดกัดและเป็นเรื่องใหญ่ด้วย……ถ้าเป็นในโรงเรียนจะเป็นระดับไหนกันนะ’
[หน้า 152]
“……เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็เรื่องจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยสินะคะ”
‘อา
ระหว่างหนีก็ล้มแล้วกระแทกหรือไม่ก็ข้อเคล็ด……สำหรับเจ้าตัวแล้วคงจะเจ็บมาก
แต่ถ้ามองจากคนอื่นแล้วคงจะถูกคิดแบบนี้
คิดว่าเทียบกับการเจอสัตว์ประหลาดแล้วบาดเจ็บน้อยจังเลยน้า’
“เข้าใจความหมายเรื่องสภาพการณ์เปลี่ยนไปที่พี่พูดแล้วค่ะ
ถ้ามองข้ามหัวข้อดึงดูดความสนใจที่ว่าโดนสัตว์ประหลาดเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บไป
เรื่องก็จะไปยังจุดที่ว่าจริงๆแล้วบาดเจ็บประมาณไหนกันนะ ? สินะคะ”
‘เพราะถ้าเป็นคนที่รู้ว่าเป็นมายังไงล่ะก็
แค่นำภาพในความทรงจำของตัวเองมาปรับใช้ก็จบแล้วน่ะนะ พยายามจะรู้ให้ได้แบบคนที่ไม่รู้อะไรเลยเนี่ย
……ให้พูดตรงๆ ประมาณว่าพอได้ยินเรื่องจากซาคุยะแล้วพี่เองก็นึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมาเลยล่ะ’
“……กรุณารักษาสุขภาพด้วยนะคะ”
‘หลังๆมานี้หนาวจนรู้สึกเจ็บแผลที่ปิดแล้วเลยล่ะ
น้องสาวที่แสนอ่อนโยนจะช่วยมาปลอบใจให้โดยมาคอยดูแลอยู่ข้างๆได้รึเปล่าน้า’
“ช่วงปีใหม่ถ้าไม่รังเกียจ แค่เข้าไปในโต๊ะอุ่นขาแล้วนอนกลางวันด้วยกันล่ะก็ทำให้ได้ค่ะ”
‘มีน้องสาวอ่อนโยนแบบนี้
พี่ชายล่ะปลื้ม’
“กรุณาดีใจให้เต็มที่เลยนะคะ
แล้วก็ขอเงินปีใหม่ด้วย”
‘ยัยยักษ์ !’
การสนทนาออกนอกเรื่องไปเรียบร้อยแล้ว
[หน้า 153]
กระแอมไอเบาๆ แล้วกลับเข้าเรื่อง
“จะคิดว่าคนที่รู้เรื่องได้เปลี่ยนแปลงข่าวลือไปก็ท่าทางจะไม่ผิดสินะคะ”
‘ถ้าเรื่องที่คุยกันเปลี่ยนไปภายในเวลาแค่วันเดียวล่ะก็คงเป็นแบบนั้นล่ะนะ
แต่ว่าเป็นอะไรที่แก้ไขได้ด้วยคำพูดรึเปล่านะ ?
ถ้ามีพวกหลักฐานยืนยันตัวจริงของสัตว์ประหลาดหรืออะไรล่ะก็เป็นอีกเรื่องนึง’
“……นั่นสินะคะ แต่ว่าตรงจุดนั้นหนู------”
ในตอนที่กำลังจะพูดต่อไปว่าหนูนึกอะไรออกค่ะ
จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น
เป็นที่ๆอยู่ห่างจากด้านหลังของตึกเรียนไปอีกเล็กน้อย
ไปทางในป่า
‘ซาคุยะ ?’
“โทษทีนะคะ จะวางสายค่ะ อาจจะมาขอยืมความรู้อีกทีภายหลังนะคะ”
‘ตอนนั้นไม่ต้องเกรงใจนะ’
วางสายโทรศัพท์
จากนั้นก็ไปทางที่มีเสียง
ทางเข้าป่าตรงด้านหลังของตึกเรียน
ที่นี่เป็นที่ๆเมื่อวานเองก็ผ่าน ได้เจอกับรุ่นน้องร่างเล็กด้วย
ถ้าเป็นแบบนั้น ที่อยู่เบื้องหน้าก็คือ……
ก้าวเท้าให้สั้นลง เดินไปโดยเลือกที่จะเป็นเหมือนเงาของต้นไม้
เสียงเกรี้ยวกราดที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย
เป็นโทนเสียงแบบที่ฝ่ายหนึ่งกำลังตะคอกใส่อีกฝ่ายหนึ่งอยู่
โผล่หน้าออกมาเพื่อจะได้แอบมองจากเงาของวัตถุได้
[หน้า 154]
ที่เห็นเป็นอย่างแรกคือรั้วที่สูงประมาณเอว
แล้วก็เห็นของอย่างเพิงเก็บของที่เหมือนจะสร้างมาด้วยกัน
ในรั้วมีบ้านหมาอยู่
และมีพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่างพวกไม้กวาดไม้ไผ่พาดไว้อยู่
ตรงจุดที่ห่างจากบ้านหมาไปมีทางเข้า
และที่นั่นก็มีเด็กผู้หญิงสองคนยืนอยู่
“เธอพูดอะไรซี้ซั้วไป
บอกไปว่าชั้นเห็นใช่มั้ย”
“ตะ แต่……”
โฮนามิกำลังห่อไหล่ตกใจกับเสียงโกรธ
แล้วก้มหน้าอยู่
ไม่รู้ว่าเพราะเห็นแบบนั้นรึเปล่า
อีกคนเลยส่งเสียงตะคอกออกมา
ขาข้างขวาใส่รองเท้าโลฟเฟอร์แบบที่โรงเรียนกำหนดไว้
แต่ขาข้างซ้ายถูกพันด้วยผ้าพันแผล แล้วก็ถูกค้ำไว้ด้วยไม้ค้ำยัน
“เป็นเพราะเธอแพร่ข่าวลือแปลกๆออกไปนั่นล่ะ
คิดว่าชั้นที่มาโรงเรียนถูกพูดอะไรใส่บ้างล่ะ ? โดนหัวเราะเยาะว่าตกใจกับทานูกิจนหกล้มไม่เป็นท่าเลยกลบเกลื่อนความอายอะไรบ้างล่ะ
ทั้งๆที่ไม่ได้โกหกแท้ๆ ! ทำไมถึงต้องมารู้สึกแบบนี้ด้วยเนี่ย”
“ระ เรื่องนั้น…… ฮึก”
“ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ต้องมาเจอเรื่องน่ากลัว ! ทั้งๆที่เจ็บมากแล้วคิดว่าอาจจะต้องตายก็ได้แท้ๆ
!
ทำไมถึงต้องมาโดนพวกที่ไม่รู้อะไรเลยหัวเราะเยาะเอาด้วย ! พูดอะไรซักอย่างเซ่”
[หน้า 155]
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ……”
ก่อนที่จะเข้าไปแทรกการสนทนา
ได้นำมือไปแตะที่อกแล้วปรับลมหายใจให้เข้าที่
จากนี้ไป
ถ้าทำพลาดจะเป็นการสร้างบาดแผลให้กับทั้งจิตใจและศักดิ์ศรีของพวกเธอ
และแล้วข้อสงสัยหลายอย่างก็คลี่คลายไปได้
ที่ไม่พบเจ้าตัวที่บาดเจ็บนั้นเป็นเพราะว่าไปโรงพยาบาลอยู่
เมื่อวานหยุดเรียน
แล้วพอเมื่อเช้ามาโรงเรียนก็ได้ยินข่าวลือที่ถูกเปลี่ยนแปลงไป เลยมาตามหาตัวคนร้าย
คงเป็นแบบนั้น
ที่ไม่เข้าใจคือทำไมถึงได้โกหกแบบนั้นไป
แน่นอนว่าสามารถเดาได้
ทว่าการฝืนไปต่อด้วยการวินิจฉัยสถานการณ์ที่ไม่เพียงพอจะทำให้เข้าใจความจริงผิดไป
……จะทำยังไงดี ?
ทว่า คำตอบนั้นกลับได้มาอย่างง่ายดาย
ถ้าไม่รู้ความจริงล่ะก็
แค่ขอให้เจ้าตัวเล่าให้ฟังก็พอแล้ว
แน่นอนว่าเด็กที่กำลังส่งเสียงตะคอกอยู่เองก็คงจะยอมรับฟังมากกว่าการเข้าไปไกล่เกลี่ยแบบแย่ๆเช่นกัน
“ขอเวลาซักครู่จะได้รึเปล่าคะ”
พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้------แล้วปรากฏตัวออกมา
โดยในขณะเดียวกันก็จินตนาการถึงตอนที่ทำให้การล้อเล่นของพี่ชายเงียบไปด้วย
[หน้า 156]
“รุ่นพี่มินางามิ……”
เงยหน้าที่ก้มอยู่ขึ้นมา ที่ตามีน้ำตาคลออยู่
“……อะไรเหรอคะ ? รุ่นพี่ ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรแท้ๆ อย่าเข้ามายุ่งเกินจำเป็นจะได้ไหมคะ”
“พอจะรู้เรื่องส่วนใหญ่อยู่แล้วค่ะ”
กล่าวออกไปตรงๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย
พยายามอย่างยากลำบากเพื่อไม่ให้สีหน้ามีการเปลี่ยนแปลง
ดูเหมือนจะถูกรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาใกล้โดยไม่แยแสท่าทีชวนทะเลาะจากรุ่นน้องข่มขวัญเล็กน้อย
พอซาคุยะมายืนอยู่เบื้องหน้า
ก็หันมาโดยใช้ไม้ค้ำยันช่วย
“ทำไมถึงได้แอบเปลี่ยนเรื่องสัตว์ประหลาดให้กลายเป็นอะไรที่ไม่เป็นปัญหาเหรอคะ
?”
“------ฮึก”
ไม่ใช่ทางเด็กคนที่บาดเจ็บ
แต่ตัดเข้าเรื่องถามโฮนามิทันที
“ระ เรื่องนั้น”
“เห็นไหมล่ะ ! เรื่องที่เธอทำอยู่น่ะมันแปลก
เพราะแบบนั้นรุ่นพี่เองก็-----”
“กรุณารอก่อนค่ะ
ตอนนี้ฉันกำลังถามอยู่”
“……อึก”
[หน้า 157]
ถูกจ้องมาด้วยสายตาที่กักเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้
ท่องราวกับเป็นการสวดมนต์ว่าขอโทษค่ะขอโทษค่ะอยู่ภายในใจ
ถ้าตรงนี้สนับสนุนฝั่งไหนซักฝั่งไปล่ะก็
สถานการณ์จะแย่ลงแล้วไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีก
การที่รุ่นพี่ผู้เย็นชาก่อกวนสถานการณ์อยู่ฝ่ายเดียวนั้นความเสียหายน่าจะน้อยกว่าแน่ๆ
“ระ เรื่องนั้น เอ่อ
ไม่ใช่ว่ามีเจตนาร้ายอะไร”
“มีสัตว์ที่บาดเจ็บแล้วได้รับการดูแลอยู่สินะคะ
นั่นเกี่ยวข้องกันรึเปล่าคะ ?”
“อะไรกันคะ ? นั่น มีอะไรแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอคะ ? ……อ๊ะ หรือว่านั่นจะเป็นตัวที่เล่นงานชั้น------”
“เปล่าค่ะ
คิดว่านั่นก็ไม่ใช่ด้วยค่ะ”
ถูกซาคุยะหยุดไว้ เลยทำท่าทางเหมือนจะลำบากใจอยู่
รุ่นพี่ที่คิดว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับตัวเองเอาแต่ขัดไม่ให้พูด
ความรู้สึกสับสนทำอะไรไม่ถูกนั่นได้ส่งผ่านมาให้รับรู้
“ไม่ใช่เด็กที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้หรอกค่ะ
บาดเจ็บหนักอยู่ แล้วก็ฉลาด แล้วก็เป็นมิตรกับคน ตอนนี้ไม่อยู่แล้วก็จริง
แต่จะหาให้เจอให้ได้แล้วพิสูจน์ว่าไม่จริงค่ะ”
“ไม่ได้ถามเรื่องแบบนั้นอยู่ซักหน่อย
ทำไมถึงได้โกหกไปล่ะ”
“……แล้วที่จริงได้พูดโกหกไปเหรอคะ ?”
“อะ เอ่อ เรื่องนั้น”
[หน้า 158]
เห็นท่าทางขัดๆ เลยลองถามดู
ดูเหมือนว่าถึงจะไม่ถูกแต่ก็คงไม่ไกล
“เอ……เอ่อ”
“ที่อยู่ตรงนี้ก็มีแค่พวกฉันเท่านั้นค่ะ
ถ้านิ่งเงียบอยู่ล่ะก็จะไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดด้วยนะคะ”
“เรื่องนั้นรุ่นพี่……อ๊ะ
ไม่ใช่รุ่นพี่มินางามินะคะ รุ่นพี่ปีสองมาแล้วบอกว่ากำลังตามหาคนร้าย……”
“แล้วเป็นยังไงเหรอคะ ?”
พอเร่งให้พูด น้ำตาก็ปริ่มออกมาที่ตา
เข้าใจว่ากำลังทนกับความเจ็บใจอยู่
“ฉันบอกไปว่าไม่ใช่ค่ะ ! บอกไปว่าไม่ใช่เด็กที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้
อธิบายไปตั้งเยอะ ตั้งเยอะจนคิดว่ายอมเข้าใจแล้ว แต่แล้วกลับไม่ยอมเข้าใจ ! ถูกทำเป็นว่าฉันได้พูดแบบนั้นไป……ฮึก”
“…………”
คิดได้ว่าไม่ได้กำลังโกหกอยู่
หลังจากที่มีสัตว์ได้รับการดูแลอยู่ที่นี่
ก็เกิดคดีสัตว์ประหลาดขึ้น
คงจะมีนักเรียนคนอื่นที่คิดโยงความเกี่ยวข้องกันแบบที่เมื่อวานซาคุยะกับกิงโกะได้คิดโยงไปถึงอยู่ด้วย
[หน้า 159]
ทว่า อย่างไรก็ตาม รู้สึกว่าความเร็วในการแพร่กระจายนั้นมันเร็วเกินไป
ไม่ใช่วิธีการแพร่กระจายง่ายๆแบบเกมกระซิบบอกต่อ
แต่เป็นวิธีที่มาพร้อมกับความเป็นรูปธรรม
“แล้วเด็กที่บาดเจ็บนั่น
มีหลายท่านรู้เรื่องเหรอคะ ?”
“ค่ะ……เด็กปีหนึ่งส่วนใหญ่จะรู้…… เพราะตอนที่หลงเข้ามาก็เป็นในชั่วโมงเรียนด้วย
แล้วตอนพักเองก็มีคนมาดูเยอะค่ะ”
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอคะ
?”
คราวนี้ถามเด็กสาวไม้ค้ำยันที่ทำท่าทางเสียกำลังใจอยู่ข้างๆ
“……อื้อ เหมือนจะมีค่ะ ชั้นไม่สนใจหรอก แต่เพื่อนบอกว่าไปดูมา”
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”
โค้งศีรษะให้ทั้งคู่
แล้วซาคุยะก็หันหลังไป
“เอ๊ะ
เอ่อ------”
“เดี๋ยว
แค่นั้นเองเหรอคะ !?”
ถูกทั้งสองเรียกให้หยุดจากข้างหลัง
หันกลับไปช้าๆโดยพยายามสร้างบรรยากาศให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ค่ะ
เพราะฉันแค่กำลังตามหาสัตว์ประหลาดในข่าวลืออยู่ จะว่าไปแล้วคุณคือผู้เกี่ยวข้องโดยตรงที่ได้เผชิญหน้ากับมันสินะคะ
พอจะช่วยกรุณาบอกให้ได้รึเปล่าคะว่าเป็นอะไรแบบไหนกันแน่ ?”
[หน้า 160]
“……รุ่นพี่จะเชื่อเหรอคะ
? ทั้งๆที่ทุกคนไม่เชื่อแท้ๆ
ทั้งๆที่ถูกทำเป็นตัวตลกแท้ๆ”
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อ
ทุกอย่างก็เป็นหลังจากที่ได้ฟังสภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นไปแล้วค่ะ”
“…………”
คงจะรู้สึกต่อต้านซาคุยะที่ไร้อารมณ์ไม่ผิดแน่
เสียใจอยู่ภายในใจว่าท่าทีไม่เหมาะรึเปล่านะ
? ถ้าถามเรื่องจากผู้เกี่ยวข้องโดยตรงที่อุตส่าห์พบไม่ได้ล่ะก็จะกลายเป็นว่าต้องเสียเวลาเพิ่มไปมาก
“……คืนเมื่อวานซืน……ได้ออกไปข้างนอกค่ะ”
ค่อยๆเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ
ซาคุยะนิ่งเงียบ
เป็นการกระตุ้นให้พูดต่อ
กลับมาถึงหอพักในเวลาเดียวกับที่พระอาทิตย์ตกดิน
กิงโกะกลับมาก่อนเรียบร้อยแล้ว
พอเข้าไปในห้องก็ต้อนรับอย่างสบายๆว่า “กลับมาแล้วเหรอ~”
“เป็นยังไงบ้างคะ ? ไม่เจอกับอันตรายใช่ไหมคะ ?”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น