[Spoil] Chapter 1 (Part 9)

posted on 6/09/2563 07:56:00 หลังเที่ยง by VermillionEnd Categories:
Chapter 1 (Part 9) : ดำดิ่งลงสู่ความฝัน

หลังทานข้าวกับครอบครัว และส่งคุณน้ากับฮัตสึเนะจังกลับคอนโดแล้ว  ชินจิก็มาที่บ้านของคุเรฮะอีกครั้งตามที่นัดหมายกันไว้
ปู่เปิดประเด็นบอกว่าไปสืบเรื่องโมริยาสุมาให้แล้ว ดูเหมือนว่าจะเคยตามสตอล์กเกอร์โทโนะ คานะอยู่
คุเรฮะกับมาโฮโระได้ยินก็ตกใจ แล้วพวกเธอก็ต้องตกใจอีกที่ชินจิมีท่าทางเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว
เอ๊ะ รู้อยู่แล้วหรอกเหรอ ?” คุเรฮะถาม
มีความทรงจำนั้นไหลเข้ามาด้วยน่ะ ที่เริ่มโดนจับตาดูคือเมื่อราวๆ 1 ปีก่อนเขาตอบไปตามตรง
ปู่จึงยอมรับว่าพลังของชินจิเป็นของจริง เพราะรายละเอียดปลีกย่อยตรงกับข้อมูลที่ได้มา

ว่าแต่ทำไมคุณปู่ถึงรู้ได้เหรอครับเด็กหนุ่มถามเรื่องที่สงสัยออกไป
ก็เป็นตำรวจเก่าน่ะนะปู่ตอบ
ตำรวจเนี่ย คิดว่าจะปากแข็งกว่านี้ซะอีกครับชินจิพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปตามตรง
ปู่ของคุเรฮะเลยบอกว่าตามปกติแล้วคงจะเป็นแบบนั้น แต่ตนมีเพื่อนร่วมงานและลูกน้องดี ถ้ามีความจำเป็นก็ขอให้แอบบอกข้อมูลให้ได้
แล้วก็พูดต่อว่าเมื่อกลางวันตนได้รับโทรศัพท์จากหลานสาวเรื่องโมริยาสุเลยลองแจ้งเรื่องไปดู ทางตำรวจก็ตอบกลับมาแล้วว่าจะไปลองซักไซ้ให้ในเร็วๆนี้




จากนั้นปู่ก็อธิบายเรื่องคดีสตอล์กเกอร์ให้ฟัง
ตามที่ชินจิคุงพูดไปเมื่อกี้ เมื่อราวๆหนึ่งปีก่อนมีเด็กผู้หญิงชื่อโทโนะ คานะมาขอคำปรึกษา แต่ตอนนั้นไม่มีหลักฐาน……รู้กันแค่ตรงนี้นะ ดูเหมือนตอนนั้นทางตำรวจจะรับเรื่องด้วยท่าทีเหมือนแทบจะไล่กลับไป……ถ้านี่เป็นคดีที่เป็นหน้าที่ของตำรวจล่ะก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว
คดีที่เป็นหน้าที่ของตำรวจเหรอครับ……?” ชินจิถาม
คิดว่าบอกไปเมื่อคืนแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ตำรวจน่ะถ้าไม่มีหลักฐานก็จะไม่ขยับปู่บอก

ถ้าหลักฐานล่ะก็……มีครับ
ทั้งห้องตกใจกับคำพูดที่ไม่คาดคิดของเด็กหนุ่ม
ชินจิบอกว่าในร้านน่าจะมีศพอยู่ เพราะมีหนอนแมลงปริมาณมากขนาดที่เป็นไปไม่ได้ในกรณีปกติ
เดี๋ยวสิ ฟุคิงามิคุง……พวกเราไม่ได้เห็นศพมาเองกับตาซะหน่อยนี่คุเรฮะแย้ง
ปู่เองก็พูดเสริมว่าถ้าหากถูกโบดาชสีแดงฆ่า ศพจะหายไป หรือก็คือไม่เหลือหลักฐานอยู่นั่นเอง

“……ผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องแบบนี้เท่าไรหรอกครับ……แต่ดูเหมือนโมริยาสุคิดจะ……เอ่อ……คิดจะกินศพโทโนะครับ
ชินจิพูดความคิดของตัวเองออกไป




รุ่นพี่กับเพื่อนร่วมชั้นของเขาได้ยินก็หน้าซีดทันที
เพราะแบบนั้นผมเลยพยายามค้นห้องครัวครับ คิดว่าอาจจะอยู่ในตู้เย็นก็ได้……” เขาพูด
จากนั้นก็พูดต่อว่าเขาอาจจะด่วนสรุปไปเองก็ได้ เพราะพอฟังเรื่องเมื่อครู่แล้วจึงคิดใหม่ว่าความทรงจำของโทโนะที่เขาเห็นนั้นสิ้นสุดลงแค่ตอนที่เธอตาย เรื่องที่ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับศพนั้น แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้
สุดท้ายแล้วก็ยังสรุปไม่ได้ว่าโมริยาสุเป็นปีศาจฆาตกรจริงหรือไม่ หากศพของโทโนะไม่ได้หายไปก็จะกลายเป็นหลักฐานและกลายเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่ถ้าหากศพของโทโนะกลายเป็นโบดาชสีฟ้าแล้วหายไปก็จะเป็นงานของซากุระโนะโมริดรีมเมอร์ส




“…………เดี๋ยวก่อนครับ แล้วกรณีนั้นจะทำยังไงกับโมริยาสุเหรอครับแจ้งความไม่ได้ด้วย  อย่าบอกนะครับว่า……ฆ่า ?” ชินจิถามเรื่องที่ตนสงสัยออกไป
ทั้งสามคนได้ฟังคำพูดของเด็กหนุ่มก็ตกใจหน้าเครียดทันที
ปู่รีบอธิบายทันทีว่าพวกชินจิเป็นหนุ่มสาวที่ยังมีอนาคต จะให้ไปทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้ แล้วถึงจะฟังดูย้อนแย้ง แต่ถ้าปีศาจฆาตกรถูกฆ่าจะเหลือศพไว้เป็นหลักฐาน เพราะแบบนั้นจึงไม่สามารถไปสร้างความเสียหายให้กับร่างเนื้อของอีกฝ่ายโดยตรงได้
สถานที่ต่อสู้ของซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สคือในความฝัน ปู่กล่าว




เพราะแบบนั้นก็เลยเป็นดรีมเมอร์สน่ะ คุเรฮะบอกที่มาของชื่อทีม
ปู่อธิบายต่อว่าหากเป็นโลกในความฝันจะสามารถต่อสู้กับโบดาชตรงๆได้ แล้วก็ไม่ต้องกลัวโดนจับเพราะทำผิดกฎหมายด้วย
การจะบุกเข้าไปในความฝันของอีกฝ่ายได้จำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือจากคุณมาโฮโระคุเรฮะอธิบายต่อ
หน้าที่ของรุ่นพี่มาโฮโระคือใช้พลังส่งพวกคุเรฮะเข้าไปสู้ในโลกแห่งความฝัน

พอได้ยินคำว่าต่อสู้ ชินจิก็บอกว่าตัวเขาไม่มั่นใจเรื่องการต่อสู้เท่าไรนัก
ปู่เลยบอกว่าไม่เป็นไร การต่อสู้ในโลกแห่งความฝันต่างจากโลกแห่งความจริง ใช้พลังใจเป็นหลัก
จากนั้นปู่กับพวกคุเรฮะก็อธิบายเกี่ยวกับการต่อสู้ในโลกแห่งความฝันให้ชินจิฟัง
การต่อสู้ในโลกแห่งความฝันนั้น ความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับพลังใจเป็นหลัก
และการบุกเข้าไปในความฝันของอีกฝ่ายก็คือการเข้าไปในพื้นที่ครอบงำของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งพอที่จะต้านการครอบงำนั้น
ถึงอย่างนั้นภาระก็สาหัสเกินไปสำหรับคนเดียวอยู่ดี จึงจำเป็นต้องมีคู่หูไปด้วย
ซึ่งตรงนี้เอง ความเข้ากันได้กับคู่หูเองก็เป็นเรื่องสำคัญ




ฟังมาจนถึงจุดนี้ ชินจิก็คิดว่าตนจะเข้ากับคุเรฮะได้หรือไม่
รุ่นพี่มาโฮโระเห็นเขากังวล จึงพูดให้สบายใจพร้อมแซวไปในตัวว่า ไม่เป็นไรๆ สบายมาก ทั้งสองคนต้องเป็น ‘Couple’ ที่ดีได้แน่นอน
รุ่นพี่จงใจใช้คำว่า Couple ซึ่งมีความหมายว่าคู่รักด้วย
ทำเอาคุเรฮะหน้าแดงไปพักหนึ่ง




คู่หูคนก่อนเป็นเพื่อนสินะ ถ้าจำไม่ผิดชินจิได้จังหวะจึงลองถามเรื่องที่คาใจออกไป
เพื่อนสนิทน่ะ แต่ตอนนี้……ผิดใจกันนิดหน่อยน่ะเพื่อนร่วมชั้นสาวเพียงแสดงสีหน้าเศร้าแล้วตอบมาแค่นั้น
อย่าไปแตะเรื่องนี้สุ่มสี่สุ่มห้าจะดีกว่า เด็กหนุ่มคิดในใจ

จากนั้นการสนทนาก็กลับเข้าเรื่อง
การอธิบายเกี่ยวกับโลกแห่งความฝันดำเนินต่อไป
ในโลกแห่งความฝันนั้น แม้จะบาดเจ็บจากการต่อสู้ก็ไม่มีผลอะไรกับร่างจริง จึงวางใจไปได้เปราะหนึ่ง
แต่ในทางกลับกันจะได้รับความเสียหายทางจิตใจแทน และความรู้สึกที่รับรู้ในโลกแห่งความฝันจะเหมือนกับโลกแห่งความเป็นจริง ยังรู้สึกเจ็บปวดได้เหมือนในความเป็นจริง จึงไม่สามารถไปด้วยท่าทีสบายๆทีเล่นทีจริงได้




หลังอธิบายจบไปส่วนหนึ่ง ปู่ของคุเรฮะก็เตือน
ถึงจะเพื่อโลกหรือเพื่อคนอื่นยังไงก็เถอะ……ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเสียสละตนเอง เพราะสุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นแค่มนุษย์ ไม่ใช่ฮีโร่ผู้ผดุงคุณธรรมหรืออะไรทั้งนั้นน่ะนะ……”
ก็นะ……นอกจากมองเห็นยมทูตแล้วก็ไม่มีจุดเด่นอื่นอะไรด้วยคุเรฮะพูดเสริม

จะว่าไปสาเหตุของคิริโต้กับคุณชิซุมิยะคืออะไรเหรอ ?” เด็กหนุ่มถามเรื่องที่เพิ่งนึกขึ้นได้ออกไป
สาเหตุ ?  เรื่องอะไรเหรอ ?” เพื่อนร่วมชั้นของเขาไม่เข้าใจ
สาเหตุที่ทำให้มองเห็นโบดาชน่ะเขาพูดต่อ
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา เด็กสาวทั้งสองก็มีสีหน้างุนงง
เปล่านี่ ไม่ได้มีสาเหตุอะไรเป็นพิเศษนะรุ่นพี่พูด
งั้นหรอกเหรอ……?” เด็กหนุ่มแปลกใจ
การมองเห็นหรือมองไม่เห็นนั้นเป็นเรื่องที่เป็นมาตั้งแต่เกิด ……แต่ดูจากวิธีพูดเมื่อกี้แล้ว ชินจิคุงเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นสินะ ?”
ปู่ของคุเรฮะอธิบายแล้วถามความเป็นมาที่ทำให้เขามองเห็นโบดาช
ชินจิจึงเล่าเรื่องอุบัติเหตุจักรยานร่วงให้ทั้งสามคนฟัง

ขณะอธิบายเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
อ๊ะ……งั้นหรอกเหรอ นึกสงสัยมาตลอดเลยครับ ที่สายเบรกขาดนั่น……ตอนนั้นเป็นเพราะผมโดนโบดาชสิงรึเปล่านะ……”
ตอนนั้นสายเบรกทั้งซ้ายและขวาขาดโดยไม่มีร่องรอยการตัด เหมือนกับถูกกระชากออกด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล

ไม่ล่ะ คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกปู่ปฏิเสธความเห็นของเขาทันควัน
โดยบอกว่าตามหลัก หากถูกโบดาชสีฟ้าสิงแล้วจะต้องตายแน่นอน ไม่มีทางมาอยู่ตรงนี้ได้




เมื่อกี้บอกว่าตามหลักสินะ คือความจริงยังมีช่องทางหนีอยู่หนึ่งทางน่ะ เลยหยิบสิ่งนี้มาปู่ของคุเรฮะพูดต่อพร้อมเปิดกล่องที่เตรียมมาให้ดู
มันคือปืนพก
หนทางรอดที่ว่าคือ มีแต่ต้องทดสอบดวงชะตาด้วยตัวเองเท่านั้น ปู่กับคุเรฮะอธิบาย
ปืนมีช่องใส่กระสุน 5 ช่อง ในนั้นมีกระสุนใส่อยู่ 4 นัด ส่วนอีกช่องที่เหลือมีอะไรบางอย่างอุดไว้
ในบรรดากระสุน 4 นัด มี 2 นัดเป็นกระสุนจริง ส่วนอีก 2 นัดเป็นกระสุนเปล่าที่ไม่ใส่ดินปืน
หากใช้ปืนพกนี้จ่อศีรษะตัวเองแล้วลั่นไกจะมีโอกาสรอด 50% และโอกาสตาย 50%
นั่นคือการทดสอบดวงชะตาของตัวเอง
หากถูกโบดาชสีฟ้าสิงแล้วปล่อยไว้ไม่ทำอะไร ความตายจะมาเยือนอย่างแน่นอน
แต่หากท้าทายกับโชคชะตาด้วยตัวเองแล้วรอดมาได้ โบดาชสีฟ้าจะสลายไป
การทดสอบดวงชะตาของตัวเองเป็นการเพิ่มโอกาสรอดจาก 0% เป็น 50%
สรุปคือถ้าโดนสิงแล้ว จะลองทำดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย

พออธิบายจบปู่ก็เก็บปืน โดยบอกว่าถ้าโดนสิงให้มาที่นี่ซะ ตอนนั้นจะเอาปืนให้ยืม
แต่ในกรณีที่มาไม่ทันยังมีวิธีอื่น
ให้ไปยืนในสถานที่อย่างชานชาลาสถานีรถไฟหรือดาดฟ้าของอาคารสูง แล้วโยนเหรียญ
หากด้านที่ออกเป็นด้านที่ตนเลือกก็จะรอดมาได้
แต่หากไม่ใช่จะต้องตาย  ต่อให้ไม่เลือกที่จะฆ่าตัวตาย สุดท้ายความตายก็จะมาเยือนอยู่ดี




หลังจากนั้นปู่ก็ให้นาฬิกาที่หากถูกโบดาชสิงจะเดินบอกเวลาที่เหลืออยู่, เรดาร์ที่ใช้บอกตำแหน่งโบดาชที่อยู่รอบๆ แล้วก็หูฟังที่ดูธรรมดาๆมา
คุเรฮะบอกว่าเวลาที่เหลืออยู่หลังโดนสิงนั้นไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว มีทั้งไม่กี่นาทีหลังโดนสิง และอีกหลายวันให้หลัง
แล้วสุดท้าย ปู่ก็พูดปิดท้ายว่าห้ามช่วยคนที่ถูกโบดาชสีฟ้าสิงเป็นอันขาด เพราะหลังช่วย โบดาชสีฟ้าจะไปเล่นงานคนช่วยแทน

เอาล่ะ……คืนนี้ก็ได้เวลาแล้ว……จะเอายังไงปู่ถามพวกชินจิหลังอธิบายเรื่องโบดาชจบ
ตั้งใจว่าจะเริ่มคืนนี้เลยน่ะ อุตส่าห์เจอตัวผู้ต้องสงสัย------ไม่สิ ในเรื่องฆาตกรรมแล้วถือเป็นคนร้ายตัวจริง……ยังไงก็เถอะ อุตส่าห์เจอตัวฆาตกรแล้วด้วยคุเรฮะตอบ
รุ่นพี่มาโฮโระเองก็บอกว่าเธอมาเพื่อการนั้น
ทุกคนจึงหันมาหาชินจิที่ยังไม่ได้เอ่ยความเห็น
เอ……เรื่องอะไรกันเหรอเด็กหนุ่มตามสถานการณ์ไม่ทัน
ทั้งคู่จึงอธิบายว่าที่ให้มารวมตัวกันตอนกลางคืนเป็นเพราะโดยปกติแล้วซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สจะเคลื่อนไหวตอนกลางคืนซึ่งเป็นเวลาที่ผู้คนหลับและฝัน
ถ้าชั้นบอกไว้ก่อนล่วงหน้าก็คงจะดี……จู่ๆจะให้ค้างคืนนอกบ้านคงไม่ดีสินะ ยังไงก็……” คุเรฮะพูด
เด็กหนุ่มปฏิเสธคำพูดของเพื่อนร่วมชั้น โดยบอกว่าไม่มีปัญหา
งั้นหรอกเหรอ แล้วพ่อแม่ล่ะ……” เธอถามกลับด้วยท่าทีสงสัย




“……จริงๆแล้วพ่อแม่ในตอนนี้เป็นพ่อแม่บุญธรรม แล้วเพราะความสัมพันธ์นั้นเลยแยกกันอยู่น่ะ ทานข้าวเย็นด้วยกันก็จริง แต่หลังจากนั้น ชั้นจะไปทำอะไรที่ไหนยังไงก็ไม่รู้หรอกชินจิตอบไปตามจริง
คุเรฮะกับรุ่นพี่มาโฮโระได้ฟังก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
งั้นเหรอ……ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ก็สะดวกสินะเพื่อนร่วมชั้นสาวพูดขึ้น ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจไม่ถามละลาบละล้วงไปมากกว่านี้
เขาพยักหน้า




พอตกลงกันได้ พวกคุเรฮะก็พาชินจิมาอีกห้อง
เป็นห้องที่มีเก้าอี้โยกท่าทางนั่งสบาย 3 ตัว
เก้าอี้ 2 ตัววางติดกันอยู่ฝั่งหนึ่ง และตรงกลางมีเก้าอี้อีกตัวหันหน้าเข้าหาเก้าอี้ทั้งสองในระยะที่ใกล้ขนาดเข่าสัมผัสกันได้
ตรงนั้นคือที่นั่งส่วนตัวของฉันรุ่นพี่มาโฮโระชี้ไปยังเก้าอี้ตัวกลาง
แล้วจึงอธิบายต่อว่าเธอสามารถจับสัมผัสความฝันของอีกฝ่ายได้ หากเริ่มฝันแล้วจะส่งทั้งคู่เข้าไปยังโลกแห่งความฝันนั้น จากนั้นก็บอกว่าแทนที่จะให้อธิบาย ไว้ลองจริงๆเลยน่าจะดีกว่า

ฟุคิงามิคุง ยังไงชั้นก็คิดว่าโมริยาสุถูกโบดาชสีแดงสิงอยู่นะ เพราะว่าในกรณีนั้นจะมีผลกระทบต่อนิสัยด้วย พูดสั้นๆคือความเป็นมนุษย์จะพังทลายลง ชายคนนั้นพูดอะไรอย่าง…….ฆ่า ออกมาด้วยสินะ นั่น ยังไงก็ดูไม่เหมือนกำลังพูดเล่นอยู่เลย คุเรฮะเอ่ย
อา……จะว่าไปก็จริง แต่ถ้าอย่างนั้นแล้วหนอนแมลงนั่นมันอะไรกันนะ ?” ชินจิตอบรับและถามกลับ
“……ไม่ใช่ว่าแค่เลิกทำความสะอาด จนสุขลักษณะของร้านแย่สุดๆหรอกเหรอเธอให้ความเห็น
อย่างนี้นี่เอง จะคิดแบบนั้นก็ได้ด้วย
เด็กหนุ่มได้คำอธิบายที่ยอมรับได้มา

ตอนนั้นเองปู่ของคุเรฮะก็ให้ความเห็นเพิ่มเติม
การถูกโบดาชสีฟ้าสิงนั้นขึ้นอยู่กับดวง แต่สีแดงนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง คนที่ถูกสิงมีจุดร่วมเหมือนกันอยู่คือโหดร้าย เลือดเย็น ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการทำร้ายคนอื่น พูดง่ายๆคือเป็นคนที่จะก่ออาชญากรรมก็ไม่แปลกอะไรมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ชินจิพยักหน้า โมริยาสุเป็นผู้ต้องสงสัยที่ชั่วสนิทจริงๆนั่นล่ะ
พอคุยกันเสร็จ ปู่ของคุเรฮะก็เสนอให้ไปอาบน้ำก่อนเข้าสู่โลกแห่งความฝัน โดยบอกว่าเข้านอนโดยไม่อาบน้ำคงจะรู้สึกไม่ดี
พวกชินจิจึงผลัดกันไปอาบน้ำ




หลังเขาอาบน้ำเสร็จ คุเรฮะก็เข้าไปอาบต่อทันที  ส่วนรุ่นพี่ บ้านอยู่ใกล้เลยกลับไปอาบน้ำที่บ้านตัวเองแล้วค่อยมาใหม่
ภายในห้องจึงว่างเปล่า

ดีจังเลยน้า บรรยากาศแบบนี้ เหมือนไปเข้าค่ายเลย
มาโดกะเห็นในห้องไม่มีใครจึงโผล่มา
ทีแรกเธอแซวเขาเล่นเรื่องที่การค้างคืนนี้เหมือนเป็นการเข้าค่ายที่มีเขาเป็นเด็กผู้ชายคนเดียว
แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเรื่องการต่อสู้ในโลกแห่งความฝันหลังจากนี้
เอาจริงเหรอ ชินจิเด็กสาวถามเขาด้วยความเป็นห่วง
เด็กหนุ่มยืนกรานที่จะไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจ
มาโดกะได้ยินดังนั้นจึงไม่พูดอะไรต่อ เพียงมีสีหน้าเศร้าเท่านั้น

หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องโบดาชแทน
โบดาชเนี่ย บางทีคงเป็นตัวตนในโลกโน้น เพราะแบบนั้นชั้นเลยมองเห็นได้เหมือนกันเธอเอ่ยขึ้น
ตอนมาโดกะยังมีชีวิต เธอมองไม่เห็นวิญญาณร้าย
แต่ตอนนี้เธอมองเห็นพวกมันแล้ว
เขานึกย้อนไปถึงคำพูดของเธอเมื่อวานที่ว่า อาจเป็นเพราะตัวตนใกล้เคียงกันรึเปล่านะ……’
ขอดูนาฬิกาเมื่อกี้หน่อยสิมาโดกะพูด
เขายื่นนาฬิกาไปให้เธอตามที่ขอ
ถ้าเข็มขยับคือต้องระวังสินะ……ชั้นเองก็จะคอยดูให้ด้วย
อา รบกวนด้วยล่ะ

“……จะว่าไป เรื่องที่คุณปู่อธิบายเมื่อกี้ มีส่วนที่ยังไงก็ยอมรับไม่ได้อยู่ชินจิเอ่ยขึ้น
หืม อะไรงั้นเหรอ ?” เด็กสาวสงสัย
ตรงที่บอกว่าพอถูกโบดาชสีฟ้าสิงแล้ว หากไม่ทดสอบดวงชะตาจะต้องตายอย่างแน่นอนน่ะ
อา อุบัติเหตุจักรยานเสือหมอบเหรอ  อุบัติเหตุสายเบรกขาด ตามปกติแล้วเป็นไปไม่ได้จริงๆนั่นล่ะ……”
เรื่องนั้นก็ด้วย แล้วก็เรื่องอุบัติเหตุเครื่องบินตกด้วย รู้สึกว่าในตอนนั้นโบดาชจะเข้าไปในตัวชั้นแล้วจริงๆ
แต่ทั้งอย่างนั้น เขากับฮัตสึเนะจังและคุณน้ามิยาโกะกลับรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์
ก็อาจจะแค่เห็นเป็นแบบนั้นเฉยๆไม่ใช่เหรอ บางทีน่ะนะเธอให้ความเห็น
“…………”
มาโดกะที่ไม่ได้อยู่ ณ สถานการณ์ตอนนั้นบอกว่าคงเป็นเพราะคิดไปเองแล้วจบเรื่องง่ายๆ แต่เขายอมรับคำอธิบายนั้นไม่ได้




ครืด !
มีเสียงประตูเปิด
โอ๊ะมาโดกะอุทานแล้วรีบหายตัวไปทันที

“……เอ๋ ?  เมื่อกี้มีใคร……อยู่รึเปล่า ?” คุเรฮะถาม
เปล่านี่ มีแค่ชั้นคนเดียว เขาปฏิเสธไป
นั่น……สินะ……ชั้นนี่ล่ะก็ ถามเรื่องแปลกๆออกมา เธอเดินเข้ามาพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ




อ๊ะ แต่ฟุคิงามิคุงมองเห็นวิญญาณสินะ ……หรือว่าบ้านหลังนี้มีวิญญาณอยู่งั้นเหรอ
เพื่อนร่วมชั้นสาวเพิ่งนึกได้ ก่อนจะถามออกมาด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ
ถ้าเห็นควรจะบอกรึเปล่าหรือเงียบไว้จะดีกว่า ?”
ท่าทางเช่นนั้นของเธอทำให้เด็กหนุ่มยิ้มเล็กน้อย

เอ๊ะ เอ่อ……”
เด็กสาวคิดด้วยท่าทางลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า
“……ชั้นไม่ค่อยถูกกับแนวสยองขวัญหรือวิญญาณซะด้วยสิ……”
งั้นหรอกเหรอ ?” เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ผิดคาดเหรอ ?”
ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่เห็นปราบโบดาชอยู่ เลยคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา
เรื่องนั้นก็เรื่องนั้นสิ แต่ไม่มีจริงๆใช่ไหมคุเรฮะถามอย่างหวาดๆอีกครั้ง




ตัวเลือกที่ 1) ตอบไปแบบง่ายๆ
ตัวเลือกที่ 2) มองดูให้ดีแล้วค่อยตอบ

เปล่า ไม่มีหรอกเขาตอบไปแบบง่ายๆ
เท่าที่เห็น บ้านหลังนี้ไม่มีวิญญาณอยู่
……ถ้าไม่นับมาโดกะน่ะนะ

งั้นเหรอ……งั้นก็ดีแล้ว
แม้จะแค่ตอบไปแบบง่ายๆ แต่เพื่อนร่วมชั้นสาวก็กางพัดแล้วยิ้ม
ดูเหมือนเธอจะพึงพอใจกับคำตอบ




หลังเตรียมตัวเข้านอนกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องเก้าอี้โยก
ตอนออกจากความฝันส่วนใหญ่ก็เช้าแล้ว แต่วางใจได้ ไม่มีเรื่องอย่างเหนื่อยค้างหรอกคุเรฮะบอก
แต่ตอนรอนี่ล่ะที่ลำบากรุ่นพี่พูดพลางเปิดหนังสือที่วางไว้บนตัก
ระหว่างรอพวกชินจิก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไป
ได้รู้ว่ารุ่นพี่มาโฮโระอยู่ชมรมว่ายน้ำ
แต่ชมรมว่ายน้ำเหรอ…… ร่างกายไม่เป็นไรเหรอเด็กหนุ่มถามออกไป
ร่างกาย ?” รุ่นพี่มีสีหน้างุนงง
เปล่า แค่ยาซึทากะเคยพูดเรื่องอย่าง……ร่างกายอ่อนแอเขาอธิบาย
อ๋อ…… ถ้าจะบอกว่าอ่อนแอก็พูดเกินไป แต่ตอนเด็กเป็นหวัดจนต้องหยุดเรียนบ้าง มีไข้จนต้องนอนซมบ้างจริงๆนั่นล่ะเด็กสาวผู้โตกว่ายิ้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับยิ้มเจื่อนๆ
นั่นสินะ แล้วก็เคยอดไปทัศนศึกษาเพราะเรื่องนั้นด้วยสินะคุเรฮะพูดเสริม
อื้อ……แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คิดถูกจริงๆที่เริ่มว่ายน้ำเพื่อเสริมสุขภาพรุ่นพี่ยิ้ม




แต่เพราะเมื่อครู่พูดถึงยาซึทากะ หัวข้อสนทนาจึงมุ่งไปทางนั้น
ยาซึทากะ เพื่อนสนิทของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตอนไปทัศนศึกษา
ตอนนั้นเขาอยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ไม่รู้เพราะอะไร ยาซึทากะถึงได้แยกไปคนเดียวแล้วก็ประสบอุบัติเหตุจราจรเสียชีวิต
เขารู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้นนับครั้งไม่ถ้วน ว่าถ้าไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มด้วยกันก็คงไม่ตาย

อื้อ……ฉันเอง ถ้ามีโอกาสก็อยากจะดุสักหน่อยน่ะว่าทำไมถึงได้แยกไปคนเดียวตามอำเภอใจ เด็กคนนั้นปกติไม่ทำเรื่องแบบนั้นแท้ๆ……” พี่สาวของเพื่อนสนิทผู้ล่วงลับเอ่ยขึ้น
เมื่อวานรุ่นพี่บอกว่าที่ดำเนินกิจกรรมของซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สอยู่ ส่วนหนึ่งก็เพราะคิดอยู่ลึกๆในใจว่าอาจจะได้เจอกับน้องชายอีกครั้ง บางทีเธออาจจะอยากถามถึงเหตุผลนั้นก็เป็นได้




จะว่าไป ห่างเหินจาก งานมาพอสมควรเลย ราวๆสองปีได้รึเปล่านะรุ่นพี่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
นานขนาดนั้นเลยเขาเองก็ตามหัวข้อสนทนาของรุ่นพี่ไป
ก็นะ……ที่โบดาชสีฟ้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเอง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเรื่องนั้นก็ได้คุเรฮะพูด
หืม ทำไมงั้นเหรอ  ก็ที่โค่นไม่ใช่โบดาชสีฟ้าซะหน่อยนี่นาชินจิสงสัย
การมีอยู่ของตัวสีแดงจะเรียกตัวสีฟ้าเข้ามาเด็กสาวตอบพร้อมอธิบาย
นั่นไม่ใช่แค่เพราะมีพลังดึงดูดกันเฉยๆ
โบดาชชอบโศกนาฏกรรม
และเมืองซากุระโนะโมริในตอนนี้ก็มีปีศาจฆาตกรซ่องสุมอยู่เป็นจำนวนมาก

ชั้นชอบเมืองซากุระโนะโมริที่ตัวเองเกิดและเติบโตมา ฟุคิงามิคุงล่ะ ?”
จู่ๆเพื่อนร่วมชั้นสาวก็เอ่ยขึ้นหลังอธิบายจบ
เอ๊ะ……” เขาตกใจกับคำถามที่ไม่ทันตั้งตัว
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่ถ้าถามว่าชอบหรือเปล่าล่ะก็
อื้อ ชอบสิ
ดีจัง คิดว่าความรู้สึกแบบนั้นน่ะ สำคัญจริงๆนะคุเรฮะยิ้ม
อยากจะปกป้องเมืองซากุระโนะโมริแห่งนี้ ……คุเรฮะจังตั้งชื่อ ซากุระโนะโมริดรีมเมอร์สจากความรู้สึกนั้นสินะ ?” รุ่นพี่ถาม
อย่างที่ว่ามาเลยเด็กสาวผู้เป็นเพื่อนร่วมชั้นยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใส




หลังจากนั้นก็กลับไปคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อ แม้จะเตรียมหนังสือไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อ่านเลย
แต่ว่านะ……ก่อนหน้านี้มีแต่เด็กผู้หญิงเลยไม่ค่อยคิดมากกับสภาพตอนเพิ่งอาบน้ำเสร็จเท่าไรตอนนี้รู้สึกอายนิดหน่อยน่ะเด็กสาวผู้อายุมากกว่าพูด
“…………” เด็กหนุ่มตัดสินใจนิ่งเงียบ ไม่ยุ่งกับหัวข้อสนทนานี้
เอ๊ะ งั้นเหรอ ?  ……ทำไมเหรอ ?” เพื่อนร่วมชั้นของเขาไม่เข้าใจเหตุผลนั้น
อืม……ถึงจะถามว่าทำไมก็เถอะ……”
“…………?  คุณมาโฮโระเองก็แปลกคนพอสมควรเลยนะ
ในกรณีนี้ คิดว่าที่แปลกน่ะคุเรฮะจังต่างหากล่ะ……”
ขณะที่ฟังเด็กสาวสองคนคุยกันเฉยๆโดยไม่เข้าไปร่วมด้วย เด็กหนุ่มก็คิด...... ระยะใกล้กันเกินไปจริงๆนั่นล่ะ ได้กลิ่นหอมๆลอยมานิดหน่อยด้วย
คุเรฮะจังเอง เห็นบอกว่าอยากมีแฟน อยากมีแฟน แต่กลับไม่ค่อยรู้เรื่องทำนองนี้เลยนะ
อึก……ก็ไม่ได้พูดบ่อยขนาดนั้นซะหน่อยนี่
งั้นหรอกเหรอ เห็นบ่นอยู่ว่างานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง
ก็ยุ่งจริงๆไม่ใช่เหรอไง
แต่ช่วงสองปีนี้ก็หยุดไปไม่ใช่เหรอ
“……จะว่าไปก็จริงแฮะคุเรฮะจนมุม
ฮ้าว……เริ่มง่วงแล้วแฮะ……น่าจะมาได้แล้ว------อ๊ะ
รุ่นพี่หาว ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าทันที




มาแล้วเหรอ ?” คุเรฮะถาม
เอาล่ะ ทั้งสองคนเตรียมตัวรุ่นพี่มีท่าทีจริงจังทันที
อื้อเพื่อนร่วมชั้นของเขาตอบรับ
เอ่อ……”
ส่วนทางเขานั้นไม่รู้จะทำอะไรดี ถึงจะบอกว่าเตรียมตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
งั้นเหรอ ถ้าไม่มัวแต่คุยแล้วอธิบายก่อนล่วงหน้าก็ดีแล้วแท้ๆ แต่ไม่มีเวลาแล้ว……”
รุ่นพี่มาโฮโระบ่นกับตัวเอง ก่อนจะคว้ามือเขากับคุเรฮะ

หลับตาลง
รุ่นพี่พูด
อือ
พอเขาหลับตาลงก็รู้สึกว่ามือที่รุ่นพี่สัมผัสอยู่ร้อนแบบแปลกๆ
แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองมองเห็นภาพทั้งๆที่หลับตาอยู่
เขากำลังผ่านเข้าไปในห้วงอะไรบางอย่าง
แม้จะตกใจจนเกือบจะลืมตาขึ้น แต่ก็ลืมตาไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ด้วย
ทว่า นั่นไม่ใช่ความรู้สึกไม่สบายใจ
ราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงแห่งความสุขสบาย
ภาพตรงหน้าไหลไปเร็วขึ้น




แล้วพอรู้ตัวอีกที ฟุคิงามิ ชินจิก็มาอยู่ในสถานที่ที่ดูเหมือนจะคุ้นเคย แต่ก็ต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง
ที่นี่คือ……”




สวนสาธารณะซากุระโนะโมริน่ะคุเรฮะโผล่มา
เธออธิบายว่าทุกครั้งที่ดำดิ่งลงสู่ความฝันจะโผล่มาที่นี่ แต่ทั้งเธอและคุณมาโฮโระก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
บุกเข้ามาในความฝันแล้วเหรอ
เด็กหนุ่มรู้สึกไม่เชื่อในสายตาของตนเอง เมื่อกี้เขายังนั่งอยู่ในห้องแท้ๆ




อื้อ ตอนขากลับเองก็จะออกไปทางประตูนั้น เธอชี้ไปยังประตูที่ตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะ
ภาพที่เห็นดูคล้ายกับสวนสาธารณะที่คุ้นเคยในโลกแห่งความเป็นจริง แต่เพราะมีประตูตั้งอยู่เดี่ยวๆจึงให้ความรู้สึกแปลกตา
คุเรฮะบอกให้เขาสวมหูฟังที่ได้มาก่อนหน้านี้ และตัวเธอเองก็หยิบมันขึ้นมาสวมเช่นกัน




ฮัลโหล ?  ได้ยินรึเปล่า ?” เธอทดสอบเสียง
อื้อ~ คราวนี้ได้ยินชัดเจนเลย
เสียงของรุ่นพี่มาโฮโระดังขึ้น
ชินจิคุง เห็นรึเปล่า ?” รุ่นพี่ถาม
เอ๊ะ……ที่ว่าเห็นเนี่ยอะไรงั้นเหรอ เขามองไปรอบๆ
ฮิๆ มองไปทางไหนกันน่ะ ?  ทางนี้ๆรุ่นพี่หัวเราะเล็กน้อย
เขาเห็นเพื่อนร่วมชั้นสาวแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน เขาจึงลองเงยหน้ามองตามขึ้นไปด้วย




รุ่นพี่มาโฮโระลอยอยู่ตรงนั้น
รุ่นพี่อธิบายว่าเธอสามารถมองสังเกตการณ์โลกแห่งความฝันจากข้างบนได้โดยที่ยังอยู่ในโลกแห่งความจริง เลยจะคอยทำหน้านี้ชี้แนะเหมือนเป็นหอบังคับการ
ตกใจเหรอ ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงเหมือนหยอกเล่น
เขาได้แต่พยักหน้า
รุ่นพี่กับคุเรฮะบอกว่าวันนี้แค่จะให้คุ้นเคยกับโลกแห่งความฝัน ส่วนการเผชิญหน้ากับโมริยาสุนั้นไว้เป็นวันพรุ่งนี้




จากนั้นคุเรฮะก็หยิบพัดออกมาแล้วบอกว่าอาวุธของเธอในโลกแห่งความฝันคือสิ่งนี้
เธอบอกว่าอาวุธในโลกแห่งความฝันจะเปล่งแสงออกมา
อาวุธของฟุคิงามิคุงคือ…” เพื่อนร่วมชั้นสาวมองมาทางเขา




“……กำปั้นงั้นเหรอ ฮิๆ ดูพึ่งพาได้ยังไงไม่รู้นะเธอยิ้ม
พอเขาลองมองลงมาก็พบว่ามือเปล่งแสงอยู่เช่นเดียวกับพัดของคุเรฮะ
แต่กลับไม่ชวนให้รู้สึกถึงความผิดแผกแต่อย่างใด




ชินจิกับคุเรฮะเดินไปด้วยกันในโลกแห่งความฝัน
ระหว่างทางไม่พบใครเลย
จากคำอธิบายของคุเรฮะ ดูเหมือนนอกจากเจ้าตัวกับคนที่เกี่ยวข้องแล้วจะไม่มีคนอื่นโผล่มา และตัวเธอเองก็ยังไม่เคยเจอคนอื่นนอกจากเจ้าของความฝันเลยด้วย

เขาถามเธอว่าต้องทำยังไงถึงจะปราบโบดาชสีแดงได้
แล้วก็ได้คำตอบมาว่าแค่บุกเข้ามาในความฝันยังไม่สามารถไปถึงตัวโบดาชสีแดงได้ ต้องอัดคนที่โดนสิงให้น่วม แล้วประตูไปสู่ ส่วนลึกจะเปิดออก ปลายทางของประตูนั้นมีวิญญาณอยู่ และโบดาชสีแดงจะอยู่ที่นั่น




เขากับเธอเดินมาจนถึงร้านฟอร์ซา ซากุระโนะโมริ
คุเรฮะถามรุ่นพี่ว่าโมริยาสุอยู่ข้างในหรือเปล่า แล้วพอยืนยันได้แล้วว่าอยู่ เธอก็บอกให้ถอยกลับตามที่ตกลงกันไว้

ระหว่างทางขากลับ เด็กหนุ่มก็เกิดสงสัยขึ้นมา
เรื่องที่โดนโบดาชสีแดงสิงหรือไม่เนี่ย แค่มองหน้าอีกฝ่ายก็รู้แล้วเหรอ ?” เขาเอ่ยปากถาม
เปล่า ไม่รู้หรอก
เอ๊ะ งั้นเรื่องที่ว่าจะอัดให้น่วมน่ะ ยังไม่มีหลักฐานว่าโมริยาสุโดนสิงซะหน่อยนี่……”
อา……จะว่าไปก็จริง อืม……” เพื่อนร่วมชั้นสาวครุ่นคิด

ก่อนจะพูดออกมาง่ายๆว่า
เอาน่า ช่างเถอะ
เอ๊ะ ?”
เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นฆาตกร
“……จะว่าไปก็ใช่เขาเองก็เห็นด้วยกับเธอ




เขากับคุเรฮะเดินกลับมาถึงสวนสาธารณะ
วันนี้จบลงแค่นี้

อ๊ะ ใช่ เกี่ยวกับเรื่องการต่อสู้น่ะ บอกไว้ก่อนจะได้ไม่ตกใจ……”
เพื่อนร่วมชั้นสาวเอ่ยขึ้นกะทันหันเพราะเพิ่งนึกได้
เธอบอกว่าการต่อสู้ในความฝันไม่เหมือนกับความเป็นจริง เช่นสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของตัวเองได้ดังใจนึก ซึ่งในบางครั้งมีประโยชน์กับการต่อสู้ก็จริง แต่ก็ห้ามทำจนเกินไป เพราะเมื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง สัมผัสรับรู้ของตัวเองจะผิดปกติตามไปด้วย
เพราะคุเรฮะบอกว่าถ้าแค่ยืดปลายนิ้วให้ยาวขึ้นเพียงเล็กน้อยล่ะก็จะไม่มีความผิดแผกเหลือค้างอยู่ เขาเลยลองดู
จินตนาการในหัวให้ปลายนิ้วของตนยืดออกเล็กน้อย
แล้วปลายนิ้วก็ยืดออกจริงๆ

ถ้างั้นกลับกันเถอะ
อืมเขาพยักหน้าตอบ




พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเช้าแล้ว
ฮ้าว……”
ในเวลาไล่เลี่ยกัน คุเรฮะกับรุ่นพี่ก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน

รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวยังไงไม่รู้นะเขาถามทั้งสองคน
ทั้งที่เดินอยู่ในความฝันไม่นาน แต่พอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงก็พบว่าเช้าแล้ว
อ๊ะ อืม เทียบจากความรู้สึกที่สัมผัสได้ในความฝันแล้ว ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปไว 3-4 เท่าน่ะคุเรฮะบอก
แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยตามที่พูดไว้จริงๆ

ตอนนี้ยังเพิ่งตี 5   ถ้ารีบกลับอาจจะกลับไปทันก่อนที่คุณน้ากับฮัตสึเนะจังจะมา
เมื่อตัดสินใจได้ เด็กหนุ่มก็รีบกลับทันที




อรุณสวัสดิ์ ……แหม แปลกจังเลยนะ สระผมตอนเช้าเหรอ ?” คุณน้าทักเขาที่ออกมาจากห้องน้ำทั้งผมเปียกๆ
อ๊ะ อืมเขาตอบแบบขอไปที
ที่จริงคือแค่อาบน้ำฝักบัวทั้งตัวเฉยๆ แต่เพราะไม่มีเวลาเลยออกมาทั้งที่ยังไม่ได้เช็ดให้แห้งดี
เหงื่อออกนิดหน่อยน่ะครับ
เขาลองพูดแก้ตัวดู แต่ดูเหมือนคุณน้าจะไม่มีท่าทีใส่ใจเป็นพิเศษอะไร
หลังจากนี้คงจะมีวันที่ต้องกลับมาตอนเช้าแบบนี้อีก และวันนี้แค่บังเอิญออกมาจากโลกแห่งความฝันเร็วกว่าปกติ ถ้าไม่ออกมาเองทางประตูแต่รอให้ความฝันจบลงคงจะมาไม่ทันเวลาข้าวเช้า
เด็กหนุ่มครุ่นคิด




พี่คะ นิ้วเป็นอะไรเหรอคะ
ระหว่างทานข้าวฮัตสึเนะจังทักเขา
เอ๊ะ ?”
เหมือนกับ ทานข้าวไป จ้องนิ้วไป ยังไงไม่รู้เธอบอก
เปล่า ไม่มีอะไรเขาปฏิเสธแล้วรีบวางมือลงบนเข่าทันทีเพื่อไม่ให้น้องสาวเป็นห่วง

ความรู้สึกผิดแผกนี้เป็นมาตั้งแต่ตอนขี่จักรยานกลับมา
ไม่ใช่ว่านิ้วขยับไม่ได้ดั่งใจหรือมีอะไรผิดปกติ
แค่รู้สึกว่าสิ่งที่ควรจะมีอยู่ตรงนั้นกลับไม่มี
เป็นความรู้สึกที่ขัดกับสภาพความเป็นจริง ความยาวของนิ้วเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
แค่ลองนิดเดียวยังเป็นขนาดนี้ การเปลี่ยนแปลงร่างกายตัวเองในความฝันจนเกินไปคงเป็นสิ่งต้องห้ามตามที่คุเรฮะเตือนจริงๆนั่นล่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น