[Spoil] Chapter 1 (Part 8)

posted on 6/08/2563 01:26:00 ก่อนเที่ยง by VermillionEnd Categories:
Chapter 1 (Part 8) : ตามล่าหาตัวฆาตกร -ครึ่งหลัง-

อึก……อา……!!”
ฟุคิงามิ ชินจิเซจนเกือบล้ม

ฟุคิงามิคุง……?” เพื่อนร่วมชั้นสาวเรียกเขาด้วยความเป็นห่วง
“……เป็นอะไรไปเหรอ……?  จู่ๆก็หน้าซีด……เหงื่อแตกพลั่กเลยด้วยน้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
เหมือนจะเป็นเวลาที่ยาวนาน แต่จริงๆแล้วคงผ่านไปไม่ถึง 10 วินาที
ชินจิใช้มือกดตรงช่องท้องไว้ด้วยความเจ็บปวด

“……เจ็บงั้นเหรอคุเรฮะถามด้วยสีหน้ากังวล
“……อา เจ็บ……แต่ว่าความเจ็บปวดแค่นี้น่ะ……”
สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ภาพลวงตา มันเทียบกับความเจ็บปวดที่โทโนะได้รับจริงๆไม่ได้เลย เด็กหนุ่มคิดอยู่ในใจ
“???” เด็กสาวมองเขาด้วยสีหน้าเหมือนกับไม่เข้าใจ

โทโนะ……
เด็กหนุ่มนึกถึงเพื่อนร่วมชั้นผู้ล่วงลับ แล้วจึงเอ่ยปากบอกพวกพ้องตรงหน้าด้วยเสียงที่เบาราวกับกระซิบว่า




คนที่ฆ่าโทโนะคือเชฟร้านนี้
เอ๊ะ……” เด็กสาวตกใจกับคำพูดนั้น

ในตอนนั้นเอง
ร้านนี้คิดจะเอาแมลงมาให้ลูกค้ากินเหรอไง คนรับผิดชอบออกมาซะ !!”
เสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดของลูกค้าผู้ชายดังไปทั่วร้าน
ชายในชุดขาวได้ยินเสียงนั้นจึงเดินออกมาจากห้องครัว

แกคือผู้รับผิดชอบสินะ !?  หืม ?” ลูกค้าเตรียมปลดปล่อยอารมณ์โกรธออกมาเต็มที่
แต่พอมองเข้าไปที่ใบหน้าของเชฟแล้วกลับแสดงอาการหวาดกลัวออกมาแทน

จะว่าไป หนอนงั้นเหรอ ชินจิคิด
ตอนนี้โมริยาสุกำลังหันหลังให้เขาพอดี
เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงขยับตัวทันที
เดี่ยวสิ……จะไปไหนน่ะ ?” เพื่อนร่วมชั้นสาวที่ตามสถานการณ์ไม่ทันถามด้วยความตกใจ




อาจเป็นเพราะตอนนี้ในร้านกำลังวุ่นวายกันอยู่ เขาเลยเดินเข้ามาในครัวได้ง่ายๆ
เอ่อ กำลังทำอะไรอยู่เหรอคุเรฮะที่ตามเข้ามาถาม
บางทีศพของโทโนะอาจจะซ่อนอยู่ที่นี่ เขาตอบ
หา……?” เธอตกใจทั้งที่ยังงงๆอยู่
หนอนแมลงเมื่อกี้นี้ไงชินจิบอกแล้วจึงเริ่มมองหาที่ๆน่าจะใช้ซ่อนศพได้ทันที

ห้องครัวเต็มไปด้วยหนอนแมลง
แต่ก็ไม่เจอของที่ใหญ่พอที่จะยัดคนทั้งคนลงไปได้
ไม่สิ !  การที่คิดว่าศพของโทโนะยังอยู่ในสภาพเดิมมันผิดตั้งแต่แรกแล้ว
ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น จู่ๆก็มีเรี่ยวแรงมหาศาลมาจับเข้าที่ไหล่




กำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือครับ……?” เชฟโมริยาสุที่ยืนอยู่ข้างหลังถาม
โมริยาสุ…” เด็กหนุ่มเพียงพูดชื่อของอีกฝ่าย
กำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือครับ ?” อีกฝ่ายเห็นพวกชินจิไม่ตอบเลยถามซ้ำอีกครั้ง
รู้สาเหตุที่ลูกค้าผู้ชายเมื่อกี้แสดงอาการหวาดกลัวออกมาแล้ว
ใบหน้าของเชฟโมริยาสุ อาคิโอะมีความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

เข้ามากันเองตามอำเภอใจแบบนี้ทางนี้ก็ลำบากแย่สิครับ ห้องครัวจะมีเชื้อโรคเอา
เชฟพูดแล้วใช้แรงแขนดันชินจิกับคุเรฮะออกไปจากห้องครัว




เขากับคุเรฮะโดนไล่ออกมาจากห้องครัว
ตอนนี้ในร้านร้างโดนสิ้นเชิงแล้ว อย่าว่าแต่ลูกค้าเลย บริกรก็ไม่อยู่แล้ว

ออกไปซะเชฟกระซิบข้างหู
ในตอนนั้นชินจิรู้สึกว่าได้กลิ่นบางอย่างที่ไม่ใช่กลิ่นปาก แล้วยังน่าสะอิดสะเอียน มาจากตัวโมริยาสุ
“……หรือจะให้ฆ่าซะเลยเอาไหม
คุเรฮะสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากปากเชฟ

“……คิริโต้ ไปกันเถอะเด็กหนุ่มตัดสินใจยอมถอยแต่โดยดี
อะ อื้อเพื่อนร่วมชั้นสาวพยักหน้าทั้งที่ยังตกใจอยู่
เขากับเธอรีบคว้ากระเป๋านักเรียนแล้วเดินออกไปนอกร้านทันที




เด็กหนุ่มเดินห่างออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไร
ข้างหลังมีเด็กสาวผู้เป็นเพื่อนร่วมชั้นเดินตามมาอยู่
อะไรกันน่ะ คนๆนั้น……ดูผิดปกติ……เอามากๆเลย……” เธอพูดขึ้น
ก่อนจะ




“……อ๊ะ ลืมจ่ายเงิน
เด็กสาวเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองออกจากร้านมาโดยที่ไม่จ่ายเงิน
เธอมีท่าทีลนลานเล็กน้อย
แม้จะเคร่งเครียดอยู่ แต่อากัปกิริยาของเพื่อนร่วมชั้นสาวก็ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

ไม่จำเป็นต้องจ่ายหรอก ก็มีสิ่งแปลกปลอมปนอยู่ด้วยนี่นาเด็กหนุ่มบอกเธอ
นั่นสินะคุเรฮะยิ้ม
ว่าแต่เมื่อกี้……ฟุคิงามิคุงพูดเรื่องที่ชวนให้รู้สึกคาใจมากสินะ ?” คุเรฮะกลับไปเข้าเรื่อง
ชินจิจึงอธิบายให้เธอฟัง
ว่าโดยปกติแล้ววิญญาณจะพูดไม่ได้ แต่หากเขาสัมผัสกับวิญญาณ ความทรงจำในช่วงที่ยังมีชีวิตจะไหลเข้ามาและเขาจะสามารถรับรู้ส่วนหนึ่งของความทรงจำเหล่านั้นได้ราวกับประสบมาเองกับตัว

อ๊ะ ถ้างั้น เมื่อกี้……คุณโทโนะก็……?”
อา……”
งั้นหรอกเหรอ ชั้นนี่ล่ะก็ นึกว่าจะไปโวยกับคนที่ร้านซะอีก……”
คนที่ฆ่าโทโนะคือโมริยาสุ เรื่องนั้นไม่ผิดแน่
“…………”
แต่แค่ชั้นบอกว่าไม่ผิดแน่……ก็ไม่ได้กลายเป็นหลักฐานอะไรอยู่ดีสินะ……”
ชั้นเชื่อนะเด็กสาวตรงหน้ายิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อใจ
เด็กหนุ่มจึงโค้งศีรษะให้เด็กสาวเล็กน้อย

ทว่า สุดท้ายก็ไม่มีทางใช้ความทรงจำจากวิญญาณไปแจ้งตำรวจได้อยู่ดี
แต่ว่านั่นสินะ พึ่งตำรวจไม่ได้ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ นี่เป็นชะตากรรมอย่างหนึ่งที่ซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เด็กสาวเองก็คิดแบบเดียวกัน

หลังจากนั้นเขาก็แยกกับคุเรฮะโดยตกลงกันว่าตอนเย็นจะไปรวมตัวกันที่สวนสาธารณะซากุระโนะโมริ
ยังมีเวลาอีกสักพักก่อนจะถึงเวลาที่นัดกับฮัตสึเนะจังไว้
ชินจิจึงตัดสินใจไปที่สำนักงานนักสืบโกโรตะ
ผีลักซ่อนเป็นคดีที่เกินมือมนุษย์ไปแล้ว เขาเลยไม่มีธุระกับนักสืบโกโรตะแล้วก็จริง แต่ยังมีเรื่องที่อยากจะบอกกับคุณฮิเดะไว้อยู่




ทว่า ดูเหมือนวันนี้คุณฮิเดะจะไม่อยู่ ในสำนักงานมีนักสืบโกโรตะอยู่คนเดียว
นักสืบโกโรตะบอกว่าใช้ให้คุณฮิเดะไปซื้อบุหรี่ตั้งแต่ชั่วโมงก่อนแล้ว แต่คงเดินเล่นเถลไถลเอื่อยเฉื่อยตามเคย
แกไม่มีเหรอ
ว่าแล้วก็ขอบุหรี่จากชินจิ แต่พอเขาปฏิเสธไปว่ายังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ นักสืบก็บอกว่าตนสูบตั้งแต่ม.ต้นแล้ว

มีธุระอะไรรึเปล่า
นักสืบโกโรตะถามชินจิโดยบอกว่าได้ยินมาจากคุณฮิเดะ
ก็เป็นอะไรคล้ายๆแบบนั้นน่ะครับ……” ชินจิพูด




พอได้ยินดังนั้นนักสืบก็กระตือรือร้นลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที บอกว่าแม้อีกฝ่ายจะเป็นนักเรียน แต่ลูกค้าก็คือลูกค้า

คดีฆาตกรรมน่ะครับชินจิบอก
หา……?” นักสืบแสดงอาการตกใจก่อนจะถามเพิ่มเติม พร้อมแววตาที่เปลี่ยนมาจริงจัง
ชินจิจึงเล่าให้ฟังว่าเพื่อนร่วมชั้นถูกฆ่า และรู้ด้วยว่าฆาตกรเป็นใคร แต่ไม่มีหลักฐานพอที่จะไปแจ้งตำรวจ เลยอยากให้หาหลักฐานมาให้
นักสืบโกโรตะฟังแล้วก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามชินจิว่ารู้ตัวคนร้ายได้ยังไง ดูแล้วไม่น่าใช่บังเอิญไปเห็น เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงแจ้งตำรวจไปแล้ว
เอ่อ……” เด็กหนุ่มไม่รู้จะตอบยังไงดี
ทว่า

ช่างเถอะนักสืบโกโรตะพูดขึ้น
แล้วก็ปฏิเสธทันควันว่างานหลักๆของที่นี่คือการสืบคดีชู้สาว ไม่รับสืบคดีฆาตกรรม
ชินจิตกใจเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้ยิน ทว่า แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้คิดจะหวังพึ่งนักสืบโกโรตะจริงจังอะไรอยู่แล้ว




นักสืบกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อราวกับหมดความสนใจ
แต่ก็ยังถามชินจิว่า

เพื่อนร่วมชั้นที่ว่าน่ะ ผู้หญิงเหรอ
ครับ
หรือว่า แอบชอบอยู่งั้นเหรอ ?”
เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น
หืม งั้นเหรอ…… ว่าแต่คิดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ…”
คราวนี้นักสืบจ้องตรงมาที่ใบหน้าของชินจิ




แกน่ะ มีแววตาที่ยังไงก็คิดไม่ได้ว่าเป็นเด็กนักเรียนธรรมดานักสืบเอ่ยขึ้น
เอ๊ะ……?” เด็กหนุ่มแปลกใจกับคำพูดของอีกฝ่าย
เป็นแววตาที่ดูมืดมนนิดหน่อย แต่……เมื่อ 3 ปีก่อนรึเปล่านะ ในตอนที่เจอกันครั้งแรกยังไม่ได้เป็นแบบนี้แน่ๆ
“……” เด็กหนุ่มฟังคำพูดของนักสืบอย่างเงียบๆ
ตอนนี้ ยังไงกันนะ เป็นแววตาที่เหมือนกับจมจ่อมอยู่กับเรื่องๆเดียว เป็นแบบที่หน้าตาดูเหมือนคนปกติก็จริง แต่พอถึงคราวก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรลงไปบ้างน่ะ
พูดจบแล้วนักสืบโกโรตะก็กลับไปอ่านหนังสือพิมพ์อีกครั้ง
โดยพูดทิ้งท้ายไว้อย่างเงียบเชียบว่า
อย่าไปฆ่าคนเข้าเชียวล่ะ

ฆ่าคนงั้นเหรอครับ ?  ผมเนี่ยนะ ?” เด็กหนุ่มรู้สึกคาใจกับคำพูดนั้นจนต้องถามออกไป
เอาเถอะ ถ้าผู้เคราะห์ร้ายไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่แอบชอบก็ดีแล้ว……สำหรับตัวแกเองน่ะนะนักสืบโกโรตะตัดบท
ชินจิครุ่นคิดถึงความหมายในคำพูดของนักสืบ




ผ่านไปสักพักคุณฮิเดะก็กลับมา แล้วก็โดนนักสืบด่าที่มัวแต่เถลไถลไปตามระเบียบ
ชินจิชวนคุณฮิเดะออกมาคุยกันข้างนอก
คุณฮิเดะ รู้จักซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สรึเปล่าเขาลองถามคุณฮิเดะดู
แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่รู้
ผมเข้าเป็นซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สแล้วนะเด็กหนุ่มบอกกับเพื่อนผู้โตกว่า
อะไรกันล่ะ นั่นน่ะ ?” อีกฝ่ายเหมือนจะไม่รู้จักจริงๆ
ฮีโร่ผู้ผดุงคุณธรรม……ล่ะมั้งเขาตอบไปอย่างไม่มั่นใจเท่าไร
แต่พอได้ยินแค่นั้น เพื่อนผู้โตกว่าก็แสดงอาการดีใจออกมาสุดขีด ดีใจราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง แล้วก็บอกว่าจะคอยเอาใจช่วย




ต่อมา ได้เวลาชมรมเลิกแล้ว ชินจิจึงไปรับฮัตสึเนะจังที่โรงเรียน
น้องสาวของเขาเดินออกมาจากอาคารเรียนพร้อมๆกับเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเพื่อน
เขาโบกมือให้เธอ




พอฮัตสึเนะจังเห็นเขา เธอก็ยิ้มแล้วโบกมือให้เขาเช่นกัน




“?”
แต่ไม่รู้ทำไม ดูเหมือนจู่ๆพวกเด็กผู้หญิงที่อยู่รอบๆจะเริ่มส่งเสียงเอะอะกัน
แถมน้องสาวของเขาเองก็หน้าแดงด้วย




มีอะไรงั้นเหรอ ?” ชินจิถามฮัตสึเนะจังที่หน้าแดง
“…………” เธอเงียบไม่ตอบ
นึกว่าเป็นแฟนน่ะค่ะเด็กผู้หญิงที่อยู่รอบๆตอบแทน
อะ อา……”
ตอนนี้เด็กหนุ่มเข้าใจถึงสาเหตุที่น้องสาวของตัวเองหน้าแดงแล้ว

ก็หน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไรด้วยเพื่อนของฮัตสึเนะจังพูดต่อ
“……สายตาดีนะเขาแปลกใจเล็กน้อย
ก็มีดีแค่นั้นล่ะค่ะ ว่าแต่รุ่นพี่คะ คิดว่าเด็กผู้หญิงที่สายตาดีเนี่ยดูดีหรือเปล่าคะ
จู่ๆก็โดนรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนของฮัตสึเนะจังยิงคำถามแปลกๆใส่
เอ เอ่อ……ยังไงกันนะชินจิตอบแบบปัดๆไป




หลังแยกกับผองเพื่อนที่แสนครื้นเครงของฮัตสึเนะจังแล้ว ชินจิกับฮัตสึเนะก็มุ่งหน้าไปที่สวนสาธารณะ
เพื่อนที่ชมรมเหรอ ?” เขาถามน้องสาวระหว่างทาง
อะ อื้อ……โดนบอกว่าขี้โกงหรือแซงหน้าไปก่อนด้วยล่ะ
ฮะๆๆ……แล้วก็เลยเอะอะกันสินะ
อือ……แล้วพอบอกไปว่า ไม่ใช่ค่ะ คนๆนั้นเป็นพี่ชายของฉันค่ะ------ก็โดนถามว่า จริงๆเหรอ ?”
ก็นะ สำหรับพี่น้องแล้วหน้าก็ไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไรด้วย
แล้วพอโดนบอกว่า ถ้าอย่างนั้นแนะนำให้รู้จักหน่อยสิก็ปฏิเสธไป……เพราะแบบนั้นเลยโดนสงสัยรึเปล่านะ

ขอส่งเมลหาคนที่กำลังจะไปเจอแป๊บนึงนะเด็กหนุ่มบอกกับน้องสาวแล้วก้มหน้าลงพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์มือถือ
เอ่อ……พี่คะ ?”
หืม…..?”
มีเสียงเรียกจากน้องสาว เขาจึงเงยหน้าขึ้นมา




ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือฮัตสึเนะจังที่มีแววตาแน่วแน่และสีหน้าจริงจังผิดไปจากยามปกติ
หรือควรแนะนำให้รู้จักจะดีกว่ารึเปล่านะ ตอนที่มีโอกาสเธอพูด
ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก ชินจิบอกปัดแล้วรีบเบนสายตากลับไปที่จอโทรศัพท์อีกครั้งราวกับเป็นการหนี
อืม……” น้องสาวของเขาตอบรับคำพูดด้วยเสียงอ่อยๆ




ขอให้แนะนำให้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยไม่ใช่เหรอไง แนะนำให้รู้จักกับรุ่นน้องที่น่ารักน่ะ
แต่ ก็น้า ยังไงที่น่ารักที่สุดก็คือฮัตสึเนะจังงั้นสินะ
มาโดกะโผล่มาพูดคำสองคำ ก่อนจะหายไป

“…………”
ใช่แล้ว เรื่องที่เขาเห็นวิญญาณได้คงต้องขอให้พวกคุเรฮะปิดบังฮัตสึเนะจังไว้
เด็กหนุ่มเพิ่งนึกได้




สวนสาธารณะซากุระโนะโมริ
แม้ซากุระจะเริ่มร่วงโรยบ้างแล้ว แต่ก็ยังคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาชมดอกไม้
ที่นั่นมีเด็กสาวสองคนรอพวกเขาอยู่




คนที่ใส่ชุดญี่ปุ่นตรงนั้นเหรอคะ ข้างๆก็มีอีกคนอยู่ด้วย
อื้อ
“……ทั้งคู่สวยมากเลยนะคะ……” น้องสาวของเขามีท่าทางงอนเล็กน้อย
“……ฮัตสึเนะจังเองก็สายตาดีนะเด็กหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรกลับไปดี




หลังทักทายกันเสร็จก็เข้าเรื่องทันที
พวกคุเรฮะเล่าเรื่องไปตามลำดับโดยจงใจละเรื่องที่เขามองเห็นวิญญาณไว้ตามที่ขอ
เพื่อนร่วมชั้นที่หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ, ฝูงวิญญาณร้ายในร้านอาหารอิตาเลี่ยน, ปีศาจฆาตกรที่แฝงตัวอยู่ในเมือง ฯลฯ
ฟุคิงามิ ฮัตสึเนะตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
หลังฟังเรื่องทั้งหมดจบแล้ว เธอจึงเอ่ยปากขึ้นเป็นครั้งแรก
คิดว่าพอจะเข้าใจเรื่องราวแล้วล่ะค่ะ แต่ที่ยังไม่เข้าใจก็คือ......




ทำไมพี่ชายของหนูถึงต้องให้ความร่วมมือด้วยล่ะคะ
เด็กหญิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
แม้คำพูดจะสุภาพ แต่ดูเหมือนน้องสาวของเขาจะกำลังโกรธอยู่
ฮัตสึเนะจังนั้น แม้ปกติจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาให้เห็นเท่าไร  แต่พอถึงคราวแล้วจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด
พวกคุเรฮะเองก็ได้แต่นิ่งเงียบ

เปล่า ไม่ใช่หรอก ฮัตสึเนะจังเด็กหนุ่มเอ่ยปาก
เอ๊ะ ?”
พี่เป็นคนเอ่ยปากขอเข้าร่วมเอง
“……ทำไมกันคะ ?  แค่ฟังดูก็รู้สึกว่าอันตรายแล้ว……”
อืม……ก็แค่คิดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วน่ะ ทำนองว่า……อาจจะใช้ทำประโยชน์อะไรได้รึเปล่า
เรื่องที่มองเห็นวิญญาณร้ายเหรอคะ ?”
ใช่แล้วล่ะ
แต่เรื่องแบบนั้น……ไม่ใช่เรื่องที่พี่จำเป็นต้องทำเลยนะคะ……”
“…………”
ดูเหมือนว่าถ้าอธิบายแค่ครึ่งๆกลางๆ น้องสาวของเขาจะไม่ยอมรับ

ฟุคิงามิ ชินจิจึงตัดสินใจเล่าความจริงที่ไม่เคยเล่าให้ครอบครัวฟังมาก่อนออกไป
บอกไปว่าตอนเครื่องบินตกได้เห็นวิญญาณร้ายจำนวนมาก จึงรู้สึกว่านี่เป็นโชคชะตา
แล้วอีกอย่างคือ……พี่ชิงชังฆาตกร……ชิงชังโมริยาสุ เพราะแบบนั้นเลยปล่อยไว้ไม่ได้
เด็กหนุ่มบอกเหตุผลของตนเองออกไป




เมื่อได้ฟังเหตุผลเหล่านั้น ท่าทีของฟุคิงามิ ฮัตสึเนะก็เปลี่ยนจากปฏิเสธโดยสิ้นเชิงมาเป็นครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ในตอนนั้นเอง




ฮัตสึเนะจัง ขอร้องล่ะ สำหรับฉันแล้วพลังของพี่ชายของเธอจำเป็นจริงๆนะ
คุเรฮะที่ยืนดูอยู่เงียบๆมาตลอดได้กุมมือของฮัตสึเนะแล้วพูดขึ้น
เธอขอร้องฮัตสึเนะจังอย่างลืมตัว เช่นเดียวกับที่กุมมือเขาเมื่อวาน บอกว่าเป็นการพบพานที่มาจากโชคชะตาบ้าง อะไรบ้าง
โดนขอร้องแบบจริงจังกะทันหัน น้องสาวของเขาเลยทำอะไรไม่ถูก




ขอร้องแบบเร่าร้อนเกินไป ระวังจะได้ผลตรงกันข้ามนะ คุเรฮะจังรุ่นพี่มาโฮโระเข้ามาแยกวง
เอ๊ะ ? ทำไมกันล่ะคุเรฮะงง
ดูเหมือนฮัตสึเนะจังจะให้ความสำคัญกับพี่ชายมากเลยล่ะ แน่นอนว่านั่นก็เป็นเรื่องดีนะรุ่นพี่อธิบายแบบแฝงนัยอะไรบางอย่าง
ฮัตสึเนะหน้าแดงที่รุ่นพี่เดาความในใจของเธอออก
“……อื้อ……ก็เลยเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ……” คุเรฮะยังคงไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของรุ่นพี่
ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรเช่นกัน รุ่นพี่ต้องการจะบอกอะไรกันแน่นะ ?

แหม ก็ ซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สมีแต่เด็กผู้หญิงไม่ใช่เหรอไงถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็มีแค่พวกฉันสองคนน่ะนะรุ่นพี่เฉลย
“…………”
แม้จะอธิบายไปขนาดนั้น แต่ดูเหมือนคุเรฮะจะยังไม่เข้าใจ
แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว
เด็กหนุ่มยิ้มเล็กน้อย

“…… หมายความว่าคุณชิซุมิยะเองก็คิดแบบเดียวกันนี้กับยาซึทากะด้วยเหรอครับเขาถามออกไป
อื้อ ใช่แล้วล่ะ ต้องไม่ประมาท คอยระวังไม่ให้มีแมลงร้ายมาเกาะแกะน้องชายผู้น่ารัก……อะไรทำนองนั้นน่ะนะ ฮิๆๆรุ่นพี่มาโฮโระตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“……คนๆนี้กำลังพูดอะไรอยู่กันน่ะ ?” คุเรฮะถามฮัตสึเนะจัง
ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาจะเป็นคนเดียวในที่นี้ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่
เอ๊ะ เอ่อ……”  ฮัตสึเนะจังอ้ำอึ้ง




สุดท้ายทุกคนจึงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ปล่อยให้คุเรฮะงงอยู่คนเดียว
ช่างเถอะ แล้ว คำตอบว่ายังไงล่ะ ?” คุเรฮะตามเรื่องไม่ทันเลยข้ามไปถามคำตอบเลย
ฮัตสึเนะจังพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม




“……ถ้าให้พูดตามตรงคือไม่อาจสนับสนุนเห็นชอบได้ค่ะ……” เธอพูด
จากนั้นก็หันมามองทางนี้แล้วพูดต่อ
แต่ถ้าพี่ชายมีความตั้งใจแน่วแน่ขนาดนั้นก็หยุดไม่ได้หรอกเด็กหญิงกล่าวทั้งรอยยิ้ม
ขอบคุณนะ
เด็กหนุ่มพูดขอบคุณน้องสาวที่คอยเป็นห่วงเป็นใยและเข้าใจเขาเสมอมา

ทว่า ในตอนที่เด็กหนุ่มกำลังชะล่าใจนั้นเอง น้องสาวก็พูดเรื่องไม่คาดคิดออกมา
แต่ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ถ้าหนูมีพลังแบบเดียวกันบ้างก็ดีแล้วแท้ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็------”
เอ๊ะ ไม่ได้นะ นั่นน่ะชินจิรีบปฏิเสธทันควัน
เพราะอันตรายงั้นเหรอ ?” เธอถาม
อา
แต่ทีตัวเอง ทั้งที่อันตรายแต่ก็ยังจะทำใช่ไหมล่ะฮัตสึเนะจังแย้ง
ชินจิจนมุม
“……ดีแล้วที่ฮัตสึเนะจังมองไม่เห็น ดีจริงๆ
เขาได้แต่บอกความรู้สึกของตัวเองไปตามตรง




ฮัตสึเนะจังแสดงอาการงอนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยอารมณ์เหมือนต้องอยู่นอกวงอยู่คนเดียว




เห็นดังนั้นคุเรฮะเลยบอกว่าจะเล่าวีรกรรมของพี่ชายให้ฟังทุกครั้งหลังงานเสร็จแทน
พอได้ยินเช่นนั้น ฮัตสึเนะจังก็กลับมามีสีหน้ายิ้มแย้มอีกครั้งทันที

ผิดจากภาพลักษณ์ที่มี คุเรฮะเป็นคนสบายๆและเอาใจใส่ผู้อื่นได้
คนที่เป็นศูนย์กลางของซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สคงจะเป็นเธอนี่ล่ะ
เด็กหนุ่มคิดเงียบๆอยู่คนเดียวในใจ




ฟุคิงามิ ฮัตสึเนะกำลังเดินกลับบ้านกับพี่ชายของเธอ
หลังแยกกับเพื่อนๆของพี่ชายแล้ว เด็กสาวก็คิดมาตลอด

เมื่อครู่ พี่ชายบอกว่าชิงชังฆาตกร
ในตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับเห็นใบหน้าเมื่อ 3 ปีก่อนของพี่ชายผุดขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าตอนที่คุณมาโดกะเพิ่งเสียไปได้ไม่นาน แววตาที่มืดมนราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนนั่น
แม้จะผ่านไป 3 ปีแต่มันก็ไม่ได้หายไปไหน แค่ไม่โผล่มาให้เห็นเบื้องหน้าเท่านั้นเอง
การตัดสินใจเข้าร่วมซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สของพี่ชายนั้น ในแง่หนึ่งอาจพูดได้ว่ามาจากการรักความถูกต้อง
แต่เธอคิดว่าในเบื้องหลังนั้นมีความเศร้า, ความทุกข์ทรมาน และความโกรธแค้นแอบซ่อนอยู่
เด็กสาวไม่อาจรู้สึกสบายใจได้เลยแม้แต่น้อย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น