[Spoil] Chapter 1 (Part 12)

posted on 6/12/2563 12:58:00 ก่อนเที่ยง by VermillionEnd Categories:
Chapter 1 (Part 12) : วันรุ่งขึ้นหลังการต่อสู้จบลง

ฟุคิงามิ ชินจิลืมตาตื่นขึ้นมาจากความฝัน
เบื้องหน้ามีเด็กสาวสองคนรอเขาอยู่
อ๊ะ……”  “อ๊ะ……”
ฟุคิงามิคุง !”  “ชินจิคุง !”




โป๊ก !
ภาพแรกที่เด็กหนุ่มเห็นหลังลืมตาขึ้นคือเพื่อนร่วมชั้นกับรุ่นพี่เอาหัวโขกกัน
ตอนนี้ทั้งคู่กำลังกุมศีรษะด้วยความเจ็บ
เพราะไม่รู้ว่าเป็นสถานการณ์แบบไหน เขาเลยอึ้งไปพักหนึ่ง

คิกๆ……ทั้งสองคนจะเข้ามากอดน่ะ แต่ดันคิดเหมือนกัน ก็เลยหัวโขกกันเด็กสาวผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็กอธิบาย
“…………”
ดูจากตำแหน่งและคำอธิบายของมาโดกะแล้วก็พอเข้าใจได้ แต่ที่บอกว่าเข้ามากอดเนี่ยมันหมายความว่ายังไงกันนะ……?




เอ่อ เป็นห่วง เมื่อกี้เลยมองหน้าชินจิคุงด้วยกันสองคนน่ะรุ่นพี่บอกด้วยท่าทางเขินอาย
คุเรฮะกับรุ่นพี่อธิบายว่าพวกเธอกลับมากันก่อน การลืมตาตื่นเองก็ช่วยให้ออกจากความฝันได้เหมือนกัน คุเรฮะกลับมาทันทีหลังแยกกับเขา แล้วก็ตื่นมาเมื่อ 2-3 นาทีก่อน

แต่สำหรับฟุคิงามิคุงแล้วรู้สึกว่านานกว่านั้นสินะ ?”
เขาพยักหน้าตอบเพื่อนร่วมชั้น
ในความฝันเวลาจะไหลไปเร็วกว่าความเป็นจริง แต่ดูเหมือนการไหลของเวลาในส่วนลึกนั้นจะกลับกัน
ดูเหมือนการไหลของเวลาในส่วนลึกจะต่างกันออกไปน่ะคุเรฮะบอก
หลังลอดผ่านประตูนั้นไป ฉันก็ไม่สามารถสังเกตการณ์ได้แล้ว ……หลังจากนั้น……เป็นยังไงเหรอ ?” รุ่นพี่ถาม
โค่นโบดาชได้น่ะเด็กหนุ่มตอบไปแบบเรียบๆ




ยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ !”  “สุดยอดเลย !”
ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน แล้วก็




โป๊ก !
โอยย……”  “อูยย……” ทั้งคู่โอดครวญออกมาด้วยความเจ็บ
หวา ท่าทางจะเจ็บจริงๆนะนั่นมาโดกะยิ้มและมองดูอยู่ห่างๆ




เพราะภาพนั้น เขาเลยหัวเราะเล็กน้อย
ทั้งคู่เองก็หน้าแดงแล้วหัวเราะออกมาเช่นกัน

ชินจินึกได้ว่าต้องรีบกลับเลยลุกขึ้นยืน
ก่อนจะรู้สึกว่าร่างกายหนักแปลกๆ




อ๊ะ อย่าฝืนจะดีกว่านะรุ่นพี่มาโฮโระพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
รุ่นพี่บอกว่าต่อสู้ในความฝันรุนแรงซะขนาดนั้น จิตใจคงได้รับความเสียหายไม่น้อย และความเสียหายจากจิตใจคงส่งผลกระทบมาถึงร่างกายแน่นอน
ถ้าอย่างนั้นคิริโต้ไม่เป็นไรเหรอ
หลังเด็กหนุ่มเช็คดูเพื่อความสบายใจว่าแขนตัวเองยังอยู่ครบไหม ก็ถามออกไป
เธอน่าจะได้รับความเสียหายมากกว่าเขาแน่ๆ
ทว่า เพื่อนร่วมชั้นสาวกลับเพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ยอมตอบอะไรออกมา

คุเรฮะจังเองก็อย่าฝืนจะดีกว่านะ วันนี้หยุดเรียนไปเลยน่าจะดีกว่า รุ่นพี่แนะนำให้คุเรฮะหยุดเรียน
เพื่อนร่วมชั้นของเขาเองก็ยอมรับอย่างว่าง่าย ความเสียหายที่เธอได้รับคงจะสาหัสจริงๆ
ฟุคิงามิคุงเอง จะพักอยู่ที่นี่ก็ได้นะ จะเอายังไงเหรอ ?” เพื่อนร่วมชั้นสาวถามเขา
ชินจิปฏิเสธไปโดยบอกว่ายังไม่สาหัสถึงขนาดต้องหยุดเรียน
รุ่นพี่เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นอย่ากลับด้วยจักรยานจะดีกว่า เพราะในฝันเล่นสู้ซะจนแขนขากลายเป็นแบบนั้น
แขนกับขาเป็นอะไรเหรอ ?” คุเรฮะไม่เข้าใจเพราะตอนนั้นเธอไม่ได้อยู่ด้วย
รุ่นพี่เลยบอกว่าไว้เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง
ชินจิทำท่าจะเรียกแท็กซี่ แต่คุเรฮะบอกว่าเธอจะวานให้คุณพ่อขับรถไปส่งให้แทน

หลังคุยกันเสร็จคุเรฮะก็ล้มลงนอนบนเก้าอี้โยกทันที
ทางเขาเองก็รู้สึกแขนขาอ่อนปวกเปียกไม่มีแรงเช่นกัน
หลังเลิกเรียนคิดว่าคงหายดีระดับนึงแล้ว ไปดูสภาพโมริยาสุกันไหม หลังเวลาชมรมเลิกก็ได้
ก่อนแยกกัน คุเรฮะเอ่ยปากชวน
เขากับรุ่นพี่พยักหน้าตกลง




ชินจินั่งรถของพ่อคุเรฮะกลับมา
วันนี้เขากลับมาทันเวลาข้าวเช้าแบบเฉียดฉิว
ทีแรกคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทว่า

หืม เป็นอะไรเหรอ ทำข้าวหกตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว……”
คุณน้าถามเขาด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะไม่สบายอะไรรึเปล่า
เขาเองก็ไม่คิดจะปิดเรื่องซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สไว้ แต่ขืนเล่าเรื่องการต่อสู้ในความฝันออกไป คุณน้าคงไม่เชื่อแน่นอน
หมู่นี้กลับมาขี่จักรยานอีกครั้งน่ะครับ เลยปวดกล้ามเนื้อนิดหน่อย
สุดท้ายเด็กหนุ่มเลยตัดสินใจกลบเกลื่อนไปก่อน
พอคุณน้าได้ยินว่าเขากลับมาขี่จักรยานอีกครั้งก็สบายใจ




ฮัตสึเนะจังเองก็เป็นห่วงเขา
เขาบอกกับน้องสาวว่าถ้าแค่เดินช้าๆก็คงไหว
ก่อนจะนึกได้ว่าแบบนั้นเดี๋ยวจะพาลทำเอาน้องสาวสายไปด้วย เลยบอกให้เธอไปก่อน




ทว่า น้องสาวของเขากลับยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าจะไปโรงเรียนด้วยกัน ต่อให้ต้องสายก็ตามที
เป็นท่าทีที่ดูเวอร์ไปหน่อยสำหรับการเดินทางไปโรงเรียนตอนเช้า แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกดีใจ




อาการนี่เองก็เป็นผลกระทบจากการต่อสู้ในความฝันน่ะ
อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่บังคับให้เธอไปก่อนก็เพราะต้องการอธิบายให้เธอฟังแต่เนิ่นๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฮัตสึเนะจังก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
แต่วางใจได้ ตัดสินกับโมริยาสุเรียบร้อยแล้ว




ทว่า พอได้ฟังคำพูดต่อมา เธอก็ยิ้มอย่างโล่งอกในทันทีเช่นกัน
งะ……งั้นเหรอคะ……ถ้าอย่างนั้นเรื่องอันตรายก็จบลงแค่นี้สินะคะ ?”
พอเห็นแบบนั้นแล้ว เด็กหนุ่มก็รู้สึกผิดกับฮัตสึเนะจังที่กำลังดีใจ
ชินจิไม่อยากโกหกเธอ จึงบอกไปตามตรงว่าดูเหมือนจะมีปีศาจฆาตกรตนอื่นอยู่อีก




ฮัตสึเนะจังซึมลงไปทันตาเห็น
ยังไงก็เถอะ โค่นไอ้ตัวที่ฆ่า……เพื่อนร่วมชั้นได้แล้ว  เพราะแบบนั้นคิดว่ามีค่าพอที่จะทำนะ
เด็กหนุ่มลดเสียงลงบอกกับน้องสาว




อื้อ
แม้จะไม่ต้องการให้เขาเจอกับเรื่องอันตราย แต่เธอก็เลือกที่จะยิ้มให้

วันนี้หลังเลิกเรียน ทุกคนจะไปดูสภาพโมริยาสุด้วยกันอีกรอบน่ะ ฮัตสึเนะจังจะมาด้วยไหม ?”
โบดาชสีแดงสลายไปแล้ว ร้านฟอร์ซาคงไม่มีอันตรายแล้ว เขาเลยเอ่ยปากชวน
อ๊ะ ไปค่ะ หนูเองก็คาใจเหมือนกัน……” ฮัตสึเนะจังตอบตกลงทันที




สุดท้ายเขาก็มาทันเวลาเฉียดฉิว เปิดประตูห้องเรียนในตอนที่ครูขานชื่อเขาพอดี
ครูประจำชั้นยิ้มให้เขาแล้วบอกว่าจะถือว่าไม่สายละกัน
ไอซาวะ นักเลงของห้องเลยค้านว่าถ้าแบบนั้นตนที่เป็นชื่อแรกก็เสียเปรียบสิ
ครูสึคาดะเลยหัวเราะด้วยเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกเหมือนทุกครั้ง หัวเราะด้วยเสียงหัวเราะที่ถ้าฟังเฉยๆจะแยกไม่ออกว่ากำลังหัวเราะหรือร้องไห้ แล้วบอกว่าที่ผ่านมาชินจิทำตัวดีเลยอนุโลมให้
ไอซาวะไม่พอใจเท่าไร เลยยื่นขามาขวางทางเดินตอนที่เขากำลังเดินไปยังที่นั่ง        
แต่เขาก็ข้ามไปได้อย่างง่ายดาย
ชิ……” อีกฝ่ายเดาะลิ้น
ครูยังคงขานชื่อต่อไปเรื่อยๆ




วันนี้ที่นั่งของโทโนะยังคงว่างอยู่เช่นเคย
แม้เธอจะเพิ่งหายสาบสูญไปได้แค่ 5 วัน แต่เรื่องที่เธอไม่อยู่ก็กลายเป็นเหมือนเรื่องปกติไปแล้ว
ไม่มีใครใส่ใจ
เพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันอาจจะนึกเป็นห่วงอยู่ในใจก็เป็นได้ แต่ดูจากภายนอกแล้วก็เหมือนจะไม่ได้ใส่ใจอะไรเป็นพิเศษ
เห็นภาพแบบนั้นแล้ว เด็กหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่พวกตนทำนั้นมีความหมายแค่ไหนกัน
ไม่ว่าจะทำอะไร โทโนะก็ไม่มีวันกลับมา
และไม่เหมือนกับคดีที่ตำรวจจัดการ แม้จะคลี่คลายได้ ครอบครัวก็ไม่รู้สึกโล่งใจ พ่อแม่ของเธอคงไม่มีวันได้รับรู้ความจริงว่าลูกสาวถูกฆาตกรรม
ในชั่วโมงเรียน เด็กหนุ่มครุ่นคิดเรื่องเหล่านั้น
ครุ่นคิดถึงความหมายในการกระทำของซากุระโนะโมริดรีมเมอร์ส
แต่ก็ไม่พบคำตอบ




ชินจิคุง
ทันทีที่เลิกเรียน รุ่นพี่มาโฮโระก็มาหาเขา
นัดกันไว้หลังเวลาชมรมเลิกก็จริง แต่รุ่นพี่บอกว่าเธอเป็นห่วงคุเรฮะเลยมาชวนเขาไปดูอาการด้วยกัน
ชินจิตอบตกลงทันที
มีเสียงแซวมาจากนักเลงประจำห้องอย่างไอซาวะกับโชเฮย์ แต่ชินจิกับมาโฮโระก็ออกจากห้องเรียนไปโดยที่ไม่ได้ใส่ใจ

ขณะเดินบนระเบียงทางเดิน เขาถามรุ่นพี่ว่าโดดกิจกรรมชมรมไม่เป็นไรเหรอ เป็นชมรมกีฬาน่าจะเข้มงวด
รุ่นพี่เลยบอกว่านักเรียนปี 3 ต้องเตรียมตัวเรื่องเรียนต่อ ทางชมรมจึงไม่บังคับเรื่องเข้าร่วมกิจกรรม




เมื่อห่างออกมาจากโรงเรียน รุ่นพี่ก็ดูให้แน่ใจว่าไม่มีคนอยู่รอบๆ แล้วจึงพูดขึ้น
ที่ตายในความฝันน่ะ นั่นเป็นครั้งแรก
เพราะแบบนั้นยังไงก็เธอรู้สึกอดห่วงไม่ได้ ยิ่งคุเรฮะเป็นเด็กผู้หญิงเข้มแข็งที่ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาด้วย... รุ่นพี่บอก




หลังจากนั้นระหว่างทาง เขากับรุ่นพี่มาโฮโระก็คุยเรื่องคุเรฮะกัน
คุยกันว่าเธอคนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่เข้มแข็ง และแม้จะดูเข้าหายาก แต่ก็กลับเป็นคนสบายๆผิดคาด
มีด้านที่ดูเป็นเด็กผู้หญิงผิดคาดด้วยนะ เห็นแบบนั้นน่ะ……อ๊ะ ที่คุยกันนี่เป็นความลับนะ ?” รุ่นพี่ยิ้ม
เขาพยักหน้า

รุ่นพี่บอกว่าดีจริงๆที่ได้เขามาเป็น พวกพ้อง
เมื่อได้ยินคำนั้น ชินจิก็ครุ่นคิด
เขามีเพื่อนธรรมดาๆเหมือนคนทั่วไป มีครอบครัว มีเพื่อนที่อายุมากกว่าและแปลกคนเล็กน้อย แล้วถึงจะเป็นวิญญาณ แต่เขาก็มีแฟน
แต่สิ่งที่เรียกว่าพวกพ้อง พวกพ้องซึ่งรวมตัวกันเพื่อเป้าหมายบางอย่างนี่ เขาเคยมีมาก่อนรึเปล่านะ
เด็กหนุ่มรู้สึกดีใจเล็กน้อยกับความแปลกใหม่นั้น




เขากับรุ่นพี่มาโฮโระเดินมาถึงบ้านของคุเรฮะ เจอปู่ของคุเรฮะยืนอยู่
ปู่บอกว่าพอดีเลย เจ้าตัวหายดีแล้วและกำลังบ่นอยู่ว่าเบื่อเลยด้วย
รุ่นพี่ได้ยินเช่นนั้นจึงวางใจเล็กน้อย




อ๊ะ มาซะที
นั่นเป็นคำแรกที่เพื่อนร่วมชั้นของเขาพูดเมื่อเจอหน้ากัน ดูเหมือนเธอจะแข็งแรงดีแล้ว และกำลังเบื่ออย่างที่ปู่พูดจริงๆ
มาซะทีอะไรกันน่ะ นี่มาทันทีหลังคาบสุดท้ายเลิกเลยนะ ?” รุ่นพี่แย้งด้วยท่าทางเอ็นดู
เบื่อจนไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วน่ะคุเรฮะบ่น

หลังจากนั้น เพราะสมาชิกมารวมตัวกันครบแล้วจึงพูดเรื่องการต่อสู้ในความฝันเมื่อคืน
ปู่บอกว่ารู้เรื่องเมื่อคืนแล้ว ถึงคุเรฮะจะพยายามเงียบไว้ แต่ดูก็รู้ทันที




ถ้าให้พูดตรงๆ ชั้นอยากจะให้พอแค่นี้น่ะปู่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ทั้งชินจิ ทั้งคุเรฮะ ทั้งรุ่นพี่ ตกใจกับคำพูดของปู่
คุเรฮะรีบแย้งทันที
ปู่เลยบอกว่าบาดแผลทางจิตใจสังเกตได้ยาก ดูเผินๆเหมือนหายดีแล้ว แต่ลึกๆเป็นยังไงไม่มีใครรู้ ในอดีตเคยมีกรณีที่ได้รับความเสียหายจากการต่อสู้ในความฝันแล้วนิสัยเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลยด้วย
ถึงอย่างนั้นคุเรฮะก็ยืนกรานที่จะสู้ต่อไป แล้วยังหันมาถามความเห็นจากเขาด้วย
เด็กหนุ่มเองก็เห็นด้วยกับเพื่อนร่วมชั้นสาว
ปู่เลยยอมแพ้ เพราะรู้นิสัยหลานตัวเองดีว่าถ้าตัดสินใจอะไรไปครั้งนึงแล้วจะไม่ยอมเลิกง่ายๆ แต่ก็ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าครั้งหน้าถ้าหากตายในความฝันต้องถอยทันที ห้ามสู้ต่อแบบคราวนี้
จากนั้นปู่ก็ย้ำว่าซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สไม่ใช่ฮีโร่หรืออะไร เป็นแค่เด็กนักเรียนที่มารวมตัวกันเพราะต้องการปกป้องเมืองที่ตนเองรักเท่านั้น
เพื่อนร่วมชั้นของเขาฟังแล้วก็พยักหน้ารับคำ พร้อมบอกว่าเธอจะไม่ตายอีกแล้ว

ฟังจากหลานแล้ว ดูเหมือนเธอจะแข็งแกร่งพอตัวเลยนะ
เมื่อคุยกับคุเรฮะจบ ปู่ก็หันมาพูดกับชินจิ
“…………”
เขาไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี
ฝากคุเรฮะด้วยนะ
ปู่พูด
ครับ
เด็กหนุ่มรับคำ




หลังจากนั้นปู่ก็ออกไปเล่นโกะกับเพื่อน ส่วนเขา คุเรฮะและรุ่นพี่ก็คุยกันถึงเรื่องการต่อสู้เมื่อคืน
ดูเหมือนการที่โบดาชสีแดงกินวิญญาณนั้นจะเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีที่วิญญาณโดนกินเละจนไม่เหลือเค้าเดิมและส่งกลิ่นเหม็นเน่านั้น พวกเธอก็ไม่เคยเจอมาก่อนเช่นกัน
คุเรฮะบอกว่ากรณีของโมริยาสุอาจเป็นกรณีพิเศษก็เป็นได้ แข็งแกร่งผิดคาด แล้วยังบ้าเปลี่ยนแปลงร่างกายของตัวเองเกินไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลังด้วย

จะว่าไป ก็คิดอยู่หรอกว่าที่บอกว่าพัดเป็นอาวุธเนี่ยหมายความว่ายังไง ตอนนั้นกลายเป็นเหมือนดาบเลยนะ
พอพูดเรื่องเปลี่ยนแปลงร่างกายของตัวเอง ชินจิเลยนึกถึงพัดของคุเรฮะที่ช่วยเขาไว้จากโมริยาสุ
ตอนนั้นถ้าไม่มีเธอ เขาคงแย่แล้ว
ใช่แล้วล่ะ แถมยังต่างจากดาบญี่ปุ่นทั่วไป ตัดได้ทุกอย่างเลยนะ ถึงจะแค่ในความฝันก็เถอะ
คุเรฮะกล่าวอย่างภูมิใจ




พูดถึงเรื่องบ้า ชินจิคุงนั่นล่ะไม่เป็นไรแล้วเหรอ ?” รุ่นพี่ถามเขา
อื~……” เด็กหนุ่มได้แต่ตอบไปแบบคลุมเครือ
อ๊ะ จะว่าไปเมื่อเช้าเห็นพูดกันสินะ ว่าแขนขาเป็นอะไร……เรื่องอะไรกันเหรอเพื่อนร่วมชั้นสาวเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อเช้าคุยกันค้างไว้
ฟังแล้วจะตกใจรุ่นพี่บอกด้วยน้ำเสียงเอือมระอา

แล้วพอเธออธิบาย เพื่อนร่วมชั้นของเขาก็ต้องตกใจสุดๆอย่างที่ว่าจริงๆ
ทำเรื่องแบบนั้นเหรอ ?  ตอนแรกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอไง……ว่าเปลี่ยนแปลงร่างกายตัวเองเกินไปมันไม่ดี……”
อืม……แต่ตอนนั้นมันนึกวิธีอื่นไม่ออกนี่นา
ตอนที่โมริยาสุถือมีดมาไล่ล่าเขาในร้าน เขายืดขาให้ยาวออกเหมือนเสาเต็นท์แล้วไปเกาะอยู่บนเพดาน โชคดีที่โมริยาสุมองไม่เห็นขาข้างหนึ่งที่อยู่ตรงมุมห้องนั่น
คุเรฮะถอนหายใจด้วยท่าทีเอือมระอา แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรมากไปกว่านั้น เธอเดินเข้ามาจับแขนเขาแล้วพูดขึ้น
แล้วไม่เป็นไรแล้วเหรอ
น่าจะนะ ความรู้สึกเริ่มกลับมาแล้วด้วยเขาตอบไป
ถ้างั้นก็ดีแล้ว




แต่ไม่ได้มีแค่นั้นนะ……ไอ้นั่นน่ะ ตกใจจริงๆนะ……” รุ่นพี่พูดต่อ
“……ยังมีอีกเหรอ แล้วไอ้นั่นที่ว่าคืออะไรน่ะ……?” เพื่อนร่วมชั้นสาวถาม
แขนขวาน่ะรุ่นพี่บอก
อ๊ะ……ใช่  ตอนที่ชั้นกลับมาก็…… นั่นโดนโมริยาสุเล่นงานสินะ
คุเรฮะเพิ่งนึกได้ เมื่อคืนตอนเธอกลับมาอีกรอบ แขนขวาของชินจิก็ไม่อยู่แล้ว
รุ่นพี่เงียบไป
“? เอ๊ะ ไม่ใช่เหรอ ?” คุเรฮะสงสัย
“……ชินจิคุงบอกเองเถอะ ฉัน……แค่พูดก็รู้สึกกลัวแล้วน่ะรุ่นพี่พูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอาสุดๆ
คราวนี้เขาเลยต้องเป็นคนอธิบายเอง
แล้วเพื่อนร่วมชั้นของเขาก็ต้องตกใจสุดขีดอีกรอบ




ตกใจเลยล่ะ……ปกติทำขนาดนั้นไม่ได้หรอก……จริงๆนะ
ในคำพูดของคุเรฮะมีอาการตกใจกับความรู้สึกชื่นชมปนเปกันอยู่
เธอบอกว่าสำหรับการต่อสู้ครั้งแรกแล้วถือว่าชินจิแข็งแกร่งมาก และความแข็งแกร่งในความฝันก็มาจากความเข้มแข็งของจิตใจ ชินจิคงจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งมาก
รุ่นพี่มาโฮโระเองก็เห็นด้วย เธอรู้สึกว่าโชคดีจริงๆที่ได้เขามาเป็นพวกพ้อง
เด็กสาวทั้งสองเอ่ยคำชมนั้นจากใจจริง

ทว่า เด็กหนุ่มกลับคิดต่างกันออกไป
ไม่ใช่ความแข็งแกร่ง แต่เหมือนกับเป็นการละทิ้งตนเองซะมากกว่า
หลังจากการตายของมาโดกะ ตัวเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เหมือนกับตายไปแล้วรอบหนึ่งด้วย เพราะแบบนั้นเลยรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้าขนาดไหนก็ทำได้

ชั้นคิดว่าดีจริงๆที่ได้ทั้งสองคนมาเป็นพวกพ้อง
ชินจิตัดสินใจเลิกคิดเรื่องนั้น แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“……มีอะไรเหรอ จู่ๆก็ ?” คุเรฮะแปลกใจ

อืม……คงเป็นเพราะได้ต่อสู้ร่วมกัน เลยรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาน่ะ
ที่เมื่อกี้บอกคุณปู่ว่าไม่อยากให้จบแค่นี้เอง ก็ไม่ใช่แค่เพราะความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่เพียงอย่างเดียว……เป็นเพราะคิดว่าหลังจากนี้เองก็อยากจะเป็นพวกพ้องกันต่อไปด้วยน่ะ
เพราะแบบนั้น หลังจากนี้เองก็ขอฝากตัวด้วยนะ
เด็กหนุ่มพูดคำพูดที่หากลองมาย้อนคิดดูภายหลังคงจะรู้สึกอาย ออกไปได้อย่างไม่ลังเล




ทางนี้เองก็เช่นกัน”  “ฝากด้วยนะ
ทั้งคู่ยิ้มแล้วพูดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
พร้อมกับยื่นมือออกมาข้างหน้าพร้อมกัน
ก่อนจะ




อูยย……เล็บ”  “อูยย……เล็บ
นิ้วของคุเรฮะกับรุ่นพี่ชนกัน
“? ทำอะไรอยู่เหรอ ?” เขาไม่เข้าใจเลยถามออกไป




ทั้งคู่หน้าแดงแล้วบอกว่าเพราะเห็นมีมืออยู่ตรงหน้าก็เลยยื่นมือออกไป
ได้ยินดังนั้นเขาเลยลดสายตามองลงบนโต๊ะ แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนวางแขนขวาไว้บนโต๊ะพอดี
พวกเธอคงอยากจะซ้อนมือกัน
มาพยายามด้วยกันเถอะเด็กหนุ่มพูดพร้อมยื่นมือออกไป




อื้ม”  “อื้อเด็กสาวทั้งสองยิ้มและยื่นมือออกมาเช่นกัน
ฟุคิงามิ ชินจิ, คิริโต้ คุเรฮะ และชิซุมิยะ มาโฮโระ สมาชิกซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สทั้งสามคนได้วางมือซ้อนกัน




หลังจากนั้นพอถึงเวลานัดก็มารวมตัวกับฮัตสึเนะจัง
สวัสดีค่ะฮัตสึเนะจังเอ่ยทักทายนักเรียนรุ่นพี่ทั้งสอง
คุเรฮะทักทายตอบแล้วก็เล่าวีรกรรมของชินจิให้ฟังอย่างกระตือรือร้น
น้องสาวของเขาฟังแล้วก็มีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย คงเป็นเพราะเป็นห่วงเขา

นี่เองก็เป็นพรสวรรค์แบบหนึ่งสิน้า ถ้าเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายเหมือนกีฬาก็คงดีหรอก เหมือนอย่างเบสบอลตอนฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนไงรุ่นพี่มาโฮโระเองก็พูดถึงเขาในแง่ดี
นั่นสินะ ไม่เหมือนกับกีฬาลูกบอล ไม่มีใครรับรู้……แต่ว่าพวกฉันรู้นะ เพราะแบบนั้นฮัตสึเนะจังภูมิใจได้เลย เรื่องพี่ชายน่ะคุเรฮะพูดด้วยรอยยิ้ม




ขะ……ค่ะ ฮัตสึเนะจังพยักหน้าด้วยท่าทางดีใจ
น้องสาวของเขาแสดงท่าทางดีใจออกมาราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง




พวกชินจิเดินมาจนถึงร้านฟอร์ซา ซากุระโนะโมริ
บรรยากาศหน้าร้านเงียบสนิท
ทว่า ป้ายตรงประตูกลับแขวนไว้ว่าเปิดอยู่
คุเรฮะเลยเดินนำเข้าไป




พอเปิดประตูเข้ามาในร้าน กลิ่นเหม็นรุนแรงก็ลอยมาเตะจมูกทันที
ไม่สิ ควรจะบอกว่าในร้านเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นรุนแรงมากกว่า
แปลก ศพของโทโนะน่าจะกลายเป็นโบดาชสีฟ้าแล้วหายไปแน่ๆ
ถ้าอย่างนั้นตัวตนของกลิ่นเน่านี่มันคืออะไรกัน เด็กหนุ่มรู้สึกข้องใจ

ภายในร้านว่างโล่งไม่มีคน
ในตอนที่ชินจิคิดจะเดินไปดูห้องครัวนั้นเอง




ในตอนนั้น ชายในชุดขาวได้เดินออกมาจากที่นั่น
โมริยาสุ อาคิโอะ !
พวกชินจิตั้งท่าระมัดระวังตัวทันที
ทว่า

การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายกลับดูแปลกๆ
เป็นการเดินที่ควรจะเรียกว่ากระโดดมาข้างหน้าทีละน้อยเรื่อยๆมากกว่า
อีกฝ่ายพยายามเข้ามาใกล้ แต่เพราะการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้ดั่งใจนั้น เลยมาได้ไม่ไกลเท่าไร
นั่นคงจะเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงรูปร่างตนเองในความฝันจนเกินไป

ในที่สุดพอเชฟชุดขาวดั้นด้นมาอยู่ตรงหน้าพวกชินจิได้ ก็พยายามหยุดจนตัวเซไปมา
ปะ เป็นอะไรรึเปล่าครับ……?” ชินจิลองถามออกไป
ยะ……ยะ ยะ ยะ……ยิ ยิน ยินดีท้อนล้าบ ยิ ยิงดี……ท้อนร๊าบ !”
เสียงที่เปล่งออกมาจากปากของเชฟนั้นแหลมสูงและยากที่จะฟังให้เป็นภาษาคนได้
เรียกรถพยาบาลจะดีกว่ารึเปล่านะเด็กหนุ่มถอยห่างออกไป 2-3 ก้าวแล้วถามสามคนที่อยู่ข้างหลัง
นะ นั่นสินะรุ่นพี่มาโฮโระพูดขึ้นแม้จะตกใจ

ตอนนั้นเอง เพราะถูกท่าทางแปลกๆนั่นดึงความสนใจไปชั่วขณะ เขาเลยเพิ่งสังเกตเห็น
กลิ่นเหม็นรุนแรงในร้านแรงขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายปรากฏตัวออกมา
เด็กหนุ่มสังเกตพิจารณาร่างกายของอีกฝ่าย
ชายตรงหน้ายังส่งเสียงแปลกๆออกมาไม่หยุด
แขนสองข้างห้อยต่องแต่งไร้เรี่ยวแรง ขาเองก็เหมือนจะไม่มีแรง
ที่เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนสีน้ำตาลเป็นแห่งๆ
ดูแล้วรอยเปื้อนนั่นไม่น่าจะใช่ซอส แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ถ้าเปื้อนเยอะขนาดนี้ปกติคงจะเปลี่ยนเสื้อไปแล้ว
ผิวหนังเองก็มีสีคล้ำเหมือนดิน
และสุดท้าย กลิ่นเหม็นรุนแรงที่โชยออกมานี้ ไม่ใช่กลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นตัว แต่มันเหมือนกับ กลิ่นเน่า




นี่ ชินจิ ดูนั่นสิ
มาโดกะชี้ไปบนพื้น
ตรงนั้นมีรอยเปียกอยู่
นั่นเป็นรอยทางที่โมริยาสุเดินน่ะเธอบอก
เขาหันกลับไปมองโมริยาสุใหม่อีกรอบทันที
เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้เปียกอยู่ และรอยเปื้อนบริเวณเท้าก็เลอะหนักกว่าเสื้อผ้าส่วนอื่นมาก

ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังครุ่นคิดนั้นเอง ก็มีเสียงกระดิ่งดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตู
ชายใส่สูทสองคนเดินเข้ามา ก่อนจะตกใจกับกลิ่นเหม็นรุนแรงนี่เช่นเดียวกับพวกเขา
ทั้งสองเดินมาหยุดตรงหน้าโมริยาสุ




อุ๊บ……แกอาบน้ำบ้างรึเปล่าเนี่ย……?” ชายอายุน้อยกว่าพูด
อย่าพูดอะไรไม่จำเป็นชายผู้อาวุโสกว่าตำหนิชายอายุน้อย แล้วหันไปหาโมริยาสุ
คุณโมริยาสุสินะครับ พวกเราเป็นอะไรแบบที่เขียนไว้ตามนี้น่ะครับ
ชายผู้อาวุโสกว่าโชว์สมุดสีดำเล่มเล็กๆที่เหมือนกับสมุดประจำตัวของตำรวจ
คงจะเป็นตำรวจที่มาสอบปากคำโมริยาสุตามที่ปู่ของคุเรฮะบอกไว้เมื่อวันก่อน
โทษทีนะครับที่มารบกวนขณะทำงาน……รบกวนช่วยมาด้วยกันหน่อยได้ไหมครับ ?  มีอะไรอยากจะสอบถามเล็กน้อย……” ตำรวจพูดต่อ
โมริยาสุไอออกมาอย่างรุนแรง
“…………เป็นหวัดเหรอครับ ?”
เฮ้ย แก ฟังอยู่รึเปล่า ?” ตำรวจอายุน้อยกว่าเริ่มหงุดหงิด
เอาน่าๆ ……แล้วว่ายังไงครับ แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับความสมัครใจครับ แต่ถ้าช่วยกรุณามาด้วยกันจะมีเรื่องยุ่งยากน้อยกว่าน่ะนะครับ……”
ตำรวจผู้อาวุโสกว่าปรามรุ่นน้อง แล้วกลับไปพูดกับโมริยาสุ คำพูดของเขาแม้จะสุภาพ แต่ท่าทางนั้นให้ความรู้สึกกดดันอีกฝ่าย

เอ่อ~……เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเหรอ
พอตำรวจผู้อาวุโสกว่าเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาก็เลยหันมาถามพวกชินจิแทน
เด็กหนุ่มพยักหน้า
ตอนนั้นเอง
แค่มองมาทางนี้มันจะตายเหรอไงวะ ?” ตำรวจอายุน้อยกว่าจะกระชากคอโมริยาสุ
ไอ้บ้า อย่าลงมือ……!” ตำรวจผู้อาวุโสกว่าตกใจแล้วรีบห้ามทันที
ทว่า ช้าไปแล้ว มือของตำรวจอายุน้อยกว่าได้กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายไปแล้ว
อะ……!?  เหวออออ !?”
ตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความตกใจของตำรวจอารมณ์ร้อน
อุ……!” ตำรวจผู้มากประสบการณ์กว่าเองก็ตกใจเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ตำรวจสองคนตกใจได้ขนาดนั้น พวกเขาบังร่างของโมริยาสุอยู่ ชินจิเลยมองไม่ถนัด

ตะ ตา……เหวอ……ลูกตามัน……ร่วงลงมา……เหวอ……” ตำรวจอายุน้อยกว่าพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจ
เด็กหนุ่มชะโงกศีรษะมองข้ามไหล่ตำรวจไปยังใบหน้าของเชฟชุดขาว
ก่อนจะถอยออกมา แล้วบอกเด็กสาว 3 คนที่อยู่ข้างหลังว่า
อย่าดูเลย ออกจากร้านไปจะดีกว่า
อะ อื้อ ไปกันเถอะคุเรฮะเดินนำรุ่นพี่กับฮัตสึเนะจังออกไป
ในร้านเหลือเพียงเขา, ตำรวจสองคน และชายชื่อโมริยาสุ อาคิโอะ




ตัวเลือกที่ 1) ตนก็ออกไปด้วย
ตัวเลือกที่ 2) อยู่ที่นี่ต่อไป

ชินจิตัดสินใจอยู่ในร้านต่อ
ตำรวจหนุ่มตกใจจนล้มก้นกระแทกพื้น แล้วก็ถอยกรูดไปในท่านั้น
ชินจิ จะเอายังไงเหรอมาโดกะถามเขา
ต้องอยู่ดูวาระสุดท้ายเด็กหนุ่มบอกกับเด็กสาว
คิดว่าอย่าดูจะดีกว่านะ……” เพื่อนสมัยเด็กของเขาบอก




ชินจิสังเกตดูใบหน้าของเชฟชุดขาว
เบ้าตาทั้งสองบนใบหน้านั้นกลวงโบ๋
มีลูกตาห้อยต่องแต่งลงมาถึงบริเวณคาง
โมริยาสุไอออกมาอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายนั้นเน่าเฟะไปแล้ว
การที่กลิ่นเน่าในร้านแรงขึ้นตอนอีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาก็เพราะเหตุนั้น
ผ่านไปสักพัก

ตูม !
ร่างกายของโมริยาสุ อาคิโอะทรุดลงมาในคราวเดียว
ส่วนต่างๆที่ยึดอวัยวะไว้ละลายหายไปพร้อมกัน ร่างนั้นจึงสลายกลายเป็นเพียงกองก้อนเนื้อ
ในเวลาเดียวกันของเหลวสีน้ำตาลก็ไหลนองออกมา
สิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังไงก็จินตนาการไม่ได้ว่าเคยมีรูปร่างเป็นมนุษย์มาจนถึงเมื่อครู่
นี่คือวาระสุดท้ายของมนุษย์ที่ถูกโบดาชกินวิญญาณจนหมดสิ้น

ชินจิหันหลังกลับและก้าวเท้าเดินไปยังประตูทางออก
อ๊ะ……เธอ……?” ตำรวจผู้อาวุโสกว่าเรียกเขา
ครับ ?”
“………… เปล่า……โทษที สับสนนิดหน่อยน่ะ……เลยเผลอเรียกทั้งที่ไม่มีเหตุผลอะไร……”
“…………”
เด็กหนุ่มเดินออกจากร้านฟอร์ซา ซากุระโนะโมริไป




พวกคุเรฮะรอเขาอยู่นอกร้าน
อ๊ะ……ฟุคิงามิคุง เป็นยังไงบ้างเหรอเพื่อนร่วมชั้นสาวถามเขา
ทั้งสามคนมีท่าทางไม่สบายใจ
อืม……โมริยาสุ……ตายแล้วน่ะ
“……งั้นเหรอ……”
ความจริงคำว่า ตายตั้งแต่แรกแล้วอาจจะถูกต้องกว่าก็เป็นได้
เป็นแค่การคาดเดาของเขา แต่ร่างของโมริยาสุคงจะเริ่มเน่ามาตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้ว……
สิ่งที่หนอนแมลงจำนวนมากกำลังกัดกินอยู่ไม่ใช่ศพของโทโนะ แต่เป็นตัวโมริยาสุเอง

กลับกันเถอะ จะไปส่งที่ป้ายรถเมล์ชินจิบอกกับคุเรฮะและรุ่นพี่




“……แบบนี้ดีแล้วสินะ
เพื่อนร่วมชั้นของเขาเอ่ยขึ้น
ความผิดที่โมริยาสุก่อ กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะแบบนั้นพวกชั้นถึงต้องออกโรง……แต่ถึงจะเป็นพวกชั้นก็ทำอะไรในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้……”
เธอพูดต่อ
แต่ความผิด ยังไงก็ต้องชดใช้ชั้นคิดแบบนั้น
หลังพูดจบ เด็กสาวก็หลับตาลง

ปัญหาคือใครจะเป็นคนลงโทษการกระทำนั้น……สินะ……”
รุ่นพี่มาโฮโระพูดขึ้น
ทั้งคุเรฮะ ทั้งรุ่นพี่ต่างจมอยู่ในความเงียบ
ดูเหมือนเรื่องที่พูดจะมีความหมายพิเศษบางอย่างกับพวกเธอทั้งคู่
แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม
เขาเพียงบอกลาและแยกกับพวกเธอตรงนั้น




ฟุคิงามิ ชินจิเดินกลับบ้านด้วยกันกับฟุคิงามิ ฮัตสึเนะ
“……ไหวรึเปล่าคะ พี่……หน้าซีดมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว……”
ฮัตสึเนะจังถามเขาด้วยความเป็นห่วง
เขาพยักหน้าตอบเล็กน้อย

หนูจะไม่ห้ามพี่แล้วค่ะ……ขอแค่อย่าฝืนเลยนะคะ……?”
เธอผู้เป็นน้องสาวขอร้องเขา
ขอบคุณนะ
เด็กหนุ่มตอบกลับไป



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น