คำเตือน : เกิน 25% เป็นการดำน้ำ
แปลมาจากหนังสือนิยาย
แปลมาจากหนังสือนิยาย
[หน้า 181]
“คุณกิงโกะ !”
ส่งเสียงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เป็นเพราะสัตว์ร้ายเองก็เห็นว่าเป็นความเพลี่ยงพล้ำเหมือนกันงั้นเหรอ
เลยพุ่งเข้าใส่กิงโกะ
“ไม่คิดเลยว่าจะมีสติปัญญาอยู่บ้าง……”
กิงโกะหมุนตัวทั้งที่ใบมีดยังปักอยู่ในดิน
แล้วดึงออกมา
“…………เอ๊ะ”
เจอกับการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นเกินไปเข้า
เลยไม่อาจเชื่อในภาพที่ปรากฏแก่สายตาได้
ดาบที่ปักคาอยู่นั้น
ไม่ได้แก้ด้วยการทำให้ผ้าคลุมนางฟ้าเปลี่ยนรูปร่าง
แต่ตวัดเป็นวงกลมเข้ากับการเคลื่อนไหวของกิงโกะโดยไม่ทำให้รู้สึกถึงแรงต้านจากการจมลงไปในดินเลย
ขาหน้าที่เป็นกีบเท้าได้ถูกตัด
ไม่สามารถรักษาการพุ่งไว้ได้ เลยล้มลงไปราวกับลื่นไถลไปบนพื้นดิน
“อีกที”
ใช้ขาหลังกระโดดหลบคมดาบที่เหวี่ยงลงมาหมายจะสับกลางลำตัว
“สะ……สุดยอด……”
เพิ่งเคยเห็นวิธีการต่อสู้ของกิงโกะเป็นครั้งแรก
[หน้า 182]
ตอนที่กำลังถูกนูเอะกลืนเข้าไป การต่อสู้ของกิงโกะได้ถ่ายทอดมาในฐานะข้อมูล
ที่กำลังประจันหน้ากับกิงโกะอยู่ในตอนนั้นคือสัตว์ประหลาดที่ชื่อมิซึจิ
ซึ่งก่อร่างมาจากน้ำที่ผ้าคลุมน้ำฟ้าได้ละลายเข้าไป
แต่การที่มีฝ่ายตรงข้ามเป็นน้ำนั้นคมดาบไม่มีความหมาย
ข้อมูลที่ว่ากำลังต่อสู้อยู่อย่างยากลำบากนั้นได้ถ่ายทอดมา
ไม่คิดว่าเคยดูถูกความสามารถ แต่แม้จะเป็นการเข้าคู่กับอาวุธที่เปลี่ยนมาจากผ้าคลุมนางฟ้าเองก็ยังแข็งแกร่งเกินกว่าที่จินตนาการ
ทุกครั้งที่กวัดแกว่งคาตานะสีฟ้า
ก็ได้ตัดร่างกายของสัตว์ประหลาดไปเรื่อยๆ
เพราะหลบไปหลบมา เลยยังไม่สามารถสร้างบาดแผลที่ถึงตายให้ได้
แต่ก็เป็นความเสียหายที่ถ้าเป็นสัตว์ธรรมดาล่ะก็จะสูญสิ้นชีวิตไปนานแล้ว
สัตว์ประหลาดเห่าหอนให้กับท้องฟ้าเป็นครั้งแรก
ทำให้เสียงแหลมเล็กที่ชวนให้นึกไปถึงกวางที่น่าจะเป็นร่างพื้นฐานดังก้อง
“จบกันแค่นี้ล่ะ……ฮึบ !”
คมดาบที่ง้างขึ้นนั้นไม่หยุด ได้ฟันคอยาวๆร่วงลงไป
ศีรษะได้ร่วงลงมา
ทำให้เลือดสีดำสาดกระเซ็น จากนั้นก็กลิ้งไปแล้วจึงหยุดลง
ร่างขนาดใหญ่ที่สูญเสียส่วนหัวไปได้ทรุดลง
“เฮ้อ……”
พื้นดินสะเทือน
ขาหน้าที่เสียไปแล้วเหยียบพื้นดินอย่างมั่นคง ------ในชั่วพริบตานั้น
ร่างกายที่สูญเสียหัวไปแล้วได้กระโจนขึ้นมา
[หน้า 183]
“เอ๊ะ------ว๊าย !”
ซัดกิงโกะกระเด็น
แล้วพุ่งเข้าใส่ซาคุยะ
“-----------”
ขาที่ขาดไปเองก็ขยับ
ชีวิตที่สูญเสียส่วนหัวไปแล้วได้วิ่งเข้ามาหาซาคุยะ
ในตอนนั้นเห็นไม่ผิดแน่
เห็นแววตาอันเฉียบคมมองลอดมาจากลำตัวที่เคยเห็นเป็นข้อต่อขนาดใหญ่
ไม่ใช่แค่ขาหน้าเท่านั้น
เกิดขึ้นมาด้วยการประกอบเข้าด้วยกันของสัตว์หลายตัว
ตอนนี้ไม่มีการป้องกันของผ้าคลุมนางฟ้า
ถ้าโดนพุ่งเข้าใส่ล่ะก็
ครั้งนี้นี่ล่ะที่จะทนไม่ไหวจริงๆ
ไม่ได้หลับตา
ในตอนนั้นที่ซาคุยะเกือบจะถูกกลืนเข้าไป
ถึงโคสุเกะจะถูกยามาวาโระกัดไปทั่วร่างก็ยังไม่หลับตาแล้วจ้องมองมา
เพราะแบบนั้นเลยเห็นร่างของอีกตัวที่วิ่งเข้ามาจากด้านข้างได้อย่างชัดเจน
เป็นทานูกิตัวใหญ่ประมาณที่ท่าทางจะอุ้มไว้ได้
ขยับร่างเล็กๆวิ่งมาอย่างงุ่มง่าม
ถึงจะเป็นความมืดในยามค่ำยืน
ผ้าพันแผลที่ถูกพันไว้ที่ขาหน้านั้นก็ยังเห็นเป็นสีขาว
“คุณกิงโกะ”
[หน้า 184]
วิ่งตรงเข้ามาหากิงโกะที่กำลังจะลุกขึ้นมา
“อุก……”
พอกิงโกะลุกขึ้นยืน
ก็ยืดใบมีดที่ใช้ผ้าคลุมนางฟ้าสร้างขึ้นออกไป
ให้ความสำคัญกับการปกป้องซาคุยะมากกว่าร่างกายของตัวเอง
ถ้าเป็นตัวของกิงโกะเองล่ะก็ถึงจะเป็นบาดแผลที่หากเป็นมนุษย์คงตายทันทีแล้ว
ก็ยังฟื้นฟูได้โดยไม่มีปัญหา
เหวี่ยงดาบขึ้นที่นั่น
แล้วก็ฟันลงมายังสัตว์ประหลาดที่พุ่งเข้าใส่ซาคุยะ
“อ๊ะ------”
ทานูกิที่วิ่งเข้ามา
วิ่งผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามองกิงโกะ
พอกระโจนเข้าใส่สัตว์ที่เคยเป็นกวางจากด้านข้างราวกับลอดผ่านไปใต้คมดาบ
ก็กัดเข้าที่ใบหน้าของสุนัขซึ่งโผล่มาจากกลางลำตัว
“แย่ล่ะ…… !”
เสียงลนลานของกิงโกะดังขึ้น
คมดาบที่ฟันลงมานั้นได้ผ่าร่างที่เคยเป็นกวางขาดเป็นสองเสี่ยง
จากนั้นก็ฝังเข้าไปครึ่งนึงในลำตัวของทานูกิที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังกัดอยู่
แล้วในที่สุดก็หยุดลง
ผ่านช่วงจังหวะหนึ่ง ร่างขนาดใหญ่ซึ่งถูกคาตานะที่ยาวมากฟันกระเด็นก็ได้ร่วงลงไปดัง
ตุบ !
“ดะ เด็กคนนั้น…… ?”
[หน้า 185]
ในขณะที่โซเซไป
ทานูกิที่ถูกฟันไปครึ่งนึงก็โผล่ร่างออกมาจากเงาของสัตว์ที่ล้มอยู่
แผลที่ลำตัวนั้นลึก
ทุกครั้งที่เดินของเหลวในร่างกายจะหยดลงพื้นดัง แปะๆ
พอเข้าไปใกล้ยามาวาโระที่อยู่ในสภาพล้มอยู่ทั้งอย่างนั้น
ก็ยื่นศีรษะเข้าไปตรงลำตัวที่ถูกฟันขาด แล้วเริ่มเคี้ยว
“……คุณกิงโกะ……”
“อืม……เด็กคนนั้นเองก็เป็นเหมือนกันสินะ……”
ต่อมาก็หยุดเคี้ยว แล้วพยายามลากสังขารมาตรงที่ซาคุยะกับกิงโกะอยู่
ที่ปากคาบหินสีฟ้าไว้อยู่
พอวางสิ่งนั้นไว้บริเวณเท้าของซาคุยะ
ก็มองขึ้นมาด้วยสายตาที่เหมือนกับคาดหวังอะไรบางอย่าง
“นี่ ให้ฉันเหรอ ?”
ไม่คิดว่าถ้อยคำจะสื่อไปรู้เรื่อง
แต่คงจะคาดเดาเจตนาได้
พอใช้ขาหน้าดันสิ่งนั้นมาหาซาคุยะ
ก็เริ่มเดินไปยังทิศที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน
“เดี๋ยว !”
หยุดเดินให้กับการร้องเรียกให้หยุด
พอหันมาทางซาคุยะก็ทำท่าทีรอเล็กน้อย
จากนั้นก็เริ่มเดินอีกครั้ง
ในไม่ช้าก็หันมาอีกรอบ
……ราวกับกำลังคอยอยู่
[หน้า 186]
“ซาคุยะจัง ฉันจะตามไปเอง”
“ช่วยพยาบาลเด็กคนนั้นทีนะคะ
รุ่นน้องกำลังตามหาอยู่ค่ะ แล้วก็ยังช่วยฉันไว้ด้วย”
“เข้าใจอยู่แล้วล่ะ วางใจได้เลย……แต่ก่อนหน้านั้น……”
กิงโกะเข้าไปใกล้ยามาวาโระที่ปราบไป
แล้วใช้ผ้าคลุมนางฟ้าคลุมไว้ราวกับเป็นการสวม
แสงสีฟ้าเอ่อล้นออกมาเรื่อยๆ
ตอนที่นำผ้าคลุมนางฟ้าออก
เปลวไฟสีฟ้าก็ได้แผ่ขยายแล้วเปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่างเงียบสงบ
“ถ้ารู้แล้วว่าเด็กคนนั้นไปไหน
จะติดต่อไปนะ”
“……ค่ะ ขอฝากด้วยนะคะ”
พอกิงโกะตามทานูกิที่กำลังรออยู่ทัน
ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วผูกที่ลำตัวไว้
ดูจากความยาวแล้ว
อาจจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของผ้าคลุมนางฟ้าแบบที่เคยใช้พันซาคุยะก็เป็นได้
ในไม่ช้าร่างของกิงโกะก็หายลับเข้าไปในป่ายามค่ำคืนราวกับถูกนำทางเข้าไป
“…………เฮ้อ……”
มีเรื่องหลายๆเรื่องเกิดขึ้น
ไม่รู้สึกว่าอยากจะลุกขึ้นในทันทีด้วย
เลยนั่งลงไปเพื่อฝากแผ่นหลังไว้กับเสาของศาลาพักริมทาง
อยู่แบบนั้นไปนานเท่าไรกันนะ
ได้ยินเสียงคนหลายคนมาจากที่ไกลๆ
[หน้า 187]
กำลังตามหาซาคุยะแล้วส่งเสียงเรียกอยู่
เด็กผู้หญิงที่จำเสียงได้กำลังส่งเสียงเรียกชื่อปนกับเสียงยืนยันความปลอดภัยซ้ำไปซ้ำมาอยู่
ที่อยู่หน้าสุดคือเด็กผู้หญิงรุ่นน้องที่ซาคุยะช่วยให้หนีไปเมื่อครู่
วันต่อมา การปฏิบัติต่อซาคุยะที่โรงเรียนต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
ตอนที่อาจารย์กับยามวิ่งมาถึง
สถานที่เกิดเหตุมีรอยเลือดขนาดใหญ่ และมีซาคุยะที่เลอะไปทั้งตัวนั่งอยู่คนเดียว
กังวลอยู่ว่าท่าทีเผชิญหน้าอย่างสงบเยือกเย็นเพื่อทำให้สบายใจนั้นจะถูกเข้าใจว่าเป็นการเสี่ยงอันตรายปกป้องรุ่นน้องจนไปต่อสู้ตะลุมบอนมารึเปล่า
แต่พอถึงวันต่อมากลับกลายเป็นว่าต้องมานั่งเสียใจภายหลังกับเรื่องนั้นแล้วทรมานชักดิ้นชักงออยู่ที่โต๊ะ
ผลลัพธ์คือเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืนได้แพร่กระจายออกไปในพริบตาในฐานะข่าวลือใหม่
ได้เล่าต่อกันไปในฐานะเรื่องราวผู้กล้า
บอกปัดการซักไซ้จากเพื่อนร่วมชั้นไปอย่างรีบๆ
ได้ถามไปว่าเรื่องแพร่กระจายไปแบบไหน แต่ไม่ว่าจะเนื้อหาไหนก็มีความใฝ่ฝันปนอยู่ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมาก
……จากที่ได้ฟังตอนหลังเลิกเรียน ดูเหมือนว่าสมาชิก
MSF ได้เพิ่มจากสี่คนเป็นยี่สิบคนภายในเวลาแค่วันเดียว
[หน้า 188]
ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆกับคำพูดที่พูดอย่างภาคภูมิใจของมิยูกิผู้เป็นประธานชุมนุม
MSF ที่บอกว่าถ้าเป็นท่านซาคุยะล่ะเป็นธรรมดาค่ะ
แล้วตอนที่มีการติดต่อมาจากกิงโกะก็เป็นวันถัดไปอีก
เมล์ที่มาถึงเป็นข้อความง่ายๆ
มีเขียนไว้แค่ว่าอยากให้มาที่หมู่บ้านมินาคามิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น