Prologue

posted on 4/03/2561 10:52:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
เนื้อหาด้านล่างเผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 2012 ที่ http://vermillionend.exteen.com
เนื่องจากเป็นงานแปลชิ้นแรกในชีวิต ถ้าจะอ่านขอให้ทำใจกับสำนวนและความถูกต้องของภาษาไว้ได้เลย


-------ในทันทีนั้นเอง, ผมได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการออกวิ่ง

รัตติกาลเป็นสีดำสนิท
และไม่มีใครอยู่ในบ้านเลย

มันน่ากลัว, ที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวในความมืด
ดังนั้นเพื่อตามหาทุกคน, ผมจึงมุ่งหน้าออกไปที่สวน




สวนในคฤหาสน์ของพวกเรานั้นเป็นทุ่งสีเขียวขจีที่กว้างใหญ่มาก
ล้อมรอบด้วยป่าทึบ
พร้อมกับต้นไม้ซึ่งขึ้นบดบังแสง
มันแทบจะดูเหมือนกับเป็นม่านขนาดใหญ่

ราวกับเวทีในโรงละครที่ไหนซักแห่ง
ม่านของแมกไม้ได้เปิดออกพร้อมกับเสียงดัง 'เฟี้ยว'
ความตื่นเต้นได้ถูกเติมเต็มลงในตัวผม,
ผมคาดการณ์ล่วงหน้าว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นที่ยิ่งใหญ่

ไกลออกไป, ผมได้ยินเสียงดังสะท้อนออกมา,
เลยจากม่านดำของแมกไม้ไป
ภายในป่า,
เสียงของทุกคนกำลังเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน

ม่านยังไม่ได้ถูกเปิด
ผมไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้,
ผมเดินเข้าไปในความมืดมิดของป่า




ความมืดห้อมล้อมตัวผม
ความมืดนั้นเข้มข้นมาก, มันทำให้หายใจไม่ออก...
แม้แต่แสงจันทร์อันเงียบสงบ ก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปถึงความล้ำลึกนี้ได้

อากาศหนาว...
ความหนาวเย็นของฤดูหนาวนั้นหนาวเหน็บ,
ดวงตาของผมรู้สึกราวกับว่ามันกำลังจะแข็งเป็นน้ำแข็ง

ในช่วงสั้นๆช่วงหนึ่งนั้นเอง, ผมคิดว่าผมได้ยินใครบางคนเรียกชื่อผม,
เพราะอย่างนั้นผมจึงเดินเข้าไปในป่าลึกขึ้นไปอีก

หลังจากที่ผ่านทะลุฉากกั้นของแมกไม้ออกมา,
ผมเจอทุกคนรอผมอยู่ในลานโล่งของป่า
แต่ทว่า, มีอะไรบางอย่างผิดแปลกไป...
ทุกคนกำลังนอนอยู่บนพื้น...
...... ทุกคนกองอยู่บนพื้น...... เป็นชิ้นๆ...

ที่โล่งตรงนั้นอาบไปด้วยสีแดง

---ผมไม่เข้าใจ
คนแปลกหน้าได้เข้ามาใกล้ผม
จากที่ผมมองไปบนใบหน้าของเขา มันบอกได้ว่าเขาอยากที่จะฉีกผมเป็นชิ้นๆ...

---ผมไม่เข้าใจเลย...

แต่ทว่า, มีใครคนอีกหนึ่ง, ใครบางคนที่ผมไม่รู้จัก... ได้ก้าวมายืนข้างหน้าผม,
และขาดชิ้นๆ ต่อหน้าผม

---ผมเป็นแค่เด็ก, ดังนั้น, ผมเลยไม่เข้าใจจริงๆ




อะไรบางอย่างกระเซ็นมา
บางอย่างที่อุ่นและเปียกมาโดนหน้าผม
มันเป็นสีแดง
ของเหลวสีแดง, แดงแบบมะเขือเทศ

บุคคลที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ,
นั่นคือบุคคลที่ผมเรียกว่า "แม่",
เธอไม่ได้เรียกชื่อผมอีกเลย

-----ผมไม่เข้าใจจริงๆ

แต่มันช่างโหดร้าย...
ผมอยากจะร้องไห้, ผมเพียงแค่รู้สึกอยากจะร้องไห้

ความอบอุ่สีแดงเข้มทำให้ภาพที่ผมมองเห็นอยู่พร่ามัว
มันซึมเข้าไปในดวงตาของผม
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกระคายเคืองแต่อย่างใด
พระจันทร์ลอยอยู่อย่างอ้างว้างเหนือศีรษะผม,
ทำหน้าที่เป็นพยานอยู่บนฟากฟ้าในยามราตรี




มันแปลก
ทำไมผมไม่ได้นึกเลยจนถึงตอนนี้

---ช่างเป็นฝันร้ายที่หนาวและน่ากลัว

ใช่---ผมไม่ได้ตระหนักเลย

คืนนั้น...

พระจันทร์นั้นมันช่าง------สวยงาม----




อารัมภบท




เมื่อผมได้สติ, ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
ผ้าม่านที่อยู่ใกล้ๆหน้าต่างปลิวไสวไปมาเบาๆ
ข้างนอกอากาศดี
และสายลมแห้งๆได้พัดมา เป็นสัญญาณว่าฤดูร้อนได้จบลงแล้ว

"สวัสดี, โทวโนะ ชิกิคุง ดีใจด้วยนะที่เธอฟื้นขึ้นมา"

ชายแก่แปลกหน้ายื่นมือของเขามาเพื่อจับมือกับผม
แว่นกรอบสี่เหลี่ยมของเขากับรอยยิ้มอันอบอุ่นนั้นเข้ากันได้ดี
ชุดสีขาวที่ดูสะอาดสะอ้านของเขานั้น เข้ากับตัวเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ, เช่นกัน

"เธอเข้าใจที่ชั้นพูดไหม, ชิกิคุง?"
"...... ไม่ครับ ทำไมผมถึงได้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอครับ?"
"เธอจำไม่ได้ใช่ไหม? เธอเข้าไปพัวพันกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนที่เธอเดินอยู่น่ะ
อกของเธอถูกเศษแก้วแทง, และมันไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะรอด"
เรื่องที่หมอกำลังพูดอยู่นั้น ไม่เข้ากันอย่างมากกับใบหน้าของเขา ซึ่งยังคงยิ้มอย่างร่าเริง

------มันน่ากลัว
ผมรู้สึกหวาดกลัว

"...... ผมเหนื่อยแล้ว ขอผมนอนพักได้ไหมครับ?"
"ได้สิ, เธอควรพักผ่อน เธอต้องใส่ใจกับการพักฟื้นมากๆ, แล้วก็อย่าทำอะไรที่มันเกินไปนัก"
หมอยังคงยิ้มอยู่
ให้พูดตรงๆ, ผมแทบจะทนกับรอยยิ้มนั่นไม่ไหวแล้ว...

"ผมขอถามอะไรบางอย่างได้ไหมครับ, หมอ?"
"อะไรรึ, ชิกิคุง?"
"ทำไมมีรอยขีดอยู่ทั่วตัวหมอเลยล่ะครับ? และตรงนั้นก็ยังมีรอยร้าวอีก, ทั่วกำแพงเลยครับ... ทำไมมันมีรอยร้าวที่ผนังเหรอครับ?"

รอยยิ้มได้หายไปจากใบหน้าหมอในช่วงสั้นๆ, หลังจากนั้นก็กลับสู่ใบหน้ายิ้มแย้มของเขาในทันที เขากลับหลังหันและเดินออกไป

"---สุดท้าย ดูเหมือนว่าสมองจะได้รับความเสียหายจริงๆ คงต้องส่งตัวไปให้หมออาชิยะของแผนกประสาทวิทยา ชั้นคาดว่าบางทีเขาอาจได้รับความเสียหายที่ดวงตาด้วย ใช้เวลาช่วงบ่ายตรวจสอบตาของเขาด้วยนะ"

หมอกระซิบกับพยาบาล ดังนั้นผมจึงไม่ได้ยินที่เขาพูด




"……. แปลก มันมีรอยขีดอยู่ทั่วตัวของทุกคน"
เส้นสีดำโค้งคดเคี้ยวไปมา, อยู่บนพื้น,ผนัง และเพดาน
ผมไม่เข้าใจว่าเส้นพวกนั้นมันหมายถึงอะไร, แต่การมองไปที่มัน ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดี

"..... ผมสงสัยว่ามันคืออะไร"
ที่เตียงก็ด้วย, มันปกคลุมไปด้วยเส้นพวกนี้
เมื่อผมเอานิ้วสัมผัสกับเส้น, ปลายนิ้วของผมจมลงไปในรอยแตก

"---โอ๊ะ"
มันดูเหมือนว่าผมจะเข้าไปได้ลึกกว่านี้ถ้าใช้ของที่เล็กๆ และแคบๆ, ดังนั้นผมเลยใช้มีดปอกผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในการตามรอยของเส้น

ผมไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย, ตอนนี้มีดจมลงไปในเตียง, จนถึงด้ามจับของมัน
มันน่าสนุก, ดังนั้นผมเลยลากมีดไปตามเส้นรอยขีดนั้น

โครม!

พร้อมกับเสียงดัง, เตียงขาดเป็นสองท่อนอย่างแนบเนียน


"กรี๊ดดดด!"

เด็กผู้หญิงในเตียงถัดจากผมกรีดร้อง
พวกพยาบาลรีบวิ่งมาและเอามีดไปจากผม




"เธอพังเตียงได้ยังไง, ชิกิคุง"
หมอไม่ได้ถามว่าทำไม, แต่อยากรู้ว่าผมทำมันได้ยังไง

"ผมลากไปตามเส้นแล้วมันก็แตกออก ว่าแต่, ทำไมที่โรงพยาบาลนี้ถึงเต็มไปด้วยเส้นเหรอครับ?"
"เธอน่าจะพอได้แล้วกับเรื่องนั้น, ชิกิ ที่นี่มันไม่มีเส้นแบบนั้นอยู่ที่ไหนทั้งนั้นล่ะ
ตอนนี้บอกชั้นมาได้แล้ว, เธอพังเตียงได้ยังไง? เธอบอกชั้นได้, ชั้นสัญญาว่าจะไม่โกรธเธอ"
"---ผมบอกคุณแล้ว, ที่ผมทำไปก็มีแค่ลากผ่านเส้นด้วยมีด..."
"...... เข้าใจแล้ว โอเค, ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้ต่อพรุ่งนี้แล้วกัน"

หมอได้ออกไป
สุดท้ายแล้ว, ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเชื่อเรื่องของผม




ตราบใดที่ผมใช้มีดลากผ่านรอยขีด, ผมก็สามารถตัดทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างแนบเนียน
ผมไม่จำเป็นต้องออกแรงกับมันเลยแม้แต่น้อย
มันง่ายราวกับตัดกระดาษด้วยกรรไกร
เตียง, เก้าอี้, โต๊ะ, กำแพง, พื้น

.....ผมยังไม่ได้ลอง,แต่บางที... ไม่ใช่, แน่นอนเลย แม้แต่ก็คนเช่นกัน

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครที่สามารถมองเห็นเส้นพวกนี้ได้
เส้นสีดำที่มีแต่ผมเท่านั้นที่มองเห็น
แม้ว่าจะเป็นเด็ก, ผมก็ค่อยๆเข้าใจว่าเส้นพวกนี้คืออะไร
มันคงจะเหมือนกับรอยตะเข็บ
เหมือนกับรอยตะเข็บที่เย็บแผลที่เปิดออกเข้าด้วยกันหลังผ่าตัด, ผมคิดว่ามันคือจุดอ่อน
ยังไง, มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ที่ผมจะตัดของแบบนั้นได้เพราะพละกำลังของเด็กเพียงอย่างเดียว

----ใช่, ผมไม่ได้รู้เลยจนถึงตอนนี้

ที่ว่าโลกเต็มไปด้วยเส้นเหล่านี้,  "เส้นแห่งการแตกสลาย" ที่เชื่อมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน

ไม่มีใครเห็นมัน
นั่นคือเหตุผลที่พวกนั้นยังปกติกันอยู่
แต่ผมสามารถเห็นพวกมัน
ผมกลัว... กลัวขนาดที่ว่า, แค่พูดผมยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ...
มันเหมือนกับว่า มีผมคนเดียวที่เป็นบ้าไป

บางที... คงเป็นเพราะแบบนั้นล่ะมั้ง?
ที่ทำไมแม้ว่าจะผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว, ก็ยังไม่มีใครเชื่อเรื่องของผมเลย
ที่ว่าแม้จะผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว, ก็ยังไม่มีใครมาเยี่ยมผมเลย

แม้ว่าจะผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว,
ผมก็ยังคงอยู่อย่างอ้างว้างในโลกที่เต็มไปด้วยรอยตะเข็บสีดำ...




ผมต้องออกไป... ผมไม่อยากที่จะอยู่ในห้องนี้ต่อไปอีกแล้ว
ผมไม่อยากจะอยู่ในสถานที่ ที่เต็มไปด้วยรอยตะเข็บอีกแล้ว,
นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผมถึงได้ตัดสินใจหนีออกนอกโรงพยาบาล, และวิ่งหนี, หนีไปยังสถานที่ๆ ไม่มีใครอยู่เลย

แต่บาดแผลที่อกของผมยังเจ็บอยู่, และผมไปได้ไม่ไกลมากนัก
นั่นเป็นตอนที่ผมเพิ่งรู้ตัว
ผมยืนอยู่ในทุ่งหญ้านอกเมือง... ผมไปได้ไม่ไกลจริงๆ นั่นล่ะ

"...... *แค่ก*"

ผมเจ็บหน้าอก... และผมรู้สึกเศร้า... ผมทรุดลงไปบนเข่าของผมและไอออกมา

*แค่ก * *แค่ก*

ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย
จมอยู่ในมหาสมุทรสีเขียวแห่งนี้ในตอนที่ฤดูร้อนได้จบลง,
ผมรู้สึกเหมือนตัวผมกำลังจะหายไป

แต่ก่อนที่จะเป็นแบบนั้น

"นี่ นาย มันอันตรายนะที่มานั่งอยู่ในที่แบบนี้"




ผมได้ยินเสียงผู้หญิงดังมาจากข้างหลัง

"เอ๊ะ.........?"
"นายหมายความว่ายังไง, 'เอ๊ะ'เหรอ? นายตัวก็เตี้ยอยู่แล้ว ชั้นจะไปเห็นนายได้ยังไงล่ะ ถ้านายนั่งอยู่ในกอหญ้าแบบนี้ นายเกือบจะโดนเตะแล้วนะ, ดังนั้นระวังหน่อยสิ "
เธอชี้มาที่ผมอย่างอารมณ์เสีย

...... ผมโกรธเล็กน้อย
ยังไงก็ตาม, ผมนั่งอยู่ในแถวที่สี่จากข้างหน้า ดังนั้นผมไม่คิดว่าผมตัวเตี้ยแน่นอน

"โดนเตะ? ใครเตะเหรอ?"
"ยังไม่ชัดเจนอีกรึไง, ไอ้เซ่อ? มีแค่นายกับชั้นเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้, ดังนั้นมันจะเป็นใครไปได้นอกจากชั้น?"
เธอกล่าวอย่างมั่นใจในขณะที่เธอกอดอกอยู่

"อืม, ชั้นคิดว่ามันคงเป็นโชคชะตาที่ทำให้เรามาเจอกันที่นี่, ถ้างั้นมาคุยกันซักพักดีไหม? ชั้นชื่ออาโอซากิ อาโอโกะ แล้วนายล่ะ?"
เธอยื่นมือมาหาผมเหมือนกับว่าเธอดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า
ผมคิดว่ามันไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธไป, ผมเลยบอกกับเธอไปว่าชื่อของผมคือโทวโนะ ชิกิ และจับมือเย็นๆ ของเธอเป็นการตอบกลับไป




การพูดคุยกับเธอนั้นเป็นอะไรที่สนุกมาก
ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนใจสิ่งที่ผมพูดเพียงเพราะผมเป็นแค่เด็ก
ในทางกลับกัน, เธอฟัง... เธอฟังในสิ่งที่ผมพูด, เหมือนกับเป็นเพื่อนกัน

พวกเราคุยกันในหลายๆ เรื่อง

เกี่ยวกับครอบครัวของผม ที่ว่ามันเป็นครอบครัวที่เก่าแก่และน่านับถือ แต่มาพร้อมกับความเข้มงวด, ประเภณีที่สืบต่อกันมา และพ่อที่เข้มงวดของผม
เกี่ยวกับน้องสาวของผม อากิฮะ... อากิฮะที่เงียบๆ ซึ่งเป็นคนที่คอยตามผมอยู่ตลอดเวลา
เกี่ยวกับคฤหาสน์และสวนอันกว้างใหญ่ของพวกเรา, และเรื่องที่ผมกับอากิฮะเล่นด้วยกันกับเพื่อนๆ ของพวกเรา

---ผมบอกเธอในหลายๆ เรื่องอย่างตื่นเต้น




"โอ๊ะ, ป่านนี้แล้วรึเนี่ย
โทษทีนะ,ชิกิ ชั้นมีธุระต้องทำน่ะ, ดังนั้นพอแค่นี้ก่อนนะ"
เธอลุกขึ้นแล้วจากไป
..... ผมรู้สึกแน่นหน้าอก, และรู้สึกเศร้า, ทึคิดว่าผมจะต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง

"ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ ชั้นจะรอเธออยู่ตรงนี้,โอเคนะ? เธอน่าจะกลับไปที่ห้องและฟังที่หมอพูด"
"โอ๊ะ... "
เธอพูดอย่างสบายๆ, อย่างเป็นธรรมชาติแบบนั้นในขณะที่เธอแยกจากไป

"...... ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ"
วันพรุ่งนี้, พวกเรายังสามารถคุยกันได้เหมือนอย่างที่เราทำในวันนี้
ผมมีความสุข
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีความรู้สึกอะไรบางอย่างจริงๆ ตั้งแต่ผมฟื้นจากอุบัติเหตุมา




ตั้งแต่วันนั้น, การไปที่ทุ่งหญ้าสีเขียวในตอนบ่ายได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผมไป
เธอจะโกรธ ถ้าผมไปเรียกเธอว่า "อาโอโกะ"
เพราะอะไรบางอย่าง, ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบชื่อของตัวเอง
หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่งแล้ว, ผมตัดสินใจแล้วว่าเธอเป็นคนที่พิเศษไปจากคนอื่น, ดังนั้นผมจะเรียกเธอว่า "อาจารย์"

อาจารย์จะฟังทุกอย่างที่ผมพูดอย่างจริงจัง, และช่วยปัดเป่าความกังวลใจในตัวของผมด้วยคำพูดเพียงคำเดียว, โดยไม่มีพลาดเลย
...... ผมซึมเศร้าจากอุบัติเหตุ, แต่มันได้หายไปอย่างช้าๆ, ต้องขอบคุณอาจารย์, ผมเริ่มกลับไปเป็นตัวเองเมื่อก่อนได้แล้ว
แม้แต่เส้นรอยขีดสีดำพวกนั้นก็ยังดูไม่น่ากลัวเท่าไรนัก ในตอนที่ผมได้คุยกับอาจารย์
ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใครหรือเธอมาจากไหน... บางทีเธออาจจะเป็นอาจารย์จริงๆก็เป็นได้

แต่ผมไม่ใส่ใจ, ยังไงมันก็ไม่สำคัญ
นั่นก็เพราะว่า, มันสนุกที่ได้อยู่ด้วยกันกับอาจารย์
ความโดดเดี่ยวนั่น, มันคือปัญหาทั้งหมด... และความโดดเดี่ยวนั่นมันก็มากเกินพอแล้ว

"นี่, อาจารย์ ดูนะครับว่าผมทำอะไรได้!"

ในวันหนึ่ง ผมอยากทำให้อาจาย์แปลกใจ, ดังนั้นจึงใช้มีดปอกผลไม้ที่ผมนำมาจากโรงพยาบาล, ผมได้ตัดต้นไม้ที่เติบโตขึ้นบนทุ่งหญ้า
เหมือนอย่างเคย, ผมลากมีดผ่านรอยขีด-ที่ดูเหมือนกับเส้น, และตัดผ่านโคนของมันได้อย่างแนบเนียน

"เยี่ยมใช่ไหมครับ? ผมสามารถตัดทุกอย่างได้สบายๆ, ตราบใดที่ผมยังมองเห็นรอยขีด ไม่มีใครทำได้แบบนี้ใช่ไหมครับ?"
"ชิกิ...!"

เธอตบหน้าผมหันไปอีกทาง




"อา...จารย์? "
"….. สิ่งที่เธอทำไปมันสิ้นคิดมากนะรู้ไหม"
อาจารย์จ้องผมอย่างแข็งกร้าวและทิ่มแทงเข้าไปในตัวผม

..... ผมไม่รู้ว่าทำไม
แต่ผมรู้ตัวแล้วว่าผมได้ทำอะไรที่ไม่ควรทำลงไป

ด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังของอาจารย์และความเจ็บปวดจากแก้มบริเวณเธอตบผม
ผมรู้สึกเศร้า, เศร้ามากๆ

"...... ผม... ขอโทษ"
ก่อนที่ผมจะรู้ตัว, ผมได้ร้องไห้ออกมา

"-----ชิกิ"

หลังจากนั้น, ความรู้สึกอ่อนโยน, และอบอุ่นได้ห้อมล้อมตัวผมไว้

"...... ไม่จำเป็นที่ต้องขอโทษหรอก
มันก็จริงที่ว่า สิ่งที่เธอทำไปนั้นมันนั่นทำให้ชั้นต้องโกรธเธอ, แต่นั่นมันไม่ใช่ความผิดของเธอแน่นอน"
อาจารย์ย่อตัวลงและกอดผมไว้

"แต่รู้ไหม, ถ้าไม่มีใครซักคนมาบอกเธอแบบนี้, ซักวันหนึ่งเธอจะทำความผิดที่เธอไม่สามารถนำมันกลับคืนมาได้อีกเป็นครั้งที่สอง
นั่นล่ะที่ทำไมชั้นถึงไม่ขอโทษ... เธอจะเกลียดชั้นเท่าไรก็ได้นะ, ถ้าเธอรู้สึกแบบนั้น"
"...... ไม่, ผมไม่เกลียดอาจารย์หรอกครับ"
"...... จริงเหรอ? ชั้นดีใจมากนะที่เธอรู้สึกอย่างนั้น... ชั้นคิดว่ามันคงเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราสองคนมาเจอกันแบบนี้ "

อาจารย์เริ่มถามเรื่องรอยขีดที่ผมเห็น
ผมได้บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องเส้น, เส้นหยักสีดำที่มีแต่ผมเท่านั้นที่เห็นมัน, อาจารย์กอดผมไว้แน่น

"...... ชิกิ, สิ่งที่เธอกำลังมองเห็นอยู่นั้นคือสิ่งที่ไม่ควรมองเห็น, ไม่ว่าโดยใคร, หรืออะไรก็ตาม
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีตัวตนอยู่จะมีจุดที่สามารถทำให้ถูกทำลายได้อย่างดาย พวกเรา, ซึ่งซักวันหนึ่งจะต้องตายไป, นั้นไม่สมบูรณ์แบบก็เพราะเหตุนี้
ดวงตาของเธอนั้นสามารถมองเห็นชะตากรรมของทุกสิ่งทุกอย่างได้... พูดอีกอย่างก็คือ, เธอสามารถมองเห็นอนาคตได้"

"...... เห็น...... อนาคต?"

"ใช่แล้วล่ะ เธอสามารถมองเห็นความตายได้
...... เธอไม่จำเป็นต้องรู้ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ
ถ้าวันหนึ่ง, เธอต้องจมลงไปในเส้นทางสายนั้น, ทุกอย่างจะกระจ่างขึ้นมาให้เธอเองราวกับว่านั่นเป็นสิ่งที่จำเป็น"

"...... อาจารย์ ผมไม่เข้าใจจริงๆ..."
"นั่นดีแล้วล่ะ, มันจำเป็นมากที่เธอต้องไม่เข้าใจมันในตอนนี้ เธอไม่จำเป็นต้องเข้าใจตอนนี้หรอก
สิ่งที่ชั้นอยากให้เธอเข้าใจคือเธอต้องไม่ตัดเส้นพวกนี้ตามอำเภอใจหรือตัดมันเล่นๆ,เข้าใจนะ?
---ถ้าเธอทำแบบนั้น, ดวงตาของเธอจะมองเห็นว่าของชีวิตของคนอื่นเป็นสิ่งเล็กน้อย, และนั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่มันจะเกิดขึ้นได้"
"...... เข้าใจแล้วครับ ผมจะไม่ทำครับถ้าอาจารย์พูดแบบนั้น อีกอย่าง, มันทำให้ผมเจ็บหน้าอกด้วย ...... ขอโทษครับ,อาจารย์ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว"
"...... ดีแล้วล่ะสำหรับเธอ, ชิกิ อย่าลืมความรู้สึกที่มีในวันนี้ไปซะล่ะ ถ้าเธอทำแบบนั้น ชั้นมั่นใจว่าเธอจะได้พบกับความสุขแน่นอน"

ในที่สุดอาจารย์ก็ปล่อยผมจากอ้อมกอด




"แต่อาจารย์ครับ, ผมกังวลที่ผมเห็นเส้นพวกนั้น
มันจะถูกตัดในทันทีที่ผมลากผ่าน,ใช่ไหมครับ?  ถ้าแบบนั้นมันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวผมจะขาดเป็นชิ้นๆ ตอนไหนก็ได้"
"เธอพูดถูก สุดท้ายชั้นจะช่วยเธอเรื่องนั้นเอง... ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ชั้นมาอยู่ที่นี่นะ"
อาจารย์ถอนหายใจ แล้วทำให้ผมพอใจด้วยรอยยิ้มที่น่าอบอุ่น

"ชิกิ, วันพรุ่งนี้ชั้นจะให้ของขวัญที่พิเศษมากกับเธอ ชั้นจะเอาชีวิตแบบเก่าของเธอคืนมาให้, ชีวิตแบบที่เธอเคยอยู่มาก่อนประสบอุบัติเหตุ"




วันต่อมา
เป็นวันที่เจ็ดพอดีหลังจากที่ผมได้เจอกับอาจารย์ เธอมาที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้พร้อมถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในมือข้างหนึ่ง

"เอ้านี่ ถ้าเธอใส่สิ่งนี้เอาไว้, รอยขีดแปลกๆพวกนั้นจะไม่ถูกมองเห็นอีกต่อไป"
สิ่งที่เธอให้กับผมคือแว่นตาอันหนึ่ง

"แต่สายตาของผมปกติดีนี่ครับ"
"ใส่มันไว้เถอะ เลนส์มันไม่ใช่เลนส์แว่นขยายหรืออะไรหรอก"
อาจารย์บังคับให้ผมใส่มัน
ในทันทีนั้นเอง---

"ว้าว! ไม่อยากจะเชื่อเลย! มันน่าอัศจรรย์มากครับ, อาจารย์! ผมมองไม่เห็นรอยขีดอีกต่อไปแล้ว แล้ว, ไม่เห็นทั้งหมดเลย!"
"ก็แน่สิ ชั้นต้องใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะกว่าจะขโมย 'ลบล้างเนตรอาคม' อันนี้มาจากพี่สาวของชั้น เพื่อจะทำให้มันเป็นผลงานชิ้นโบแดงของอาโอซากิ อาโอโกะคนนี้! ดังนั้นดูแลมันให้ดีๆล่ะ ไม่งั้นตาย, เข้าใจนะ?"
"ครับ! ผมจะดูแลรักษามันให้ดีที่สุด! ไม่น่าเชื่อเลยครับ, อาจารย์! อาจารย์ทำให้พวกเส้นน่ากลัวพวกนั้นหายไปได้เหมือนกับอย่างนั้นเลย! เหมือนกับเวทมนต์เลย!"

"แน่นอน, ก็ชั้นเป็นแม่มดนี่นา"

ยิ้มให้ผมอย่างภูมิใจ, อาจารย์วางกระเป๋าเดินทางของเธอลงบนพื้น

"แต่รู้ไว้นะ,ชิกิ เส้นพวกนี้มันไม่ได้หายไปหรอก เธอก็แค่มองไม่เห็นพวกมัน ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เธอถอดแว่นออก,เธอก็จะเห็นมันอีกครั้ง"
"----จริงเหรอครับ?"
"อืม มันเป็นสิ่งเดียวที่แก้ไม่ได้ ทางเลือกเดียวของเธอก็คือมีชีวิตอยู่และพยายามให้ดีที่สุดด้วยตาคู่ที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ "
"......... ไม่ ผมไม่อยากได้ดวงตาที่น่ากลัวแบบนี้ ถ้าผมตัดเส้นพวกนั้นอีกครั้ง มันก็จะจบลงที่ผมผิดสัญญาที่ให้ไว้กับอาจารย์สิครับ"
"โอ๊ะ, เธอหมายถึงเรื่องที่ว่าจะไม่ตัดเส้นอีกงั้นเหรอ? บ้าน่า, เธอจะทำลายสัญญาตอนไหนก็ได้ตามที่เธอต้องการ"
"...... จริงเหรอครับ? แต่อาจารย์พูดว่ามันเป็นอะไรที่ผมไม่ควรทำนี่ครับ"

"ใช่ มันเป็นแบบนั้น
แต่นั่นเป็นพรสวรรค์ของเธอ,ชิกิ เป็นเธอที่จะต้องใช้มันตามที่เธอเห็นว่าเหมาะสม ไม่มีใครนอกจากเธอที่จะตัดสินตัวเธอเองได้
แต่จากในบรรดาความสามารถทั้งหมดที่คน คนหนึ่งจะมีได้, ความสามารถของเธอหายากอย่างน่ากลัว
ถ้าเธอได้พลังแบบนี้มา, แสดงว่ามันต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่นอน ที่เธอได้มันมา
พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้มอบพลังให้พวกเราโดยไร้เหตุผลหรอกนะ
เธออาจพูดได้ว่าที่เธอได้รับ 'เนตรอาคมรับรู้ความตาย' มาเพราะว่าซักวันหนึ่ง, เวลาที่เธอต้องใช้มันจะมาถึง
นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องไม่ปฏิเสธการมีตัวตนอยู่ของมัน
อาจารย์ย่อตัวลงจนสายตาของเราอยู่ในระดับเดียวกัน




"แต่เธอรู้ไหม, เพราะอย่างนั้นล่ะเธอถึงต้องไม่ลืม
เธอเป็นคนดีและซื่อตรงมาก,ชิกิ
ตราบใดที่เธอยังเป็นแบบนี้อยู่, ดวงตาของเธอจะไม่มีวันพาเธอไปในทางที่ผิดอย่างแน่นอน"

"ยังไงก็ตาม, ชั้นไม่ได้บอกให้เธอเป็นนักบุญ
ที่ชั้นพูดไปทั้งหมดนั่นคือให้เธอซื่อตรงกับตัวเอง, และกลายเป็นผู้ชายที่ทำในสิ่งที่เธอคิดว่าถูกต้อง
ในเมื่อเธอยอมรับข้อผิดพลาดของตนเองและขอโทษได้, ชั้นรู้ว่าภายในสิบปี, เธอต้องกลายเป็นผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน"

นั่นได้ถูกพูดออกมา,
อาจารย์ยืนขึ้น, และหยิบกระเป๋าเดินทางของเธอ

"โอ๊ะ, แต่ชั้นต้องบอกไว้ก่อน, ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการที่คับขันจริงๆ, เธอไม่ควรถอดแว่นตาออก
พลังพิเศษจะดึงดูดพลังพิเศษอื่นให้เข้ามาใกล้
เธอต้องคิดให้ดีว่ามันไม่มีทางอื่นแล้วถึงค่อยถอดแว่นออก, หรือแม้แต่หลังจากนั้น, เธอก็ต้องคิดให้ดีว่าเธอจะใช้พลังของตัวเองยังไง
พลังนั้นไม่ได้ชั่วร้ายในตัวของมันเองหรอกนะ จะชั่วร้ายหรือไม่นั้นอยู่ที่หัวใจของผู้ที่ใช้มัน จะดีหรือร้าย, มันอยู่ที่ตัวเธอและเส้นทางที่เธอเลือกไป"

อาจารย์หยิบกระเป๋าเดินทางของเธอ

---อาจารย์ไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้น,
แต่ลึกลงไปแล้ว, ผมรู้แล้วว่าเราต้องจากกัน

"---มันเป็นไปไม่ได้ครับ,อาจารย์ ผมทำไม่ได้... ผมยังไม่เข้าใจตัวผมเองเลย
ความจริงก็คือ, ผมกลัวมากก่อนที่ได้เจอกับอาจารย์ ผมกลับเป็นตัวของผมเองได้,เพราะว่าอาจารย์อยู่กับผม...
...... ผมทำไม่ได้
ทำไม่ได้ถึงจะมีแว่นตาอันนี้, ถ้าอาจารย์ไป, ผมทำมันไม่ได้...!"

"อย่าพูดแบบนี้สิ, ชิกิ ถ้าหากเธอพูดคำโกหกที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่อาจเชื่อมันได้, เธอก็แค่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินเศร้าใจเท่านั้นล่ะ"
อาจารย์เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจและเอานิ้วจิ้มหน้าผากของผม

"---เธอรู้ได้ด้วยตัวเธอเองนี่, ใช่ไหม?
ตอนนี้เธอไม่เป็นไรแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าพูดอะไรโง่ๆ แล้วยอมแพ้ให้กับตัวตนของเธอที่ในที่สุดเธอก็ค้นพบ มีแค่เธอเท่านั้นที่จะเลือกเป็นตัวเธอได้, ไม่มีใครทำมันให้เธอได้หรอกนะ"

อาจารย์หันหลังไป

"เอ้อ, นี่คือการกล่าวลาล่ะนะ
ฟังนะ,ชิกิ ชีวิตน่ะมันไม่ง่ายเลยนะ; ชีวิตของทุกคนนั้นลำบาก, ยาวนาน, เป็นถนนที่ขรุขระ, เต็มไปด้วยกับดักและหลุมพรางมากมาย
เธอมีพลังมากกว่าคนอื่นๆเพื่อทำบางสิ่งบางอย่าง, ดังนั้นตั้งสติให้มั่นคง"
อาจารย์กำลังจะจากไป
ผมเศร้า, แต่ในเมื่อผมเป็นเพื่อนของอาจารย์, ดังนั้นผมต้องไปส่งเธอตามที่ควรจะเป็น

"ครับ ลาก่อนครับ, อาจารย์"
"ทำได้ดีมาก... นั่นดีแล้วล่ะ,ชิกิ จงมั่นใจแบบนั้น, แล้วใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงกับตนเอง
เมื่อเธอพบว่าตัวเธอกำลังเจอปัญหา, ทำใจให้สงบแล้วคิดอย่างรอบคอบ ตกลงนะ? ทางออกของปัญหาจะปรากฎขึ้นมาเองถ้าเธอพยายาม
มันจะต้องไม่เป็นอะไร เธอจะจัดการมันได้, แม้ด้วยตัวของเธอเองก็ตาม"
อาจารย์หัวเราะอย่างมีความสุข




สายลมได้พัดผ่านไป
ทุ่งหญ้าไหวไปมาพร้อมกัน
อาจารย์ได้จากไปแล้ว

"...... ลาก่อนครับ, อาจารย์"

หลังจากพูดแบบนั้น, ผมรู้สึกว่าผมจะไม่ได้เจอกับเธออีกจริงๆ
สิ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่คือคำพูดมากมายของเธอและแว่นตาลึกลับอันนี้
มันเป็นเวลาเพียงแค่เจ็ดวัน, แต่เธอได้สอนผมในสิ่งที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดๆ

ในขณะที่ผมลุกขึ้นยืนด้วยตัวผมเอง, ผมรู้สึกว่ามีน้ำซึมออกมาจากดวงตาของผม

---ผมมันโง่

ผมพูดได้แค่คำว่าลาก่อน
ผมยังไม่ได้พูดขอบคุณเธอเลยแม้แต่คำเดียว




หลังจากวันนั้นไม่นานนัก ผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล
ต่อมา, ผมไม่ได้กลับไปยังบ้านโทวโนะ, แต่ถูกนำไปอยู่กับญาติของผมแทน
แต่มันไม่เป็นไร
โทวโนะ ชิกิจะไม่เป็นอะไร, ด้วยตัวเขาเอง
ผมจะใช้ชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่ของผม

และแบบนั้น หน้าร้อนครั้งที่เก้าของโทวโนะ ชิกิได้จบลง
ฤดูใบร่วงได้มาถึง, และผมคิดว่าตัวผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม.....



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น